เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 31 สั่งสอนตำรวจเลว
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับตำรวจสองนายที่มีท่าทีเหมือนอันธพาล เย่เทียนเฉินก็ไม่เกรงใจ ส่งหมัดสองหมัดออกไป ซัดตำรวจทั้งสองเสียจนคุกเข่าลงกับพื้น สองมือกุมท้องของตนเองไว้แน่น เจ็บจนแยกเขี้ยวยิงฟัน
“แก…แกกล้าลงมือกับตำรวจ…”
“ทำร้ายเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฏหมาย…เพิ่มความผิดอีกหนึ่งกระทง…”
ตำรวจเลวทั้งสองถูกเย่เทียนเฉินอัดจนลุกไม่ขึ้น ต่อให้ไม่ได้ใช้พลังพิเศษ พลังกายของเย่เทียนเฉินในตอนนี้ก็พัฒนาความแข็งแกร่งขึ้นตามลำดับ แค่หมัดธรรมดาๆ หมัดหนึ่งไม่ใช่อะไรที่คนธรรมดาจะรับไหว
“อย่างพวกแกสองคนนับว่าเป็นตำรวจ นับว่าเป็นข้าราชการของประชาชนด้วยเหรอ? ฉัน เย่เทียนเฉินเวลารับมือกับคนเลว แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยอ่อนข้อให้เด็ดขาด พูดมาเถอะ ใครส่งพวกแกมา?” เย่เทียนเฉินกล่าวเสียงเข้ม
“แกกล้าลงมือกับพวกฉัน จบไม่สวยแน่”
“รอไปถึงสถานนีตำรวจก่อนเถอะ ค่อยจัดการแก”
ไม่กล่าวไม่ได้ว่า ตำรวจเลวสองคนนี้ แม้ว่าจะถูกเย่เทียนเฉินอัดอย่างอนาถจนไม่มีแรงโต้กลับ แต่กลับยังปากดี เนื่องจากพวกมันยังสวมใส่บทบาทของตำรวจ อยู่ใต้ร่มธงของสถานีตำรวจสันติบาล ชาวบ้านธรรมดาตาสีตาสาคนไหนพบเห็นแล้วไม่กลัว ไม่เกรงใจพวกเขาบ้าง? เกรงว่าวันนี้จะเป็นครั้งแรก
เปรี้ยง!
เดิมทีเย่เทียนเฉินก็ไม่อยากจะเสวนาอะไรมากมายกับตำรวจเลวสองคนนี้อยู่แล้ว เขาเตะใส่ ตำรวจนายหนึ่งกระเด็นออกไป ทำให้ตำรวจอีกคนตกใจจนนิ่งอึ้ง เจ้าหมอนี่มันเป็นใครกันแน่? กล้าลงมือกับตำรวจโดยไม่คิดถึงผลเสียที่จะตามมาภายหลังเลย
เดิมที่ตอนที่เย่เทียนเฉินอยู่ตรงประตูก็เตรียมตัวจัดการกับตำรวจเลวทั้งสองอยู่แล้ว เมื่อตำรวจสองคนนี้พูดและแสดงท่าทางพาล เย่เทียนเฉินก็รู้ว่าตำรวจสองคนนี้ต้องถูกคนอื่นซื้อตัวให้มาสร้างความยุ่งยากให้แก่ตนเองแน่ สำหรับคนเลวๆที่อาศัยความยุติธรรมบังหน้าเช่นนี้ เย่เทียนเฉินไม่ยอมอ่อนข้อให้เด็ดขาด หากไม่ใช่เพราะเกรงว่าจะทำให้แม่ตกใจกลัว เย่เทียนเฉินคงลงมือไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว
“เหมาะสมกับแกแล้ว!” เย่เทียนเฉินมองตำรวจอีกคนที่เหลือ พูดด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
ตำรวจเลวอีกคนที่เหลือคิดว่าจบเห่แน่แล้ว พอมองเพื่อนร่วมงานที่ถูกเตะปลิวออกไปนอนร้องโหยหวนกับพื้นราวหมูถูกเชือด ก็รู้สึกว่าคนตรงหน้านี้ช่างดุดันจริงๆ ไม่สนใจฐานะของพวกเขาเลยสักนิด เดิมทีพวกเขาทั้งสองคิดว่า ขอเพียงพาตัวเย่เทียนเฉินไปได้ ก็อัดสั่งสอนหนักๆ ก่อนสักยกค่อยว่ากันอีกที ต่อให้เจ้าหมอนี่ไม่ได้ฆ่าคน ก็ต้องใหรับผิดให้ได้ แบบนี้ถึงจะสามารถประจบฝั่งของหลี่เถียไดทั้งยังได้รับผลประโยชน์ไม่น้อย
ใครจะไปรู้ว่าเย่เทียนเฉินจะไม่ใช่ลูกพลับนิ่ม ลงมือเด็ดขาด อัดจนพวกมันสองคนกลายเป็นลูกพลับนิ่มเสียเอง
“ผม…ผม มีคนไปแจ้งความจริงๆ บอกว่าคุณมีความเกี่ยวข้องกับคดีฆาตรกรรมเมื่อคืนนี้ พวกผมเพียงแค่อยากเชิญคุณกลับไปเพื่อให้ความร่วมมือในการสืบสวนเท่านั้นเอง” ตำรวจเลวอีกคนกลัวเย่เทียนเฉินจนแข้งขาอ่อน รีบเอ่ยปากขึ้น
“ใครเป็นแจ้งความ?” เย่เทียนเฉินเปิดปากถาม
“ละ…ลูกน้องของหลี่เถีย…”
“ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง งั้นพวกเราไปกันเถอะ…” เย่เทียนเฉินพยักหน้า กล่าวด้วยรอยยิ้ม
พอพูดถึงหลี่เถียเย่เทียนเฉินก็ว่ากระจ่างแจ้ง ตนเองฆ่าเฉินหู่ และเฉินหู่เป็นลูกน้องของหลี่เถีย หลี่เถียคงไม่ปล่อยให้จบง่ายๆ แน่ อีกอย่างจากคำสารภาพของเฉินหู่ กลุ่มอิทธิพลที่อยู่เหนือหลี่เถียก็คือตระกูลฉิน ต่อให้ตนเองไม่ลงมือ จะช้าเร็วก็ต้องเผชิญหน้ากับหลี่เถียอยู่ดี คนคนนี้เป็นหัวหน้าผู้มีอิทธิพลใต้ดินของเมืองหลวง หากจะจัดการจะต้องมีแผนการ
“ไป? พะ…พวกเราจะไปไหนเหรอครับ?” ตำรวจอีกคนที่เหลือรู้สึกสับสน ไม่ทราบว่าที่เย่เทียนเฉินพูดนั้นหมายถึงอะไร
“ไปสถานีตำรวจไง พวกคุณมาเพื่อจับผมไม่ใช่เหรอครับ?” เย่เทียนเฉินเอ่ยขึ้น
“หา? ไม่ ไม่ น้องชาย นี่…นี่มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด…”
“ใช่ๆ เป็นเรื่องเข้าใจผิด…”
ตำรวจเลวที่ถูกเย่เทียนเฉินเตะปลิวออกไป เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มฝืนๆ เขาถูกเย่เทียนเฉินอัดจนขลาดกลัวไปแล้ว แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยเจอคนเช่นนี้มาก่อน กล้าลงมือแม้กระทั่งตำรวจ แถมยังลงมืออย่างดุดัน เล่นเอาพวกมันทั้งสองไม่มีแรงที่จะตอบโต้เลยสักนิด
“ไปเถอะ ยังไงก็ทำให้พวกคุณสองคนส่งงานให้เสร็จสักหน่อยดีไหมครับ?” เย่เทียนเฉินกล่าวพลางเปิดประตูรถตำรวจ เตรียมเข้าไปนั่ง
“ไม่…ไม่ต้องหรอก น้องชาย นี่มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดทั้งหมด…”
“ถ้ายังไม่ไปอีก หมัดของผมอาจจะไปถูกอะไรเข้าอีกก็ได้นะครับ!” เย่เทียนเฉินยกหมัดประกอบคำพูด
“อา…ไป ไปสิ!”
“เอาตามที่น้องชายว่าเลย เอาตามที่น้องชายว่าเลย”
การรับมือกับตำรวจเลวๆ ที่รังแกคนไม่มีทางสู้หวาดกลัวคนมีอำนาจเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรให้มากความ แค่ใช้หมัดก็เพียงพอแล้ว ที่เย่เทียนเฉินยังต้องการไปสถานีตำรวจกับตำรวจทั้งสองนายนี้ เป็นเพราะอยากจะดูว่าหลี่เถียยังมีลูกเล่นอะไรเหลืออยู่อีก หลี่เถียเป็นลิ่วล้อของตระกูลฉิน หากอยากจะเก็บกวดตระกูลฉินก็ต้องเก็บกวาดหลี่เถีย
เมื่องนั่งอยู่ในรถตำรวจ ตำรวจเลวทั้งสองก็ไม่กล้าพูดจาอันธพาลหรือใช้อำนาจบาตใหญ่อีก พวกเขาพูดคุยกับเย่เทียนเฉินด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม แถมยังอาสาส่งบุหรี่แล้วจุดไฟให้พร้อมสรรพ ทำเอาเย่เทียนเฉินรู้สึกเขินๆเล็กน้อย เขาสูบบุหรี่มวนแล้วมวนเล่า ในโลกแห่งความวินาศ การสูบบุหรี่สักมวนไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ครึ่งชั่วโมงต่อมา รถตำรวจจอดลงบริเวณประตูของสำนักงานตำรวจสถานีตำรวจสันติบาลสถานีตำรวจสันติบาลแห่งเมืองหลวง ตำรวจเลวทั้งสองเชิญเย่เทียนเฉินลงจากรถด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม แล้วพาเข้ามาในสำนักงานตำรวจสถานีตำรวจสันติบาลด้วยความเคารพนอบน้อม ชายฉกรรจ์สวมสูทดำด้านข้างเห็นดังนั้นก็อดไม่ได้ตกใจไม่ได้
ชายฉกรรจ์คนนี้เป็นคนของหลี่เถียฉายาหมีภูเขา เขาเป็นผู้ที่มาแจ้งความและซื้อตัวตำรวจเลวทั้งสอง เพื่อต้องการให้ลงมือจัดการกับเย่เทียนเฉินอย่างลับๆ แต่คิดไม่ถึงเลยว่า เขาที่รออยู่ที่นี่มาตลอดเพื่อต้องการดูเรื่องน่าหัวเราะของเย่เทียนเฉิน กลับจับต้นชนปลายไม่ถูก เพราะหลังจากที่ลงรถมา ตำรวจเลวทั้งสองคนดันทำตัวเคารพนอบน้อม เย่เทียนเฉิน
เสียงประตูดังขึ้น เย่เทียนเฉินถูกพาเข้าไปขังไว้ในห้องห้องหนึ่ง ตำรวจเลวสองคนที่เดิมทีมีท่าทางเคารพรอบน้อมต่อเย่เทียนเฉิน พริบตาก็เริ่มทำตัวกร่างขึ้นมาอีกครั้ง
“แม่งเอ้ย ไอ้สารเลวแกกล้าอัดฉันเหรอ เดี๋ยวแกจะได้รู้ว่าใครเจ๋ง”
“เตรียมตัวตายเถอะ ใครก็ช่วยแกไม่ได้!”
เย่เทียนเฉินยิ้มบางๆ เขาเดาได้ตั้งแต่แรกแล้วว่าหลังจากที่มาถึงสถานีตำรวจ จะต้องเกิดสถานการณ์เช่นนี้ แต่เขาก็ยังมา ในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้วก็ต้องยอมรับและทำให้ดีที่สุด เย่เทียนเฉินอยากจะดูสักหน่อยว่าต่อไปหลี่เถียจะยังมีลูกไม้อะไรอีก เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะซื้อตัวตำรวจเลวทั้งสองให้ฆ่าตนเองทิ้ง”
เมื่อหมีภูเขาเห็นตำรวจเลวทั้งสองเดินออกมาก็รีบเข้าไปรับหน้าพร้อมทั้งถามว่า “เรื่องที่ให้ทำเป็นยังไงบ้าง?”
“แม่งเอ้ย อย่าไปพูดถึงเลย ไอ้หมอนี่มันโหดมาก พวกเราสองคนถูกมันอัดมา!”
“แต่ว่าตอนนี้ไอ้หมอนี่มันถูกพวกเราขังไว้แล้ว ต่อให้ติดปีกก็หนีไม่รอด จะทำไงต่อให้พี่หลี่รีบตัดสินใจหน่อยเถอะ” ตำรวจเลวอีกคนหนึ่งกล่าวด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย
นี่คือสิ่งที่เรียกว่าเจ้าหน้าที่สมคบโจร อิทธิพลมืดในทุกสถานที่ ถ้าหากไม่ได้รับการคุ้มครองจากรัฐบาลท้องถิ่นหรือการสนับสนุนจากฝ่ายความปลอดภัยสาธารณะ ก็จะไม่สามารถก่อตัวขึ้นมาได้ได้ หลี่เถียเป็นหัวโจกผู้นำของอิทธิพลใต้ดินของเมืองหลวง แน่นอนว่าย่อมมีความสัมพันธ์กับอิทธิพลเบื้องบนเป็นอย่างดี(ต้นฉบับไม่มี)
“ไอ้หมอนี่แม่งทำตัวระรานจริงๆ พี่หลี่มีคำสั่งลงมาตั้งนานแล้ว หากจัดการได้ก็ให้จัดการซะ หากไม่ได้ก็ทำให้มันออกจากคุกไม่ได้ไปตลอดชาติ เมื่อถึงเวลาเงินรางวัลจะโอนเข้าบัตรของพวกคุณสองคน” หมีภูเขาพูดขึ้นอย่างดุร้าย
“ไม่มีปัญหา!”
“พวกเราจะทำตามเดี๋ยวนี้!”
เย่เทียนเฉินที่กำลังนั่งสูบบุหรี่อย่างสบายอกสบายใจอยู่ในห้องที่ถูกปิดสนิท ได้ยินคำพูดของหมีภูเขาและตำรวจเลวทั้งสองตั้งแต่แรก ถึงแม้ว่าตอนนี้ระดับพลังพิเศษของเย่เที่ยนเฉินจะยังไม่ไปถึงระดับจอมราชันย์ แต่ก็มีสัญญาณรางๆ ว่าจะสามารถทะลวงไปได้ ดังนั้นเขาไม่เพียงสามารถรับรู้สถานการณ์รอบๆ ได้ประมาณหนึ่งร้อยเมตร แต่ยังสามารถได้ยินเสียงสนทนาของผู้คนอีกด้วย
ประตูห้องถูกเปิดออก ผู้ที่เดินเข้ามายังคงเป็นตำรวจเลวสองคนนั้น พวกเขาไปจับเย่เทียนเฉินโดยที่ไม่ได้รับความเห็นชอบจากภายในสถานีตำรวจ เป็นการใช้อำนาจในทางที่ผิด
ตำรวจหนึ่งในนั้นถือกระบองไฟฟ้าเอาไว้ในมือ ส่วนตำรวจอีกคนถือเอกสาร ตำรวจเลวสองคนต่างก็ยกยิ้มชั่วร้าย เดินเข้าไปหาเย่เทียนเฉิน
โครม!
แฟ้มเอกสารถูกโยนไว้เบื้องหน้าเย่เทียนเฉิน ตำรวจเลวคนหนึ่งกล่าวพูดขึ้นอย่างอวดดีว่า “เซ็นชื่อให้ฉันซะ!”
เย่เทียนเฉินใช้สายตามองสิ่งที่เขียนอยู่บนเอกสาร โดยทั่วไปก็เป็นคดีใหญ่ๆ ที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงในหนึ่งเดือนมานี้ ตำรวจเลวสองนายนี้ให้ตนเซ็นชื่อ เห็นได้ชัดว่าต้องการยัดเยียดข้อหาให้ ในสังคมที่ปกครองด้วยกฏหมายซึ่งยุติธรรมและตรงไปตรงมา นับว่าใจกล้าไม่เลวเลยทีเดียว
“ผมคงเซ็นไอ้นี่ไม่ได้หรอก ต่อให้ผมมีสิบคน ก็เกรงว่าจะทำไหว” เย่เทียนเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“แม่งเอ้ย แกรนหาที่ตายซะแล้ว บอกให้เซ็นก็เซ็นสิ ไม่ต้องพูดไร้สาระ” ตำรวจที่ถือกระบองไฟฟ้าเดินมาเบื้องหน้าเย่เทียนเฉิน กล่าวขึ้นพลางยกกระบองไฟฟ้า
“ถ้าผมไม่เซ็นล่ะ?” เย่เทียนเฉินกล่าวถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“อยากตายนักใช่ไหม ฉันจะสั่งสอนบทเรียนให้แกดู”
การถูกเย่เทียนเฉินอัดทำให้ตำรวจเลวทั้งสองคนนี้รู้สึกโกรธแค้นอยู่ในใจ พวกเขาคิดว่าขอเพียงจับเย่เทียนเฉินขังไว้ในสถานีตำรวจได้ ก็จะเป็นทีของพวกเขาบ้าง แต่คิดไม่คิดว่าเย่เทียนเฉินจะยังคงแข็งกร้าว ไม่ยอมโอนอ่อนผ่อนตามเลยสักนิด
นายตำรวจที่ถือกระบองไฟฟ้ายกกระบองขึ้นแล้วฟาดใส่ศีรษะของเย่เทียนเฉิน การรับมือกับคนที่ไม่ยอมร่วมมือและไม่ยอมโอนอ่อนผ่อนตามอย่างเย่เทียนเฉิน พวกเขาย่อมมีวิธีการเฉพาะ และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทำเรื่องเช่นนี้ การทรมานผู้คนเพื่อให้รับผิด เรื่องนี้ไม่นับว่าแปลกอะไรในสถานนีตำรวจ
“อ้าก!” เสียงร้องเสียงหนึ่งดังขึ้น นายตำรวจที่ยกกระบองฟาดใส่เย่เทียนเฉินคนนั้นถูกซัดจนปลิวออกไปก่อนจะล่วงลงพื้นจนลุกไม่ขึ้น ในขณะที่เขาร้องโหยหวนขึ้นราวกับหมูถูกเชือด เย่เทียนเฉินก็ลุกจากที่นั่งในชั่วพริบตา แต่เขาเพิ่งจะยืนขึ้นได้ไม่ทันไร ปืนกระบองหนึ่งก็จ่ออยู่บนขมับ นายตำรวจอีกคนหนึ่งหัวเราะอย่างเหนือกว่าพร้อมกับกล่าวว่า
“ขอเตือนว่าให้แกเซ็นซะดีๆ ไม่งั้นฉันยิงแน่ ฉันจะบอกว่าแกทำร้ายตำรวจเลยถูกฆ่า เชื่อว่าคงไม่มีใครสามารถสืบหาอะไรได้แน่”
ฟุ่บ!
เหตุการณ์ที่ทำให้ผู้คนต้องตกตะลึงได้เกิดขึ้น เย่เทียนเฉินขับเคลื่อนพลังพิเศษของตนเอง หายตัวไปต่อหน้าต่อตาตำรวจที่ใช้ปืนจ่อหน้าผากของตน รอจนกระทั่งนายตำรวจผู้นั้นได้สติกลับมา เย่เทียนเฉินก็ใช้มือขวาบีบคอของเขาไว้แน่น แล้วลากเขาเดินไปทางประตู
พลังเทเลพอร์ต ในด้านของพลังพิเศษไม่นับว่าเป็นท่าที่ยากอะไรมากมาย ผู้ใช้พลังพิเศษหลายคนสามารถใช้ได้ตั้งแต่ตอนที่พลังถึงขั้นสี่แล้ว ที่เย่เทียนเฉินเพิ่งจะทำได้ในตอนนี้ เป็นเพราะร่างกายนี้สามารถรองรับระดับพลังพิเศษได้อย่างจำกัด ยังต้องฝึกฝนอีกมาก
“วะ…ไว้ชีวิตผมเถอะ…ยะ…อย่าฆ่าผมเลย…” ตำรวจเลวที่ถูกเย่เทียนเฉินบีบคออยู่กล่าวออกมา ใบหน้าซีดขาว ใกล้จะขาดอากาศหายใจ แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“ฉันเกลียดการถูกคนอื่นเอาปืนจี้หัวที่สุด ไม่ว่าจะเป็นในโลกาวินาฬหรือตอนนี้ คนที่กล้ามาทำแบบนี้กับฉัน มันต้องจะกลายเป็นศพ…”
เย่เทียนเฉินพูดอย่างเย็นชา มือขวาบีบอยู่ที่ลำคอของตำรวจเลวที่ถือปืนคนนั้นเดินตรงไปยังประตู ราวกับกำลังลากศพๆ หนึ่ง…
…………………………………………………….