เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 21 ไม่ต้องพูดมาก จัดการซะ
ณ ชานเมืองเขตตะวันตกของเมืองหลวง ภายในโรงงานรกร้าง บนหัวของเฉินหาวมีผ้าพันแผลพันอยู่ ส่วนมือขวาก็ถูกเข้าเฝือก ใบหน้าแดงก่ำ จ้องมองไปยังเบื้องหน้าด้วยใบหน้าดุร้าย เขวี้ยงโทรศัพท์ในมือลงพื้นจนแตกเป็นเสี่ยงๆ
“พวกแกฟังฉันให้ดีๆ นะ อีกเดี๋ยวถ้าไอ้ขยะเย่เทียนเฉินมันกล้ามาล่ะก็ ไม่ต้องพูดจาไร้สาระ จัดการส่งมันไปปรโลกซะ มันตายฉันรับผิดชอบเอง” เฉินหาวคำรามออกมาด้วยความโกรธ
เฉินหาวแทะโลมเย่เชี่ยนเหวินที่หน้าประตูโรงเรียนมัธยมเมืองหลวง ถูกเย่เทียนเฉินอัดจนเกือบตาย รอดชีวิตกลับมาอย่างยากลำบาก แต่กลับไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ใช้อิทธิพลของเฉินหู่พ่อของตนรวบรวมชายฉกรรจ์มาสามสิบกว่าคน ทั้งหมดต่างถืออาวุธจำพวกกระบองเหล็กและมีดไว้ในมือ ลักพาตัวเย่เชี่ยนเหวินมาที่โรงงานร้านในชานเมืองเขตตะวันตกแห่งนี้ เตรียมล่อเย่เทียนเฉินให้มาที่นี่เพื่อให้ตนเองแก้แค้น
“นายน้อยเฉิน เจ้าเย่เทียนเฉินถึงยังไงก็เป็นของคนตระกูลเย่ ถ้าหากว่าทำมันตายล่ะก็ เกรงว่า……” ชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่เป็นหัวหน้ากล่าวาด้วยความกังวลเล็กน้อย
“จะกลัวอะไร?” เฉินหาวถามเสียงต่ำอย่างไม่สบอารมณ์
“ถึงยังไงตระกูลเย่ก็นับว่าเป็นตระกูลชั้นสามของเมืองหลวง เกิดฆ่าเย่เทียนเฉินตาย ถึงตอนนั้นตระกูลเย่คงไม่ยอมอยู่เฉยแน่ หากสืบพบล่ะก็…”
“เฮอะ ตระกูลเย่ก็แค่ตระกูลกากๆ แค่ตระกูลชั้นสามตระกูลหนึ่งเท่านั้น ทั้งยังเป็นตระกูลชั้นสามที่ตกต่ำลงตั้งนานแล้ว จะนับเป็นอะไรได้ ฆ่ามันให้ฉันก็พอ” เฉินหาวร้องหึมาอย่างเหยียดหยาม
ที่มุมปากของชายวัยกลางคนผู้เป็นหัวหน้าเองปรากฏรอยยิ้มชั่วร้ายขึ้นมา ชายคนนี้มีฉายาว่าหนูบ้าน รูปร่างแม้จะสูงใหญ่บึกบึน แต่คาแหลมหน้าตอบ ดูน่าเกลียดมาก เขาหยิบของสิ่งหนึ่งออกมาจากอก ยิ้มชั่วร้ายพลางกล่าวว่า “หากมีอาวุธนี้อยู่ ต่อให้เจ้าเย่เทียนเฉินมีสามเศียรหกกร ยังไงก็ต้องตาย”
เจ้าหนูบ้านขณะที่พูด ก็นำของในมือส่งให้เฉินหาว จนเฉินหาวตกใจชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรับของสิ่งนั้นมา พูดอย่างกังวลใจเล็กน้อยว่า “ไอ้ปืนนี่ ในสถานการณ์ปกติไม่ใช้จะดีกว่า ในจีนการใช้ปืนฆ่าคนกับการใช้มีดฆ่าคนมันคนละเรื่องกันเลยนะ!”
“แน่นอนครับ ถ้าเลี่ยงได้ก็ไม่ต้องใช้ แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้ ก็สนใจมากขนาดนั้นไม่ได้แล้วล่ะครรับ” ห้าวจื่อกล่าวพลางยิ้มชั่วร้าย
เฉินหาวพยักหน้า ซ่อนปืนพกไว้ในกระเป๋าเสื้อ ดวงตาปรากฏแววชั่วร้าย พ่อของตนเป็นงูเจ้าถิ่นในเขตใต้แห่งนี้ ไม่เคยมีใครกล้าล่วงเกินตนเอมาก่อน บวกกับพี่ชายของพ่อเองก็มีอิทธิพลใต้ดินในเมืองหลวง มีชื่อเสียงขจรขจาย ต่อให้ฆ่าเย่เทียนเฉินตาย เกรงว่าตระกูลเย่ก็คงไม่กล้าทำอะไรตนเองอยู่ดี
“ไอ้สารเลว แกต้องไม่ตายดีแน่” ตอนนี้เอง เย่เชี่ยนเหวินที่ถูกจับมัดไว้บนเก้าอี้ด้านข้าง เห็นว่าเฉินหาวสามารถควักปืนขึ้นมายิงพี่ชายของตนให้ตายได้ในทันที ก็เปิดปากพูดออกมาอย่างดุร้าย
“หึ เย่เชี่ยนเหวิน ฉันบอกให้เธอมาเป็นผู้หญิงของฉันมาตั้งนานแล้ว เธอไม่ฟัง ตอนนี้พี่ชายเธอมาหาเรื่องฉัน ขอเพียงแค่เธอเต็มใจมาอยู่กับฉัน ฉันก็จะไว้ชีวิตสุนัขของพี่ชายเธอก็ได้” เฉินหาวเดินไปเบื้องหน้าของเย่เชี่ยนเหวิน แล้วพูดออกมาอย่างหยิ่งยโส
“เหอะ! คนอย่างแก ต่อให้ตายฉันก็ไม่ชอบแกหรอก”
เพียะ!
เฉินหาวตบหน้าเย่เชี่ยนเหวิน สองตาแดงก่ำจ้องมองไปยังเย่เชี่ยนเหวินแล้วคำรามว่า “นังผู้หญิงสารเลว ฉันไว้หน้าเธอแต่เธอไม่เอา คิดว่าพี่ชายเธอจะช่วยเธอได้งั้นเหรอ? คิดว่าตระกูลเย่เจ๋งมากเหรอไง? ตระกูลเย่ตกต่ำไปนานแล้ว พี่ชายของเธอก็เป็นแค่ตัวตลกของเมืองหลวง เป็นแค่เศษสวะ ต่อให้ฉันฆ่าพี่ชายของเธอ ก็ไม่มีใครกล้ามาทำอะไรเฉินหาวคนนี้หรอก”
เย่เชี่ยนเหวินถลึงมองเฉินหาวอย่างดุร้าย ไม่อยากจะเสวนากับคนประเภทนี้แม้แต่คำเดียวอยู่แล้ว เธอทำได้เพียงภาวนาเงียบๆ อยู่ในใจ ภาวนาให้เย่เทียนเฉินพี่ชายของตนเองไม่ต้องมา มันอันตรายเกินไป คราวนี้เฉินหาวเรียกอันธพาลมาสามสิบกว่าคน ทุกคนต่างก็ถือกระบองเหล็กและมีดอยู่ในมือ ทั้งยังมีปืนพกที่เจ้าหนูบ้านพกมาอีก หากเย่เทียนเฉินมาคนเดียว คงจะเป็นผลร้ายมากกว่าผลดี
“พูดตามตรง เธอนี่สวยจริงๆ แถมยังซิงอยู่ด้วยสินะ ฉันเฉินหาวจะทำให้เธอพอใจได้แน่นอน” เฉินหาวกลืนน้ำลาย กล่าวออกมาในขณะที่จ้องมองหน้าอกอันตั้งตระหง่านของเย่เชี่ยนเหวิน
“แก…แกจะทำอะไร?” เมื่อเย่เชี่ยนเหวินเห็นสองตาของเฉินหาวจับจ้องอยู่ที่ตน ก็ถามด้วยน้ำเสียงโมโหอย่างตื่นตระหนก
“ทำอะไร? ก็ต้องเป็นเรื่องที่ผู้ชายผู้หญิงเขาทำกันไงล่ะ แต่เธอวางใจเถอะ ฉันไม่ทำตอนนี้หรอก ฉันจะรอทำตอนที่เย่เทียนเฉินพี่ชายของเธอมา ให้มันมองน้องสาวของตัวเองถูกคนอื่นข่มขื่นโดยที่ทำอะไรไม่ได้ ให้มันรู้ถึงจุดจบที่กล้ามาลงมือกับฉันเฉินหาว” เฉินหาวคำรามออกมาอย่างจองหองเป็นที่สุด
ประมาณยี่สิบนาทีต่อมา เฉินหาวรอจนกระทั่งแทบจะหมดความอดทน ประเด็นก็คือเมื่อเห็นความงดงามของ เย่เชี่ยนเหวิน ก็ยิ่งควบคุมความตื่นเต้นของตนได้ยากขึ้นเรื่อยๆ อยากจะดอมดมดอกไม้ดอกนี้แล้ว
“แม่งเอ้ย ฉันว่าไอ้ขยะเย่เทียนเฉินมันไม่กล้ามาแล้วล่ะ เจ้าหน้าหนูแกใช้มือถืออัดคลิปไว้ให้ฉันด้วย ฉันต้องการให้คนทุกคนในเมืองหลวงได้เห็น และยิ่งอยากให้เย่เทียนเฉินได้เห็น ว่าฉันเฉินหาวจะทำลายเย่เชี่ยนเหวินยังไง” สองตาของเฉินหาวมองเย่เชี่ยนเหวินอย่างหื่นกระหาย
“แก…ออกไปนะ ออกไป อย่าเข้ามา อย่าเข้ามา…” เย่เชี่ยนเหวินเห็นว่าเฉินหาวจู่ๆ ก็คลุ้มคลั่งขึ้นมา จึงดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ไม่สามารถที่ดิ้นหลุดจากเชือกที่มัดตนเองอย่างแน่นหนาได้
“ฉันแนะนำให้เธออยู่นิ่งๆ หากปรนนิบัติฉันดี จะไม่เกิดอะไรขึ้น ไม่งั้นรอจนฉันเล่นจนเสร็จแล้ว จะให้สหายสามสิบกว่าคนที่อยู่ข้างล่าง มาร่วมสนุกด้วยกัน” เฉินหาวยิ้มด้วยใบหน้าดุร้าย
“กรี๊ด ออกไปนะ ออกไป…” เย่เชี่ยนเหวินใช้เท้าถีบใส่เฉินหาวสุดชีวิต แต่กลับขยับตัวไม่ได้ น้ำตาไหลออกมาอย่างหยุดไม่อยู่ ในใจรู้สึกหวาดถึงขีดสุด
“อย่าโทษฉันเลย ถ้าจะโทษก็โทษพี่ชายเธอสิ มันกล้าลงมือกับฉันเอง ช่างไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำเลยจริงๆ…”
เฉินหาวกล่าวพลางจะยื่นมือไปจับหน้าอกของเย่เชี่ยนเหวิน ในตอนที่สองตาของเขาเต็มไปด้วยความหื่นกระหาย ตูม! เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว ประตูเม้วนของโรงงานร้างทั้งบานถูกชนจนปลิว เฉินหาวและพรรคพวกตกใจจนถอยหลังไปหลายก้าว
เย่เทียนเฉินขี่มอเตอร์ไซด์คันนั้น กระทั่งหมวกกันน็อกก็ไม่ได้ใส่ ชนใส่ประตูม้วนขนาดใหญ่จนปลิวออกไป ก่อนจะจอดมอเตอร์ไซด์ไว้กลางโรงงานร้าง มองเฉินหาวด้วยใบหน้าเย็นชา
“โอ้ ไม่คิดเลยว่าไอ้ขยะอย่างแกจะกล้ามาจริงๆ รีบมาคุกเข่าให้ฉันซะสิ แล้วฉันจะไว้ชีวิตสุนัขของแก” เมื่อเฉินหาวเห็นว่าเย่เทียนเฉินมาจริงๆ ก็กล่าวพลางอดขมวดคิ้วไม่ได้
“ปล่อยน้องสาวฉันซะ!” เย่เทียนเฉินเพียงแค่เอ่ยประโยคนี้อย่างเรียบง่าย
“พี่ รีบหนีไป รีบหนีไปเถอะ พวกมันมีปืน รีบหนี…”
เย่เชี่ยนเหวินเองก็คิดไม่ถึงว่าพี่ชายของตนเองจะมาคนเดียวจริงๆ เพื่อช่วยเธอ พี่ชายไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีอันตรายเลยสักนิด เหมือนกับตอนเด็กๆ ไม่มีผิด พี่ชายยังคงรักเธอเหมือนเดิม
“ไม่ต้องกลัว พี่อยู่นี่แล้ว!”
เย่เทียนเฉินลงจากรถมอเตอร์ไซด์ ใบหน้าไม่ปรากฏอารมณ์ใดเลยแม้แต่น้อย เขากล่าวพลางเดินตรงไปยัง เย่เชี่ยนเหวินผู้เป็นน้องสาวอย่างเย็นชา
“แม่งเอ๊ย พวก พวกแกยังจะมัวตะลึงหาพระแสงอะไรอยู่ ฆ่าไอ้ขยะนี่สิเว้ย” เฉินหาวคิดไม่ถึงว่าเมื่อเย่เทียนเฉินเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ จะไม่มีอาการเกรงกลัวหรือถดถัยเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังกล้าเดินเข้ามาตรงๆ อีก จึงคำรามออกมาด้วยความโกรธแค้นทันที
ชายฉกรรจ์สามสิบกว่าคนที่ถือกระบองเหล็กและมีดในมือต่างพากันพุ่งเข้าหาเย่เทียนเฉิน เย่เทียนเฉินยังคงไม่หยุดฝีเท้าของตนเอง กำหมัดทั้งสองแน่น ไม่ได้กระตุ้นพลังพิเศษภายในร่างกายของตนเอง การสู้กับคู่ต่อสู้ที่เป็นคนธรรมดาพวกนี้ ยังไม่จำเป็นต้องใช้พลัง
ฉัวะ!
ชายฉกรรจ์คนหนึ่งที่พุ่งเข้ามาด้านหน้าสุดฟันมีดลงไปยังบริเวณศีรษะของเย่เทียนเฉิน เย่เทียนเฉินประกายตาเย็นเยียบลงในบัดดล ลงมือทีหลังแต่ถึงก่อน หมัดหนึ่งซัดเข้าไปที่หน้าอกของชายฉกรรจ์ผู้นั้นจนปลิวออกไปชนชายหลายคนที่พุ่งตามเข้ามาข้างหลังอย่างรุนแรง แล้วล้มลงไปนอนกองกับพื้นเป็นแถบ ทุกคนต่างพากันร้องโอดครวญออกมา ส่วนชายฉกรรจ์คนที่ถูกเย่เทียนเฉินใช้หมัดซัดนั้นบริเวณหน้าอกยุบลงไป เกรงว่าหัวใจจะถูกเย่เทียนเฉินอัดจนแหลกไปแล้ว
ผัวะๆๆ ต่อจากนั้นแทบไม่ต้องคิด สองหมัดที่แกร่งดั่งเหล็กของเย่เทียนเฉินกวัดแกว่งออกไปอย่างไม่ขาดสาย ทุกหมัดที่ต่อยออกไปจะมีชายฉกรรจ์คนหนึ่งถูกต่อยกระเด็น ไม่มีใครเข้าใกล้ตัวเขาได้ ซึ่งนี่ยังคงอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ยังไม่ได้กระตุ้นพลังพิเศษ
เฉินหาวตื่นตะลึง ห้าวจื่อที่ยืนข้างๆ เขาก็ปากอ้าตาค้างเช่นกัน กระทั่งเย่เชี่ยนเหวินที่น้ำตาไหลเต็มหน้าก็ยังมองเย่เทียนเฉินผู้เป็นพี่อย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา นึกไม่ถึงเลยว่าพี่ชายของตนเองจะยอดเยี่ยมเช่นนี้ ต่อให้จะเป็นเย่เทียนเฉินที่กลายเป็นทหารหน่วยรบพิเศษ หากต้องการจัดการชายฉกรรจ์สามสิบกว่าคนที่มีกระบองเหล็กและมีดอยู่ในมือในพริบตาเดียว ก็ไม่สามารถจัดการได้ง่ายดายเช่นนี้ แต่เย่เทียนเฉินรับมือกับพวกลูกสมุนอันธพาลกลุ่มนี้ราวกับจัดการกับหุ่นไม้ก็ไม่ปาน ทำให้ผู้คนตกใจจนแทบจะกัดลิ้นตัวเอง
ห้านาที เพียงห้านาทีเท่านั้น กระบองเหล็กและมีดตกกระจายอยู่เต็มพื้น ชายฉกรรจ์สามสิบกว่าคนต่างก็นอนกร้องโอดอวยอยู่บนพื้น ใบหน้าของเย่เทียนเฉินยังคงมองเฉินหาวอย่างไร้อารมณ์พร้อมกับเดินเข้าไปหา ในสายตาของเขาเฉินหาวคือคนที่ตายไปแล้ว ในกล้ามาลงมือกับคนสำคัญของตนเอง ก็จำเป็นต้องชดใช้ด้วยชีวิต!
“นี่…ทำได้ไงกัน?” เฉินหาวตกใจเสียจนเหงื่อเย็นๆ ไหลออกมาเต็มใบหน้า ตอนแรกคิดว่าลูกสมุนที่โหดเหี้ยมสามสิบกว่าคนของตน ต่อให้เย่เทียนเฉินเคยเป็นทหารมาก่อน ต่อให้ร้ายกาจกว่า ก็ต้องถูกอัดจนหน้าจมดินแน่นอน แต่ความเป็นจริงช่างเหนือความคาดหมายของผู้คน เย่เทียนเฉินในตอนนี้ราวกับเทพแห่งความตายก็ไม่ปาน สิ่งใดก็ไม่สามารถขวางการก้าวเดินเพื่อช่วยเหลือน้องสาวของเขาได้
“หึ เจ้าหมอนี่มันยังพอมีฝีมืออยู่บ้าง ให้ฉันจัดการมันเอง!”
ห้าวจื่อร้องหึอย่างเย็นชา กำหมัดแน่น เดินออกมาอย่างมาดเท่ ใช้นิ้วชี้ข้างขวาชี้ไปยังเย่เทียนเฉิน พูดว่า “คิดไม่ถึงเลยว่าแกจะพอมีฝีมือยู่บ้าง ขอฉันเล่นกับแกสักสองสามกระบวนท่าหน่อยซิ อย่าถูกอัดจนร้องไห้ขี้มูกโป่งก็แล้วกัน!”
เย่เทียนเฉินยังคงไม่พูดอะไร ในสายตาของเขาตอนนี้แค่อยากจะช่วยเย่เชี่ยนเหวินผู้เป็นน้องสาวเท่านั้น ส่วนคนอื่นๆ เรื่องอื่นๆ ล้วนไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาทั้งนั้น ถ้าใครกล้ามาขวาง จะใช้หมัดถล่มให้ยับ
“รนหาที่ตาย!”
ห้าวจื่อเห็นว่าเย่เทียนเฉินไม่สนใจตนเองก็พลันรู้สึกอับอาย จะอย่างไรฝีมือของเขาก็ไม่ได้แย่ อย่างน้อยๆ ก็เก่งกว่าไอ้พวกลูกกะจ๊อกพวกนี้มาก แต่กลับถูกเย่เทียนเฉินดูหมิ่น เขาคำรามออกมาครั้งหนึ่งก่อนจะพุ่งเข้าไปหาเย่เทียนเฉินด้วยความรวดเร็ว
จวนจะเข้าถึงตัว ห้าวจื่อก็หัวเราะอย่างเย็นชาออกมาครั้งหนึ่งอย่างมาดเท่ กระโดดสูงขึ้นหนึ่งเมตรกว่า หมัดทั้งสองโบกสะบัดไปทางเย่เทียนเฉินไม่หยุด เขาคิดว่าหากตนเองใช้กำลังทั้งหมดจะต้องทำให้เย่เทียนเฉินพ่ายแพ้ได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะตนเองยังเคยฝึกฝนวรยุทธ์ของพรรควรยุทธ์โบราณมาก่อน
เมื่อเฉินหาวเห็นว่าฝีมือของห้าวจื่อแข็งแกร่งขนาดนี้ มือที่ยื่นเข้าไปหยิบปืนในกระเป๋าเสื้อก็ชักกลับมา เขาคิดว่าห้าวจื่อจะสามารถเก็บเย่เทียนเฉินได้แน่นอน
เปรี้ยง!
เมื่อเผชิญหน้ากับห้าวจื่อที่แยกเขี้ยวยิงฟัน เย่เทียนเฉินเพียงแค่ใช้เท้าเตะออกไปครั้งหนึ่ง ดูภายนอกเป็นเพียงการเตะธรรมดาๆ แต่กลับเตะห้าวจื่อที่กระโดดสูงขึ้นไปเมตรกว่าๆ กระเด็นออกไปตกลยพื้นพื้นอย่างรุนแรง ส่งเสียงร้องออกมาราวกับหมูถูกเชือด
……………………………………………………….