เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 40 ซานจีผู้บ้าคลั่ง
เวลาเที่ยงคืนมาถึง เย่เทียนเฉินที่คาบบุหรี่ไว้ในปาก มาถึงยังด้านนอกคฤหาสน์ที่หลี่เถียอาศัยอยู่ เขาหยุดลงเมื่ออยู่ตำแหน่งที่ห่างจากคฤหาสน์หนึ่งร้อยเมตร แล้วนั่งลงบนก้อนหินสำหรับตกแต่งก้อนหนึ่งที่อยู่ข้างทา เสพสุขกับการสูบบุหรี่อย่างสบายอารมณ์ เมื่อบุหรี่หมดลง เย่เทียนเฉินจะกำจัดหลี่เถียที่เป็นหัวโจกของกลุ่มอิทธิพลใต้ดินแห่งเมืองหลวง
เย่เทียนเฉินมาแล้ว สูบบุหรี่ด้วยใบหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้ม เขาไม่รู้ว่าอู๋เสวี่ยไปฆ่าหลานชายทั้งสองของตระกูลลั่วหรือยัง แต่จะอย่างไรเขาก็ต้องฆ่าหลี่เถียเพื่อเป็นการส่งคำเตือนถึงตระกูลฉิน ถ้าหากว่าอู๋เสวี่ยสามารถฆ่าหลายชายทั้งสองของตระกูลลั่วเพื่อเป็นการเคาะระฆังเตือนตระกูลลั่วได้ ก็จะยิ่งดีขึ้นไปอีก
คู่อริคนสำคัญในปัจจุบันของเย่เทียนเฉินทั้งสองกลุ่มก็คือตระกูลฉินกับตระกูลลั่ว อำนาจของสองตระกูลนี้ยิ่งใหญ่กว่าตระกูลเย่ไม่น้อย พวกเขาไม่เห็นตระกูลเย่อยู่ในสายตา คิดว่าตระกูลเย่เป็นลูกพลับนิ่มที่พวกสามารถบดบี้ได้ตามใจ แม้กระทั่งจะบีบให้ตายก็ทำได้
แต่ว่าการกลับมาของเย่เทียนเฉินได้เปลี่ยนแปลงทุกๆ สิ่งอย่างช้าๆ เริ่มด้วยการฆ่ามือสังหารสองคนที่ตระกูลฉินส่งไป ทำให้ตระกูลฉินจับต้นชนปลายไมถูก จึงได้ส่งหลี่เถียที่เป็นหัวโจกของกลุ่มอิทธิพลใต้ดินแห่งเมืองหลวงมาตรวจสอบ ทำให้ตระกูลฉินไม่กล้าลงมือบุ่มบ่าม ส่วนตระกูลลั่วน่าอนาถที่สุด ลั่วเหลยกุข่าวใส่ร้ายป้ายสี ทำให้สองพี่น้องถูกเย่เทียนเฉินทำร้ายจนสาหัส ลั่วซงเฉิงผู้กุมหางเสือของตระกูลลั่วก็ไม่กล้าลงมืออย่างเปิดเผย จึงใช้ผลประโยชน์บีบบังคับอู๋เสวี่ยนักฆ่าอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวงให้ไปลอบสังหารเย่เทียนเฉิน
หลังสูบบุหรี่เสร็จ เย่เทียนเฉินก็ค่อยๆ หลับตาลง พลังพิเศษเพิ่งจะเลื่อนระดับเป็นระดับจอมราชันย์ได้ไม่นาน แม้ว่าจะเพิ่งอยู่ในขั้นต้นแต่ก็มิอาจนำพลังระดับราชันย์มาเทียบได้อีกแล้ว ความแตกต่างทุกๆ หนึ่งระดับในการเลื่อนระดับพลังพิเศษ พลังจะแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว
ในวินาทีที่หลับตาลง เย่เทียนเฉินก็ค่อยๆกระตุ้นพลังพิเศษในร่างกาย สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าพลังหนาแน่นขึ้นมาก สามารถรับรู้ถึงสรรพสิ่งในรัศมีหนึ่งพันเมตรได้ เขาค่อยๆ รวบรวมพลังจิตให้ไปอยู่ที่คฤหาสน์ที่หลี่เถียอาศัยอยู่ เพื่อให้รับรู้ถึงสถานการณ์ภายใน
เย่เทียนเฉินลืมตาขึ้นในอีกห้านาทีต่อมา มุมปากประดับไปด้วยรอยยิ้มเย็นชา เขารับรู้ถึงทุกสิ่งทุกอย่างในคฤหาสน์หมดแล้ว ลุกขึ้นยืน ควักบุหรี่ออกมาจุดมวนหนึ่ง สองมือยังคงล้วงอยู่ในกระเป๋ากางเกง เดินไปยังคฤหาสน์ที่ หลี่เถียอาศัยอยู่อย่างช้าๆ
ตอนนี้เวลานี้ หลี่เถียกำลังสูบซิการ์และดื่มไวน์แดงอย่างสบายอกสบายใจอยู่ในห้องหนังสือชั้นสองของคฤหาสน์ ส่วนเสี่ยวฉิงภรรยาน้อยของเขานั่งบีบนวดขาให้เขาอยู่ทางฝั่งซ้าย ภายในห้องยังมีหมีภูเขาและชายร่างผอมหัวโล้นอีกคนหนึ่งอยู่ด้วย
“หมีภูเขา ซานจี จัดการเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?” หลี่เถียจิบไวน์อึกหนึ่งพลางกล่าวถาม
“พี่ใหญ่ จัดการเรียบร้อยหมดแล้วครับ สหายติดอาวุธปืนสามสิบกว่าคนเฝ้าทางหลักของคฤหาสน์ไว้แล้ว ขอเพียงไอ้ลูกเต่าเย่เทียนเฉินมันกล้ามา จะต้องไม่มีโอกาสได้กลับไปแน่!” หมีภูเขาเอ่ยปากอย่างดุร้าย เขาที่ถูกเย่เทียนเฉินหักแขนทั้งสองข้าง ในใจย่อมมีความเกลียดชังอยู่มากมาย เกลียดเสียจนอยากจะฆ่าเย่เทียนเฉินให้ตายด้วยมือตัวเอง
“ก็แค่ไอ้ลูกเต่าตัวหนึ่ง ฉันว่านะหมีภูเขา แกแม่งเป็นแค่หมีหรือยังไง? ถึงถูกมันอัดจนมีสภาพแบบนี้ ขายหน้าจริงๆ!” หลี่เถียยังไม่ทันได้พูด ชายร่างผอมหัวล้านที่ยืนอยู่ด้านข้างก็กล่าวออกมาพร้อมกับมองหมีภูเขาอย่างเหยียดหยาม
ชายร่างผอมหัวล้านคนนี้ก็คือซานจีลูกน้องคนสำคัญของหลี่เถีย ร่างกายสูงเพียงหนึ่งร้อยห้าสิบหกสิบเซ็นติเมตร ผอมกะหร่อง หัวล้านเป็นเงาสะท้อนแสง หน้าตาก็ธรรมดาๆ แต่ว่าภายในดวงตาทั้งสองกลับเผยแววชั่วร้ายให้เห็นตลอดเวลา คนทั่วไปถ้าได้มาเห็นจะรู้สึกหวาดหวั่นอยู่ในใจ
“แก…ซานจี แกหมายความว่าไง?” เดิมทีหมีภูเขาก็รู้สึกเสียหน้าอยู่แล้วที่ถูกเย่เทียนเฉินหักแขนทั้งสองข้าง โดยไม่มีแรงตอบโต้ ตอนนี้ยังถูกซานจียกเรื่องนี้ขึ้นมา จึงโกรธจนสองตาแดงก่ำ คำรามออกมาในขณะที่ถลึงมองซานจี
“หมายความว่าไงงั้นเหรอ? แกถูกเศษสวะไม่เอาไหนหักแขนสองข้าง ยังจะมาวางท่าใหญ่โตอะไรอีก ขายหน้า!” ซานจีวถากถางด้วยรอยยิ้มเย็นชา
“ซานจี แก…” ซายซยงโกรธจนอยากจะพุ่งเข้าไปเสี่ยงชีวิตกับซานจี แต่กลับตกใจเพราะคำพูดของซานจี
“ฉันเตือนแกไว้ก่อนว่าอย่ามาแส่หาเรื่อง อย่างแกแค่สองวิ ฉันใช้เท้าเดียวก็ส่งแกกลับไปหาแม่ได้แล้ว” ซานจีมองหมีภูเขาอย่างดูถูกพลางกล่าว
หลี่เถียมองหมีภูเขา จากนั้นก็มองซานจี กล่าวยิ้มๆ ว่า “พวกแกสองคนหยุดทะเลาะกันได้แล้ว หมีภูเขา เรื่องในครั้งนี้แกทำเสียหาย รอจนฆ่าเย่เทียนเฉินแล้ว ค่อยลงโทษแกทีหลัง ซานจี แม้ว่าแกจะมีฝีมือดี แต่ได้ยินว่าเจ้าเย่เทียนเฉินก็ไม่ได้อ่อนแอ ระวังหน่อยแล้วกัน”
“เฮอะ ผมพูดจริงๆ นะพี่ใหญ่ คราวนี้ผมไม่ค่อยพอใจนัก ผมกำลังเล่นสนุกกับสาวต่างชาติอยู่ดีๆ พี่ก็รีบร้อนเรียกตัวผมกลับมา เป็นแค่ไอ้ลูกเต่าตัวเดียวเองไม่ใช่หรอกเหรอครับ? ผมได้ยินมาว่าเย่เทียนเฉินมันก็แค่เศษสวะไม่เอาไหนเท่านั้น ต่อให้มีมันสองคน จำเป็นต้องให้ผมลงมือด้วยเหรอ?” ซานจีส่งเสียงหึอย่างเย็นชา เอ่ยถามพร้อมกับมองหลี่เถีย
หากว่ามีคนอื่นกล้ามาพูดกับหลี่เถียเช่นนี้ เกรงว่าแม้แต่ศพห็คงหาไม่เจอ แต่ซานจีนั้นเป็นข้อยกเว้น เจ้าหมอนี่อวดดีทะนงตนมาโดยตลอด แน่นอนว่าการที่เขาหยิ่งผยอง ย่อมมีคุณสมบัติในกรหยิ่งผยอง ในหมู่ลูกน้องของหลี่เถีย ซานจีถือเป็นคนสำคัญอันดับหนึ่ง ชายคนนี้เป็นเด็กกำพร้ามาตั้งแต่เด็ก ถูกพระอาวุโสจากวัดเส้าหลินเก็บไปเลี้ยงดู จึงได้รับอิทธิพลจากสิ่งที่ได้ยินได้เห็นมาตลอด รวมทั้งได้ฝึกกังฟูเส้าหลินตั้งแต่เด็ก ถึงจะไม่ได้เล่าเรียนหนังสือ เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ แต่พอพอฝึกฝนหลายสิบปี ฝีมือก็ค่อยๆพัฒนาคนเก่งกาจขึ้นมาได้
เส้าหลินมอบคุณูปการให้ใต้หล้า ประโยคนี้ใช่ว่าจะไม่มีที่มา พรรควรยุทธ์โบราณค่อยๆ หายไป แต่เส้าหลินยังคงเดินอยู่บนเส้นทางของพรรควรยุทธ์โบราณ มีเคล็ดวิชามากมาย เดิมทีซานจีต้องการฝึกฝนเพลงหมัดเส้าหลิน แต่เจ้าอาวาสวัดเส้าหลินเห็นว่าเขามีนิสัยโหดเหี้ยม ไม่เหมาะที่จะถ่ายทอดวิชาให้ ซานจีนั้นมีนิสัยที่โหดเหี้ยมอย่างแท้จริง คืนนั้นเขาได้วางเพลิงวัดเส้าหลิน แอบลงจากเขามาพึ่งพาหลี่เถีย กลายเป็นนักสู้ที่เหี้ยมหาญคนหนึ่งของหลี่เถีย
“แกเนี่ยนะ ฉันได้ยินมาว่าเย่เทียนเฉินมันอัดลั่วเหลยที่เป็นสมาชิกกองกำลังเหยี่ยวนักล่าจนไม่มีแรงแม้แต่จะตอบโต้ ฝีมือของหมีภูเขาแม้จะไม่ได้แข็งแกร่งเท่าแก แต่ก็ไม่ได้อ่อนแอ ถ้าหากต้องต่อสู้กับเย่เทียนเฉิน แกควรจะระวังตัวสักหน่อยถึงดี!” หลี่เถียกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ความสามารถของหมีภูเขา ต่อให้ผมให้มันใช้สองมือสองเท้าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน ส่วนเย่เทียนเฉิน ให้มันเข้ามาในคฤหาสน์ให้ได้ค่อยว่ากันเถอะ…”
ซานจีพูดจบก็ไม่สนใจหลี่เถียกับหมีภูเขาอีก เดินออกไปจากห้องหนังสือด้วยตัวเอง ไม่ได้เห็นการมาของเย่เทียนเฉินอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย อีกอย่างในความคิดของเขา ต่อให้เย่เทียนนเฉินมาโจมตี ก็ทำได้แค่ถูกตนอัด ไม่กี่หมัดก็แก้ปัญหาได้แล้ว ไหนเลยจะต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ถึงขนาดนี้ ถึงกับเรียกเขาและลูกน้องกองกำลังมือปืนอัจฉริยะกลับมาทุกคน เป็นการเอามีดฆ่าวัวมาฆ่าไก่จริงๆ
“พี่ใหญ่ ซานจีมัน…” หมีภูเขาเดือดดาล ซานจีช่างโอหังจริงๆ จะอย่างไรทุกคนก็เป็นคนกันเอง แต่หมอนี่กลับคิดว่าตนเองมีฝีมือแข็งแกร่ง เลยไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตา
“แกเองก็อย่าไปถือสาเลย ซานจีมีฝีมือแข็งแกร่ง ย่อมหยิ่งยะโสเป็นธรรมดา แต่ก็ยังนับว่าจงรักภักดีกับฉัน การฆ่าเย่เทียนเฉินและกำจัดตระกูลเย่ในครั้งนี้ ยังจำเป็นต้องใช้พลังของมัน” หลี่เถียมองหมีภูเขาแวบหนนึ่งพร้อมกับเอ่ยขึ้นมา
“ที่รักคะ หรือว่าคุณคิดจะลงมือกำจัดตระกูลเย่หลังจากฆ่าเย่เทียนเฉิน?” ภรรยาน้อยเสี่ยวฉิงฉลาดมาก เพียงแค่ได้ยินคำพูดของหลี่เถีย ก็คาดเดาความตั้งใจของหลี่เถียออกแล้ว
ความจริงหลี่เถียก็วางแผนจะทำแบบนี้อยู่แล้ว แม้ว่าการกลับมาของเย่เทียนเฉินจะทำให้เขาประหลาดใจและจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่ว่าเขาก็คิดเช่นกันว่า การจะฆ่าเย่เทียนเฉินคนเดียวไม่จำเป็นต้องใช้กองปืนอัจฉริยะของตนเอง ที่เขาให้ซานจีกับกองปืนอัจริยะของตนมารวมตัวกันในครั้งนี้ ก็เพื่อที่จะลงมือกับตระกูลเย่
หากคิดดูก็จะรู้ว่า แม้แต่คนอย่างหลี่เถียที่มีตำแหน่งต่ำต้อย และเป็นคนที่เหมาะกับแค่การใช้ชีวิตในที่ลับเท่านั้น ยังกล้าลงมือกับตระกูลเย่ ตระกูลเย่ตกต่ำลงไปแล้ว จนไม่อาจกลับมารุ่งเรื่องได้อีกจริงๆ ไม่ว่าหมาแมวที่ไหนก็กล้าลงมือบดขยี้ลูกพลับนิ่มอย่างตระกูลเย่!
“ฉลาดนี่ ตระกูลเย่ไม่รอดแล้วล่ะ ในเมื่อตระกูลฉินอยากกำจัดพวกเขา ฉันก็จะช่วยอีกแรง แบบนี้ก็จะได้รับผลประโยชน์ส่วนหนึ่ง” หลี่เถียกล่าวด้วยรอยิ้มในขณะที่มองเสี่ยวชิงภรรยาน้อย
“ผมทราบแล้วครับพี่ใหญ่” หมีภูเขากล่าวพลางพยักหน้า
“จำไว้ให้ดี จะต้องทำให้ไอ้ลูกเต่าเย่เทียนเฉินไม่มีโอกาสกลับไปอีก ก้าวแรกในการกำจัดตระกูลเย่ต้องเริ่มจากมัน ทำให้มันรู้ว่าโลกใต้ดินของเมืองหลวงมีหลี่เถียผู้นี้ควบคุม!” หลี่เถียพูดอย่างหลงระเริง
ตอนนี้เอง เย่เทียนเฉินก็ได้มาถึงด้านล่างของคฤหาสน์ที่หลี่เถียอาศัยอยู่ เมื่อสักครู่นี้เขาก็ทราบถึงการจัดวางกำลังรอบๆ คฤหาสน์แห่งนี้ผ่านทางพลังแห่งการรับรู้ ไม่ว่าจะเป็นภายนอกหรือภายในของคฤหาสน์ ทางหลักทุกทางต่างก็มีสมุนฝีมือดีถือปืนอยู่ ทุกคนต่างก็ฝีมือไม่อ่อนแอเลย
ทันใดนั้น ฝีเท้าของเย่เทียนเฉินก็หยุดลง เอ่ยขึ้นโดยไม่หันกลับไปมองว่า “ตามฉันมานานขนาดนี้ ควรจะออกมาได้แล้วมั้ง?”
เสียงของเย่เทียนเฉินเพิ่งจะขาดลง เงาร่างสายหนึ่งก็กระโดดลงมาจากบนต้นไม้ใหญ่ด้านข้าง มองเย่เทียนเฉินอย่างแปลกใจพร้อมกับถามว่า “คุณ คุณเจอผมตั้งแต่แรกแล้วเหรอ?”
“พูดมาเถอะ มีเรื่องอะไร?” เย่เทียนเฉินกล่าวถามด้วยรอยยิ้ม
“ผม ผมอยากจะไปกับคุณ จะให้เป็นวัวเป็นม้าก็ได้ทุกอย่าง”
เย่เทียนเฉินมองชายวัยรุ่นตรงหน้า แล้วเอ่ยว่า “หูหลง ฉันรู้ว่านายอยากจะฆ่าหลี่เถียด้วยมือตัวเอง เพื่อแก้แค้นให้พ่อของนาย แต่ว่าครั้งนี้มันอันตรายมาก นายรู้ไหมว่าข้างในมีนักฆ่าพกปืนกี่คน?”
“ผมไม่กลัว ขอแค่ได้แก้แค้นให้พ่อ ได้ฆ่าหลี่เถียด้วยมือตัวเอง ต่อให้ผมต้องตายก็ไม่เป็นไร” หูหลงกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว
ตอนที่เย่เทียนเฉินเพิ่งมาถึงที่นี่ เขาได้ขยายพลังแห่งการรับรู้ แล้วพบว่าหูหลงตามตนมา สำหรับหูหลงนั้น เย่เทียนเฉินค่อนข้างจะชื่นชมอยู่แล้ว ชายผู้เด็ดเดี่ยวคนนี้ ต่อให้ตายก็ไม่ยอมให้คนเอาตัวน้องสาวของตนเองไป ปกป้องคนในครอบครัวด้วยชีวิต ความกล้าหาญและความเด็ดเดี่ยวเช่นนี้หาได้ยากในสังคมปัจจุบัน
“ถ้าหากว่านายตาย แล้วน้องสาวนายจะทำไง?” เย่เทียนเฉินกล่าวถามในขณะที่มองหูหลง
“ผม…ขอบอกคุณโดยไม่ปิดบัง ผมรู้ว่าคุณจะมาเก็บกวาดหลี่เถียแน่นอน ดังนั้นผมก็เลยมารอคุณที่นี่ พี่ใหญ่ รับผมไว้เถอะ ผมเต็มใจเป็นม้ารับใช้คุณ!” หูหลงคุกเข่าลง เตรียมจะกราบเย่เทียนเฉินเป็นพี่ใหญ่
แต่ว่าตอนที่หูหลงทำท่าจะคุกเข้าลงไป เท้าขวาของเย่เทียนเฉินก็รองอยู่ที่เข้าซ้ายของหูหลง ไม่ว่าหูหลงจะใช้แรงอย่างไรก็ไม่สามารถคุกเข้าลงไปได้
“พี่ใหญ่…” หูหลงรู้สึกร้อนใจ กลัวว่าเย่เทียนเฉินจะไม่ยอมรับตนเอง ตั้งแต่คืนนั้นที่เย่เทียนเฉินช่วยพวกเขาสองพี่น้อง หูหลงก็มองว่าเย่เทียนเฉินเปรียบดังญาติ พอเขาส่งน้องสาวกลับบ้านเกิดเสร็จ ก็กลับมาที่เมืองหลวงอีกครั้งเพื่อที่จะติดตามผู้มีพระคุณช่วยชีวิตคนนี้
“อย่าหลับหูหลับตาเชื่อว่าฉันจะมอบอนาคตให้นายได้ อนาคตของนายอยู่ในมือของนายเอง ต้องอาศัยสองหมัดของนายไปคว้ามา!” เย่เทียนเฉินกล่าวกับหูหลงด้วยรอยยิ้ม
…………………………….