เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 28 ทักษะการแสดงของผู้หญิงคนนี้!
เย่เทียนเฉินคิดไม่ถึงว่าตนเองจะใจอ่อน พาฉีหรูเสวี่ยกลับมาค้างที่บ้านาหนึ่งคืน แม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นคนของตระกูลฉี และเป็นคนที่อยากจะถอนหมั้นกับตนเอง แต่จะอย่างไรทั้งคู่ก็ไม่ได้มีความแค้นต่อกัน รวมกับเย่เทียนเฉินแพ้น้ำตาผู้หญิง ที่ไหนได้พอแบกผู้หญิงคนนี้กลับบ้านปุ๊บ ก็บังเอิญเจอเข้ากับแม่และน้องสาวปั๊บ ไม่ทันไรการแสดงขั้นสูงของฉีหรูเสวี่ยก็ทำให้แม่กับน้องสาวก็ไปเป็นพวกได้แล้ว เย่เทียนเฉินหดหู่ใจจนอยากจะเอาหัวโขกกำแพง
ตอนนี้ราวกับว่าฉีหรูเสวี่ยเป็นผู้หญิงที่ลุ่มหลงในรัก เย่เทียนเฉินเป็นชายทรยศ ได้รับคำตำหนิจากแม่และน้องสาว ส่วนฉีหรูเสวี่ยกลับแอบหัวเราะอยู่ที่มุมหนึ่ง และยังทำหน้าล้อเลียนใส่เย่เทียนเฉินด้วย
“แม่ครับ เชี่ยนเหวิน ลองคิดดูดีๆ ก่อนสิ เธอเป็นคนตระกูลฉี ตระกูลฉีดูถูกตระกูลเย่ของพวกเรา ต้องการถอนหมั้นกับพวกเรา ทำให้ตระกูลเย่ของพวกเรากลายเป็นตัวตลกของเมืองหลวง พวกแม่สองคนยังจะให้เธออยู่อีกเหรอ?” เย่เทียนเฉินอดกล่าวขึ้นไม่ได้
ไม่รอให้หลัวเยี่ยนกับเย่เชี่ยนเหวินพูด ฉีหรูเสวี่ยก็แสร้งทำท่าทางเจ็บปวดใจ กล่าวว่า “เทียนเฉิน ฉันรู้ ฉันรู้ดีว่าตระกูลฉีของพวกเราทำไม่ถูก แต่ว่า แต่ว่านี่ไม่เกี่ยวกับฉัน ฉัน ฉันรักนายจริงๆ นะ ไม่ว่าจะยังไง ฉันกับนายก็หมั้นกันแล้ว ฉันจะไม่ถอนหมั้น จะขออยู่กับนายไปชั่วชีวิต!”
ฉีหรูเสวี่ยยิ่งพูดพูดก็ยิ่งรู้สึกสนุก ถึงปากจะบอกว่าเธอรักเย่เทียนเฉิน แต่นั่นมันเป็นเรื่องที่ไปไม่ได้ เพียงแต่พอได้เห็นท่าทีทำอะไรไม่ถูกของเย่เทียนเฉิน ก็คิดถึงเรื่องที่คนๆ นี้บังอาจมาว่าตนน่าเกลียดที่เครือไห่หวาง รวมกับเมื่อสักครู่ที่ร้านบาร์บีคิวได้พบกับท่าทีเย็นชา ฉีหรูเสวี่ยจึงเตรียมแกล้งเย่เทียนเฉิน ให้คนบ้าคนนี้ได้รู้ว่าอย่ามาหาเรื่องฉันคุณหนูฉี
เมื่อเห็นท่าทางเจ็บปวดใจจนอยากจะร้องไห้ของฉีหรูเสวี่ย เย่เทียนเฉินกลับมีท่าทีไร้อารมณ์ แต่หลัวเยี่ยนกับ เย่เชี่ยนเหวินต่างก็รู้สึกซาบซึ้ง รวมกับที่ฉีหรูเสวี่ยงดงามเป็นทุนเดิม ยามเมื่อผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่งแสดงท่าทางเจ็บปวดใจเจียนตาย เกรงว่าไม่เพียงแต่ผู้ชายเท่านั้น กระทั่งผู้หญิงด้วยกันก็ยังทนไม่ไหว
“ลูกไม่รักดีคนนี้นี่ เรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับหรูเสวี่ยด้วย คนเขาอุตส่าห์หลงรักลูก คนอย่างลูกแค่ได้รับความจริงใจจากหรูเสวี่ย ก็ถือเป็นโชคดีชั่วชีวิตแล้ว!” หลัวเยี่ยนสั่งสอนเย่เทียนเฉินผู้เป็นลูกชายอย่างรุนแรง
“ใช่แล้ว พี่ชาย พี่อย่าไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีเลย แอบดีใจอยู่ล่ะสิท่า พี่หรูเสวี่ย พี่คงเหนื่อยแล้วสินะ เดี๋ยวหนูพาพี่ไปพักผ่อนเอง!” เย่เชี่ยนเหวินมองเย่เทียนเฉินผู้เป็นพี่อย่างเหยียดหยาม แล้วกล่าวออกมา
“ขอบใจเธอมากนะ น้องเฉี่ยนเหวินนับวันก็ยิ่งสวยจริงๆ !” ฉีหรูเสวี่ยพูดยอเย่เชี่ยนเหวินด้วยรอยยิ้ม
เมื่อหลัวเยี่ยนเห็นว่าเย่เชี่ยนเหวินลูกสาวเดินนำฉีหรูเสวี่ยขึ้นไปยังชั้นสอง ก็รีบพูดว่า “เชี่ยนเหวิน ทำความสะอาดห้องข้างๆ ห้องของพี่ชายเราทีนะ ให้พี่หรูเสวี่ยของลูกนอนห้องเดี่ยว!”
“รู้แล้วค่า!” เย่เชี่ยนเหวินกล่าวยิ้มๆ อย่างยินดี
“แม่ครับ แม่คงไม่ได้เชื่อคำพูดของฉีหรูเสวี่ยจริงๆ ใช่ไหมครับ? เธอเป็นคนตระกูลฉี แม่ยังไม่คิดให้ดีๆ ก็ถือเอาคำพูดของฉีหรูเสวี่ยเป็นจริงเป็นจัง ถ้างั้นคนตระกูลฉีจะเห็นด้วยเหรอ? ตระกูลฉีอยากจะเกี่ยวดองกับตระกูลฉิน ดูถูกตระกูลเย่ของพวกเรา ผมเตือนแม่ว่าอย่าให้ผู้หญิงคนนี้อยู่ที่นี่จะดีกว่า!” เย่เทียนเฉินรีบกล่าวอธิบายกับหลัวเยี่ยนผู้เป็นแม่ของตน
เย่เทียนเฉินในตอนนี้กลัวฉีหรูเสวี่ยจริงๆ การแสดงของสาวงามคนนี้ช่างยอดเยี่ยมเหลือเกิน เพิ่งจะได้เจอแม่กับน้องสาวได้ไม่ทันไร ก็ใช้คำพูดกับการแสดงหลอกให้แม่และน้องเห็นใจได้สำเร็จ และยังทำให้แม่กับสองสาวหันมาตำหนิตนได้อีก ความสามารถนี้ช่างลึกล้ำยิ่งนัก เย่เทียนเฉินเทียบไม่ได้เลยสักนิด
หลัวเยี่ยนมองเย่เทียนเฉินผู้เป็นลูก แล้วกล่าวสั่งสอนด้วยคำพูดที่เต็มไปด้วยความลึกซึ้งว่า “ลูก แม่รู้ว่าการถอนหมั้นของตระกูลฉีส่งผลร้ายกับลูกมาก แต่ว่านั่นเป็นเรื่องของตระกูลฉี แม้ว่าฉีหรูเสวี่ยจะเป็นคนของตระกูลฉี แต่แม่เห็นว่าใจของเธออยู่ที่ลูก ไม่งั้นหญิงสาวตัวคนเดียวจะมาบ้านลูกดึกๆ ดื่นๆ ทำไม? การที่ผู้หญิงหนึ่งคนจะทำแบบนี้กับลูก เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย เห็นค่าของมันหน่อยสิ อีกอย่าง ก็ไม่ใช่ว่าลูกแบกเธอกลับมาหรอกเหรอ? ยังกล้าพูดว่าไม่มี ความรู้สึกกับเธออีกเหรอไง?”
“แม่ครับ เรื่องมันไม่ใช่อย่างที่แม่คิด คือ…” เย่เทียนเฉินแทบจะบ้า พอนึกถึงฉีหรูเสวี่ยก็แค้นจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ฉีหรูเสวี่ยผู้หญิงคนนี้ช่างร้ายกาจเหลือเกิน
“ไม่ต้องพูดแล้ว แม่จะไปนอนแล้ว ลูกก็รีบพักผ่อนเถอะนะ”
คำพูดของเย่เทียนเฉินยังไม่ทันพูดหมด หลัวเยี่ยนผู้เป็นแม่ก็หมุนตัวเดินจากไป ท่าทางชัดเจนเป็นอย่างมากว่าเชื่อคำพูดของฉีหรูเสวี่ย ไม่เชื่อคำพูดของตนซึ่งเป็นลูกชายแท้ๆ เลย
“ใช่แล้ว หรูเสวี่ยอาศัยอยู่ในบ้านของพวกเรา ลูกก็อย่าทำเรื่องอะไรไม่ดีล่ะ ถ้าก่อเรื่องอะไรขึ้น แม่กับพ่อไม่ปล่อยลูกไว้แน่!” เมื่อหลัวเยี่ยนนึกออกว่าฉีหรูเสวี่ยและเย่เทียนเฉินอาศัยอยู่ข้างกันโดยมีแค่ผนังกั้นไว้เท่านั้น ก็รีบกล่าวเตือน
“จบแล้ว จบแล้ว พวกแม่โดนป้ายยาแล้ว พวกแม่โดนฉีหรูเสวี่ยป้ายยาซะแล้ว….” เย่เทียนเฉินอดพูดออกมาพลางส่ายหัวด้วยท่าทีจนใจไม่ได้
ฉีหรูเสวี่ยเข้ามาอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลเย่ นี่เป็นความจริงที่ไม่อาจโต้แย้งได้ เย่เทียนเฉินไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจเลยแม้แต่น้อย แค่แม่และน้องสาวสองคนก็ถือเป็นสิทธิ์ในการตัดสินใจสองเสียงแล้ว ไหนเลยผู้ชายอย่างเขาจะยังมีสิทธิ์มีเสียงอยู่อีก หดหู่ใจชะมัด
พักผ่อนในห้องโถงครู่หนึ่ง เย่เทียนเฉินลองเปิดการรับรู้ถึงพลังภายในร่างกายดู แล้วพบว่ายังคงเป็นระดับราชันย์อยู่ หากต้องการทะลวงไปถึงระดับจอมราชันย์ ยังจำเป็นต้องกระตุ้นแก่นพลังพิเศษในสมองให้มากกว่านี้ การต่อสู้ ยังต้องการการต่อสู้มากกว่านี้
รอจนกระทั่งเย่เทียนเฉินอาบน้ำเสร็จ เดินขึ้นไปยังชั้นสองของคฤหาสน์ เปิดประตูห้องเตรียมตัวเข้าไปนอนอยู่นั่นเอง ประตูห้องนอนห้องข้างๆ ก็ถูกเปิดออก ฉีหรูเสวี่ยที่สวมชุดนอนสุดแสนจะเซ็กซี่ บางดุจปีกไหม ช่วยขับเน้นให้เรือนร่างโค้งเว้าอันเต็มไปด้วยความสง่างามของเธอโดดเด่นยิ่งขึ้น โดนเฉพาหน้าอกหน้าใจอันตั้งตระหง่านและก้นอันกลมกลึง ช่างเย้ายวนผู้คนยิ่งนัก
“ดึกขนาดนี้เพิ่งจะมา เมื่อกี้ได้พูดไม่ดีเกี่ยวกับฉันให้แม่นายฟังหรอกรึเปล่า?” ฉีหรูเสวี่ยกล่าวพลางห่อปากอัน เซ็กซี่
“ฉันไม่ได้มีเวลาว่างมาสนใจเธอหรอกนะ ให้เธออยู่ที่นี่แค่คืนเดียว พรุ่งนี้ต้องไป!” เย่เทียนเฉินกล่าวพลางกลอกตาใส่ฉีหรูเสวี่ย
“คำพูดของนายจะทำได้เหรอ? หรือต้องให้คุณแม่กับน้องสาวนายพูดอีกครั้ง ตอนนี้พวกเราเป็นแนวร่วมกันแล้ว ผู้หญิงสามคนรวมทีมกัน นายผู้ชายคนเดียว ยังไงก็ไม่ใช่คู่มือของผู้หญิงสามคนอย่างพวกเราหรอก ยอมแพ้ซะเถอะ ฉันให้อภัยนาย!” ฉีหรูเสวี่ยยิ้มอย่างชั่วร้ายเจือไปด้วยงดงาม กล่าวกับเย่เทียนเฉินอย่างลำพองใจ
“เธอ…คนหน้าด้านนี่ทำได้ทุกอย่างจริงๆ แม่กับน้องสาวของฉันไปเป็นพวกเธอตอนไหน? หยุดเอาดีใส่ตัวได้แล้ว” เย่เทียนเฉินกล่าวอย่างอารมณ์เสีย
ได้ยินคำพูดของเย่เทียนเฉิน ครั้งนี้ฉีหรูเสวี่ยไม่ได้โกรธ กลับเผยรอยยิ้มอันเซ็กซี่ที่มุมปาก เมื่อรวมกับชุดนอนที่บางดุจปีกไหม พอบิดร่างกายของตนเองเล็กน้อยก็ยิ่งน่าลุ่มหลง พูดว่า “รอดูไปเถอะ ฉันจะทำให้นายรู้จักถึงความร้ายกาจ จะทำให้นายรู้ว่ากล้ามาล่วงเกินคุณหนูใหญ่อย่างฉันจะต้องได้รับโทษ”
เย่เทียนเฉินขี้เกียจพูดกับฉีหรูเสวี่ย ในใจก็รู้สึกหดหู่เหลือแสน แม่กับน้องสาวของตนในเวลาปกติก็ออกจะเป็นคนฉลาด ทำไมตอนนี้ถึงได้ถูกฉีหรูเสวี่ยหลอกเอาง่ายๆ อย่างนี้กัน? หรือเป็นเพราะว่าพวกแม่กลัวว่าตนจะได้รับการกระทบกระเทือนหลายครั้งจนหมดความความมั่นใจในตัวผู้หญิง จึงอยากรีบหาผู้หญิงสักคนให้ตนเองแต่งงานให้ได้?
ปัง!
เย่เทียนเฉินไม่สนใจฉีหรูเสวี่ย เดินตรงเข้าไปยังห้องนอนของตนแล้วปิดประตูในทันที ฉีหรูเสวี่ยในตอนนี้อยู่ในจุดที่ได้เปรียบ ได้รับความชื่นชมจากแม่และน้องสาวอย่างลึกซึ้ง ตนจะไปทะเลาะกับเธอก็ไม่มีประโยชน์อะไร สู้เข้านอนเร็วๆ จะดีกว่า
“เย่เทียนเฉิน คนบ้า ฉันยังพูดกับนายไม่จบเลยนะ” พอฉีหรูเสวี่ยเห็นว่าเย่เทียนเฉินกล้าปิดประตูเสียงดังเพื่อแสดงความไม่พอใจใส่ตน ก็โกรธจนขบฟันแล้วเอ่ยขึ้นอย่างดุร้าย
หลังจากปิดประตู เย่เทียนเฉินก็ไม่ได้คิดเรื่องของฉีหรูเสวี่ยอีก แต่กำลังคิดเกี่ยวกับปัญหาเรื่องตระกูลฉิน เรื่องที่เกิดขึ้นติดกันเป็นพรวนในหลายวันมานี้ ต่างก็พิสูจน์ว่าตระกูลฉินต้องการกำจัดตระกูลเย่มาโดยตลอด เพื่อจัดการกับตระกูลเย่ ตระกูลฉินจ่ายเงินซื้อหลี่เถียที่เป็นอัธพาลผู้กุมอำนาจในโลกใต้ดินของเมืองหลวงอย่างไม่เสียดาย ให้มันส่งนักฆ่ามาลอบสังหารพ่อของเย่เทียนเฉิน หากไม่ใช่เพราะคิดว่าไม่มีวิธีการที่ดี และเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อตระกูลเย่ทั้งหมด เย่เทียนเฉินคงลงมือเองไปแล้ว
คนเราต้องใช้หลักเหตุผลไม่ใช่อารมณ์ส่วนตัว เย่เทียนเฉินย่อมไม่ยอมอ่อนข้อให้กับกลุ่มอิทธิพลที่มาคุกคามครอบครัวของตนเองแน่ แต่ว่าตระกูลฉินช่างเจ้าเล่ห์มาก ใช้ทุกวิถีทางจัดการกับตระกูลเย่แต่ไม่ให้ตัวเองเข้าไปมีส่วนเกี่ยวพัน ถ้าหากว่าเย่เทียนเฉินผลีผลามลงมือทำลายตระกูลฉิน เกรงว่าจะไม่ใช่แค่เพียงถูกมวลชนภายนอกวิพากษ์วิจารณ์เท่านั้น ยังทำให้ตระกูลเย่ทั้งหมดต้องพบกับภัยพิบัติอีกด้วย ไม่มีประโยชน์เลยแม้แต่น้อย นี่ไม่ใช่สิ่งที่ เย่เทียนเฉินอยากจะเห็น เพียงแต่สิ่งที่ทำให้เย่เทียนเฉินคิดไม่ตกก็คือ เหตุใดตระกูลฉินถึงเจาะจงตระกูลเย่? ต่อให้ต้องการตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการเมือง H ของพ่อตน ก็ไม่ถึงกับต้องฆ่ากันตายหรอกกระมัง? อีกอย่างหากพูดถึงอำนาจของตระกูลเย่ในตอนนี้ก็เทียบกับตระกูลฉินไม่ได้อยู่แล้ว หรือว่าเรื่องนี้จะมีอะไรบางอย่างแอบแฝงอยู่?
เย่เทียนเฉินนั่งขัดสมาธิบนเตียง เริ่มต้นฝึกฝนพลังพิเศษของตนเอง ค่อยๆ ขับเคลื่อนแก่นพลังในสมอง มือขวาจิ้มใส่โต๊ะคอมด้านข้าง โต๊ะคอมตัวนั้นก็ค่อยๆ ลอยขึ้นมา แล้วลอยมาถึงเบื้องหน้าของเย่เทียนเฉิน เย่เทียนเฉินเปลี่ยนจากกำมือเป็นกามือ โต๊ะคอมทั้งตัวก็เกิดการสั่นไหวครั้งแล้วครั้งเล่า ราวกับคนๆ หนึ่งที่ถูกเย่เทียนเฉินใช้พลังพิเศษควบคุมให้อยู่กลางอากาศพร้อมที่จะถูกทำให้ระเบิดได้ทุกเมื่อ กำลังดิ้นรนอย่างเจ็บปวด
ตอนที่เหตุการณ์ทั้งหมดหยุดลง โต๊ะคอมตัวนั้นก็กลับไปอยู่ที่เดิมอย่างสงบ เย่เทียนเฉินลืมตาขึ้น แม้ว่าพลังพิเศษในร่างกายจะเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ แต่ว่าหากต้องการทะลวงไปสู่ระดับจอมราชันย์ ก็ยังต้องการการกระตุ้นแก่นพลังในสมองอย่างรุนแรง การต่อสู้ การฆ่าฟัน มีเพียงสิ่งเหล่านี้เท่านั้นที่จะทำให้ทะลวงผ่านไปได้
ตอนที่อยู่ในโลกแห่งความวินาศ เย่เทียนเฉินก็ต่อสู้จนถึงขั้นผู้มีพลังพิเศษระดับพระเจ้า ไม่ทราบว่าผ่านการต่อสู้เป็นตายมามากน้อยแค่ไหน ไม่ทราบว่ากลับมาจากหุบเหวแห่งความตายกี่ครั้ง ตัวเขาเองก็จำได้ไม่ชัดเจนแล้ว แต่ว่าตลอดมาเขาก็มีความเชื่ออันแน่วแน่อย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเวลาใด สภาพแวดล้อมใด ความแข็งแกร่งของตนเองเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง หากคุณไม่แข็งแกร่งมากพอ ก็เป็นได้เพียงเนื้อปลาให้ผู้อื่นมากัดกิน ทำได้แต่กล้ำกลืนฝืนทน
………………………………………………