เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 403 อย่าเห็นว่าช่างตีเหล็กไม่ใช่ยอดฝีมือ
“เมื่อปีนั้นข้าก็ตีอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยอยู่นาน ข้าเองก็จำไม่ได้แล้วว่านานเพียงใด ราวกับ “เหล็ก” ในมือซ้ายของข้าเป็นปีศาจ ข้าตีจนไม่รู้จักวันคืน ทุกคราที่ฟาดลงไปจะเกิดเรื่องแปลกประหลาดเช่นนี้ขึ้น นับวันขาก็ยิ่งอยากเห็นให้ถึงที่สุด…” ปรมาจารย์กระบี่มองภาพนั้น ตนกำลังใช้ค้อนเล่มหนึ่งในมือขวาตีลงไปที่ “เหล็ก” ในมือซ้าย อดไม่ได้ที่จะคิดถึงเรื่องเมื่อนานมาแล้วพลางทอดถอนใจออกมา
ไม่รู้จักหนาว ไม่รู้จักร้อน ไม่รู้จักหิว ไม่รู้จักเหนื่อย ปรมาจารย์กระบี่ขยับค้อนฟาดฟันเหล็กไปเช่นนี้ ในที่สุด ในตอนที่ไม่รู้ว่าสะบัดค้อนลงไปกี่ครั้งแล้วนั้น พลันเกิดเสียงดังสนั่นเหนือศีรษะ มีมังกรสายฟ้าตัวหนึ่งปรากฏขึ้น ถูกต้อง เป็นมังกรสายฟ้า อ้าปากกว้าง ทะยานลงมายังปรมาจารย์กระบี่ ที่ปากมีสายฟ้าเปล่งประกาย ช่างน่าหวาดกลัวจริงๆ ทัณฑ์สวรรค์ยิ่งใหญ่เช่นนี้เย่เทียนเฉินเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก ตามปกติ ทัณฑ์สวรรค์จะดำเนินเป็นขั้นตอนจากเล็กไปใหญ่ แต่ไหนแต่ไรไม่เคยปรากฏทัณฑ์สวรรค์เป็นมังกรสายฟ้าที่กระทั่งผู้แข็งแกร่งยังต้องตัวสั่นตั้งแต่แรกเช่นนี้ ช่างทำให้ผู้คนสั่นสะท้านจริงๆ
ตู้ม!
ปรมาจารย์กระบี่เงยหน้าขึ้นมองเหนือหัว ถึงกับเลื่อนค้อนและเหล็กในมือเข้าปะทะมังกรสายฟ้ากลางอากาศ ทำให้มังกรสายฟ้าแตกซ่าน เย่เทียนเฉินที่ได้เห็นพลันต้องสูดหายใจเย็นยะเยือก อดไม่ได้ที่จะหันไปมองปรมาจารย์กระบี่ครั้งหนึ่ง พบว่าปรมาจารย์กระบี่ก็มองเย่เทียนเฉินอย่างลำพองใจแล้วพูดว่า “ด้วยพลังบ่มเพาะของเจ้าในตอนนี้นับว่ายังห่างไกล!”
เย่เทียนเฉินเม้มปาก พูดอย่างไม่พอใจว่า “ต่อให้คุณจะร้ายกาจขนาดไหนก็ตายไปแล้ว แต่ผมยังมีชีวิตอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นผมก็ยังหนุ่มยังแน่น ยังมีโอกาสทะลวงพลัง ผมไม่คิดเล็กคิดน้อยกับคนตายอย่างคุณหรอก!”
“เจ้า…เจ้าหนู จะช้าจะเร็วก็ต้องเป็นเหมือนข้าสักวัน….” ปรมาจารย์กระบี่อดไม่ได้ที่จะโกรธเกรี้ยว กรอกตาใส่เย่เทียนเฉินแล้วพูดขึ้น
เปรี้ยง!
เปรี้ยง!
เปรี้ยง!
ตอนนี้เอง ภายในภาพ หลังจากที่ค้อนเหล็กในมือขวาที่ปรมาจารย์กระบี่เคลื่อนไปขวางจนสามารถทำให้มังกรสายฟ้าที่เกิดจากทัณฑ์สวรรค์แตกซ่านไปได้นั้นก็เกิดเสียงคำรามดังขึ้นจากสายฟ้าอีกสามครั้ง สั่นสะเทือนไปทั่วทุกสารทิศ ต่อให้เป็นเย่เทียนเฉินที่ยืนอยู่นอกเหตุการณ์ได้เห็นก็ยังต้องใจเต้น ไม่ต้องกล่าวถึงภายหลัง แต่ด้วยพลังบ่มเพาะในตอนนี้ของเขา ไม่สามารถรับทัณฑ์สวรรค์เช่นนี้ได้เลย จะต้องถูกระเบิดจนกลายเป็นฝุ่นแน่นอน พลังบ่มเพาะของปรมาจารย์กระบี่อยู่เหนือกว่าตน เขาสามารถสกัดมังกรสายฟ้าที่โจมตีมาอย่างบ้าคลั่งได้ถึงสามครั้งเชียวหรือ?
“เจ้าหนู กำลังอยากรู้ว่าข้าหยุดมังกรสายฟ้าสามตัวนี้ได้หรือไม่กระมัง?” ปรมาจารย์กระบี่อดไม่ได้ที่จะถามด้วยรอยยิ้ม
“ยุ่งอะไรเรื่องของผม คุณคงหยุดไม่ได้หรอก ไม่งั้นคุณคงไม่ตาย!” เย่เทียนเฉินพูดอย่างไม่พอใจ
“เหลวไหล อย่าเห็นว่าช่างตีเหล็กไม่ใช่ยอดฝีมือไปเสียหมด เมื่อปีนั้นข้าเองก็เป็นยอดฝีมือระดับนักรบจักรพรรดิขั้นต้น เจ้าหนู เจ้ายังห่างไกลนัก!” ปรมาจารย์กระบี่จ้องมองภาพเบื้องหน้าเขม็งแล้วตะโกนเสียงดัง ราวกับตนเองย้อนกลับไปวันที่สร้างกระบี่เซวียนหยวนอีกครั้ง เขาใช้ความสามารถอันแข็งแกร่งในระดับนักรบจักรพรรดิขั้นต้นของตนซึ่งเรียกได้ว่าเป็นยอดฝีมือที่หาได้ยากมาต่อสู้กับทัณฑ์สวรรค์ ต่อให้สุดท้ายจะพ่ายแพ้ก็ควรค่าให้ผู้คนภูมิใจและต้องเงยหน้ามอง
โดยปกติทัณฑ์สวรรค์เป็นสิ่งที่ผู้เดินบนเส้นทางบ่มเพาะทุกคนต้องพบเจอ ในชีวิตหนึ่ง พบกับทัณฑ์สวรรค์ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง แน่นอนว่ามีคนบ่มเพาะชั่วชีวิตก็ไม่อาจพบเช่นกัน นั่นเป็นเพราะการบ่มเพาะยังไม่ถึงขอบเขตที่ทัณฑ์สวรรค์จะฟาดฟันลงมา พูดให้กระจ่างก็คือ ยังไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะรับแบบทดสอบอันยิ่งใหญ่จากทัณฑ์สวรรค์ โดยปกติในตอนที่ต้องพบกับทัณฑ์สวรรค์ ผู้บ่มเพาะทุกคนล้วนหวาดกลัวอย่างยิ่ง เนื่องจากหากต้องเผชิญหน้ากับทัณฑ์สวรรค์ นั่นเป็นสัญญาณบอกว่าการบ่มเพาะของคุณได้รับปฏิกิริยาจากจักรวาลแล้ว มันไม่อยากให้คุณทะลวงพลังและพัฒนาจึงต้องการขัดขวาง และวิธีการที่ดีที่สุดในการขัดขวางคุณก็คือฆ่าคุณซะ ดูเหมือนว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับทัณฑ์สวรรค์ ผู้บ่มเพาะทุกคนล้วนนั่งขัดสมาธิและโคจรพลังอันบริสุทธิ์ในร่างกายมาคุ้มครอง ในขณะเดียวกันก็ใช้อาวุธติดตัวมาปกป้องร่างกาย ยอมรับจนกว่าการลงทัณฑ์จะผ่านไป แต่ไหนแต่ไรไม่เคยมีใครกล้าบ่นหรือกล้าโจมตีทัณฑ์สวรรค์มาก่อน นี่ไม่ใช่ว่าต้องการยั่วยุฟ้าดินให้ส่งทัณฑ์สวรรค์ลงมามากยิ่งขึ้นหรอกหรือ? ยังไม่มีใครโง่ถึงขั้นนั้น
เย่เทียนเฉินขมวดคิ้ว พบว่าในภาพ ปรมาจารย์กระบี่เผชิญหน้ากับมังกรสายฟ้าทั้งสามตัวที่ทะยานลงมาอีกครั้ง บรรยากาศทั้งร่างเปลี่ยนไป เดิมทีดูผิวเผินเหมือนชายชราที่มีผมและหนวดเคราขาวโพลนผู้หนึ่ง กระทั่งเดินก็ยังอาจจะเป็นปัญหา แต่ในตอนนี้เขากลายเป็นเหมือนสิงโตที่จำศีลมานาน ค้อนในมือขวาฟาดไปบนก้อนเล็กที่มือซ้าย ในขณะเดียวกันมือทั้งสองก็สูญเสียค้อนและก้อนเหล็กไป กระโดดทะยานตัวพุ่งขึ้นฟ้า ประทับฝ่ามือทั้งสองลงมา นั่นก็คือวิธีการประทับตราซึ่งเป็นเคล็ดวิชาวรยุทธโบราณ
“เคล็ดวิชาข่ายสวรรค์ขังมังกร!”
ปรมาจารย์กระบี่ตะโกน มือทั้งสองยื่นไปเบื้องหน้า โจมตีตาข่ายใสที่มองทะลุได้ออกไปจากฝ่ามือ พริบตาเดียวก็กระทบถูกมังกรสายฟ้าที่กำลังพ่นแสงสายฟ้าออกมาจากปากจนหยุดมันไว้ได้ ในขณะเดียวกันก็ทำให้มังกรสายฟ้าทั้งสามตัวถูกกักขังอยู่ด้านใน ไม่ว่ามังกรสายฟ้าทั้งสามจะดิ้นอย่างไร ต่อให้ดิ้นจนท้องฟ้าสั่นสะท้านแต่ก็ไม่อาจสะบัดออกจากตาข่ายโปร่งแสงนี้ได้ ปรมาจารย์กระบี่ไม่กล้าละเลย แม้นี่จะไม่ใช่มังกรที่แท้จริง เป็นเพียงทัณฑ์สวรรค์จากสวรรค์ที่แปรสภาพออกมาเท่านั้น แต่เขาก็ไม่กล้าเบาใจ ดังนั้นจึงบินขึ้นไป โจมตีมังกรสายฟ้าไปสามหมัด
ฟุ่บ!
ปรมาจารย์กระบี่ร่วงลงมาสู่พื้น ตอนนี้เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ไม่มีการสั่นสะเทือนอะไรอีกต่อไป ดูเหมือนว่าทัณฑ์สวรรค์จะผ่านไปแล้ว เขาใช้มือซ้ายหยิบ “เหล็ก” ขึ้นมาอีกครั้ง มือขวาหยิบค้อนขึ้นมา ทำการตีเหล็กต่อไป ทุกครั้งที่ตีลงไปยังคงมีภาพอันลึกลับปรากฏออกมา ประเดี๋ยวก็เป็นภาพสุริยันจันทราและดวงดาว ประเดี๋ยวก็เป็นภาพขุนเขาธาราแมกไม้ใบหญ้า ลึกลับเป็นอย่างมาก ทำให้ผู้คนอยากจะเห็นให้ถึงที่สุด
ตอนนี้เย่เทียนเฉินสั่นสะท้านจนนิ่งไปจริงๆ แล้ว เขาคิดไม่ถึงว่าปรมาจารย์กระบี่จะร้ายกาจขนาดนี้ เหมือนประโยคนั้นที่เขาพูดจริงๆ อย่าเห็นว่าช่างตีเหล็กไม่ใช่ยอดฝีมือ!
จนถึงตอนนี้เย่เทียนเฉินถึงได้รู้ว่าปรมาจารย์กระบี่มีความสามารถในระดับนักรบจักรพรรดิขั้นต้น ซึ่งเทียบเท่ากับผู้มีพลังพิเศษขอบเขตพระเจ้าขั้นต้น แต่เคล็ดวิชาข่ายสวรรค์ขังมังกรของปรมาจารย์กระบี่ร้ายกาจมากจริงๆ ถึงกับทำให้มังกรสามตัวซึ่งเกิดจากจินตนาภาพถูกกักขังเอาไว้ได้ และยังต่อยจนมันระเบิดได้ด้วย เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะคิดถึงตอนที่ตนอยู่ในดาวสิ้นโลก ตอนนั้นเขาก็เป็นผู้แข็งแกร่งที่มีพลังพิเศษในระดับพระเจ้าขั้นต้นเช่นเดียวกัน จินตนาการได้เลยว่ากว่าจะมาถึงจุดนี้ยากลำบากมาก ไม่ใช่ว่าขอบเขตพลังเดียวกันหรือผู้บ่มเพาะที่มีขอบเขตพลังเดียวกันแล้วความสามารถจะเท่าเทียมกัน หากพูดเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีเก่งเท่ากันจนไม่ต้องกลัวอีกฝ่ายหรือ? นี่มีความเกี่ยวพันกับระดับความพยายาม พรสวรรค์ และโอกาสที่คนผู้หนึ่งได้รับ ขอบเขตพลังเดียวกัน แต่ศัตรูมีพรสวรรค์มากกว่าคุณ มีความสามารถในการต่อสู้และประสบการณ์สูงกว่าคุณ คนที่จะตายย่อมเป็นคุณ
เมื่อเย่เทียนเฉินลองถามตัวเองดูพบว่าเขาไม่มีทางทำได้เหมือนปรมาจารย์กระบี่ ที่จะกักขังมังกรสายฟ้าจากทัณฑ์สวรรค์ทั้งสามตัวและใช้หมัดต่อยมังกรสายฟ้าทั้งสามจนระเบิดได้ ท่าทางชายชราที่เป็นช่างตีเหล็กเบื้องหน้าจะไม่ธรรมดาจริงๆ ช่างตีเหล็กคนหนึ่งสามารถมีพลังบ่มเพาะในระดับนักรบจักรพรรดิขั้นต้นได้ นับว่าดูถูกไม่ได้เลยจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นพลังบ่มเพาะในระดับนักรบจักรพรรดิขั้นต้นของปรมาจารย์กระบี่ หากสู้กันแล้วยังสูงกว่าพลังพิเศษระดับพระเจ้าขั้นต้นของเย่เทียนเฉินเสียอีก
“เคล็ดวิชาข่ายสวรรค์ขังมังกรยอดเยี่ยมจริงๆ ถึงกับขังได้แม้แต่มังกรสายฟ้าจากทัณฑ์สวรรค์!” เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะกล่าวชื่นชม
“ขอเพียงเจ้าลองปราบกระบี่เซวียนหยวนดู ข้าจะมอบเคล็ดวิชานี้ให้เจ้า!” ปรมาจารย์กระบี่ถือโอกาสพูดจาโน้มน้าว
“ไม่เอาล่ะ!” เย่เทียนเฉินพูดอย่างเรียบเฉย
“เจ้า…เจ้าเด็กไม่รู้จักดีชั่ว เคล็ดวิชาข่ายสวรรค์ขังมังกรของข้ากว้างขวางลึกล้ำ เป็นวิชาที่ข้าสร้างขึ้นมาเพื่อรับมือกับทัณฑ์สวรรค์โดยเฉพาะ ข้าเป็นช่างตีเหล็กอันดับหนึ่งในใต้หล้า สร้างอาวุธเทพออกมาหลายครั้ง ทุกครั้งก็ต้องพบกับการทดสอบจากทัณฑ์สวรรค์ หากไม่มีเคล็ดวิชาที่ใช้รับมือกับทัณฑ์สวรรค์โดยเฉพาะจะเป็นไปได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้น หากเรียนเคล็ดวิชานี้ของข้าจนสำเร็จ ไม่เพียงแต่จะขังมังกรได้ แต่ขังได้กระทั่งฟ้าดิน ไม่รู้ว่ามีคนมากน้อยเพียงใดต้องการกราบข้าเป็นอาจารย์ แต่ข้าไม่ตอบรับ เจ้าหนู เจ้าช่างมีวาสนาแต่ไม่ยอมรับจริงๆ !” ปรมาจารย์กระบี่โกรธจนสั่นไปทั้งตัว ไม่ว่าเขาจะโน้มน้าวอย่างไร เย่เทียนเฉินก็ไม่ยอมตอบรับว่าจะลองปราบกระบี่เซวียนหยวนดูง่ายๆ
“ดูท่าทางคุณจะลำพองใจไปแล้ว ต่อไปคงจะมีทัณฑ์สวรรค์ที่รุนแรงมากขึ้นสินะ…” ขอเพียงไม่ใช่คนโง่ย่อมคิดได้ ปรมาจารย์กระบี่บ่มเพาะจนถึงขอบเขตนักรบจักรพรรดิขั้นต้นแล้ว นับว่าเป็นยอดฝีมือระดับสูง ทั้งยังมีเคล็ดวิชาที่ใช้รับมือกับทัณฑ์สวรรค์โดยตรง ทัณฑ์สวรรค์คิดอยากกำจัดเขาก็ยังเป็นไปไม่ได้ มังกรสายฟ้าตัวเท่าถังไม้สามตัว ทั้งยังคละเคล้าไปด้วยอำนาจของสายฟ้าฟาด ทะยานลงมาจากฟ้า สั่นสะเทือนไปทั่ว ทั้งหมดยังถูกปรมาจารย์กระบี่ทำลายจนสลายไปได้ ความสามารถในระดับนักรบจักรพรรดิขั้นต้นนี้กระทั่งเย่เทียนเฉินหากได้เห็นยังต้องชะงักเท้า หากไม่ใช่เพราะเขาลำพองใจ ไม่คิดว่าภายหลังจะมีทัณฑ์สวรรค์ที่รุนแรงมากกว่าเดิมจะตายง่ายๆ ได้อย่างไร?
“ความลำพองใจเป็นเพียงสาเหตุหนึ่งที่สำคัญก็คือ…ข้า…ถูก…คน…ลอบ…วางแผนร้าย…” ปรมาจารย์กระบี่กัดฟันพูด
“ลอบวางแผนร้าย? ในสถานการณ์แบบนี้ยังมีใครกล้าวางแผนร้ายกับคุณอีกเหรอ?” ตอนนี้เย่เทียนเฉินตื่นตะลึงจริงๆ แล้ว ตื่นตะลึงจนไม่กล้าเชื่อ
เมื่อได้ยินคำพูดของปรมาจารย์กระบี่ เย่เทียนเฉินก็ตื่นตะลึงจนสั่นสะท้าน เขาไม่ใช่คนที่จะถูกกวนอารมณ์ง่ายๆ แม้ดูผิวเผินเหมือนเป็นคนเหลาะแหละพึ่งพาไม่ได้ แต่ความจริงในใจแน่วแน่เด็ดเดี่ยวมาก เขาเพียงรู้สึกว่าชีวิตไม่ควรจืดจางก็เท่านั้น
สิ่งที่ทำให้เย่เทียนเฉินคิดไม่ถึงก็คือ ปรมาจารย์กระบี่จะต้องเผชิญกับการที่ต้องถูกผู้อื่นลอบทำร้าย ในสถานการณ์เช่นนี้ถึงกับมีคนกล้าลอบทำร้ายเชียว คนคนนี้จะต้องเป็นยอดฝีมือแน่นอน ต้องทราบว่าทัณฑ์สวรรค์ที่ปรมาจารย์กระบี่พบนั้นรุนแรงหาใดเปรียบ น่าหวาดกลัวจนถึงขีดสุด ไม่ใช่อะไรที่ยอดฝีมือธรรมดาจะเข้าไปใกล้ได้ง่ายๆ นี่ไม่ใช่ว่ารนหาที่ตายรึไง? ปกติในตอนที่ผู้ที่เดินบนเส้นทางการบ่มเพาะคนหนึ่งได้รับการทดสอบจากทัณฑ์สวรรค์ ผู้บ่มเพาะคนอื่นจะไม่กล้าเข้าใกล้ นอกจากเป็นคนที่มีการบ่มเพาะสูงส่งลึกล้ำจนไม่มีผู้ใดเทียบเทียม มิฉะนั้นจะเป็นการยั่วยุจนดึงทัณฑ์สวรรค์มาสู่ตน นี่จะไม่เป็นการหาความผิดใส่ตัวและเป็นการรนหาที่ตายรึไง?
ปรมาจารย์กระบี่มองเย่เทียนเฉินเบื้องหน้า ทอดถอนใจเบาๆ มองไปยังภาพเบื้องหน้าแล้วกล่าวว่า “เจ้าดูต่อไปเถิด ข้าไม่รู้ว่าคนผู้นั้นเป็นใคร แต่เขาแข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งมากจริงๆ เมื่อฆ่าข้าแล้วยังหยุดพลังแห่งสวรรค์และนำกระบี่เซวียนหยวนไปด้วย…”