เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 245 ผู้หญิงจีบผู้ชายไม่ได้เหรอ?
รถที่พวกเขากำลังนั่งอยู่นี้เป็นรถของเปาเทียนหลง ส่วนรถของครอบครัวของเย่เทียนเฉิน ลุงหวังได้สั่งให้คนรับใช้อีกคนหนึ่งของตรกูลหลัวขับกลับไปแล้ว เพราะรถของเปาเทียนหลงคันนี้เร็วมาก เย่เทียนเฉินเองก็อยากที่จะไปจากตระกูลหลัวให้เร็วสักหน่อย ไม่อยากให้แม่ไปพัวพันอะไรกับตระกูลหลัวอีก
“เทียนเฉิน ผู้หญิงคนเมื่อกี้บอกว่าเธอชื่ออะไรนะ?” หลัวเยี่ยนอดไม่ได้ที่จะคิดถึงจานไถเวยเสวี่ยจึงเอ่ยปากถามขึ้นมา
“ไม่รู้ครับ เธอไม่ได้บอกผม!” เย่เทียนเฉินมองไปยังหยกมีตำหนิครึ่งก้อนที่เปื้อนเลือดในมือ ส่งพลังพิเศษเข้าไปสำรวจเป็นระยะ เพื่อต้องการที่จะตรวจสอบให้ชัดเจน ต้องการดูว่าหยกมีตำหนิครึ่งก้อนที่เปื้อนเลือดนี้มีความมหัศจรรย์และความพิเศษอะไรอยู่กันแน่
หากว่าเป็นเหมือนที่ยายทวดพูดจริงๆ ว่าหยกมีตำหนิที่เปื้อนเลือดครึ่งก้อนนี้เคยตกลงมาจากฟ้าในช่วงที่จิ๋นซีฮ่องเต้รวบรวมหกแคว้นเป็นหนึ่ง และทำลายแคว้นฉีทั้งแคว้นจนราบคาบ จึงทำให้จิ๋นซีฮ่องเต้สถาปนาแคว้นอันเป็นอมตะนี้ขึ้นมาได้ ถ้าอย่างนั้นหยกมีตำหนิเปื้อนเลือดจะต้องมีความมหัศจรรย์อย่างแน่นอน บางทีอาจจะมีพลังในการฆ่าฟันรุนแรง แต่เย่เทียนเฉินมองอยู่สิบกว่านาทีก็ยังไม่เห็นร่องรอยเบาะแสอะไรแม้แต่น้อย ต่อให้ใช้พลังพิเศษแห่งการรับรู้ไปสำรวจ ก็ไม่มีปฏิกิริยาเลยแม้แต่น้อย เหมือนกับหยกธรรมดาธรรมดาก็หนึ่งจริงๆ ด้านบนก็มีแค่รอยเลือดรอยหนึ่งเท่านั้น
“ตอนที่ผู้หญิงคนนั้นไปถึงประตูใหญ่และให้ผู้คุ้มกันไปแจ้งเรื่อง ไม่รู้ว่าได้บอกชื่อของเธอไปหรือเปล่า? แม่ฟังไม่ชัดเลย ลูกคิดหน่อยสิ!” ดูเหมือนว่าหลัวเยี่ยนจะอยากรู้ชื่อของผู้หญิงคนนั้นมากจริงๆ ถึงได้ถามต่อไป
เย่เทียนเฉินชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงคิดขึ้นมาได้ ผู้หญิงที่มีนิสัยซุกซนคนนี้ดูเหมือนจะบอกชื่อของเธอจริงๆ เพียงแต่ตอนนั้นเขาไม่ได้สนใจเพราะกำลังสำรวจกล่องหยกหงส์มังกรอยู่
“ดูเหมือนจะบอกเธอจริงๆ เป็นชื่อตระกูลที่ค่อนข้างแปลก ชื่ออะไรนะ…จานไถ ใช่แล้ว จานไถเวยเสวี่ย…” ไม่นานเย่เทียนเฉินก็คิดออก ในตอนที่ได้ยินชื่อของจานไถเวยเสวี่ย เขายังรู้สึกกังขาอยู่ในใจ ทำไมผู้หญิงถึงชอบใช้ชื่อที่มีคำว่า ‘เสวี่ย’ อยู่ด้วย?
“จานไถเวยเสวี่ย…” หลัวเยี่ยนพึมพำกับตัวเอง ดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างอยู่
“แม่ครับ แม่อย่าบอกนะว่า แม่รู้จักจานไถเวยเสวี่ยคนนี้ เมื่อกี้ผมไม่เห็นว่าแม่จะพูดกับเธอเลย!” เย่เทียนเฉินมองไปยังหลัวเยี่ยนผู้เป็นแม่แล้วพูดขึ้น
แม่ส่ายหน้าแล้วเปิดปากพูด “แม่ไม่รู้จักเด็กสาวที่ชื่อว่าจานไถเวยเสวี่ยคนนี้ แต่รู้จักตระกูลจานไถ ความจริงแล้วกล่องหยกหงส์มังกรนั้นเป็นของตระกูลจานไถ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะรู้เรื่องที่คุณย่าเสียชีวิตแล้วจึงได้ให้เด็กที่ชื่อว่าจานไถเวยเสวี่ยมานำกล่องหยกหงส์มังกรไป เป็นแบบนี้ก็ดีจะได้หลีกเลี่ยงการแย่งชิงกันเองของคนตระกูลหลัว”
“ตระกูลจานไจ? ไม่เคยได้ยินชื่อตระกูลนี้มาก่อนเลย แล้วแซ่นี่มันจะแปลกเกินไปหรือเปล่า?” เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม
“ความจริงแล้วแม่ก็ไม่ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับตระกูลนี้มากมายอะไรหรอก เพียงแต่ตอนเด็กเคยได้ยินคุณปู่พูดถึงเท่านั้น ตระกูลจานไถเป็นตระกูลที่ปิดซ่อนตัวตน แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยปรากฏมาที่โลกเบื้องหน้า ดูเหมือนว่าทั้งตระกูลจะเก็บอยู่ในภูเขาคุนหลุน เป็นตระกูลที่ลึกลับตระกูลหนึ่ง กล่องหยกหงส์มังกรก็เป็นของที่คุณปู่ยืมมาจากตระกูลจานไถเมื่อปีนั้น เวลาผ่านไปยี่สิบปีแล้ว ในตอนที่คุณย่าแก่ชราลง ก็รีบมารับรองหยกมังกรนี้ไปอย่างรวดเร็ว ในตอนนี้เกรงว่าจะมีคนในสังคมรับรู้ถึงตระกูลจานไถน้อยมาก” หลัวเยี่ยนเองก็พูดออกมาด้วยความรู้สึกแปลกใจ
ไม่ต้องพูดถึงเย่เทียนเฉินที่แปลกใจเลย ต่อให้เป็นหลัวเยี่ยนที่พูดออกมาเองก็ยังสงสัย แม้แต่เปาเทียนหลงที่ขับรถอยู่ก็ยังขมวดคิ้วด้วยความใคร่ครวญ
จินตนาการได้เลยว่า ในสังคมปัจจุบัน คนธรรมดาที่ใช้ชีวิตทั่วไปได้ถูกทำให้เป็นอัตลักษณ์นิยมและทุนนิยมไปหมดแล้ว ชั่วชีวิตนี้ต่างก็อยู่ในกระแสของปัจจัยสี่ สำหรับผู้มีพลังพิเศษและยอดฝีมือแห่งพรรควรยุทธโบราณ มีน้อยคนมากที่จะรู้เรื่องของเส้นทางแห่งชีวิตอมตะ และดูเหมือนว่าจะมีแค่ไม่กี่คนคิดถึง ไม่ใช่ว่าจะมีตระกูลไหนที่คิดจะปิดซ่อนตัวตนไม่อยากออกมาก็จะสามารถไปซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาลึกได้ หรือว่าคนในตระกูลนี้ทั้งหมดจะเป็นคนป่า? ทำให้ผู้คนยากที่จะเชื่อจริงๆ
“เป็นไปไม่ได้น่ะ ตระกูลนี้เป็นคนป่าหรือไง? อยู่ในหุบเขาลึกกินอาหารป่าทั้งวัน?” เปาเทียนหลงก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม
“คงจะไม่ใช่หรอก เพียงแต่ตะกูลนี้ปิดซ่อนตัวตนไม่ปรากฏสู่โลกภายนอก มีคนน้อยมากที่จะรู้จัก จะดูจานไถเวยเสวี่ยนั่นสิ แต่งตัวทันสมัย ไม่ได้ดูล้าหลังเลย แค่นี้ก็รู้แล้ว เพียงแต่พวกเรากำลังสงสัยว่า ตระกูลนี้เป็นตระกูลแบบไหนกันแน่ถึงได้มีของเช่นกล่องหยกหงส์มังกรได้ ยิ่งไปกว่านั้นกำลังภายในสายหยินที่จานไถเวยเสวี่ยใช้ออกมาก็แข็งแกร่งมาก!” เย่เทียนเฉินพูดแล้วส่ายหน้า
“เทียนเฉิน แม่ไม่สนใจว่าลูกจะทำอะไร หวังเพียงว่าลูกจะปลอดภัยก็เท่านั้น ตระกูลจานไถมีความลึกลับ และไม่รู้ว่าความสัมพันธ์กับตระกูลหลัวดีหรือแย่ นี่เป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน วันหลังลูกก็อย่าไปหาเรื่องเลย!” หลัวเยี่ยนชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดออกมา
“รู้แล้วครับแม่ วางใจเถอะ ผมยังต้องหาเงินมาเลี้ยงพ่อแม่อยู่!” เย่เทียนเฉินพูดพลางหัวเราะฮี่ๆ
หลัวเยี่ยนไม่ใช่คนโง่ กลับจะฉลาดอย่างมากด้วยซ้ำ เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วเธอก็รู้ว่าลูกชายเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง อย่างน้อยความสามารถก็แข็งแกร่งมาก ไม่ใช่อะไรที่เธอสามารถจินตนาการได้อีกต่อไป ก่อนหน้านี้ลูกชายเสเพลและมักจะก่อเรื่องเป็นประจำ ตอนนี้เติบโตขึ้นแล้ว รู้ความขึ้นมาแล้ว แต่กลับมีปัญหามากมายที่มาเยือนถึงประตู บางเรื่องไม่อาจไม่เผชิญหน้า เธอไม่ต้องการจะพันธนาการลูกชายของตน แค่หวังว่าเขาจะปลอดภัยก็เท่านั้น
เวลาหกโมงเย็น เปาเทียนหลงขับรถมาส่งเย่เทียนเฉินและหลัวเยี่ยนกลับบ้าน เย่เทียนเฉินให้เบอร์โทรศัพท์ของอู๋เสวี่ยกับเปาเทียนหลงไป จากนั้นจึงให้เปาเทียนหลงไปหาอู๋เสวี่ย ก่อนหน้านี้อู๋เสวี่ยเป็นนักฆ่าอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวงหลวง เป็นผู้นำในการรับผิดชอบการหาคนมาเพื่อก่อตั้งกลุ่มอำนาจอำนาจของเขา จนกระทั่งตอนนี้ลูกน้องของเย่เทียนเฉินก็มีอู๋เสวี่ย หูหลง หลินตวนและเปาเทียนหลง ยอดฝีมือชั้นสูงทั้งสี่คน เพียงแต่ไม่รู้ว่ายอดฝีมือคนอื่นที่อู๋เสวี่ยรวบรวมมาเป็นอย่างไร ก็เหมือนกับที่เย่เทียนเฉินพูด ไม่เน้นปริมาณแต่เน้นคุณภาพ ถ้าไม่ใช่ยอดฝีมือระดับสูงเขาก็จะไม่รับ นี่เป็นนิสัยของเขาเช่นเดียวกัน
เย่เทียนเฉินและหลัวเยี่ยนเดินเข้าไปในคฤหาสน์ด้วยกัน คิดไม่ถึงว่าในห้องโถงของคฤหาสน์นอกจากเย่เชี่ยนเหวินแล้วจะยังมีสาวสวยอีกคนหนึ่งอยู่ด้วยนั่นก็คือ ฉีหรูเสวี่ย
ฉีหรูเสวี่ยถึงกับมาหาถึงบ้าน อีกทั้งยังกำลังพูดคุยกับเย่เชี่ยนเหวินอย่างสบายอกสบายใจ เมื่อเห็นเย่เทียนเฉินและหลัวเยี่ยนเดินเข้ามาในห้องโถง ฉีหรูเสวี่ยก็ยิ้มทักทายหลัวเยี่ยนแล้วพูดขึ้นอย่างมีมารยาท “คุณน้าคะ คุณกลับมาแล้วหรือ?”
“หรูเสวี่ยมาแล้ว ทำไมไม่โทรมาบอกกันก่อน น้าจะได้ไปซื้ออาหารมา!” หลัวเยี่ยนพูดด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ต้องหรอกค่ะแม่ คืนนี้พี่สาวหรูเสวี่ยจะตุ๋นเนื้อวัวให้พวกเรา หอมมากเลยค่ะ หนูอดใจไม่ไหวจนแอบกินไปหลายชิ้นแล้ว!” เย่เชี่ยนเหวินพูดออกมาอย่างซุกซน
“งั้นเหรอ? หรูเสวี่ย น้าจะรับน้ำใจนี้ได้ยังไงกัน? พอมาถึงก็ให้หนูทําอาหารเลย เทียนเฉินลูก…เอ๋? เทียนเฉินไปไหนแล้ว?”
หลัวเยี่ยนย่อมรู้ว่าฉีหรูเสวี่ยมาแล้ว จะต้องมาหาเย่เทียนเฉินอย่างแน่นอน ลูกสาวของคนอื่นทั้งยังเป็นเด็กสาวที่สวยงามขนาดนี้มาหาคุณ แต่คุณกลับไม่แม้แต่จะทักทาย โดยเฉพาะฉีหรูเสวี่ยที่เมื่อวันนั้นเกือบจะต้องแต่งงานกับฉินเหิง ส่วนเย่เทียนเฉินนั้นปากก็พูดว่าไม่เกี่ยวอะไรกับเขาแต่สุดท้ายก็ยังแบกโลงศพไปที่ตระกูลฉิน และยังทำให้ฉินเหิงตกใจตาย ทำให้ฉินอี้โกรธจนตาย จนกลายเป็นข่าวครึกโครมในเมืองหลวง ถ้าจะกล่าวว่าเย่เทียนเฉินไม่มีความรู้สึกอะไรกับฉีหรูเสวี่ย ตีให้ตายก็เกรงว่าไม่มีใครเชื่อ
“พี่ชายของลูกล่ะ?” หลัวเยี่ยนหันมามองด้านหลังที่ว่างเปล่า เมื่อครู่นี้เย่เทียนเฉินยังอยู่หลังเธอ ทำไมพอหันไปก็ไม่เจอแล้วล่ะ? ด้วยเหตุนี้จะอดไม่ได้ที่จะหันไปมองเย่เชี่ยนเหวินแล้วเอ่ยถาม
“แม่คะ แม่ไม่ต้องไปสนใจพี่ชายหนูหรอก วันๆ เอาแต่กิน เขาวิ่งเข้าไปในครัวนานแล้ว!” เย่เชี่ยนเหวินมองไปยังหลัวเยี่ยนแล้วพูดขึ้นอย่างจนใจ
ในตอนนี้เอง เย่เทียนเฉินที่อยู่ในห้องครัวก็ไม่ได้คิดอะไรมาก พอเข้ามาก็ได้กลิ่นหอมของเนื้อ เดิมทียังคิดไปว่ามีคนในครอบครัวทำอาหารเอาไว้ แต่สุดท้ายก็ต้องปฏิเสธความคิดนี้ไป จะว่าอย่างไรดีล่ะ นอกจากหลัวเยี่ยนที่มีฝีมือทางด้านการทำอาหารแล้ว เย่เชี่ยนเหวินก็ทำอาหารไม่เป็น ดังนั้นจะต้องไม่ใช่น้องสาวที่เป็นคนทำอาหารแน่ เมื่อเห็นว่าฉีหรูเสวี่ยมาที่บ้าน ทันใดนั้นเย่เทียนเฉินจึงได้รู้ว่าในห้องครัวมีของอร่อยๆ กินแน่นอน
ส่วนเรื่องของฉีหรูเสวี่ย จะพูดอย่างไรดีล่ะ? ในใจของเย่เทียนเฉินอย่างมากก็เห็นเธอเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง กล่าวได้ว่าทั้งสองไม่ทะเลาะก็ไม่ได้รู้จักกัน ฉีหรูเสวี่ยอยู่ในบ้านตระกูลเย่มาหลายวัน และปะทะฝีปากกับเย่เทียนเฉินหลายครั้ง ทุกคนเห็นจนเคยชิน ดังนั้นในตอนที่ฉีหรูเสวี่ยจะหมั้นหมายกับฉินเหิง เย่เทียนเฉินจึงได้แบกโลงศพไปก่อเรื่องที่ตระกูลฉิน เหตุผลประการแรกก็คือไม่ว่าจะพูดยังไงฉีหรูเสวี่ยก็เป็นคนที่ไม่เลวเลย อย่างน้อยก็ใจดี และจะยังไงก็เป็นเพื่อน เหตุผลประการที่สองก็คือฉินเหิงกวนตีนเกินไป คนตระกูลฉินเคยเกือบจะส่งคนมาลอบสังหารพ่อของตน จะอย่างไรก็ต้องมอบจุดจบกลับไปให้พวกเขา
ไม่กล่าวไม่ได้ว่าฝีมือการทำอาหารของฉีหรูเสวี่ยดีมากจริงๆ มิน่าเล่าหลัวเยี่ยนถึงได้ชอบฉีหรูเสวี่ยมาโดยตลอด และต้องการที่จะได้ฉีหรูเสวี่ยมาเป็นลูกสะใภ้ของเธอ หากจะใช้คำพูดบรรยายฉีหรูเสวี่ยให้ครบถ้วนมันก็คือ เบื้องหน้ารับแขกเบื้องหลังเข้าครัว!
ในสังคมปัจจุบันนี้ การจะสามารถหาผู้หญิงแบบนี้ได้เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลยจริงๆ แต่เย่เทียนเฉินยังคงไม่สนใจฉีหรูเสวี่ย หากจะพูดถึงฉีหรูเสวี่ย ทั้งรูปร่างหน้าตามันสมองหรือก้นใหญ่ๆ ล้วนมีครบครัน ผู้ชายธรรมดาเห็นต่างก็ต้องน้ำลายไหล โดยปกติคงไม่มีผู้ชายคนไหนที่ไม่ชอบ เพียงแต่เย่เทียนเฉินพี่ไม่มีความรู้สึกอะไรแบบนั้น บางทีนี่อาจจะเป็นโชคชะตาก็เป็นได้
เพียงแต่ว่าท่าทีที่ฉีหรูเสวี่ยมีต่อเย่เทียนเฉินในตอนนี้ได้เปลี่ยนไปมากเหลือเกิน อย่างน้อยเธอก็ไม่ดูถูกเย่เทียนเฉินแล้ว คนคนนี้มีนิสัยเหมือนอันธพาล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีสไตล์ และไม่มีอีคิวเลยสักนิด ไม่อ่อนโยนต่อผู้หญิง ตอนนี้ไม่รู้ว่าทำไม ตั้งแต่ที่เธอไปจากตระกูลเย่ ในสมองก็มักจะปรากฏเงาร่างของเย่เทียนเฉิน โดยเฉพาะช่วงเวลาที่เธอจะต้องหมั้นกับฉินเหิง เธอกระทั่งคิดว่า ถ้าหากได้แต่งงานกับเย่เทียนเฉินก็คงจะดีไม่น้อย
ตอนแรกฉีหรูเสวี่ยถูกความคิดแบบนี้ทำให้ตกใจ เธอไม่รู้ว่าตอนไหนที่ในใจของเธอเริ่มมีเย่เทียนเฉินอยู่ จนสุดท้ายเธอจึงค่อยๆ พบว่า ตนเองรักเย่เทียนเฉินเข้าแล้วจริงๆ รักผู้ชายที่มีนิสัยเหมือนอันธพาลและมีความคล้ายกับเทพแห่งความตายคนนี้ ฉีหรูเสวี่ยที่ได้รับการศึกษาระดับสูงมาจากต่างประเทศ จึงไม่ได้มีความคิดล้าหลังในเรื่องของผู้ชาย ในเมื่อรักเข้าแล้วก็ต้องไล่ตามความสุขของตน ผู้หญิงจีบผู้ชายมีอะไรไม่เหมาะสมเหรอ? ดังนั้นเธอจึงมาแล้ว!
…………………..