เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 3 รับมือแซนเบเกอร์
ภูเขาอันรกร้างว่างเปล่า ท้องฟ้ามืดลง แสงจันทร์อ่อนๆ สามารถมองเห็นเส้นทางขรุขระได้อย่างเลือนราง เย่เทียนเฉินแบกหานเจี๋ยเดินไปยังค่ายใหญ่ของกลุ่มทหารรับจ้างมารโลหิตตามคำสารภาพของเชลยชาวแอฟริกาผู้นั้น
“เทียนเฉิน ฟ้ามืดลงแล้ว อย่างไรพวกเราหาที่พักก่อน พรุ่งนี้ค่อยลงมือไหม?”
หานเจี๋ยหลับไปหลายชั่วโมง ร่างกายฟื้นฟูกลับมาแล้วเล็กน้อย มองสีฟ้าท้องสักพักจึงเสนอออกมา
“ไม่ ยิ่งเป็นคืนที่มืดมิด ก็ยิ่งเหมาะกับการล่า” เย่เทียนเฉินกล่าวออกมาอย่างสงบ
เย่เทียนเฉินไม่ได้หันกลับไปมองหานเจี๋ย ทำเพียงเดินไปข้างหน้าทีละก้าวด้วยความรวดเร็ว เนื่องจากภายใต้สภาพแวดล้อมเช่นนี้ ทุกที่มีอันตรายแอบซ่อนอยู่ การต้องเจอกับการซุ่มโจมตีของกลุ่มทหารรับจ้างมารโลหิตระหว่างทางก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
แม้ว่าพลังพิเศษของเย่เทียนเฉินจะยังไม่ฟื้นคืนมา ลงจากระดับพระเจ้าเหลือเพียงระดับราชัน กระทั่งพลังหนึ่งส่วนยังใช้ออกมาได้อย่างยากลำบาก แต่เพื่อป้องกันการลอบโจมตี ในตอนที่ท้องฟ้าเพิ่งจะมืดลง เย่เทียนเฉินได้กระตุ้นพลังพิเศษอันเบาบางภายในร่าง รับรู้การเคลื่อนไหวรอบๆ ขณะเดียวกันก็รวบรวมพลังไปที่ดวงตาทั้งสอง ทำให้การเดินทางช่วงกลางคืนสว่างราวกับกลางวัน
สิ่งที่ทำให้เย่เทียนเฉินรู้สึกปวดหัวก็คือ ในโลกก่อนนั้นระดับพลังของเขาอยู่ที่ระดับพระเจ้า เมื่อเข้าสู่โหมดระวังภัย กระทั่งเสียงหญ้าขยับหรือเสียงดินแตกรอบด้านหลายสิบลี้(1ลี้เท่ากับ500เมตร) เขาก็ยังได้ยิน แต่ตอนนี้ ขอบเขตการรับรู้อยู่ที่หนึ่งร้อยเมตรก็ถึงขีดจำกัดแล้ว คงจะต้องหาวิธีการยกระดับพลังเสียแล้ว
เมื่อเย่เทียนเฉินหยุดเดิน หานเจี๋ยก็ค่อยๆลืมตาขึ้น เกือบจะส่งเสียงเรียกออกไปเนื่องจากไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาใดแล้ว เธอถูกเย่เทียนเฉินแบกขึ้นมาบนต้นไม้สูงเสียดฟ้าต้นหนึ่ง ตรงนี้สามารถมองเห็นเต็นท์หลายหลังบริเวณห่างออกไปไม่ถึงร้อยเมตรได้อย่างชัดเจน บริเวณรอบๆของแต่ละเต็นท์มีโจรถือปืนกลมืออยู่สองคน เมื่อมองใต้ต้นไม้อีกครั้ง พบว่ามีศพสองศพนอนอยู่ ล้วนถูกฆ่าโดยการใช้กริชปาดคอหอยในแผลเดียว
เมื่อเห็นดังนี้ หานเจี๋ยก็มองเย่เทียนเฉินด้วยความสงสัย เธอเริ่มรู้สึกว่าตัวเองไม่รู้จักเขาแล้ว แต่เดิมก็เป็นเพียงเย่เทียนเฉินทหารแห่งหน่วยรบพิเศษ ทั้งประสบการณ์ในการรบจริง ทั้งความกล้าหาญและความรู้ ก็สู้ทหารหน่วยรบพิเศษคนเก่าๆไม่ได้ แต่เย่เทียนเฉินในตอนนี้ พลังความสามารถที่เขาแสดงออกมาทำให้ผู้คนต้องตกตะลึง ขณะที่แบกเธออยู่นั้น ไม่เพียงแต่ฆ่าโจรได้สองคน แต่ยังสามารถปืนขึ้นมาบนต้นไม้สูงขนาดนี้ได้อีกด้วย และยังไม่กระเทือนมาถึงเธอ ความสามารถนี้เกรงว่าจะสามารถเทียบได้กับสามราชันนักรบแห่งบูรพา
“พี่หาน พี่อยู่นิ่งๆตรงนี้นะ ผมจะไปล้างบางพวกโจรกลุ่มนี้หน่อย เสร็จแล้วพวกเราก็ไปจากที่นี่ได้” เย่เทียนเฉินกล่าวเสียงเบา
“ให้ฉันไปกับนายด้วยเถอะ นายอย่าดูเบาฉันไป สมัยก่อนฉันก็เป็นทหารหน่วยรบพิเศษคนหนึ่งเหมือนกัน” หานเจี๋ยกังวลว่าพลังของเย่เทียนเฉินคนเดียวอย่างไรก็มีจำกัด แม้ว่าตอนนี้กำลังรบที่เขาแสดงให้เห็นนั้นจะมหัศจรรย์มาก แต่ศัตรูนั้นมีอาวุธหนักจำนวนมาก อีกทั้งมียอมฝีมือจากกลุ่มทหารรับจ้างมารโลหิจอีกจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะรองหัวหน้ากลุ่มแซนเบเกอร์ ทำให้หานเจี๋ยเป็นกังวลมาก เป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง
“ไม่ต้องหรอก การต่อสู้ของลูกผู้ชาย ผู้หญิงคอยชมอยู่ข้างๆก็พอแล้ว!”
ไม่รอให้หานเจี๋ยได้ตอบ เย่เทียนเฉินก็กระโดดลงไปข้างล่าง ถึงพื้นก็ม้วนตัวหนึ่งครั้งแล้วพุ่งตัวออกไปราวสายฟ้า หานเจี๋ยมองไปก็เห็นเพียงภาพเบลอๆเบื้องหน้า
หานเจี๋ยนั้นเดิมทีก็เป็นทหารหน่วยรบพิเศษหญิงที่รู้กันว่างดงามและเข้มแข็งอดทน ในยามปกติหากมีคนกล้ามองว่าเธอเป็นเพียงผู้หญิงอ่อนแอ ก็จะต้องเจอกับกำปั้นของเธอ แต่ว่าตั้งแต่ที่เย่เทียนเฉินลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนนั้น ทุกเรื่องก็มีเขาเป็นคนคอยนำ หากไม่ใช่เขา หานเจี๋ยคงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว ดังนั้นในใจหานเจี๋ยก็ไว้ใจและเชื่อใจผู้ชายคนนี้มากขึ้นทุกที เพียงแต่รู้สึกแปลกๆอยู่บ้างที่ชายคนนี้อยู่ดีๆก็เปลี่ยนไปแข็งแกร่งเช่นนี้
ท่ามกลางเต็นท์ที่ตั้งอยู่บนพื้นดินว่างเปล่า เต็นท์ที่อยู่ตรงกลางมีชายหัวโล้นคนหนึ่ง มือซ้ายถือมีดบินเล่น มือขวาถือแก้วเหล้า มีลูกน้องหลายคนยืนอยู่เบื้องหน้าเขา ต่างก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ชายคนนี้ก็คือแซนเบเกอร์ อาชญากรระดับโลก ตอนนี้มันโกรธมาก มันเพิ่งได้รับรายงานจากลูกน้องว่า สมาชิกจากกลุ่มทหารรับจ้างมารโลหิตที่มันส่งไปนั้นถูกฆ่าตายหมดแล้ว ทหารหน่วยรบพิเศษทั้งเจ็ดแห่งบูรพา ตอนนี้ยังเหลืออีกสองคนที่ยังไม่ตาย นี่ทำให้มันโมโหมาก
“ไอพวกขยะ ไอพวกงี่เง่า พวกแกเป็นทหารชั้นยอดจากกลุ่มทหารรับจ้างมารโลหิต แค่พวกหน่วยรบพิเศษสองคนจากตะวันออกก็ฆ่าไม่ได้ น่าขายหน้าจริงๆ!” แซนเบเกอร์ด่าออกมาด้วยเสียงอันดัง
“รองหัวหน้ากลุ่ม พวกเราไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ตอนแรกพวกหน่วยรบพิเศษที่หนีไปสองคนฝีมือมันไม่ใช่แบบนี้ ไม่รู้ว่าความเก่งกาจของพวกมันอยู่ดีๆก็โผล่มาจากไหน หรือว่ามียอมฝีมือจากตะวันออกคอยสนับสนุนพวกมันอยู่?” ลูกน้องคนหนึ่งในกลุ่มทหารรับจ้างมารโลหิตกล่าวออกมาด้วยสีหน้าลำบากใจ
แซนเบเกอร์มองชายคนนั้นอย่างดุร้าย ไม่ทันไรก็ขว้างมีดบินในมือซ้ายออกไป การกระทำรวดเร็วมาก ราวกับว่าตอนที่มีดกำลังบินไปเป็นช่วงเวลาเดียวกับตอนที่ไปปักอยู่บนอกของลูกน้องคนนั้น สร้างความตกตะลึงให้แก่ลูกน้องคนอื่น ต่างก็ก้าวถอยหลังกันไปหลายก้าว
แซนเบเกอร์มองสมาชิกกลุ่มทหารรับจ้างมารโลหิตที่นอนจมกองเลือด พลางโบกมือครั้งหนึ่ง สมาชิกด้านข้างสองคนก็มายกศพออกไป สำหรับแซนเบเกอร์แล้วการฆ่าลูกน้องตายไปหนึ่งคนนั้นไม่นับว่าเป็นการสูญเสียแม้สักครึ่งส่วน และไม่อาจทำให้อารมณ์ของเขาเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย
แต่สิ่งที่ทำให้แซนเบเกอร์โกรธก็คือ ครั้งนี้รัฐบาลของประเทศmจ่ายเงินจำนวนมหาศาลจ้างสมาชิกของกลุ่มทหารรับจ้างมารโลหิต เป้าหมายก็เพื่อให้จัดการกับหน่วยรบพิเศษของฝั่งตะวันออก อีกทั้งหลายปีมานี้ ทหารหน่วยรบพิเศษได้โจมตีแก๊งลักลอบขนของเถื่อนครั้งแล้วครั้งเล่า สร้างผลงานยอดเยี่ยม แต่ก็ได้รับความเกลียดชังด้วย
ระหว่างที่รับเงินมาจำนวนมหาศาล หัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างมารโลหิตก็ส่งแซนเบเกอร์มา ให้คนระดับรุ่นใหญ่อย่างเขาพาสมาชิกชั้นยอดจากกลุ่มทหารรับจ้างมารโลหิตเกือบร้อยคน ร่วมวางแผนอย่างรอบคอบก่อนจะทำการซุ่มโจมตี ทำให้ทหารหน่วยรบพิเศษทั้งเจ็ดของพวกเย่เทียนเฉินต้องพบกับการโจมตีอย่างหนัก เดิมทีคิดว่าจะสามารถจัดการกวาดล้างให้หมด คิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินกับหานเจี๋ยจะหนีไปได้ ตอนนี้ก็ยังมีผู้ที่มีทักษะการสู้รบสูงโผล่มาอีกคน สังหารสมาชิกชั้นยอดสองสามคนที่ไล่ตามไปทั้งหมด ทำให้แซนเบเกอร์คับแค้นใจอย่างมาก นี่มันน่าขายหน้าจริงๆ และยังทำให้ชื่อเสียงระดับโลกของกลุ่มทหารรับจ้างมารโลหิตต้องเสียหายอีกด้วย
ตุบ ตุบ ศพสองศพถูกโยนเข้ามาในเต็นท์ ล้วนเป็นศพที่ถูกตัดคอหอยในแผลเดียว แซนเบเกอร์ขมวดคิ้วพลางลุกขึ้น เย่เทียนเฉินยิ้มที่มุมปากอย่างเย็นชา ในมือขวาถือกริชชุ่มเลือดเล่มหนึ่งพลางเดินเข้ามาในเต็นท์
“มึง….มึงเป็นใคร?” แซนเบเกอร์ไม่คิดว่าทหารหน่วยรบพิเศษจากฝั่งตะวันออกที่ถูกพวกเขาไล่ฆ่าจกตกหน้าผา จะกล้าจับมีดเข้าตอบโต้ นี่ไม่ใช่ว่ารนหาที่ต้องหรอกเหรอ?
“คนที่จะมาฆ่าแกไง!” เย่เทียนเฉินกล่าวอย่างเย็นชา เดินเข้าไปหาแซนเบเกอร์ทีละก้าวทีละก้าว
แซนเบเกอร์ขมวดคิ้ว มันไม่คิดว่าทหารหน่วยรบพิเศษจากฝั่งตะวันออกจะมีความกล้าเช่นนี้ ถูกโจมตีจนพ่ายแพ้ยับเยินไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะยังกล้ามาโจมตีค่ายใหญ่ของพวกมันอีก
“ฮ่าๆๆๆ กูกำลังคิดอยู่ว่าจะหามึงไม่เจอ ไม่คิดเลยว่ามึงจะเอาตัวเองมาส่งให้ถึงที่ ไปตายซะเถอะ….”
เพิ่งจะพูดจบ แซนเบเกอร์ก็ควักปืนพกออกมาอย่างรวดเร็ว คิดจะใช้ปืนยิงเย่เทียนเฉินให้ตาย แต่มันเพิ่งจะควักปืนออกมาเย่เทียนเฉินก็พุ่งเข้ามาเบื้องหน้า ต่อยไปที่ข้อมือขวาของแซนเบเกอร์หนึ่งหมัด ทำให้ปืนพกกระเด็นออกไป
“อ้าก!” แซนเบเกอร์ส่งเสียงร้องออกมา ไม่คิดว่าเย่เทียนเฉินจะร้ายกาจเช่นนี้ เกือบจะทำให้ข้อมือของมันหักไปแล้ว
ไม่เสียทีที่แซนเบเกอร์เป็นถึงรองหัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างมารโลหิต เพียงไม่นานก็สงบลงได้ ส่งเสียงร้องแปลกๆออกมาพลางโถมตัวพาร่างกายสูงเมตรกว่ากระโดดเข้าไป หมัดทั้งสองพุ่งไปยังจุดสำคัญบนร่างกายของเย่เทียนเฉินอย่างรวดเร็วไม่มีใครเทียบได้
ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ พลังของแซนเบเกอร์แข็งแกร่งมาก สามารถขึ้นเป็นรองหัวหน้าของกลุ่มทหารรับจ้างมารโลหิตได้นั้น แน่นอนว่าย่อมไม่ใช่พวกประเภทสัตว์กินพืช ตั้งแต่เริ่มการซุ่มโจมตีจนถึงตอนนี้แซนเบเกอร์นั้นยังไม่ได้ลงมือ มันคิดว่าคนเหล่านี้ไม่คู่ควรที่จะให้มันลงมือ ทหารหน่วยรบพิเศษทั้งหกคนที่ตายไปก็เป็นพวกลูกน้องของมัน ตอนแรกคิดว่าตัวเองคงไม่มีโอกาสได้ลงมือแล้ว ใครจะรู้ว่าการปรากฏตัวของเย่เทียนเฉินจะทำให้แซนเบเกอร์รู้สึกได้ถึงอันตราย
เย่เทียนเฉินเองก็ตกใจอยู่บ้าง เดินทีเขาคิดว่าในโลกนี้จะไม่มียอดฝีมืออะไรเสียอีก มีเพียงแค่ในโลกก่อนเท่านั้น ที่มีผู้แข็งแกร่งจากพรรควรยุทธโบราณออกมาเคลื่อนไหว ผู้มีพลังพิเศษก็ใช้อำนาจบาตรใหญ่ทำให้โลกวุ่นวาย มนุษย์กลายพันธุ์กับพวกสัตว์อสูรก็แข็งแกร่งหาที่เปรียบ ดูท่าแล้วเขาคงคิดผิด ไม่ใช่ว่าจะมีเพียงแค่ที่โลกเดิม ไม่ว่าจะโลกไหนต่างก็มียอดฝีมืออยู่ ด้วยระดับฝีมือของแซนเบเกอร์ แน่น่อนว่าย่อมต้องมีความหยิ่งผยองอยู่ในตัว
แซนเบเกอร์ออกหมัดไม่หยุด สองหมัดราวกับคลื่น และยังทำให้อากาศเกิดการสั่นสะเทือน ต่อยจนอากาศส่งเสียงดังปังปัง เห็นได้ชัดว่าหมัดของเขาแฝงด้วยพลังภายใน ถูกหมัดเช่นนี้ต่อย กระดูกจะต้องหักออกเป็นสามท่อนแน่นอน แต่แซนเบเกอร์กลับร้อนใจ หลายปีมานี้ดูเหมือนมันจะไม่ได้เจอกับคู่ต่อสู้เลย แม้จะเจอก็สามารถล้มได้ในไม่กี่หมัด แต่เจ้าหนุ่มชาวตะวันออกตรงหน้า ฝีมือไม่ใช่กระจอก ใช้พลังทั้งหมดก็ยังไม่สามารถทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บได้ ทำให้ต้องตะลึงจริงๆ
หนึ่งหมัดของแซนเบเกอร์ผลาสไปด้วยพลังภายในจำนวนมาก ต่อยไปยังคอของเย่เทียนเฉิน เย่เทียนเฉินนัยน์ตาเย็นเฉียบ พลิกตัวระเบิดหมัดสวนกลับไปหนึ่งหมัด การหลบหลีกเมื่อสักครู่นี้เพียงเพื่อจะกระตุ้นพลังพิเศษในร่างกายเท่านั้น เขาพบว่าขอเพียงอยู่ในการสู้รบ จุดกำเนิดพลังในสมองจะส่องแสงอ่อนๆ พลังตามชีพจรก็จะถูกกระตุ้นออกมา
ปัง!
หมัดของเย่เทียนเฉินปะทะกับหมัดของแซนเบเกอร์ เย่เทียนเฉินถอยหลังไปสองก้าว รู้สึกว่าแขนขวาชาเล็กน้อย แต่แซนเบเกอร์ถูกซัดกระเด็นปลิวไปทั้งตัว ทำให้เต็นท์กลายเป็นรูใหญ่
‘ท่าทางพลังระดับราชันจะไม่พอใช้ซะแล้ว ยอดฝีมือในโลกนี้ก็มีไม่น้อย ต้องพยายามเพิ่มพลังถึงจะดี!’ เย่เทียนเฉินคิดในใจ
เกิดการเคลื่อนไหวโครมครามที่นี่ พวกโจรชั่วจากกลุ่มทหารรับจ้างมารโลหิตทุกคนต่างกรูกันเข้ามา ยกปืนขึ้นเล็งไปยังเย่เทียนเฉิน มือซ้ายของแซนเบเกอร์กุมไหล่ขวาของตนแน่น เจ็บจนส่งเสียงรอดไรฟันพลางมองเย่เทียนเฉินอย่างโหดเหี้ยมแล้วกล่าวว่า “ฝีมือไม่เลวเลย สักวันกูจะฆ่ามึงให้ตายยคามือกู!”
………………………………..