เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 385 หลี่ชิวสุ่ย หญิงสาวโหดเหี้ยม
เรื่องราวพัฒนามาถึงขั้นนี้ ไม่ใช่อะไรที่เย่เทียนเฉินและตงฟางเมิ่งจะควบคุมได้อีก คล้ายกับว่าพวกเขาถูกพลังความปรารถนาควบคุมจนจำต้องผสานรวมเป็นหนึ่ง และเริ่มฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกด้วยกัน จนถึงตอนนี้ทั้งสองค่อยๆ เข้าใจความลึกล้ำของการฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกแล้วและใกล้จะฝึกฝนส่วนสุดท้ายสำเร็จแล้ว ทั้งสองเข้าใจเรื่องราวบางอย่างดี นี่ไม่จำเป็นต้องพูดออกมา ถ้าพูดออกมาก็จะเกี่ยวพันไปถึงเหตุการณ์ที่พวกเขาสองคนผสานรวมเป็นหนึ่ง เย่เทียนเฉินรู้สึกกระอักกระอ่วน ส่วนตงฟางเมิ่งที่เป็นผู้หญิงย่อมรู้สึกเขินอายจนหน้าแดง อดไม่ได้อยากฆ่าเย่เทียนเฉินทันที
ที่แท้ผู้ก่อตั้งพรรคสุสานโบราณก็นำส่วนสุดท้ายของคัมภีร์ดรุณีหยกไปซ่อนไว้ใต้โรงศพน้ำแข็งที่ตนหลับไหลอยู่ ซึ่งสืบทอดกันต่อในหมู่หัวหน้าพรรคสุสานโบราณแต่ละรุ่น ในการจะสืบทอดมีเงื่อนไขเพียงข้อเดียวนั่นก็คือหากจะหาเคล็ดวิชาฝึกฝนส่วนสุดท้ายของคัมภีร์ดรุณีหยกให้ จะต้องหาผู้ชายที่ตนรักให้พบก่อนแล้วค่อยหามันด้วยกัน อย่างไรก็ตามตงฟางเมิ่งกลับไม่รู้ถึงจุดนี้ เนื่องจากอาจารย์ของเธอถูกคนฆ่าตายไปแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องโด่งดังในยุทภพจนพรรควรยุทธโบราณมีการเคลื่อนไหวรุนแรง พริบตาเดียวแต่ละพรรคก็เพิ่มความระมัดระวังขึ้นมา เพื่อป้องกันคนชั่วช้ามาลอบโจมตี
เรื่องการตายของอาจารย์ของตน ตงฟางเมิ่งก็ตรวจสอบอย่างลับๆ มาโดยตลอด ถามหน่อยว่าคนที่สามารถลอบสังหารหัวหน้าพรรคสุสานโบราณได้จะต้องเป็นยอดฝีมือในหมู่ยอดฝีมือระดับไหนกัน ถึงแม้อาจารย์ของตงฟางเมิ่งจะยังฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกไม่สมบูรณ์ แต่ฝีมือก็อยู่เหนือตงฟางเมิ่ง หากต้องการสังหารอาจารย์ของตงฟางเมิ่ง อย่างน้อยต้องมีฝีมืออยู่ในระดับปรมาจารย์ถึงจะทำได้ แต่ต่อให้เป็นคนของพรรคอื่นลงมือด้วยตัวเอง หากต้องการฆ่าอาจารย์ของตงฟางเมิ่งก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ตกลงแล้วใครเป็นคนลงมือกันแน่?
จนถึงตอนนี้ เย่เทียนเฉินและตงฟางเมิ่งเข้าใจกระจ่างแล้วว่า ผู้ก่อตั้งพรรคสุสานโบราณใส่พลังอันอ่อนโยนที่แข็งแกร่งลงไปในวิธีการฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกส่วนสุดท้ายนานแล้ว พลังนี้คละเคล้าไปด้วยผงสมุนไพรดอกไม้ที่มีแรงกระตุ้นอารมณ์ความปรารถนา เมื่อถูกพลังครอบคลุม นอกจากจะเป็นยอดฝีมือที่มีความสามารถเท่ากับผู้ก่อตั้งถึงจะสลัดออกไปได้ ส่วนเย่เทียนเฉินและตงฟางเมิ่งย่อมไม่อาจไปถึงระดับสูงส่งขนาดนั้นจึงหนีไม่พ้น บางทีผู้ก่อตั้งพรรคสุสานโบราณคงไม่อยากให้คัมภีร์ดรุณีหยกที่ตนสร้างออกมาอย่างยากลำบากต้องไร้ผู้สืบทอดจึงคิดวิธีเช่นนี้ขึ้นมา!
“ใช้หยางช่วยหยิน ใช้หยินเสริมหยาง ที่แท้นี่คือเคล็ดวิชาการฝึกฝนร่วมกันของคัมภีร์ดรุณีหยก!” ตงฟางเมิ่งอดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจออกมา เธอสัมผัสได้ถึงความกว้างขวางและลึกซึ้งของคัมภีร์ดรุณีหยกแล้ว เดิมทีพลังภายในในร่างกายของเธอแตกซ่านไปยังเลือดเนื้อและกระดูก ทุกที่เต็มไปด้วยพลังภายในของคัมภีร์ดรุณีหยก ตอนนี้เมื่อฝึกส่วนสุดท้ายของคัมภีร์ดรุณีหยก พลังภายในที่แตกซ่านก็ค่อยๆ กลับมารวมกันดังเดิมที่จุดตันเถียน ยิ่งไปกว่านั้นยังรู้สึกแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อน พลังภายในในร่างกายทั้งร่างราวกับถูกเปลี่ยนเนื้อผลัดกระดูกก็มิปาน
“ถึงแม้คัมภีร์ดรุณีหยกจะแข็งแกร่ง แต่ไม่เหมาะให้ฉันฝึก ท่าทางฉันต้องตามหาคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นแล้ว!” เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากขึ้นมา
“ไม่รู้ว่าคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นหายไปไหนมาหลายปีแล้ว คัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นที่พระวัดเส้าหลินฝึกกันในตอนนี้ยังไม่สมบูรณ์ นายคิดจะหาคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นที่สมบูรณ์ก็ฝันไปก่อนเถอะ!” ตงฟางเมิ่งกรอกตาใส่เย่เทียนเฉินแล้วพูดออกมา
“จะหาเจอหรือเปล่าก็เป็นเรื่องของฉัน เธอตั้งใจฝึกคัมภีร์ดรุณีหยกของเธอไปเถอะ รอให้ปล่อยมือได้ก่อน พวกเราก็ถึงเวลาบ๊ายบายกันแล้ว!” เย่เทียนเฉินก็กรอกตาใส่ตงฟางเมิ่งเช่นกัน พูดอย่างไม่ยอมลงให้ผู้หญิงแม้แต่น้อย
ตงฟางเมิ่งโกรธจนทนไม่ไหว ก่อนหน้านี้เธอเป็นผู้หญิงเย็นชาเหมือนภูเขาน้ำแข็ง มีไม่กี่คนที่มาพูดกับเธอแค่ไม่กี่ประโยค ตอนนี้คนขี้โกงอย่างเย่เทียนเฉินมาพูดแบบนี้ ตงฟางเมิ่งก็อดโกรธไม่ได้ อยากจะสั่งสอนให้หนักๆ
“ฉันจะฆ่านายแน่!” พูดจบก็หลับตาฝึกฝนต่อไปอย่างจริงจัง เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว นอกจากจะฝึกคัมภีร์ดรุณีหยกส่วนสุดท้ายอย่างจริงจังและทำให้เคล็ดวิชาคัมภีร์ดรุณียกของตนสมบูรณ์แบบ ยังจะมีวิธีอื่นอีกหรือ? ต่อให้ต้องการฆ่าเย่เทียนเฉินก็ต้องรอให้เธอหายดีและรอให้คัมภีร์ดรุณีหยกสมบูรณ์ก่อนถึงจะทำได้ ตอนนี้ทั้งสองประกบมือเข้าด้วยกัน ยืมพลังของอีกฝ่าย ไม่อาจดึงมือออกไปได้ หากดึงมือออกไปอาจจะทำให้ทั้งสองถูกพลังตีกลับและระเบิดจนตาย
“จากการคาดเดา อีกหนึ่งวันหนึ่งคืนเธอก็ฝึกคัมภีร์ดรุณีหยกให้สมบูรณ์ได้แล้ว เมื่อถึงตอนนั้นฉันก็จะไป ส่วนเธอก็ต้องทำให้พลังภายในที่แตกซ่านไปยังเลือดเนื้อกลับมาที่จุดตันเถียนให้มั่นคงก่อนไม่งั้นพลังจะไม่สมบูรณ์ ตอนที่เธอทำได้ฉันก็ไปนานแล้ว!” เย่เทียนเฉินพูดแล้วหัวเราะอย่างชั่วร้าย
“หึ แล้วฉันจะไม่รู้จักไปตามหานายที่เมืองหลวงหรือไง? นายหนีไม่รอดหรอก คนที่เอาเปรียบฉันต้องตายทั้งหมด!” ตงฟางเมิ่งพูดอย่างดุดัน
“นี่ เรื่องระหว่างชายหญิงพวกนี้ เดิมทีก็เป็นเรื่องที่สบายตัวกันทุกคน จะมาบอกว่าฉันเอาเปรียบเธอได้ไง? เธอพูดแบบนี้ไม่ถูก อีกอย่างตอนนั้นไม่ใช่ว่าเธอก็สบายเหมือนกัน…จนร้องอืมๆ เหรอ?” เย่เทียนเฉินพูดแล้วหัวเราะฮี่ๆ
“นาย…” ตงฟางเมิ่งอายจนพูดไม่ออก อยากจะตบเย่เทียนเฉินตอนนี้เลย
“ศิษย์น้อง เธอหาหนุ่มน้อยหน้าขาวแบบนี้มาจากไหน ได้ร่วมฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกกับเธอ ทำให้ศิษย์พี่หยิงอย่างฉันอิจฉาจริงๆ …”
ในตอนนี้เอง ภายในอุโมงค์น้ำแข็งมีเสียงอันไพเราะของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น ฟังแล้วทำให้รู้สึกขนลุก เพียงแค่ได้ยินก็รู้ว่าไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีอะไร แต่เป็นตัวละครร้ายแน่นอน เย่เทียนเฉินชะงักไปครู่หนึ่ง ยิ้มพูดกับตงฟางเมิ่งว่า “ท่าทางพรรคสุสานโบราณไม่ได้มีเธอเป็นศิษย์คนเดียว ยังมีปีศาจสาวอยู่ด้วย!”
“ถ้านายสนใจเธอก็ไปดูเถอะ!” ตงฟางเมิ่งพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“ไม่จริงน่า ฉันก็แค่ล้อเล่น เธอจะมาหึงแบบนี้เลยเหรอ?” เย่เทียนเฉินพูดหยอกหรอ
“ฉันไม่มีเวลามาล้อเล่นกับนาย คิดไม่ถึงว่าเธอจะหาที่นี่พบ ถ้าเธอหาพวกเราสองคนเจอจริงๆ นายกับฉันต้องตายแน่!” ตงฟางเมิ่งพูดด้วยท่าทางเคร่งขรึมเย็นชา
“อีกฝ่ายเป็นศิษย์พี่ของเธอ ไม่ว่าจะยังไงก็เป็นศิษย์ร่วมสำนัก คงไม่โหดขนาดนั้นหรอกมั้ง?” เย่เทียนเฉินถามด้วยความสงสัย
เมื่อได้ยินเสียงที่ลอยมาตามลมของผู้หญิงคนนั้น เป็นคำพูดที่ไร้ซึ่งอารมณ์โดยสิ้นเชิง เย่เทียนเฉินย่อมฟังออกว่าผู้มาเยือนไม่ได้มาดีแน่ แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไรผู้หญิงคนนี้ก็เป็นศิษย์พี่ของตงฟางเมิ่ง เป็นศิษย์ร่วมสำนักของตงฟางเมิ่ง ตอนนี้พรรคสุสานโบราณมีพวกเธอเป็นลูกศิษย์แค่สองคน จะอย่างไรก็คงไม่ถึงกับลงมือฆ่ากันหรอกมั้ง?
“ศิษย์พี่ชื่อหลี่ชิวสุ่ย เป็นศิษย์พี่ใหญ่ของพรรคสุสานโบราณของพวกเรา เกือบเคยได้เป็นศิษย์สายตรงของท่านอาจารย์แล้ว แต่ภายหลังศิษย์พี่ทำความผิดครั้งใหญ่ แอบดูท่านอาจารย์ฝึกวิชา กระทั่งจะขโมยคัมภีร์ดรุณีหยกไป หลังจากที่อาจารย์รู้จึงไล่ออกจากพรรค คิดไม่ถึงว่าเธอจะไม่ลืมเลือนเรื่องคัมภีร์ดรุณีหยกมาตลอด คิดฉวยโอกาสที่อาจารย์ไม่อยู่กลับมาที่พรรคสุสานโบราณ พวกเรายุ่งยากแล้ว!” ตงฟางเมิ่งขมวดคิ้วพูด
เย่เทียนเฉินชะงักไปครู่หนึ่ง ถึงแม้ตอนที่อยู่ดาวสิ้นโลกเขาจะเป็นเด็กกำพร้า แต่หลังจากได้มาเกิดใหม่ในโลกใบนี้จึงได้รับความอบอุ่นของครอบครัว และไม่เคยกราบไหว้อาจารย์เพื่อเรียนรู้วิชามาก่อน แต่เขาเข้าใจว่าในพรรควรยุทธโบราณกฎเกณฑ์สำคัญยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น ต่อให้มีฐานะเป็นเจ้าสำนัก หากทำผิดกฎก็ต้องถูกลงโทษ หลี่ชิวสุ่ยศิษย์พี่ของตงฟางเมิ่ง ไม่เพียงแต่กล้าแอบดูอาจารย์ฝึกวิชา แต่ยังต้องการขโมยคัมภีร์ดรุณีหยกซึ่งเป็นเคล็ดวิชาฝึกฝนพลังภายในที่สูงส่งที่สุดในพรรคสุสานโบราณไปด้วย นี่นับเป็นความผิดที่ไม่อาจอภัยได้ หากจะตบเธอให้ตายในฝ่ามือเดียวก็ไม่มากเกินไป
แต่อาจารย์ของตงฟางเมิ่งทำแค่ไล่ลูกศิษย์คนโตออกไปจากพรรค กระทั่งวรยุทธก็ไม่ได้ทำลาย เห็นได้ว่าหลี่ชิวสุ่ยสำคัญมากสำหรับอาจารย์ของตงฟางเมิ่ง ถูกลูกศิษย์ที่ตนให้ความสำคัญทำร้าย อาจารย์ของตงฟางเมิ่งจะต้องปวดใจมากแน่
“ท่าทางอาจารย์ของเธอจะรักศิษย์คนโตมาก ทำผิดขนาดนี้ ไม่เพียงแต่จะไม่ฆ่า กระทั่งวรยุทธติดตัวก็ยังไม่ทำลาย แค่ไล่ออกจากพรรค ความรู้สึกระหว่างศิษย์อาจารย์ไม่เลวเลย!” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม
ตงฟางเมิ่งมองเย่เทียนเฉินครู่หนึ่ง คิดว่าหลี่ชิวสุ่ยศิษย์พี่ใหญ่กลับมายังพรรคสุสานโบราณในคราวนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการปะทะกับเธอ มาเพื่อคัมภีร์ดรุณีหยก ก่อนหน้านี้ตอนที่อาจารย์ยังอยู่ หลี่ชิวสุ่ยไม่กล้ากลับมาที่พรรคสุสานโบราณ ตอนนี้จะต้องรู้แล้วว่าอาจารย์ไม่อยู่แล้วถึงได้กล้ากลับมาอีก
“ตอนที่ศิษย์พี่ใหญ่ยังอยู่ ฉันยังไม่ได้เข้าร่วมพรรคสุสานโบราณ ตอนนั้นก็มีศิษย์พี่ใหญ่ของพรรคสุสานโบราณอยู่แล้ว เป็นศิษย์ที่มาคำนับอาจารย์เป็นคนแรก ตอนนั้นศิษย์พี่ใหญ่เป็นศิษย์ที่โดดเด่นที่สุดในหมู่ศิษย์ของพรรคสุสานโบราณ ดูเหมือนทุกคนจะรู้ดี อาจารย์ต้องการรับศิษย์พี่ใหญ่เป็นศิษย์สายตรงและสั่งสอนวิชาคัมภีร์ดรุณีหยกให้เธอ ให้ศิษย์พี่ใหญ่เป็นผู้สืบทอดพรรคสุสานโบราณต่อไป เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ ไหนเลยจะรู้ว่า…ในตอนที่ท่านอาจารย์เตรียมจะประกาศรับศิษย์พี่ใหญ่เป็นศิษย์สายตรง กลับพบว่าศิษย์พี่ใหญ่แอบเรียนรู้คัมภีร์ดรุณีหยก ทำให้อาจารย์โกรธ สุดท้ายศิษย์พี่ใหญ่จึงถูกไล่ออกจากพรรค อาจารย์ตรอมใจป่วยไปเดือนกว่า สุดท้ายฉันได้ยินท่านอาจารย์พูดถึง ที่แท้ตั้งแต่แรกเริ่มศิษย์พี่ใหญ่ก็แอบดูท่านอาจารย์ฝึกวิชามา ตลอดแต่ท่านอาจารย์ไม่ว่าเพราะคิดว่าศิษย์พี่ใหญ่เรียนรู้เร็วและต้องการสั่งสอนเคล็ดวิชาให้เธออีกจำนวนหนึ่ง แต่คิดไม่ถึงว่าศิษย์พี่ใหญ่จะกล้าไม่สนใจการสั่งสอนของอาจารย์ แอบขโมยคัมภีร์ดรุณีหยกทำให้อาจารย์ปวดใจมาก!” ตงฟางเมิ่งทอดถอนใจพูดแล้วส่ายหน้า
“พูดแบบนี้ก็คือ ศิษย์พี่ใหญ่ของเธอที่ชื่อหลี่ชิวสุ่ยมีฝีมือเหนือกว่าเธอเหรอ?” เย่เทียนเฉินมองตงฟางเมิ่งแล้วถามขึ้น
“แข็งแกร่งมากวิชาที่เธอฝึกเป็นวิชาที่โหดเหี้ยมดุดันที่สุดของพรรคเราชื่อว่าฝ่ามือสลายกระดูก!” ตงฟางเมิ่งพูด อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
“ฝ่ามือสลายกระดูก?”
เย่เทียนเฉินได้ยินคำพูดของตงฟางเมิ่งก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเย็นยะเยือก ตอนอยู่ดาวสิ้นโลกเขาเคยได้ยินชื่อวิชานี้มาก่อน แต่กลับไม่เคยเห็น เพียงแต่ได้ยินว่าเป็นวิชาที่โหดเหี้ยมวิชาหนึ่ง คนที่ถูกฝ่ามือนี้ทำร้าย เลือดเนื้อและกระดูกจะเต็มไปด้วยหนองและเลือด หากคนที่ฝึกฝนจนสำเร็จ คนอื่นถูกฝ่ามือซัดเข้าไปเบาๆ ก็ตายได้แล้ว
…………….