เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 189 คุณชายสองแห่งมหาวิทยาลับหลงเถิง โอวหยางเฟยอวิ๋น
“โอวหยางเฟยอวิ๋น…”
“เขามาได้ยังไง? เขาจะช่วยเซวียนเยวี๋ยนเถิงเหรอ?”
“เซวียนเยวี๋ยนเถิงคุณชายสามแห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิง โอวหยางเฟยอวิ๋นคุณชายสองแห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิง และคุณชาย…”
“แกอย่าได้พูดจามั่วซั่ว เดี๋ยวมีปัญหา”
ชายร่างผอมที่ปรากฏตัวอย่างกะทันหันทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของนักศึกษารอบๆ เย่เทียนเฉินเองก็มองไปยังคนคนนั้นด้วยรอยยิ้ม จากเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของคนรอบๆ ทำให้เขารู้ว่าชายร่างผอมคนนี้ชื่อว่าโอวหยางเฟยอวิ๋น เป็นหนึ่งในสามสุดยอดคุณชายแห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิง ท่าทางจะมีความสำคัญมากกว่าเซวียนเยวี๋ยนเถิงมากนัก แค่ดูจากชายฉกรรจ์ที่สวมเสื้อกล้ามสีดำคนนั้นที่อยู่ข้างกายเขาก็รู้แล้ว
บอดี้การ์ดชั้นยอดทั้งแปดคนที่อยู่ข้างกายของเซวียนเยวี๋ยนเถิง ถึงแม้ว่าจะมีฝีมือไม่อ่อนแอ แต่ก็ไม่เท่ากับชายฉกรรจ์ในเสื้อกล้ามสีดำคนเดียว ไม่เน้นปริมาณแต่เน้นคุณภาพ เมื่อครู่นี้ตอนที่เย่เทียนเฉินปะทะกับชายฉกรรจ์ที่สวมเสื้อกล้ามสีดำคนนั้น แม้ว่าจะไม่ได้ลงมือเต็มที่แต่ก็รู้ว่าชายฉกรรจ์ในเสื้อกล้ามสีดำคนนี้ไม่อ่อนแอเลย หากต้องการที่จะเอาชนะเขาเกรงว่าคงจะต้องเปลืองมือเปลืองเท้าอยู่บ้าง
“พี่โอวหยาง ช่วยผมด้วย ช่วยด้วย…” เซวียนเยวี๋ยนเถิงเรียกโอวหยางเฟยอวิ๋นให้ช่วยชีวิตเขา
โอวหยางเฟยอวิ๋น คุณชายสองแห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิง ถึงแม้ว่าเขากับคุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงจะมีข่าวไม่มากเท่าเซวียนเยวี๋ยนเถิง แต่ความน่าหวาดกลัวของชื่อเสียงเหนือกว่าเซวียนเยวี๋ยนเถิงมาก เนื่องจากพวกเขาสองคนค้ำจุนมหาวิทยาลัยหลงเถิงทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนในเรื่องอะไรก็มีคำพูดของพวกเขาเป็นคำขาด เมื่อเทียบกับเซวียนเยวี๋ยนเถิง การกระทำของเขาก็เป็นแค่การก่อเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ไม่สามารถจะทำงานใหญ่ได้
“ปล่อยเขาไปซะ ฉันโอวหยางเฟยอวิ๋นจะไม่ทำให้แกลำบากใจ เป็นไง?” โอวหยางเฟยอวิ๋นมองเย่เทียนเฉินปราดหนึ่ง เอ่ยถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม
เมื่อได้ยินคำพูดของโอวหยางเฟยอวิ๋น เย่เทียนเฉินก็ไม่พอใจเป็นอย่างมาก นิสัยของเขาคนนี้คือ คุณเคารพผมหนึ่งส่วน ผมจะถอยให้คุณสามส่วน คุณหาเรื่องผมครึ่งส่วน ผมจะตอบแทนคุณหนึ่งหมัด คำพูดของโอวหยางเฟยอวิ๋นคนนี้ ฟังดูแล้วไม่เหมือนเป็นการดูถูกอะไร แต่หากเทียบกับเซวียนเยวี๋ยนเถิงแล้วนับว่าโอหังกว่ามาก ความหมายนั้นก็คือ ถ้าหากเย่เทียนเฉิน ไม่ยอมปล่อยเซวียนเยวี๋ยนเถิง เขาโอวหยางเฟยอวิ๋นก็จะไม่เกรงใจ ในน้ำเสียงแสดงให้เห็นว่า ไม่เห็นเย่เทียนเฉินอยู่ในสายตาเลยโดยสิ้นเชิง พูดด้วยอารมณ์ผ่อนคลายเป็นอย่างมาก
“แกจะไม่ทำให้ฉันลำบากใจ แต่ฉันจะทำให้แกลำบากใจ!” เย่เทียนเฉินพูดกับโอวหยางเฟยอวิ๋นด้วยรอยยิ้ม
โอวหยางเฟยอวิ๋นขมวดคิ้ว แต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยพบกับคนที่มองข้ามความหวังดีของคนอื่นแบบเย่เทียนเฉินมาก่อน ตลอดมาคำพูดของคุณชายโอวหยางอย่างเขาถือเป็นที่สุด บอกว่าหนึ่งก็คือหนึ่ง บอกว่าสองก็คือสอง ไม่มีใครกล้าไม่เห็นด้วย คำพูดของเขาคือคำสั่ง คิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินจะไม่ไหวหน้าตนเองเช่นนี้
เรื่องเกี่ยวกับเย่เทียนเฉินนั้น โอวหยางเฟยอวิ๋นก็เคยได้ยินมาก่อน และยังให้ความสนใจเป็นพิเศษในช่วงหนึ่ง ถึงกับเกือบจะฆ่าล้างตระกูลฉินและตระกูลลั่วภายในคืนเดียว ความบ้าระห่ำเช่นนี้ทำให้ผู้คนต้องสั่นสะท้าน ที่สำคัญก็คือเย่เทียนเฉินในสมัยก่อนและเย่เทียนเฉินในตอนนี้ต่างกันราวกับเป็นคนละคน แข็งแกร่งรุ่งโรจน์ขึ้นมาจนดึงดูดความสนใจของกลุ่มอำนาจใหญ่หลายกลุ่ม กระทั่งพรรควรยุทธโบราณบางสำนักก็ยังให้ความสนใจกับเย่เทียนเฉิน เพียงแต่ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวก็เท่านั้น
“เรื่องของแกฉันก็เคยได้ยินมาบ้าง ยังนับว่ามีความกล้าความเด็ดเดี่ยว แต่ฉันหวังว่าแกจะเข้าใจให้ชัดเจนว่า ฉันไม่เหมือนกับเซวียนเยวี๋ยนเถิง ล่วงเกินฉันก็ไม่มีใครที่ปกป้องจะได้ รวมถึงเบื้องบนด้วย…” ท่าทางของโอวหยางเฟยอวิ๋นเสแสร้งมาก ทำเหมือนว่าตนอยู่ในระดับสูง ส่วนเย่เทียนเฉินก็เป็นแค่คนธรรมดาทั่วไปที่อยู่ใต้เขา เขาพูดพลางชี้ไปยังท้องฟ้า
ในตอนนี้เอง หลิงอวี่สวิ๋นที่อยู่ด้านข้างคิดจะเข้ามาเตือนเย่เทียนเฉิน เขาล่วงเกินเซวียนเยวี๋ยนเถิงไปแล้ว เดิมทีก็เป็นการสร้างปัญหาใหญ่หลวงมากพอแล้ว โอวหยางเฟยอวิ๋นนั้นยังเป็นคนที่ร้ายกาจยิ่งกว่าเซวียนเยวี๋ยนเถิงมาก มิฉะนั้นเขาคงไม่สามารถเป็นคุณชายสองแห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงได้ ในความคิดของหลิงอวี่สวิ๋น หากก่อเรื่องใหญ่กับเซวียนเยวี๋ยนเถิงจริงๆ ถึงตอนนั้นก็ยังสามารถอาศัยอำนาจของตระกูลหลิงของตนเจรจากดดันได้ แต่หากไปล่วงเกินโอวหยางเฟยอวิ๋น ตระกูลหลิงก็อับจนหนทาง เย่เทียนเฉินก็จะมีอันตรายร้ายแรง
เย่เทียนเฉินย่อมรู้ถึงความกังวลใจของเสี้ยวหยาและหลิงอวี่สวิ๋น จึงได้หันไปส่ายหน้าให้กับพวกเธอ เป็นสัญญาณว่าไม่ให้พวกเธอเข้ามา จากนั้นจึงได้พูดกับโอวหยางเฟยอวิ๋นด้วยรอยยิ้ม “เรื่องของโอวหยางเฟยอวิ๋นอย่างแก ฉันก็เคยได้ยินมาบ้าง แต่ฉันหวังว่าแกจะเข้าใจให้ชัดเจน ฉันเย่เทียนเฉินไม่เหมือนกับคนอื่น หาเรื่องฉัน ก็ไม่มีใครคุ้มครองก็ได้ รวมถึงบรรพบุรุษตระกูลโอวหยางของแกด้วย…”
“แก…” พริบตานั้นโอวหยางเฟยอวิ๋นโกรธจนหน้าเขียว ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ใช้มือขวาชี้ไปยังเย่เทียนเฉินอย่างดุดันแล้วกล่าวอะไรไม่ออกไปครึ่งวัน
โอวหยางเฟยอวิ๋นโอหัง บิดาจะโอหังยิ่งกว่า คุณขี้โอ่ ผมก็จะขี้โอ่ยิ่งกว่าคุณ คิดจะมาเสแสร้งเล่นละครต่อหน้าผม มันยังน้อยไปหน่อย
นิสัยของเย่เทียนเฉินก็เป็นเช่นนี้ หากจะรับมือกับคนที่คิดว่าตนเองอยู่สูงกว่าคนอื่น เขาก็จะไม่ไว้หน้าเลยแม้แต่น้อย จะต้องทำลายความกําเริบเสิบสานของพวกเขาให้ดีๆ อย่าให้มีท่าทางบิดาเป็นหนึ่งในใต้หล้าเช่นนี้อีก
“อย่ามาวางท่าต่อหน้าฉัน พี่ชายไม่รับหรอกนะ ไสหัวไปซะ ใบหน้าของคุณชายสองแห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงของแกมันยังไม่ใหญ่พอ!” เย่เทียนเฉินมองโอวหยางเฟยอวิ๋นอย่างเหยียดหยาม ทำให้โอวหยางเฟยอวิ๋นถูกสั่งสอนจนพูดอะไรไม่ออก
โอวหยางเฟยอวิ๋นโกรธจนแทบระเบิด เดิมทีเขาผ่อนคลายเป็นอย่างมาก และยังคิดว่าตนเองเหนือกว่า คิดว่าต่อให้เย่เทียนเฉินจะร้ายกาจขนาดไหน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าตนเองก็ต้องโอนอ่อนผ่อนตาม ขอเพียงเขาพูดคำเดียว เย่เทียนเฉินก็จะต้องเชื่อฟัง จะไม่กล้าต่อต้านอย่างเด็ดขาด ไหนเลยจะรู้ว่า เย่เทียนเฉินจะมีนิสัยพิเศษถึงขนาดนี้ คุณจะมีอำนาจอะไร จะเป็นคุณชายอะไร เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาก็ไร้ค่า ยังเทียบไม่ได้กับคนธรรมดาคนหนึ่งด้วยซ้ำ คุณคิดว่าศักดิ์ศรีหน้าตาของคุณยิ่งใหญ่ เย่เทียนเฉินก็จะไม่ไว้หน้าคุณ
คนอื่นๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์ก็คิดไม่ถึงว่า เย่เทียนเฉินจะอัดเซวียนเยวี๋ยนอวี่และเซวียนเยวี๋ยนเถิงอย่างรุนแรง ล่วงเกินตระกูลเซวียนเยวี๋ยนไปแล้ว ล่วงเกินคุณชายสามแห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงไปแล้ว ตอนนี้โอวหยางเฟยอวิ๋นที่เป็นคุณชายสองแห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงปรากฏตัวขึ้น ถึงแม้จะมีท่าทางวางตนเหนือกว่า และหยิ่งยโสโอหังยิ่งกว่าเซวียนเยวี๋ยนเถิง แต่ในสายตาของทุกคนก็ยังสามารถทนได้ ถือโอกาสนี้ถอยออกไป บางทีเรื่องราวก็จะไม่ใหญ่โตถึงขนาดนั้น ไหนเลยจะรู้ว่า เย่เทียนเฉินจะไม่ไว้หน้าโอวหยางเฟยอวิ๋นเลยแม้แต่น้อย และไม่สนใจว่าจะล่วงเกินสามสุดยอดคุณชายไปแล้วสองคน ทำให้โอวหยางเฟยอวิ๋นที่คิดว่าตนเองสูงส่งบงการใต้หล้าได้ พลันเทียบไม่ได้แม้แต่ตดหมา
“ดีๆๆ แกปล่อยเซวียนเยวี๋ยนเถิงลงเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นผลลัพธ์ไม่ใช่อะไรที่ตระกูลเย่ของแกจะรับผิดชอบไหว แกทำให้ฉันโมโหขึ้นมาบ้างแล้ว!” โอวหยางเฟยอวิ๋นพยายามระงับความโกรธของตนเอาไว้ พูดคำว่าดีออกมาถึงสามครั้ง มองไปยังเย่เทียนเฉินอย่างโหดเหี้ยม
“ทำให้แกโมโหแล้วยังไง? แกบอกให้ฉันปล่อยฉันก็ต้องปล่อยเหรอ? แกนับเป็นตัวอะไรได้!” เย่เทียนเฉินจงใจกล่าวออกมาด้วยเสียงอันดังอย่างไม่พอใจ ต้องการทำลายความกําเริบเสิบสานของโอวหยางเฟยอวิ๋น ยิ่งไปกว่านั้นตัวเขาเองก็รู้สึกขัดหูขัดตากับคนประเภทโอวหยางเฟยอวิ๋นมาก
“แกรนหาที่ตายซะแล้ว ฆ่ามันซะ ฆ่ามันซะ…”
โอวหยางเฟยอวิ๋นถูกคำพูดไม่กี่ประโยคของเย่เทียนเฉินทำให้โกรธ จึงออกคำสั่งกับชายฉกรรจ์ในเสื้อกล้ามสีดำที่อยู่ด้านหลัง ชั่วขณะนั้นไหนเลยจะยังมีท่าทางเหนือกว่า ไหนเลยจะมีมาดของคุณชายสองแห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงอยู่อีก มีก็แต่ท่าทางเหมือนอันธพาลบนถนนคนหนึ่งเท่านั้น ทำให้ทุกคนมองอย่างจนคำพูด ในใจคิดว่า ที่แท้โอวหยางเฟยอวิ๋นที่เบื้องหน้ายโสโอหังและมีท่าทางเคร่งขรึม แต่แท้จริงแล้วเป็นคนใจแคบคนหนึ่ง เป็นแค่คนถ่อยที่ไม่มีความสุขุมเลยแม้แต่ขึ้นส่วน
ฉัวะ!
ชายฉกรรจ์ในชุดเสื้อกล้ามสีดำได้ยินคำสั่งของโอวหยางเฟยอวิ๋น จึงพุ่งเข้าใส่เย่เทียนเฉินในพริบตา ทะยานออกไปด้วยความรวดเร็ว ใช้กระบวนท่ากระชากลำคอ ยื่นกรงเล็บไปยังลำคอของเย่เทียนเฉิน มุมปากของเย่เทียนเฉินปรากฏรอยยิ้มขึ้น โยนเซวียนเยวี๋ยนเถิงที่หิ้วอยู่บนอากาศไปยังชายฉกรรจ์ในเสื้อกล้ามสีดำคนนั้นอย่างแรง ชายฉกรรจ์เสื้อกล้ามดำคิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินจะเขวี้ยงเซวียนเยวี๋ยนเถิงมา จึงใช้ขาเตะออกไปโดยไม่รู้ตัวจนเซวียนเยวี๋ยนเถิงกระเด็นออกไป
เซวียนเยวี๋ยนเถิงผู้น่าสงสาร ไหนเลยจะเคยถูกเตะอย่างแรงเหมือนที่ชายในชุดเสื้อกล้ามสีดำคนนั้นกระทำ เขาถูกเตะจนปลิวออกไปชนกับต้นไม้ใหญ่ด้านข้างอย่างรุนแรง ในตอนนี้กระทั่งเสียงกรีดร้องก็ไม่มีแล้ว กระอักเลือดออกมาแล้วสลบไป ไม่มีทางช่วยเหลือ
“โอวหยางเฟยอวิ๋น เป็นแกที่ฆ่าเซวียนเยวี๋ยนเถิง ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับฉันเลย มีคนมองเห็นมากมายขนาดนี้ สามารถเป็นพยานให้ฉันได้แน่!” เย่เทียนเฉินหัวเราะฮี่ๆอย่างชั่วร้ายแล้วกล่าวออกมา
“แก…” โอวหยางเฟยอวิ๋นโกรธจนกระอักเลือดออกมา ตนเองเป็นคุณชายสองแห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงที่อยู่เหนือผู้อื่น เป็นคุณชายแห่งตระกูลโอวหยาง แต่ไหนแต่ไรคำพูดของเขาก็ไม่เคยมีใครกล้าไม่ฟัง และไม่เคยมีใครกล้าทำให้เขาได้รับความอัปยศเช่นนี้ เย่เทียนเฉินไม่เพียงแต่ไม่ไว้หน้าเขา แต่ยังเหยียบย่ำใบหน้าของเขายังโหดเหี้ยมอีกด้วย ทำให้คุณชายโอวหยางที่อยู่เหนือผู้อื่นต้องร่วงลงมาในพริบตา กลายเป็นแค่อันธพาลคนหนึ่ง ความกล้ำกลืนนี้โอวหยางเฟยอวิ๋นจะรับได้อย่างไร
เย่เทียนเฉินไม่สนใจโอวหยางเฟยอวิ๋น มองไปยังมือที่โจมตีมาในท่ากรงเล็บมายังลำคอของตน เพียงมองก็รู้ว่าชายฉกรรจ์ในชุดเสื้อกล้ามดำคนนี้เป็นผู้ฝึกวรยุทธคนหนึ่ง มีฝีมือแข็งแกร่ง ไม่อาจเปรียบเทียบได้กับบอดี้การ์ดชั้นยอดเหล่านั้น
ผลั่ก!
ในตอนที่เย่เทียนเฉินเตรียมจะลงมือสู้กับชายฉกรรจ์ชุดเสื้อกล้ามดำนั้น ก็มีเงาคนอีกเงาหนึ่งพุ่งออกมา ประเคนหมัดเข้าปะทะกับกระบวนท่าของชายฉกรรจ์เสื้อกล้ามดำ ทั้งสองต่างถอยกันไปคนละก้าว มองหน้ากันอย่างโหดเหี้ยม
“นายกลับมาได้ยังไง?” เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
“พี่ใหญ่ ผมบอกแล้วว่าจะติดตามคุณ ชีวิตของผมหูหลงเป็นของคุณ”
ผู้มาเยือนก็คือหูหลง วันนั้นหลังจากที่เย่เทียนเฉินช่วยชีวิตพวกเขาสองพี่น้อง หูหลงก็ตัดสินใจว่าจะให้เย่เทียนเฉินเป็นพี่ใหญ่ ต้องการติดตามข้างกายเย่เทียนเฉินมาโดยตลอด ตอนนั้นเย่เทียนเฉินไม่ได้มีความคิดที่จะสร้างอำนาจของตน ถึงแม้ฝีมือของหูหลงจะแข็งแกร่งมาก เป็นผู้ได้รับสืบทอดวิชาจากพรรควรยุทธโบราณ และมีความลึกซึ้งในฝ่ามือมังกรท่องแปดทิศแล้ว แต่กลับยังไม่เพียงพอที่จะต่อต้านศัตรูที่แข็งแกร่ง เย่เทียนเฉินไม่อยากให้หูหลงต้องมาเสี่ยงอันตราย จึงสั่งให้เขากลับไปที่บ้านเกิด หากไม่มีคำสั่งของเขาก็ไม่อนุญาตให้กลับมา
“ไปเถอะ นี่เป็นเรื่องของฉัน!” เย่เทียนเฉินมองหูหลงแล้วพูดขึ้น
“พี่ใหญ่ ผมจัดการเรื่องน้องสาวเรียบร้อยแล้วครับ ไม่มีปัญหาแน่นอน ขอให้ผมท่องยุทธภพไปด้วยกันกับคุณเถอะ ต่อให้ผมต้องตายผมหูหลงก็จะไม่บ่นแม้แต่ครึ่งคำ!” หูหลงมองไปยังเย่เทียนเฉินด้วยสายตาแน่วแน่แล้วพูดขึ้น
เย่เทียนเฉินมองหูหลง รู้สึกว่าคนๆ นี้มีอนาคต อีกฝ่ายมีความสามารถไม่เลว หากได้รับการฝึกฝนเพิ่มขึ้น จะต้องกลายเป็นยอดฝีมือชั้นหนึ่งได้อย่างแน่นอน ในเมื่อตนเองตัดสินใจที่จะสร้างฐานอำนาจ หูหลงยอมเป็นตัวเลือกที่ไม่เลว
“ได้ ระวังตัวด้วย คู่ต่อสู้แข็งแกร่งมาก!” ในที่สุดเย่เทียนเฉินก็พยักหน้าพูดด้วยรอยยิ้ม
“ขอบคุณพี่ใหญ่!” หูหลงประสานหมัดคารวะตอบอย่างยินดี
…………………………….