เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 41 พลังเขตแดนปิดกั้น
“พี่ใหญ่ พี่ยอมรับผมแล้วเหรอครับ?” หูหลงได้ยินคำพูดของเย่เทียนเฉินจึงถามออกมาอย่างยินดี
“คอยสนับสนุนฉันอยู่ด้านนอก อย่าเข้าไป”
เย่เทียนเฉินกล่าว จากนั้นจึงเดินมุ่งไปยังคฤหาสน์ที่หลี่เถี่ยพักอาศัยอยู่ เขารู้แล้วว่าภายในนั้นเต็มไปด้วยอันตราย เส้นทางสำคัญทุกเส้นทางต่างก็มีลูกสมุนถือปืนยืนเฝ้าอยู่ ดูแล้วเพื่อที่จะฆ่าตนเอง หลี่เถี่ยก็สิ้นเปลืองความคิดไปไม่น้อย
“พี่ใหญ่ หะ…ให้ผมเข้าไปกับพี่นะครับ…” หูหลงคิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินจะยังไม่เต็มใจให้ตนเองต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่
“แม้แต่คำสั่งของพี่ใหญ่อย่างฉันนายยังไม่ฟัง แล้วจะติดตามฉันได้อย่างไร?” เย่เทียนเฉินกล่าวเสียงเข้ม
หูหลงชะงักไปชั่วครู่ ฝืนยิ้มออกมาอย่างอึดอัดพลางกล่าวว่า “พี่ใหญ่ ผม…”
“วางใจเถอะ ฉันจะให้นายฆ่าหลี่เถี่ยด้วยมือตัวเอง…”
มองดูแผ่นหลังของเย่เทียนเฉินเดินไปยังคฤหาสน์ หูหลงพลันรู้สึกว่าติดตามพี่ใหญ่เช่นนี้ถึงจะมีอนาคต สำหรับเจตนาของเย่เทียนเฉินนั้น เหตุใดเขาจะไม่เข้าใจ?
ที่เย่เทียนเฉินไม่ให้หูหลงไปฆ่าหลี่เถี่ยด้วยกัน ก็เพื่อไม่ให้ชีวิตของเขาตกอยู่ในอันตราย จริงๆ แล้วแม้ว่าหูหลงจะมีฝีมืออยู่บ้าง แต่ว่าครั้งนี้ภายในคฤหาสน์ของหลี่เถี่ยนั้นอันตรายมาก ลูกสมุนฝีมือดีถือปืนก็หลายสิบคน กระสุนไม่มีตา ไม่เหมือนกับมีดดาบ ในเมื่อรับหูหลงให้ติดตามตนเองแล้ว ย่อมไม่อาจมองเขาเอาชีวิตไปทิ้งได้ จำเป็นจะต้องทำตัวให้เหมาะสมกับคำว่าพี่ใหญ่
ในขณะนี้ เหล่าลูกสมุนถือปืนที่อยู่บริเวณคฤหาสน์ต่างก็รู้สึกไม่สบายใจ รอมาครึ่งค่อนคืนแล้วก็ยังไม่เห็นเย่เทียนเฉินมาโจมตี ขณะเดียวกันก็บ่นพี่ใหญ่หลี่เถี่ยว่าจะระมัดระวังเกินเหตุไปแล้ว ถูกตัวตลกของจิงตูและเศษสวะไม่เอาไหนคนหนึ่งทำให้เกรงกลัว ช่างขายหน้าเสียจริง
“แม่มันเถอะ แกคิดว่าพี่ใหญ่ขี้ขลาดไปรึเปล่า? ไม่ใช่แค่เศษสวะไม่เอาไหนคนเดียวหรอกเหรอ? ถึงกับต้องเรียกเหล่าพี่น้องกองปืนอัจฉริยะอย่างพวกเราให้รีบกลับมาเลยเหรอ?” ลูกสมุนถือปืนคนหนึ่งกล่าวอย่างทนไม่ไหว
“แกอย่าพูดไป เรื่องนี้พี่ซานจีเองก็หัวเสียสุดๆ เย่เทียนเฉินเป็นแค่เศษสวะคนหนึ่งเท่านั้น ต้องระดมพวกเรามามากมายเช่นนี้ ต่อให้ตระกูลเย่เป็นตระกูลที่มีอำนาจในจิงตู แต่ก็เป็นแค่ตระกูลชั้นสามตระกูลหนึ่ง จะฆ่าไอ้คนไม่เอาไหนคนหนึ่งถึงกับต้องให้พวกเราระวังตัวเช่นนี้เลยเหรอ?” ลูกสมุนอีกคนหนึ่งกล่าวพลางส่ายหัว
ครั้งนี้ เพื่อที่จะฆ่าเย่เทียนเฉินและกำจัดตระกูลเย่ หลี่เถี่ยเรียกให้สมาชิกกองปืนอัจฉริยะทั้งหมดที่เป็นลูกน้องของตนกลับมารวมตัวกัน คนกลุ่มนี้ทุกคนต่างก็เป็นยอดฝีมือ ไม่อาจนำไปเทียบกับลูกสมุนธรรมดาๆ ได้ ดังนั้นจึงมีความหยิ่งยะโสอยู่บ้าง ในสายตาของพวกเขาจัดการกับเศษสวะเท่านั้น เหตุใดนั้นต้องให้พวกเขากลับมาทั้งหมดด้วย? หลังจากกลับมาแล้วก็ส่งให้พวกเขาไปเฝ้าเส้นทางสำคัญของคฤหาสน์แห่งนี้ ซ้ำยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง ในใจก็ยิ่งรู้สึกไม่ดี
“ช่างมันเถอะ บิดาไม่สนใจอะไรแล้ว นอนดีกว่า ก็แค่ไอ้ลูกเต่าตัวหนึ่ง มันไม่กล้ามาหรอก!”
“ก็ใช่ มีพวกเราพี่น้องมากมายขนาดนี้เฝ้าคฤหาสน์อยู่ ต่อให้เย่เทียนเฉินสิบคนก็ไม่กล้ามา ถ้ามาก็ไม่มีทางกลับไปได้ นอนกันเถอะ!”
ลูกสมุนสองคนที่เฝ้าประตูเล็กๆ ด้านหลังของคฤหาสน์ ในใจรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างมากถึงได้กล่าวอออกมา ไม่ได้นำเรื่องที่เย่เทียนเฉินจะมาโจมตีเก็บมาใส่ใจเลยสักนิด
ขณะนี้ เย่เทียนเฉินเดินมาถึงบริเวณประตูเล็กด้านหลังของคฤหาสน์แล้ว ด้วยพลังพิเศษแห่งการรับรู้ของเขา พบว่ามีเพียงการป้องกันของประตูเล็กด้านหลังเท่านั้นที่อ่อนแอ ที่บริเวณประตูหน้าหลายแห่งของคฤหาสน์ต่างก็มีมือปืนที่เก่งกาจเฝ้าอยู่เป็นจำนวนมาก แม้ว่าพลังพิเศษของเย่เทียนเฉินในตอนนี้จะทะลวงไปถึงระดับจอมราชันแล้ว หากใช้กำลังบุกเข้าไป บอร์ดี้การ์ดฝีมือดีหลายสิบคนนี้ก็ไม่พอ แต่ว่าเขายังอยากทำให้หลี่เถี่ยประหลาดใจสักหน่อย เชื่อว่าอาการที่หลี่เถี่ยจะแสดงออกมาตอนที่เห็นตนเองนั้นต้องน่าดูชมเป็นอย่างมาก
“ดวงจันทร์สวยออกขนาดนี้ พวกแกสองคนกลับอยากไปนอน ไม่น่าเสียดายหรอกเหรอ?”
“ใคร?”
“ออกมาซะ ใครมันพูดอยู่วะ?”
นักฆ่าสองคนที่เดิมทีต้องการที่จะแอบไปนอนอู้พากันมองไปรอบๆ อย่างตื่นกลัว ทั้งคู่ต่างก็อดไม่ได้ที่จะยกปืนพกขึ้นมา เตรียมลั่นไกได้ตลอดเวลา พวกเขาคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ทุกที่ทั้งในและนอกคฤหาสน์ล้วนแต่เป็นคนของพวกเขาซึ่งทุกคนล้วนมีปืนติดตัว แต่กลับยังมีคนที่สามารถมาปรากฏตัวที่ประตูเล็กหลังคฤหาสน์โดยไร้ซุ่มไร้เสียงได้
พลันนั้น เย่เทียนเฉินก็ปรากฏตัวออกมาเบื้องหลังของนักฆ่าสองคนนี้ พลางใช้แขนทั้งสองรัดรอบคอของนักฆ่าทั้งสองคนพร้อมๆ กัน
เสียงกรอบดังขึ้น เป็นเสียงของคอที่ถูกบิดจนหัก เย่เทียนเฉินเพียงออกออกแรงที่แขนเบาๆ ก็กำจัดนักฆ่าทั้งสองไปได้ ตอนที่นักฆ่าทั้งสองกำลังบ่นกันอยู่นั้น เย่เทียนเฉินก็ได้ปรากฏเบื้องหลังของพวกเขาเรียบเร้อยแล้วทั้งยังสูบบุหรี่อย่างสบายอกสบายใจ โดยนักฆ่าสองคนนี้ไม่รู้ตัวเลยสักนิด
เห็นนักฆ่าทั้งสองล้มลงไปที่พื้น มุมปากของเย่เทียนเฉินก็ก็ปรากฏรอยยิ้มเย็นชาสายหนึ่ง มือซ้ายหิ้วศพของนักฆ่าฝั่งซ้ายขึ้น ใช้เท้าถีบประตูเล็กหลังคฤหาสน์ให้เปิดออก ใช้ศพของนักฆ่าคนนั้นมาบังเบื้องหน้าตนพลางเดินเข้าไป
นักฆ่าสองคนที่อยู่ด้านในของประตูเล็กหลังคฤหาสน์เองก็กำลังพูดคุยกันถึงประสบการณ์เจ้าสำราญอย่างลามก พอเห็นนักฆ่าที่คุ้มกันอยู่ด้านนอกเดินเข้ามา ด้วยใบหน้าที่ไร้ซึ่งอารมณ์และซีดเซียวเล็กน้อย ต่างก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง
“แม่งเอ้ย แกไม่อยู่เฝ้าด้านนอก เดินเข้ามาข้างในทำไม?”
“ออกไป ออกไป อย่าให้พี่ใหญ่มาเห็นเชียว เดี๋ยวได้ตายกันพอดี”
คำพูดของนักฆ่าทั้งสองที่เฝ้าอยู่ด้านในประตูเล็กด้านหลังเพิ่งจะออกจากปาก เย่เทียนเฉินก็ผลักศพของนักฆ่าที่ใช้บังตนเองทิ้งไป เมื่อนักฆ่าด้านในทั้งสองเห็นเย่เทียนเฉิน พลันตกตะลึงจนปากอ้าตาค้าง ขณะเดียวกันก็ควักปืนขึ้นมาเตรียมจัดการเย่เทียนเฉิน
แต่ในตอนที่พวกเขาเห็นเย่เทียนเฉินก็ไม่ทันการเสียแล้ว เห็นเพียงเงาเบลอๆ ที่เย่เทียนเฉินเหลือทิ้งไว้จุดเดิม ตอนที่นักฆ่าทั้งสองเพิ่งจะทำท่ายกปืนขึ้นนั้น หน้าอกของพวกเขาทั้งคู่ก็ถูกหมัดของเย่เทียนเฉินเข้าไปอย่างรุนแรง
เพียงแค่หมัดเดียวเท่านั้น นักฆ่าสองคนนี้ที่เฝ้าอยู่ด้านในของประตูเล็กหลังคฤหาสน์ตายไปโดยที่ไม่ทันได้ส่งเสียงร้อง แต่หมัดๆ นี้ของเย่เทียนเฉินแฝงไปด้วยพลังของผู้มีพลังพิเศษระดับจอมราชัน ดูเผินๆ เหมือนกับหมัดธรรมดาหมัดหนึ่ง แต่จริงๆ แล้วร้ายกาจรุนแรงหาที่เปรียบ เพียงหมัดเดียวก็สามารถซัดนักฆ่าสองคนนี้จนอวัยวะภายในแหลกเหลว ปลิวออกไปราวกับลูกธนูก็มิปาน
ตู้ม!
เสียงสองเสียงดังสนั่นหวั่นไหว เย่เทียนเฉินส่ายหัวอย่างหดหู่ เดิมทีตนเองนั้นไม่ได้วางแผนจะสร้างเรื่องใหญ่ขนาดนี้ เตรียมตัวจะไปทำให้หลี่เถี่ยเซอร์ไพรส์เท่านั้น ดูท่าอยากจะเซอร์ไพรส์ก็คงทำไม่ได้แล้ว การเคลื่อนไหวนี้ทำให้ทั้งในและนอกคฤหาสน์ได้ยินอย่างชัดเจน
“คงไม่มีทางอื่นแล้วสินะ ต้องเปิดใช้พลังเขตแดนปิดกั้น ปิดประตูตีแมวซะแล้ว!”
เย่เทียนเฉินพูดจาพึมพำกับตนเอง ภายในมือทั้งสองข้างปรากฏแสงสีฟ้าออกมาจางๆ ค่อยๆ ขยายออกไปโดยมีตัวเขาเองเป็นศูนย์กลาง จนกระทั่งสุดท้ายก็ครอบคลุมคฤหาสน์ทั่วทั้งหลัง นี่เป็นม่านพลังที่คนธรรมดามองด้วยตาเปล่าไม่เห็น
พลังเขตแดนปิดกั้น เป็นความสามารถขั้นสุดยอดประเภทหนึ่ง สามารถตัดขาดสรรพเสียงได้ทั้งหมด ป้องกันไม่ให้คลื่นเสียงไหลผ่านไปด้านนอก ต่อให้ภายในเกิดระเบิดเสียงดังสนั่น พลังเขตแดนปิดกั้นก็จะทำให้คนภายนอกไม่ได้ยินเสียง การที่จะใช้พลังนี้จำเป็นจะต้องไปถึงระดับจอมราชันให้ได้เสียก่อน แน่นอนว่ามีผู้มีพลังประเภทพิเศษหลายคนที่มีความสามารถเฉพาะในการควบคุมพลังบางอย่างอยู่ด้วย
หลังจากที่พลังเขตแดนปิดกั้นแสดงผลแล้ว เย่เทียนเฉินเดินจากประตูเล็กหลังคฤหาสน์เข้าไปอย่างไม่หลบไม่ซ่อน ในเมื่อทำให้หลี่เถี่ยรับรู้ถึงการมาของตนเองไปแล้ว ถ้าเช่นนั้นยังต้องปิดบังไปอีกทำไม? ปิดประตูตีแมว ฆ่าไม่เว้นซะก็สิ้นเรื่อง
ในเวลาเดียวกัน หลี่เถี่ยที่กำลังเล่นพลิกผ้าห่มกับเสี่ยวฉิงภรรยาน้อยของตนในห้องหนังสือชั้นสองอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงดังลั่นที่ชั้นล่างเช่นกัน ทำให้ตกใจเสียจนควบคุมแท่งหยกของตนเองไม่ได้ เพิ่งจะสอดใส่ก็เสร็จกิจเสียแล้ว เดิมทีหลี่เถี่ยก็เป็นสิงห์ปืนไวอยู่แล้ว ทุกครั้งยืนหยัดได้ไม่ถึงสองนาที ตอนนี้ก็ช่างดีเสียเหลือเกิน แปบเดียวก็เสร็จเสียแล้ว ทำเอาเสี่ยวฉิงไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“แม่มันเถอะ เกิดอะไรขึ้น?” หลี่เถี่ยรีบสวมเสื้อกางเกงแล้วลงจากเตียง คำรามเสียงดังลั่นไปยังด้านนอก
ซานซยงวิ่งเข้ามาจากด้านนอก พูดอย่างตื่นกลัวว่า “พะ…พี่ใหญ่ ไม่ดีแล้ว ดูเหมือนไอ้ลูกเต่าเย่เทียนเฉินจะบุกเข้ามาแล้ว!”
“อะไรนะ? มันพาคนมาเท่าไร?” หลี่เถี่ยอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง เปิดปากกล่าวถาม
“ตอนนี้เท่าที่รู้ ดูเหมือนจะมีแค่เย่เทียนเฉินคนเดียว…” ซานซยงพูดออกมาอย่างคาดไม่ถึง
“คนเดียว? เฮอะ ไอ้ลูกเต่ามันรนหาที่ตายจริงๆ ฉันจะทำให้มันสมหวังเอง บอกคนข้างล่างด้วยว่าให้ฆ่าเย่เทียนเฉินให้ฉันไม่ว่าจะใช้วิธีอะไรก็ตาม ถึงตอนนั้นฉันจะเอาหัวของไอ้ขยะนี่ส่งไปที่ตระกูลเย่ ให้มันรู้ซึ้งถึงวิธีการของฉันหลี่เถี่ย!”
หลี่เถี่ยได้ข่าวว่ามีเพียงเย่เทียนเฉินคนเดียวที่บุกเข้ามา ก็พลันโกรธจนตาแดง นี่เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าดูเบาเขาเกินไป ขณะเดียวกันก็ยิ้มออกมาอย่างโหดเหี้ยม มีเพียงเย่เทียนเฉินคนเดียวที่มา ต่อให้เขาร้ายกาจกว่านี้ เกรงว่าก็ไม่ใช่คู่มือของลูกน้องของตนหลายสิบคนที่เป็นพลปืนอัจฉริยะ อีกทั้งยังมีซานจีอยู่ คนๆ นี้ความสามารถของเขาไม่อ่อนแอ มีข่าวลือมาตลอดว่าแข็งแกร่งพอๆ กับอู๋เสวี่ย เพียงแต่ใครก็ไม่อาจทราบว่าพวกเขาสองคนใครเก่งกว่า
“ครับพี่ใหญ่!”
“ใช่แล้ว ให้ซานจีมาพบฉันเดี๋ยวนี้ ฉันมีเรื่องที่จะกำชับเขา” หลี่เถี่ยคิดครู่หนึ่งก่อนกล่าวออกมา
ซานซยงพยักหน้าแล้วถอยออกจากห้องหนังสือไป หลี่เถี่ยขมวดคิ้ว เดินไปยังโต๊ะหนังสือด้านหน้า เปิดลิ้นชักออก หยิบปืนไรเฟิลจากข้างในออกมาหนึ่งกระบอก ใส่กระสุนเข้าไปห้านัดอย่างต่อเนื่อง อานุภาพของปืนไรเฟิลนั้นรุนแรงมาก ยิงหนึ่งครั้งต่อให้เป็นกำแพงหนาสิบเซ็นติเมตรก็ไม่มีปัญหา สามารถจินตนาการได้เลยว่าหากยิงถูกร่างกายมนุษย์จะอนาถขนาดไหน
“คุณเตรียมจะไปฆ่าเย่เทียนเฉินด้วยตัวเองเหรอคะ?” เสี่ยวฉิงที่สวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เดินมาข้างๆ หลี่เถี่ยพลางกล่าวถาม
“ไม่ว่าจะยังไง จะทำเรื่องอะไรก็ต้องทำอย่างระมัดระวังถึงจะประสบความสำเร็จ ฉันไม่อยากจะให้เกิดอุบัติเหตุใดๆ” หลี่เถี่ยดึงสลักปืนไรเฟิลพลางเปิดปากกล่า
การที่หลีเถี่ยสามารถกลายเป็นหัวโจกของอิทธิพลใต้ดินแห่งจิงตูและหลายปีมานี้ก็ล้วนมีประสบการณ์ทำงานให้กับตระกูลใหญ่และอำนาจอิทธิพลต่างๆ อย่างโชกโชนได้นั้น เป็นเพราะว่าเขาทำเรื่องอะไรก็ล้วนแต่ระมัดระวังเป็นอย่างมาก มิฉะนั้นมิทราบว่าจะตายไปแล้วกี่ครั้ง
ส่วนเย่เทียนเฉินที่ตอนนี้อยู่บริเวณชั้นหนึ่งของคฤหาสน์ก็ลงมืออย่างเต็มกำลัง แสดงความสามารถของผู้มีพลังพิเศษระดับจอมราชันออกมาไม่หยุด เหล่านักฆ่าถือปืนที่คิดว่าตนเองเจ๋งเหล่านั้น ดูเหมือนจะไม่มีโอกาสได้ลงมือก็ถูกเย่เทียนเฉินจบชีวิตเสียแล้ว
ซัดหนึ่งหมัดเก็บนักฆ่าคนสุดท้ายที่เฝ้าอยู่บริเวณชั้นหนึ่งเรียบร้อยแล้ว เย่เทียนเฉินก็ปัดเศษฝุ่นบนมือทั้งสอง ไม่เหลียวแลศพสิบกว่าศพที่อยู่ใต้เท้าเลยแม้แต่น้อย ในปากยังคงคาบบุหรี่มวนหนึ่ง สองมือล้วงอยู่ในกระเป๋ากางเกง ปรากฏรอยยิ้มสนุกสนานที่มุมปาก เดินตรงไปยังชั้นสองของคฤหาสน์อย่างสบายอกสบายใจ…
…………………………………………………………………