เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 363 ผู้หญิงสองคนที่ไม่ใช่ดอกไม้ประดับไร้ความสามารถ
สิ่งที่ทำให้ผู้คนคิดไม่ถึงก็คือ ตงฟางเมิ่งที่เดิมทีดูเหมือนได้รับบาดเจ็บสาหัส มุมปากมีเลือดไหลออกมา แทบจะยืนหยัดต่อไปไม่ไหวนั้น เมื่อเทียนซวงเอ๋อร์และเซี่ยอวี่เหอถูกคนของพรรคตัวเองช่วยไป เธอก็เปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง เหมือนกับคนที่ไม่เป็นอะไรเลย เมื่อเทียบกับตอนที่ยังไม่ลงมือก่อนหน้านี้ ดูเหมือนจะแข็งแกร็งกว่ามาก ชิงเฉิงเยว่เห็นดังนั้นก็ตกตะลึง ไม่กล้าเชื่อสายตาตนเอง
หรือเมื่อครู่นี้ตงฟางเมิ่งจะแกล้งทำ? เธอไม่ได้รับบาดเจ็บโดยสิ้นเชิง นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
เซี่ยอวี่เหอและเทียนซวงเอ๋อร์ถูกยอดฝีมือของพรรคตัวเองช่วยให้หนีไปได้แล้ว ในส่วนนี้ไม่ได้ทำให้ชิงเฉิงเยว่แปลกใจอะไร และเป็นสิ่งที่คาดเดาได้นานแล้วด้วย!
การประลองของผู้หญิงทั้งสี่คนในครั้งนี้ ล้วนเป็นผู้โดดเด่นของแต่ละพรรค เรียกได้ว่าเป็นลูกศิษย์ที่อบรมสั่งสอนมาอย่างยากลำบาก เช่นเซี่ยอวี่เหอ เกรงว่าในพรรควรยุทธโบราณปัจจุบันนี้ เธอจะเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถนำพลังพิเศษไปหลอมรวมกับพลังภายในของวรยุทธโบราณได้ ถึงแม้จะยังไม่แข็งแกร่งมาก แต่ก็ต้องมีสักวันหนึ่งที่จะพัฒนาไปอีกขั้นแน่นอน ความสามารถอันแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นนั้นเป็นเรื่องที่จะช้าจะเร็วก็ต้องเกิดขึ้น พรรคมีดบินจะไม่ปกป้องให้ดีได้อย่างไร?
ส่วนเทียนซวงเอ๋อร์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง คัมภีร์เพลิงน้ำแข็งแข็งแกร่งหาใดเปรียบ ว่ากันว่าสามารถแช่แข็งทั่วทั้งโลกได้ อีกทั้งบนโลกใบนี้คนที่สามารถฝึกฝนคัมภีร์เพลิงน้ำแข็งได้ก็มีน้อยมาก ทั้งยังต้องการพรสวรรค์และความเข้าใจอีกด้วย คนที่มีเงื่อนไขทั้งสองเหมาะสม เมื่อฝึกฝนคัมภีร์เพลิงน้ำแข็งยังต้องให้ยอดฝีมือหลายคนในพรรคมาช่วยคุ้มครอง เพื่อสามารถส่งพลังภายในให้เธอได้ตลอดเวลา ป้องกันเพลิงน้ำแข็งย้อนกลับจนตัวตาย
ดังนั้น เทียนซวงเอ๋อร์ที่ฝึกฝนคัมภีร์เพลิงน้ำแข็งได้ พรรคเทียนซู่ฉีคงสิ้นเปลืองเลือดเนื้อความพยายามไปมาก อาจจะมากกว่าการที่พรรคมีดบินบ่มเพาะเซี่ยอวี่เหอเสียอีก พวกเขาจะมองดูศิษย์ยอดเยี่ยมที่สั่งสอนออกมาอย่างยากลำบากตายไปเช่นนี้เฉยๆ ได้อย่างไร? จะต้องส่งคนมาลอบสังเกตการณ์แน่นอน ในช่วงเวลาสำคัญก็ลงมือช่วยเหลือ
ในพรรควรยุทธโบราณทั้งหมด เกรงว่ามีเพียงพรรคสุสานโบราณเท่านั้นที่มีตงฟางเมิ่งเป็นลูกศิษย์เพียงคนเดียว สาเหตุเป็นเพราะเงื่อนไขในการเลือกศิษย์ของพรรคสุสานโบราณเข้มงวดมาก นอกจากต้องงดงามแล้ว ก่อนจะทำการเข้าร่วมพรรคสุสานโบราณจะต้องเป็นผู้หญิงบริสุทธิ์ด้วย เนื่องจากเป็นการเตรียมพร้อมที่จะฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกในขั้นแรก ส่วนเรื่องอายุน้อยใบหน้างดงามก็เป็นกฎที่สืบต่อกันมา ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้
ในตอนนี้ ท่ามกลางป่าหลังเขามหาวิทยาลัยหลงเถิงเหลือเพียงสามคนเท่านั้น นอกจากตงฟางเมิ่งและชิงเฉิงเยว่แล้ว ยังมีเย่เทียนเฉินที่แอบอยู่ในมุมมืดด้วย เดิมทีเย่เทียนเฉินคิดจะลงมือช่วยเหลือตงฟางเมิ่ง จะอย่างไรครั้งนี้เขาก็รับปากหยางอี้และท่านผู้นำสูงสุดไปแล้วว่าจะคุ้มครองตงฟางเมิ่ง ถึงแม้จะไม่คุ้นเคยกับผู้หญิงพวกนี้และไม่ได้มีความรู้สึกที่ดีอะไร แต่เขาเย่เทียนเฉินพูดคำไหนคำนั้น เขาไม่อาจมองตงฟางเมิ่งตายไปเฉยๆ ได้ ยิ่งไปกว่านั้น พรรคสุสานโบราณที่ผู้หญิงคนนี้สังกัดอยู่ก็ยอดเยี่ยมมาก ต้องการก่อตั้งพันธมิตรผู้ฝึกยุทธขึ้นมาเพื่อลดการฆ่าฟันให้น้อยลง ในส่วนนี้ทำให้เย่เทียนเฉินรู้สึกดีด้วยแล้ว
แต่ในตอนที่เย่เทียนเฉินเตรียมจะลงมือนั้นเอง ตงฟางเมิ่งก็เปลี่ยนไปแข็งแกร่งยิ่งกว่าก่อนหน้านี้ แข็งแกร่งกว่าก่อนที่ชิงเฉิงเยว่จะลงมือเสียอีก ทำให้ผู้คนยากจะเชื่อ นี่ทำให้เย่เทียนเฉินหยุดฝีเท้าลง ขยับเข้าไปข้างต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง คอยมองทุกสิ่งทุกอย่าง เขาอยากจะเห็นการต่อสู้ของตงฟางเมิ่งและชิงเฉิงเยว่ต่อไปเสียหน่อย จะดุเดือดรุนแรงอย่างไร
เย่เทียนเฉินรู้สึกสนใจในเคล็ดวิชาของพรรควรยุทธโบราณมาก พลังอำนาจของเคล็ดวิชาเหล่านี้ไม่ด้อยไปกว่าเคล็ดวิชาพลังพิเศษของเขาเลย ควรค่าแก่การเรียนรู้ ในขณะเดียวกันก็ทำให้เย่เทียนเฉินเริ่มมีความคิดขึ้นมาว่า หากมีโอกาสจะต้องฝึกเคล็ดวิชาแห่งพรรควรยุทธโบราณแน่นอน และไม่จำกัดอยู่ที่คัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นของเส้าหลินอีก รู้ไว้ใช่ว่า!
“เธอไม่บาดเจ็บเหรอ?” ชิงเฉิงเยว่ขมวดคิ้ว จ้องมองไปยังตงฟางเมิ่งแล้วเอ่ยถาม
“การต่อสู้ระหว่างพวกเราเพิ่งจะเริ่มขึ้นเท่านั้น ต่อไปฉันจะไม่ไว้ไมตรีแล้ว หวังว่าเธอจะไม่ทำให้ฉันผิดหวัง!” ตงฟางเมิ่งหัวเราะเย็นชา พูดขึ้นมาด้วยความมั่นใจอย่างมาก
ชิงเฉิงเยว่ชะงักไปครู่หนึ่ง รีบพูดออกมาว่า
“เธอคิดจะฝืนสู้กับฉัน คิดจะลากฉันไปตายด้วยกันรึไง? ถ้างั้นเธอก็ผิดแล้ว เธอในตอนนี้ไม่ใช่คู่มือของฉัน!”
“ลองดูก็รู้แล้ว!”
ฟิ้ว
ตงฟางเมิ่งเคลื่อนไหว ทะยานพุ่งเข้าใส่ชิงเฉิงเยว่ด้วยความรวดเร็วหาใดเปรียบ ในขณะเดียวกันมือขวาก็โบกสะบัด กระบี่หงษ์หยกที่อยู่ในมือของชิงเฉิงเยว่พลันพุ่งมาอยู่ในมือตงฟางเมิ่ง สลายกลายเป็นไอเย็นสายหนึ่ง มุ่งสังหารไปทางชิงเฉิงเยว่
แม้ปากจะพูดอย่างสบายอารมณ์ แต่ชิงเฉิงเยว่ไม่กล้าลำพองใจแม้แต่น้อย ความสามารถของตงฟางเมิ่งเกินกว่าจินตนาการของเธอไปแล้ว เธอคิดไม่ถึงว่าตงฟางเมิ่งจะแข็งแกร่งขนาดนั้น หากผู้หญิงคนนี้เติบโตไปจะต้องกลายเป็นศัตรูตัวฉกาจของเธอชิงเฉิงเยว่แน่นอน เธอถูกเรียกขานว่าเป็นอัจฉริยะบุคคลในด้านการฝึกฝนวรยุทธที่หาได้ยากที่สุดในรอบหลาย 100 ปีของพรรควรยุทธโบราณมาโดยตลอด แม้ในหมู่ศิษย์รุ่นเยาว์ หากรวมศิษย์ชายไปด้วย ตงฟางเมิ่งอาจจะไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งที่สุด
จะอย่างไรศิษย์ชายบางคนก็ฝึกฝนได้สูงส่งล้ำลึกยิ่งกว่า เพียงแต่พวกเขาไม่นับว่าเป็นลูกศิษย์รุ่นเยาว์ก็เท่านั้น ชิงเฉิงเยว่อายุแค่ 20 ปีก็มีความสามารถในการต่อสู้เช่นนี้แล้ว ไม่ว่าใครก็ต้องทอดถอนใจด้วยความตื่นตะลึง ดังนั้นเธอจึงถูกเรียกขานว่าเป็นอัจฉริยะบุคคลในด้านการฝึกฝนวรยุทธที่หาได้ยากในรอบ 100 ปี
และเพราะเป็นเช่นนี้ ชิงเฉิงเยว่ที่ถูกรัศมีจำนวนนับไม่ถ้วนครอบคลุมมาโดยตลอดจึงคิดไม่ถึงว่าตงฟางเมิ่งแห่งพรรคสุสานโบราณจะไม่อ่อนแอไปกว่าตน ยิ่งไปกว่านั้นยังอยู่ในเงื่อนไขที่เธอฝึกคัมภีร์ทลายสูญได้อย่างสมบูรณ์แล้วด้วย แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
ส่วนตงฟางเมิ่งนั้นยังฝึกคัมภีร์ดรุณีหยกไม่สมบูรณ์ หากวันใดวันนึงตงฟางเมิ่งฝึกคัมภีร์ดรุณีดกหยกได้สมบูรณ์ บางทีชิงเฉิงเยว่คงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอ หรือบางทีการต่อสู้อาจจะพอฟัดพอเหวี่ยงกัน นี่เป็นเรื่องไม่แน่นอน เนื่องจากเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่ว่าใครก็ไม่อาจคาดเดาได้ เพียงแต่ตอนนี้ ความสามารถที่ตงฟางเมิ่งแสดงออกมาทำให้ชิงเฉิงเยว่รู้สึกกดดันแล้ว
เคร้ง!
ชิงเฉิงเยว่ใช้กระบี่ยอดเขาเขียวของพรรคสระหยกสู้กับตงฟางเมิ่ง ตงฟางเมิ่งในตอนนี้แข็งแกร่งเหมือนกับได้รับแสงสาดส่องกลับมาอีกครั้ง ถึงกับสามารถบีบให้ชิงเฉิงเยว่ถอยไปได้หลายก้าว และเกือบจะทำร้ายชิงเฉิงเยว่ได้แล้ว นี่ทำให้ในใจของชิงเฉิงเยว่เกิดเพลิงแห่งความโกรธ โคจรพลังภายในออกมาจนแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ลงมือโจมตีโต้คืนไม่หยุด การต่อสู้เข้าสู่จุดเดือดในพริบตา เย่เทียนเฉินที่ได้เห็นตกตะลึงครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่อาจไม่นับถือความร้ายกาจของผู้หญิงสองคนนี้ ราวกับนางเซียนงดงามสองคนกำลังร่ายรำ เพียงแต่ระหว่างพวกเธอทั้งสองมีไอสังหารอันรุนแรงระเบิดออกมา ตัดขาดอากาศรอบๆ ไปเรียบร้อยแล้ว ผู้ที่ได้เห็นต่างต้องสูดหายใจเย็นยะเยือก ผู้หญิงสองคนนี้แข็งแกร่งมากเกินไปแล้วจริงๆ ไม่กล้าเข้าใกล้เลย
เพลงกระบี่ที่ตงฟางเมิ่งใช้ออกมาก็คือเพลงกระบี่ซึ่งเป็นเคล็ดวิชาของพรรคสุสานโบราณที่ชิงเฉิงเยว่เคยพูดถึงหลายครั้ง เพลงกระบี่สองประสาน เพียงแต่น่าเสียดายที่เป็นเพลงกระบี่ที่ต้องใช้ชายหญิงฝึกฝนร่วมกัน เมื่อขาดการประสานของคนคนหนึ่งไป ตอนที่ตงฟางเมิ่งใช้ออกมาพลังอำนาจจึงลดลงไปมาก แต่ก็สู้กับชิงเฉิงเยว่ได้ ไม่อาจไม่กล่าวว่าเพลงดาบสองประสานของคัมภีร์ดรุณีหยกลึกล้ำไม่อาจคาดเดาจริงๆ ถ้าใช้ออกมาด้วยคนสองคน ไม่รู้ว่าจะมีพลังอำนาจอย่างไร
ชิงเฉิงเยว่ยังคงแข็งแกร่งมาก ต่อให้ตงฟางเมิ่งในตอนนี้จะระเบิดพลังการต่อสู้เหนือระดับออกมาก็ยังไม่สามารถเอาชนะชิงเฉิงเยว่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นชิงเฉิงเยว่ก็เป็นพวกที่ยิ่งสู้ยิ่งแข็งแกร่ง สายตาแน่วแน่มั่นคง กระบี่ยอดเขาเขียวในมือขวามีอำนาจทำลายล้างรุนแรง ลมปราณบนฝ่ามือซ้ายผันผวนมีอำนาจพลิกมหาสมุทรทลายภูผา กระทั่งเย่เทียนเฉินที่ได้เห็นก็ต้องปากอ้าตาค้าง ผู้หญิงคนนี้ หากตนต้องการเอาชนะคงเป็นไปไม่ได้
ตู้ม!
เวลาเคลื่อนผ่าน ผู้หญิงที่แข็งแกร่งเหนือระดับทั้งสองคนผ่านการต่อสู้ไปนับ 100 กระบวนท่า สู้กันจนบ้าคลั่ง ทุกที่มีเสียงระเบิดดังออกมา ขอบเขตรอบๆ ในรัศมี 1000 เมตรถูกแผดเผาจนไม่มีสิ่งใดหลงเหลือ ไม่ว่าจะเป็นต้นหญ้าหรือก้อนหินต่างกลายเป็นผุยผงไปแล้ว หนึ่งฝ่ามือซัดออกไป มีพลังอำนาจหาใดเปรียบ กระตุ้นให้เกิดการระเบิดจนสะท้านฟ้า หนึ่งกระบี่ตวัดออกไป ประกายกระบี่ส่องแสง ทุกสิ่งที่ทอดผ่านถูกทำลายล้าง ใช้คำเหล่านี้มาบรรยายฝ่ามือและกระบี่ของผู้หญิงสองคนนี้นับว่าเหมาะสมเป็นอย่างยิ่งแล้ว
ไม่ว่าใครก็คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงทั้งสองที่งดงามเหมือนนางเซียนจะร้ายกาจขนาดนี้ หากไปเดินอยู่ในเมือง มีผู้ชายใจกล้าคนไหนเข้ามาแซว จะต้องเละเป็นหัวหมูแน่นอน
“แสงจันทร์สะท้อนชลนที!”
ชิงเฉิงเยว่ตะโกนออกมาเสียงดัง สะกิดตัวกระโดดขึ้น กระบี่ยอดเขาเขียวถูกตวัดออกไป พริบตานั้น ทั่วทั้งป่าถูกแสงส่องสว่างไม่น้อย ราวกับมีพระจันทร์เกิดขึ้นอีกดวง ส่องแสงจนทำให้ผู้คนลืมตาไม่ขึ้น ในขณะเดียวกันปราณสังหารอันตรายก็โจมตีไปยังตงฟางเมิ่ง
“ทะเลมรกตบานสะพรั่ง!”
ตงฟางเมิ่งก็ตะโกนขึ้นเช่นเดียวกัน กระบี่หงษ์หยกถูกร่ายรำออกไปเป็นดอกไม้กระบี่หลายดอก พริบตาเดียวก็ทำให้ผู้คนรู้สึกคล้ายกับได้ยินเสียงทะเล ราวกับเห็นเกลียวคลื่นเบ่งบาน ในอากาศถึงกับมีดอกไม้จำนวนหนึ่งปรากฏขึ้นจริงๆ ดอกไม้ทุกดอกล้วนงดงาม เย่เทียนเฉินยืนอยู่ไกลยังสัมผัสได้ถึงไอสังหารของดอกไม้ที่สร้างเป็นลักษณ์ขึ้นมา แข็งแกร่งหาใดเปรียบ ไม่อาจเข้าไปใกล้ได้ตามใจ
ตู้ม!
ชิงเฉิงเยว่และตงฟางเมิ่งใช้กระบวนท่าอีกกระบวนท่าหนึ่ง “แสงจันทร์สะท้อนชลนที” สู้กับ “ทะเลมรกตบานสะพรั่ง” การปะทะกันของเคล็ดวิชาอันหาได้ยากยิ่งนี้มีพลังผันผวนมากจริงๆ ชิงเฉิงเยว่ถอยไปสามก้าว มุมปากมีเลือดไหลออกมา ส่วนตงฟางเมิ่งก็ปลิวออกไป ร่วงลงสู่พื้นอย่างแรง กระบี่หงษ์หยกที่อยู่ในมือขวาถูกปักลงกับพื้น ค้ำยันร่างกายของตนไว้ การประลองครั้งนี้เธอแพ้แล้ว
ในตอนที่ตงฟางเมิ่งรู้สึกว่าตนเกือบจะล้มลงไปนั้น ก็เหมือนกับที่ชิงเฉิงเยว่พูด เธอพยายามปรับลมหายใจ เตรียมสู้เป็นตายกับชิงเฉิงเยว่อีกครั้ง
“เธอแข็งแกร่งมาก ยังฝึกเคล็ดวิชาพลังภายในไม่สมบูรณ์ก็ทำให้ฉันบาดเจ็บจนถึงขั้นนี้แล้ว ดูถูกไม่ได้เลยจริงๆ!” ชิงเฉิงเยว่พูดอย่างจริงจัง
ประโยคนี้ชิงเฉิงเยว่ไม่ได้พูดถ่อมตัวและไม่ได้เสียดสีที่ตงฟางเมิ่งพ่ายแพ้ แต่พูดออกมาจากใจ เธอรู้ว่าตงฟางเมิ่งยังฝึกคัมภีร์ดรุณีหยกไม่สมบูรณ์ ดังนั้นพลังภายในจึงสู้เธอไม่ได้ แต่ในด้านเคล็ดวิชาและเพลงกระบี่ ตงฟางเมิ่งไม่อ่อนแอไปกว่าเธอเลย
ขอเพียงให้เวลาตงฟางเมิ่งอีกเล็กน้อย เธอจะต้องแซงหน้าตนได้แน่ ในช่วงหลายปีมานี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ชิงเฉิงเยว่รู้สึกกดดัน และไม่ใช่แรงกดดันน้อยๆ ด้วย
“หากฉันยังไม่ตาย การต่อสู้ระหว่างพวกเรายังไม่รู้ผล!”
ตงฟางเมิ่งสีหน้าขาวซีด มุมปากมีเลือดไหลออกมา มือขวาที่จับด้ามกระบี่หงษ์หยกอยู่สั่นเล็กน้อย เพียงแต่สายตากลับหนักแน่นมั่นคงหาใดเปรียบ ให้ความรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ไม่อาจดูถูกได้
………………