เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 254 ตระกูลเซวียนเยวี๋ยนไม่กำจัดไม่ได้แล้ว
เย่เทียนเฉินใช้หมัดทำลายเงาดาบ ใช้ฝ่ามือทำลายดาบยาวในมือของมือสังหารชุดดำจนหมด ยิ่งไปกว่านั้นมือสังหารชุดดำยังถูกโจมตีจนตกลงมาจากต้นไม้ใหญ่ที่สูงสิบกว่าเมตรอีกด้วย หากไม่ใช่เพราะว่าในตอนที่ฝ่ามือของเย่เทียนเฉินสัมผัสศีรษะของมือสังหารชุดดำ ได้หยุดยั้งเส้นทางของพลังในขอบเขตจอมราชันลงเล็กน้อย เกรงว่าศีรษะขอมือสังหารชุดดำคนนี้ คงจะถูกตบจนเละเป็นแตงโมไปแล้ว
ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้แต่ฝ่ามือมีของเย่เทียนเฉินก็ยังสามารถโจมตีจนมือทหารชุดดำตกลงมาได้ ร่างกายของเขาจมลงไปในดิน มีเพียงศีรษะที่โผล่ออกมาข้างนอก ทั้งจมูกและปากกระอักเลือดออกมา ส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวดราวกับหมูถูกเชือด เนื่องจากเขารับรู้ได้ว่าสมองของตนแทบจะระเบิดออกมาแล้ว หากไม่ใช่ว่าเขตแดนปิดกั้นของเย่เทียนเฉินทำการสกัดกั้นเสียงและพลังทั้งหมดเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ของเขาและมือสังหารชุดดำ หรือจะเป็นเสียงร้องของมือทหารชุดดำในตอนนี้ คงจะทำให้คนในเขตคฤหาสน์ตกใจไปแล้ว
ที่มุมปากของมือสังหารชุดดำกระอักเลือดออกมาไม่หยุด แต่ยังคงไม่สิ้นลม ยังคงยืดลมหายใจเฮือกสุดท้ายออกไปได้ ในตอนนี้เขาต้องการมีชีวิตอยู่ต่อ ความจริงแล้วทุกคนต่างก็กลัวความตายกันทั้งนั้น มีหลายคนที่มักจะบอกว่าตนไม่กลัวความตาย ไม่รู้สึกว่าความตายมีอะไรน่ากลัวอยู่เลย แต่เมื่อต้องมาพบกับช่วงเวลานี้เข้าจริงๆ ไม่มีใครที่ไม่หวาดกลัว เพราะชีวิตนี้มีเพียงครั้งเดียว เมื่อตายไปแล้วก็ไม่อาจพบอะไรได้อีก
“หยะ อย่าฆ่าฉัน…อย่าฆ่าฉัน…” มือสังหารชุดดำพูดด้วยเสียงอันสั่นระริก ในดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เย่เทียนเฉินแข็งแกร่งมากจริงๆ แข็งแกร่งจนเหนือจินตนาการของเขาไปมาก จิตใจของเขาไม่อาจแน่วแน่เด็ดเดี่ยวได้อีกต่อไป พังทลายไปแล้วโดยสิ้นเชิง
กล่าวตามจริง ที่เย่เทียนเฉินสามารถเอาชนะมือสังหารชุดดำได้รวดเร็วขนาดนี้ จนกระทั่งมือสังหารชุดดำเองก็คิดไม่ถึง นั่นก็เป็นเพราะเขาลำพองใจ หากพูดถึงเรื่องฝีมือและความสามารถ บางทีเขาอาจจะเทียบเย่เทียนเฉินที่มีพลังพิเศษถึงขอบเขตสูงสุดของระดับจอมราชันแล้วไม่ได้ แต่ก็ไม่ควรจะแพ้อย่างอนาถและแพ้อย่างรวดเร็วขนาดนี้โดยเด็ดขาด เป็นเพราะเขาดูถูกเย่เทียนเฉิน ไม่คิดว่าเย่เทียนเฉินที่อายุน้อยเมื่อได้ระเบิดพลังที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาจะน่าหวาดกลัวถึงขนาดนี้
มือสังหารที่เคยฆ่าคนเป็นผักปลา ฟันคนเหมือนกับหั่นผัก แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยเห็นชีวิตคนอยู่ในสายตา เขาไม่เห็นชีวิตของคนที่ถูกเขาฆ่าเป็นชีวิตมนุษย์แล้วด้วยซ้ำ ความจริงก็เป็นเรื่องธรรมดามาก และเขาก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าตนจะมีวันนี้ได้ ไม่เคยคิดว่าในยามที่ตนต้องเผชิญหน้ากับความตายจะหวาดกลัวเช่นนี้ เนื่องจากเขาแข็งแกร่งมากพอ แข็งแกร่งจนทำให้เขามีความมั่นใจ
เมื่อความตายคืบคลานเข้ามาอยู่เบื้องหน้าของเขาจริงๆ มือสังหารชุดดำก็รู้สึกราวกับได้พบมัจจุราช ซึ่งก็คือเย่เทียนเฉิน เขามีรอยยิ้มดุจดั่งเทพแห่งความตาย ฝ่ามือข้างขวาประทับอยู่บริเวณศีรษะของเขา ขอเพียงเย่เทียนเฉินขยับนิดเดียว สมองของเขาก็แหลกเป็นแตงโม บางทีเขาอาจจะไม่กลัวความตาย แต่ไม่อยากตายอย่างอนาถขนาดนี้ ไม่อยากตายอย่างน่าทุเรศ
“ตระกูลเซวียนเยวี๋ยนอยู่ที่ไหน?” น้ำเสียงของเย่เทียนเฉินไม่มีการข่มขู่อยู่เลย และไม่มีอำนาจใดๆ แต่กลับเรียบเฉยเป็นอย่างมาก เขาถามออกมาด้วยใบหน้าที่ยังคงประดับไปด้วยรอยยิ้มไร้พิษภัย
“นี่…ฉัน…” มือสังหารชุดดำรู้สึกลังเล ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้แต่ไม่กล้าพูด แต่ในตระกูลเซวียนเยวี๋ยนมีคนที่ร้ายกาจกว่าเขาอยู่ หากเขาพูดออกไป หากเปิดเผยสถานที่ซ่อนตัวของตระกูลเซวียนเยวี๋ยนและถูกตรวจสอบจนพบขึ้นมา เกรงว่าเขาไม่เพียงแต่จะต้องแหลกเป็นผุยผง แต่กระทั่งญาติมิตรทั้งหมดของเขาก็ต้องตายด้วย ตระกูลเซวียนเยวี๋ยนโหดเหี้ยมแบบนี้เอง
ในตระกูลเซวียนเยวี๋ยนยังมีคนน่ากลัวคนหนึ่งที่ต่อให้เขาลงมือเต็มกำลังก็ไม่สามารถเอาชนะได้ กระทั่งไม่อาจรับมือกับเขาได้ถึงสามกระบวนท่าด้วยซ้ำ เมื่อคิดถึงคนๆ นี้มือสังหารชุดดำก็รู้สึกขี้ขลาดขึ้นมาจนลังเลไม่แน่ใจ ความจริงเป็นความหวาดกลัวที่มีต่อนักรบอันดับหนึ่งของตระกูลเซวียนเยวี๋ยนที่ไม่อาจจินตนาการได้ ต่อให้ใช้เทพแห่งการฆ่าฟันมาบรรยายก็ยังไม่พอ
“ฉันรู้ว่าแกกำลังกลัวอะไร ถ้าแกพูดตอนนี้ บางทีอาจจะยังสามารถอยู่ต่อไปได้สักหน่อย แต่ถ้าไม่พูดก็ต้องตายทันที ฉันเห็นว่าเธออยากจะมีชีวิตอยู่ต่อ คงไม่อยากตาย!” เย่เทียนเฉินย่อมมองออกว่ามือสังหารชุดดำลังเลอะไร จึงพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
มือสังหารชุดดำคนนี้มองเย่เทียนเฉินครู่หนึ่ง ความจริงเขาก็ไม่มีทางเลือกอะไรแล้ว เขาไม่ใช่คู่มือของเย่เทียนเฉิน และยังทำภารกิจล้มเหลวอีกด้วย ต่อให้กลับไปที่ตระกูลเซวียนเยวี๋ยนก็เกรงว่าจะต้องสิ้นชีพ ในเมื่อตนต้องการที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป ถ้าไม่บอกถึงสถานที่ซ่อนตัวของตระกูลเซวียนเยวี๋ยนให้แก่เย่เทียนเฉินย่อมเป็นไปไม่ได้ ชายหนุ่มเบื้องหน้าคนนี้แม้จะอายุน้อยแต่กลับมีความสามารถและความฉลาดที่ทำให้คนต้องตื่นตะลึง ความจริงนี้ทำให้เขารู้สึกความมั่นใจพังทลาย
“หยะ…อยู่ที่ทะเลซือไห่มณฑลชวน” มือสังหารชุดดำกัดฟันพูด
“ทะเลซื่อไห่มณฑลชวน?” เย่เทียนเฉินรู้สึกสงสัย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินว่าที่มณฑลชวนมีทะเลซือไห่อยู่ ดังนั้นจึงรู้สึกแปลกใจ
“ที่มณฑลชวนมีทะเลซือไห่ซึ่งเป็นทะเลจำลองที่คนสร้างขึ้น ที่นั่นเป็นเขตการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในมณฑลชวน ที่ศูนย์กลางของทะเลซือไห่มีเกาะเล็กๆ แห่งหนึ่ง เมื่อก่อนเป็นเกาะกันดารจริงๆ หลังจากที่ถูกตระกูลเซวียนเยวี๋ยนทำให้รอบๆ กลายเป็นทะเล เกาะกันดาลแห่งนั้นก็กลายเป็นสถานที่ซ่อนตัวของตระกูลเซวียนเยวี๋ยน ดูเหมือนว่าจะมีเพียงไม่กี่คนที่รู้!” มือสังหารชุดดำรีบอธิบาย
เย่เทียนเฉินชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว ตระกูลเซวียนเยวี๋ยนไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ถึงกับสามารถสร้างทะเลซือไห่ออกมาได้ ยิ่งไปกว่านั้นเกาะที่เดิมทีรกร้างกันดารยังถูกนำมาใช้ประโยชน์ จนกลายเป็นสถานที่ซ่อนตัวของตระกูลเซวียนเยวี๋ยน นี่ก็เป็นเหมือนศูนย์บัญชาการแห่งหนึ่งของตระกูลเซวียนเยวี๋ยน ไร้ข้อผูกมัดใดๆ ยิ่งไปกว่านั้นใครจะคิดว่า ที่เกาะกัลดาลท่ามกลางทะเลซือไห่ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ไม่มีใครไปถึง และไม่มีใครกล้าไป จะมีตระกูลเซวียนเยวี๋ยนซึ่งเป็นตระกูลใหญ่ซ่อนตัวอยู่?
“ฮ่าๆ ท่าทางตระกูลเซวียนเยวี๋ยนจะมือเติบจริงๆ มีเงินมีอำนาจมาก ฉันคงจะต้องไปเกาะกันดารในทะเลสาบซือไห่ซักรอบแล้ว จะไปยืมเงินตระกูลเซวียนเยวี๋ยนสักหน่อย!” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม
เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เทียนเฉิน มือสังหารชุดดำก็ตกตะลึง พยายามอดกลั้นไม่ให้กระอักเลือดออกมา กัดฟันแน่นแล้วพูดออกมาอย่างเย้ยหยัน “ฉันยอมรับว่าแกแข็งแกร่งมาก แต่ฉันขอเตือนแกว่าอย่าไปจะดีที่สุด นักรบอันดับหนึ่งของตระกูลเซวียนเยวี๋ยนไม่ใช่คนที่แกจะเป็นคู่มือด้วยได้ ฉันรับมือเขาได้ไม่ถึงสามกระบวนท่าด้วยซ้ำ…”
“งั้นเหรอ? ถ้างั้นฉันก็ยิ่งต้องไป ยอดฝีมือขนาดนี้ถ้าไม่ไปสู้ด้วยสักครั้งก็น่าเสียดายแล้ว!”
“แก…” มือสังหารชุดดำตกตะลึง เขามองชายหนุ่มตรงหน้าไม่ออกเลยจริงๆ ฝีมือแข็งแกร่งมาก ทั้งยังมีความหยิ่งผยองเอาแต่ใจดังจักรพรรดิอยู่มาก ตั้งแต่ที่ได้เป็นมือสังหารมาหลายสิบปี นี่เป็นคนเพียงคนเดียวที่ทำให้เขามองความคิดไม่ออก “แกไปได้แล้ว ฉันพูดคำไหนคำนั้น!”
เย่เทียนเฉินพูดจบก็หมุนตัวเดินจากไป เขาไม่จำเป็นต้องกำจัดมือสังหารชุดดำคนนี้แล้ว เนื่องจากฝ่ามือเมื่อสักครู่นี้ แม้จะไม่ได้ทำให้ศีรษะของมือสังหารชุดดำระเบิดเป็นแตงโม แต่ก็ทำให้เส้นชีพจรในร่างกายแหลกสลาย มือสังหารชุดดำคนนี้กลายเป็นของไร้ค่าไปแล้ว
ตู้ม!
เย่เทียนเฉินหมุนตัว มือสังหารชุดดำคนนั้นเตรียมจะคลานออกมาจากหลุมดิน รู้สึกโชคดีที่เย่เทียนเฉินพูดคำไหนคำนั้น จึงสามารถเก็บชีวิตกลับมาได้ ไหนเลยจะรู้ว่าตอนนั้นเองกลับเกิดเสียงดังสนั่น ร่างกายทั้งร่างของมือสังหารชุดดำระเบิดออกมากลายเป็นหมอกเลือด เหลือไว้เพียงหลุมลึกประมาณสิบเมตรกว้างประมาณห้าเมตร เย่เทียนเฉินเห็นเช่นนั้นก็ขมวดคิ้ว
พริบตานั้นเองเย่เทียนเฉินสัมผัสได้ถึงพลังพิเศษที่แข็งแกร่งสายหนึ่งจึงจำเป็นต้องกำหมัดขวาแน่นอย่างช่วยไม่ได้ ดูท่ามือสังหารชุดดำคนนี้จะเป็นเช่นเดียวกับจดหมายฉบับนั้น คือถูกยอดฝีมืออัดพลังพิเศษลงไปในร่างกายก่อนแล้ว พอรับรู้ได้ว่าเขาทำภารกิจไม่สำเร็จ หรือบางทีอาจเป็นเพราะไม่ได้กลับไปรายงานข้อมูลในช่วงเวลาที่กำหนด ก็ทำให้เกิดระเบิดขึ้นมา ตายไปโดยไร้ศพ เพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นตรวจสอบได้
“ตระกูลเซวียนเยวี๋ยนจะโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว ถ้าไม่กำจัดจะต้องมีอันตรายมาถึงพ่อแม่และน้องสาวแน่นอน ฉันจะต้องรีบไปที่มณฑลชวนให้เร็วที่สุดซะแล้ว!” เย่เทียนเฉินคิดในใจ
จนกระทั่งเย่เทียนเฉินกลับมาที่สวนสาธารณะเล็กๆ ในเขตคฤหาสน์ ก็เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว ฉีหรูเสวี่ยรออยู่ที่นั่นจนเกือบจะหลับ เมื่อเห็นเย่เทียนเฉินเดินเข้ามาก็อดไม่ได้ที่จะยืนขึ้น เดินไปเบื้องหน้าเย่เทียนเฉินด้วยท่าทางไม่พอใจ พองแก้มเล็กๆ อย่างน่ารัก ใช้ดวงตาอันงดงามจ้องไปยังเย่เทียนเฉินอย่างดุดันแล้วพูดขึ้น “เจ้าบ้า นายไปที่ไหนมา? ทิ้งฉันไว้ที่นี่คนเดียวตั้งชั่วโมงหนึ่ง…”。
“อา ฉันว่า ฉันสงสัยเนื้อตุ๋นหัวไชเท้าของเธอที่กินเข้าไปนะ ฉันท้องเสียมาตลอดจนถึงตอนนี้ เกือบจะเดินไม่ไหวแล้ว!” เย่เทียนเฉินทำท่าทางเหมือนปวดมาก กุมท้องของตนแล้วพูดขึ้น
“ไม่จริงน่ะ นายท้องเสียเหรอ? จะเป็นไปได้ยังไง เป็นยังไงบ้าง ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
ฉีหรูเสวี่ยถูกเย่เทียนเฉินหลอกจนอยู่หมัดจริงๆ เมื่อเห็นเย่เทียนเฉินมีท่าทางปวดท้องขนาดนั้นก็รีบเดินเข้าไปประคองด้วยท่าทางใส่ใจมาก แต่กลับรู้สึกแปลกใจ ตนเองก็กินเนื้อตุ๋นหัวไชเท้าลงไปเช่นกันแต่ก็ไม่เป็นอะไร
“ฉันจะไปรู้ได้ไง ไม่ใช่ว่าเธอจงใจแกล้งฉันหรอกนะ?” เย่เทียนเฉินถามฉีหรูเสวี่ยด้วยท่าทางชั่วร้าย
“ฉัน…ฉันทำที่ไหนล่ะ ฉันไม่ทำแบบนั้นหรอก ถ้านายไม่เชื่อก็กลับไปดูคุณน้าและน้องเชี่ยนเหวินสิ ถ้าหากพวกเธอไม่เป็นอะไร ฉันก็ไม่เป็นอะไร ก็จะต้องมีสาเหตุจากท้องของนายแล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะกินมากเกินไปก็ได้!” ฉีหรูเสวี่ยรีบเอ่ยปากพูด
“งั้นจะรออะไรอยู่ กลับบ้านไปดูก็รู้แล้ว…” เย่เทียนเฉินจงใจแกล้งทำเป็นปวดท้องมาก
“อือ!”
เย่เทียนเฉินหลอกฉีหรูเสวี่ยจนขมวดคิ้วแน่น ยิ่งไปกว่านั้นยังมีท่าทางเป็นกังวลอีกด้วย ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เธอคงจะไม่เป็นแบบนี้ แทบอยากจะให้เย่เทียนเฉินท้องเสียจนลุกไม่ขึ้นด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้เธอหลงรักเย่เทียนเฉินแล้ว ย่อมไม่อยากเห็นเขาเกิดเรื่องอะไรขึ้นแม้แต่น้อย เมื่อเห็นท่าทางยากลำบากของเย่เทียนเฉินก็รู้สึกตำหนิตัวเองขึ้นมาจริงๆ คิดว่าตนไม่ได้ล้างเนื้อและหัวไชเท้าให้สะอาดทำให้เย่เทียนเฉินท้องเสีย
ในตอนที่เย่เทียนเฉินและฉีหรูเสวี่ยกลับมาถึงในบ้าน หลัวเยี่ยนและเย่เชี่ยนเหวินยังคงพูดคุยกันอยู่ในห้องโถง กินแตงโมไปพลางพูดคุยกันไปพลาง เมื่อเห็นเย่เทียนเฉินและฉีหรูเสวี่ยกลับมาก็สบตากันยิ้มๆ ด้วยท่าทางลึกลับ เมื่อเย่เทียนเฉินและฉีหรูเสวี่ยเห็นก็รู้สึกงงๆ
“พี่ชาย พี่และพี่สาวหรูเสวี่ยกลับมาแล้วเหรอ? พี่เป็นยังไงบ้าง? คงไม่ได้รังแกพี่สาวหรูเสวี่ยจนถูกตบมาใช่ไหม? พี่สาวหรูเสวี่ยคนดี พี่ชายของหนูเป็นหมาป่าตัวใหญ่จะต้องค่อยๆ สั่งสอน ไม่งั้นเขาก็จะไม่เชื่อง!” เย่เชี่ยนเหวินเห็นพี่ชายกุมท้องก็จงใจพูดออกมาด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
……………..