เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 417 ตบหน้าครึ่งชั่วโมง
ไม่ง่ายเลยกว่าที่เย่เทียนเฉินจะทำให้เถียนปอกวงรู้สึกว่าตนกับเถียนปอกวงเป็นผู้ที่เดินบนเส้นทางเดียวกัน เป็นโจรชั่วที่หื่นกระหายเช่นกัน ทำให้เถียนปอกวงคิดว่าตลอดเวลาที่เขาหลบอยู่ในโลงศพเป็นเพราะต้องการแอบดูและรอโอกาส เมื่อเห็นว่าเถียนปอกวงจะบรรเลงเพลงรักกับหญิงงามสองคนนั้นจึงรับไม่ไหวจนต้องถีบฝาโลงออกมา ต้องการขอแบ่งไปครึ่งหนึ่ง
เย่เทียนเฉินรู้ดีว่าความสามารถทางด้านการบ่มเพาะของตนไม่สามารถสู้เถียนปอกวงได้ เมื่อดูจากการต่อสู้กันสองครั้งก็พอจะมองออก ความสามารถของเถียนปอกวงอยู่ในขอบเขตนักรบจอมราชันขั้นต้นถึงขั้นกลางแล้ว สูงกว่าเย่เทียนเฉินถึงหนึ่งระดับเต็ม ยิ่งไปกว่านั้นเพลงดาบว่องไวและเคล็ดวิชาเทพท่องของเขาก็ฝึกจนชำนาญ กระบวนท่าวรยุทธของเถียนปอกวงเน้นความรวดเร็วเป็นหลัก ภายในห้องหินแคบๆ นี้ เย่เทียนเฉินไม่สามารถใช้พลังพิเศษออกไปได้เลย หากพูดถึงเคล็ดวิชาวรยุทธโบราณ เย่เทียนเฉินไม่ได้ไปสัมผัสกับมันขนาดนั้น กระบี่เซวียนหยวนก็ยังไม่สามารถใช้พลังของมันออกไปได้ ดังนั้นเย่เทียนเฉินจึงไม่ใช่คู่มือของเถียนปอกวง หากทั้งสองต่อสู้กันต่อไปจะต้องบาดเจ็บแน่นอน
“หลี่ชิวสุ่ย ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่ชอบเธอ ท่าทางยั่วยวนของเธอ อย่างมากก็ไปขายตัวได้อยู่ วันๆ ปรนนิบัติผู้ชายนับไม่ถ้วนไปซะ เธออย่าได้คิดฝันให้มากไป คนที่ฉันรักก็คือตงฟางเมิ่งศิษย์น้องเล็กของเธอ!” เย่เทียนเฉินชะงักไปครู่หนึ่ง รีบมองไปยังหลี่ชิวสุ่ยแล้วพูดอย่างไม่พอใจ
“หึ ฉันต้องการให้แกมารักฉันด้วยหรือไง? หึ แกแค่อยากช่วยตงฟางเมิ่ง ฉันว่าคิดฝันเกินไปละมั้ง เถียนปอกวงไม่ใช่คนโง่ ถ้าแกช่วยตงฟางเมิ่งไปแล้ว ต่อไปพวกแกจะไม่ฆ่าเขารึไง?” ตงฟางเมิ่งมองไปยังเย่เทียนเฉินแล้วพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ
“ฉันขี้เกียจพูดกับเธอแล้ว ยังไงซะต่อให้ตายฉันก็ไม่รักเธอหรอก ฉันรักตงฟางเมิ่ง ฉันคิดว่าพี่เถียนคงไม่แย่งคนรักของคนอื่นหรอกใช่ไหม?” เย่เทียนเฉินมองไปยังเถียนปอกวงแล้วเอ่ยถามด้วยท่าทางไม่พอใจ
มาถึงขั้นนี้แล้ว นอกจากเย่เทียนเฉินจะพยายามคิดหาวิธีเสแสร้งต่อไปเพื่อทำให้เถียนปอกวงเชื่อตนก็ไม่มีวิธีอื่นอีกแล้วจริงๆ เขารู้สึกเสียใจแล้วที่ตอนที่เขาปรากฎตัวออกมาไม่ได้หาทางปิดปากหลี่ชิวสุ่ยหรือซัดผู้หญิงโหดเหี้ยมคนนี้ให้ตายไปซะ ตอนนี้เรื่องคงไม่สำเร็จง่ายๆ แล้ว ผู้หญิงคนนี้เกือบจะทำให้ตนเสียเรื่อง เดิมทีเย่เทียนเฉินคิดว่าจะทำให้เถียนปอกวงเชื่อว่าตนเป็นโจรหื่นกามคนหนึ่ง ให้เขามองในแง่ดี ขอเพียงให้เถียนปอกวงรับปากว่าจะมอบตงฟางเมิ่งให้เขา เขาก็จะถือโอกาสแก้สกัดจุดชีพจรให้ตงฟางเมิ่ง เช่นนั้นด้วยฝีมือของเขาและตงฟางเมิ่ง ต่อให้ฆ่าเถียนปอกวงไม่ได้ก็ยังกดดันคนคนนี้ได้ ถึงตอนนั้นคงไม่ต้องถูกกระทำเช่นนี้
เถียนปอกวงมองไปยังเย่เทียนเฉิน จากนั้นจึงมองไปยังหลี่ชิวสุ่ย เขาเริ่มไม่เข้าใจแล้ว อย่างไรก็ตาม ความระมัดระวังของคนคนนี้สูงมาก ก็เหมือนกับที่เย่เทียนเฉินสังเกตุเห็น เถียนปอกวงเจ้าเล่ห์มาก หื่นกามมาก แต่กลับเป็นลูกผู้ชายที่ตรงไปตรงมาคนหนึ่ง เมื่อเทียบกับคุณหนูคุณชายเหล่านั้นแล้วยังเปิดเผยกว่ามาก มิฉะนั้น ทั้งสองสู้กัน เย่เทียนเฉินคงตายไปนานแล้ว
“สหาย ตกลงนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ฉันสนใจอยากจะรู้จริงๆ !” เถียนปอกวงพูด แต่กลับเดินไปข้างเตียงที่ตงฟางเมิ่งนอนอยู่ นำดาบตัดฟืนมาถืออยู่ในมือ เห็นได้ว่าระมัดระวังตัวขึ้นมาแล้ว
เย่เทียนเฉินขมวดคิ้ว เถียนปอกวงคนนี้ใจแคบจริงๆ ท่าทางเขาคงมองออกแล้วว่าตนจะต้องมีความสัมพันธ์อะไรบางอย่างกับตงฟางเมิ่งแน่นอน มิฉะนั้นหลี่ชิวสุ่ยอยู่ห่างจากเขาใกล้กว่า หากเขาอยากจะช่วยคนจริงๆ คงช่วยไปนานแล้ว อย่างไรก็ตาม หลี่ชิวสุ่ยเป็นปีศาจอย่างที่โหดเหี้ยมจริงๆ ไม่มีใครกล้าเป็นเพื่อนกับเธอ
ในตอนนี้เย่เทียนเฉินมองไปที่หลี่ชิวสุ่ย ผู้หญิงคนนี้มองตนด้วยท่าทีโหดเหี้ยมดุดัน เห็นได้ชัดว่ากำลังใช้สายตาบอกว่า แกเสียเวลาคิดหาวิธีหลอกเถียนปอกวงก็เพื่อจะช่วยน้อฝัน ฉันไม่ยอมให้แกสมปรารถนาแน่ ไหนเลยจะรู้ว่าเย่เทียนเฉินจะยิ้มออกมา จากนั้นสีหน้าพลันเปลี่ยนไปเคร่งขรึมอย่างยิ่ง เดินไปเบื้องหน้าหลี่ชิวสุ่ย มองเธอครู่หนึ่ง
เพี้ยะ!
ฝ่ามือตบลงบนใบหน้าของหลี่ชิวสุ่ย เถียนปอกวงและตงฟางเมิ่งที่ได้เห็นต่างตื่นตะลึง หลี่ชิวสุ่ยเองก็มึนงงไปชั่วครู่ จากนั้นจึงกัดฟันมองไปยังเย่เทียนเฉิน ท่าทางอยากจะกัดเสียให้ได้ ไม่ว่าใครก็คิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินจะเดินไปตบหน้าหลี่ชิวสุ่ย
เถียนปอกวงเองก็ตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าไอ้หนูเย่เทียนเฉินคนนี้จะกล้าตบแม้กระทั่งหลี่ชิวสุ่ย ถึงแม้เขาจะสกัดจุดชีพจรหลี่ชิวสุ่ยแล้ว ทำให้ผู้หญิงคนนี้ขยับไม่ได้ หากต้องการฆ่าหลี่ชิวสุ่ย เถียนปอกวงงก็ยังกล้าทำ แต่การตบหน้าหลี่ชิวสุ่ยเช่นนี้เถียนปอกวงไม่เคยคิดถึงมาก่อนจริงๆ ต้องทราบว่าหลี่ชิวสุ่ยมีชื่อเสียงว่าเป็นปีศาจหญิง ฆ่าคนเป็นผักปลา ไม่มีความเป็นมนุษย์แม้แต่น้อย ต่อให้เป็นคนที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน เมื่อได้พบหลี่ชิวสุ่ย ขอเพียงทำให้ผู้หญิงคนนี้ไม่พอใจก็จะมีอันตรายถึงชีวิตอย่างไม่อาจหลีกหนี เห็นชีวิตคนเป็นดั่งวัชพืชจริงๆ
“แก…”
เพี๊ยะ!
คำว่าแกของหลี่ชิวสุ่ยยังไม่ทันพูดออกมาหมด เย่เทียนเฉินก็ตบหน้าอีกครั้ง ตบจนหลี่ชิวสุ่ยเกือบจะทรุดลงกับพื้น มุมปากมีเลือดไหลออกมา เย่เทียนเฉินลงมือหนักแน่น หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าเถียนปอกวงจะสงสัยจนไม่สามารถช่วยตงฟางเมิ่งออกมาได้ เย่เทียนเฉินคงสังหารหลี่ชิวสุ่ยไปแล้ว
“ไอสารเลว…ฉัน…”
เพี้ยะๆๆๆ …
มหกรรมตบหน้าครั้งยิ่งใหญ่เริ่มขึ้นแล้ว เย่เทียนเฉินโกรธจริงๆ แล้ว สำหรับผู้หญิงโหดเหี้ยมน่ารังเกียจเหมือนหลี่ชิวสุ่ย เขาอยากสั่งสอนให้แรงๆ สักทีนานแล้ว ภาพต่อไป เถียนปอกวงและตงฟางเมิ่งกลายเป็นผู้ชมโดยสมบูรณ์ มองจนปากอ้าตาค้าง พบว่าเย่เทียนเฉินตบซ้ายตบขวาไปเต็มๆ ครึ่งชั่วโมงกว่า ตบจนตอนแรกที่หลี่ชิวสุ่ยตะโกนด่าด้วยความโกรธ ตอนนี้กลับร้องอวดโอย จนกระทั่งเย่เทียนเฉินหยุดมือลง ข้อมือทั้งสองของเขาสะบัดไม่หยุดจนเหนื่อย ส่วนหลี่ชิวสุ่ยนั้น ใบหน้าดูไม่ได้เลย บวมเป็นหมู เป็นหมูจริงๆ แก้มทั้งสอง จมูก ปาก ตา ถูกตบจนบวม น่าอนาจจนทนมองไม่ได้
จินตนาการได้เลย เดิมทีเย่เทียนเฉินก็ให้ความสำคัญกับการบ่มเพาะกายเนื้ออยู่แล้ว ระดับความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อของเขามากกว่าคนธรรมดา พลังที่มือจึงมีไม่น้อย หลี่ชิวสุ่ยน่าเวทนามากจริงๆ
“อั่ก…แก…”
หลี่ชิวสุ่ยที่น่าสงสาร เป็นปีศาจสาวมาชั่วชีวิต เพียงแค่ได้ยินชื่อก็ต้องหน้าเปลี่ยนสี ได้ยินเสียงยังต้องตกใจกลัว กระทั่งเถียนปอกวงที่เป็นโจรชั่วก็ยังไม่กล้าเข้าไปใกล้และล่วงเกินง่ายๆ แต่เย่เทียนเฉินกลับตบหลี่ชิวสุ่ยจนกลายเป็นหมู เกรงว่าบนโลกใบนี้คนที่กล้าทำเช่นนี้คงมีเย่เทียนเฉินเพียงคนเดียว นี่ยังทำให้เธอดูย่ำแย่ยิ่งกว่าฆ่าไปเลยซะอีก เพราะแต่ไหนแต่ไรไม่เคยมีใครกล้าทำกับหลี่ชิวสุ่ยแบบนี้ ถ้าคนอื่นรู้ว่าปีศาจสาวที่สง่าผ่าเผยอย่างหลี่ชิวสุ่ยถูกคนอื่นตบจนเป็นเช่นนี้ คงทำให้ทุกคนตกใจจนคางร่วงแน่นอน
“แกอะไรของเธอ? วันนี้ถ้าบิดาไม่สั่งสอนเธอให้ดี เธอคงไม่รู้จักความร้ายกาจของฉัน ไม่ใช่ว่าฉันดื่มเหล้าจนเมาแล้วถูกเธอลากขึ้นเตียง รึไง? ฉันบอกแล้วว่าไม่ชอบเธอ เธอยังมาพัวพันอีก ตอนนี้ฉันจะใช้การกระทำบอกเธอเอง เธอกับฉันไม่เหมาะกัน ฉันเป็นคน เธอเป็นหมู!” เย่เทียนเฉินพูดขัดพูดของหลี่ชิวสุ่ยโดยตรง
ตอนนี้หลี่ชิวสุ่ยพบความซวยอย่างต่อเนื่อง ถูกสกัดชีพจร ไม่สามารถขยับได้ แล้วยังถูกเย่เทียนเฉินตบหน้าจนกลายเป็นหัวหมูอีก ปากก็บวมเหมือนไส้กรอก แค่ขยับปากก็เจ็บไปหมด ไหนเลยจะพูดอะไรออกมาได้อีก ความจริงเย่เทียนเฉินต้องการผลลัพธ์เช่นนี้ มิฉะนั้นเขาจะมานั่งตบหน้าหลี่ชิวสุ่ยไปกว่าครึ่งชั่วโมงทำไม นั่นก็พอไม่อยากให้ผู้หญิงคนนี้พูดอะไรออกมาโดยไม่รู้ตัวจนทำให้เขาเสียแผน
หลังจากเย่เทียนเฉินด่าหลี่ชิวสุ่ยไปยกหนึ่งก็แสร้งทำเป็นโกรธเกรี้ยว เดินไปหน้าเถียนปอกวงแล้วพูดว่า “สหาย ทำให้แกเห็นเรื่องตลกแล้ว บอกกับแกตามตรงแล้วกัน ฉันกับผู้หญิงสองคนนี้มีความเกี่ยวข้องกัน แต่คนที่ฉันรักก็คือผู้หญิงด้านหลังแก ส่วนนังแพศยาที่ถูกฉันตบจนเป็นหมูคนนั้น ฉันไม่ชอบเลยสักนิด ผู้หญิงคนนี้มันอะไรกัน คิดว่าแกก็คงรู้ใช่หรือเปล่า? โหดเหี้ยม น่ารังเกียจ ฉันไม่กล้ายุ่งหรอก ต่อให้ได้ฟรีฉันก็ไม่เอา จะไปรู้ได้ยังไงว่าเทอจะมาวุ่นวาย ถึงกับคิดจะฆ่าผู้หญิงที่ฉันรักจากนั้นก็จะอยู่ด้วยกันกับฉัน ฉันว่าเธอมันฝันหวานเกินไปแล้ว!”
ตงฟางเมิ่งที่นอนอยู่บนเตียงหินรู้สึกนับถือฝีมือการแสดงของเย่เทียนเฉินจริงๆ ในใจคิดว่าเจ้าหมอนี่ดูพึ่งพาไม่ได้อยู่บ้าง ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ทำได้ทั้งนั้น คำพูดอะไรก็พูดออกมาได้ทั้งสิ้น พูดจนทำให้โจรชั่วอย่างเถียนปอกวงที่เป็นคนใจแคบสารเลวยังต้องตื่นตะลึง ถ้าไม่มีฝีมือการแสดงอันล้ำเลิศคงทำไม่ได้
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้เอง น้องชาย ทำไมไม่พูดให้เร็วกว่านี้ แกคิดว่าพี่ชายอย่างฉันจะแย่งคนรักของแกเหรอ? เอาล่ะ ผู้หญิงคนนี้ก็มอบให้แกแล้วกัน…” เถียนปอกวงชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
“ขอบคุณพี่เถียนมาก!” เย่เทียนเฉินเดินไปก้าวหนึ่ง คิดจะเดินเข้าไป ขอเพียงไปถึงด้านหน้าตงฟางเมิ่งได้ คลายจุดชีพจรให้ตงฟางเมิ่งได้ หากทั้งสองร่วมมือกันหยุดเถียนปอกวงก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร ที่สำคัญก็คือตอนนี้อย่าให้เถียนปอกวงมองออกเด็ดขาด มิฉะนั้นไม่เพียงแต่จะช่วยตงฟางเมิ่งไม่ได้ แต่ยังมีอันตรายถึงชีวิตด้วย
ฉัวะ!
แต่ในตอนที่เย่เทียนเฉินก้าวไปหาตงฟางเมิ่งนั่นเอง ดาบตัดฟืนของเถียนปอกวงก็พาดลงที่ขอของเขา ทำให้เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วใจเต้น เถียนปอกวงคนนี้รับมือไม่ง่ายเลยจริงๆ เจ้าหมอนี่คิดจะทำอะไร?
“พี่เถียน นี่มันหมายความว่ายังไง? ผมเคารพคุณเหมือนผู้อาวุโส เรียกคุณว่าพี่เถียนแล้ว คุณหยอกล้อผมแบบนี้จะไม่เกินไปเหรอ?” เย่เทียนเฉินถามด้วยท่าทีไม่พอใจ
“ฮ่าๆ น้องชาย พี่ชายให้ความสำคัญกับแก ดังนั้นจึงต้องการเลือกแกให้มาเป็นผู้สืบทอดของฉัน ถ่ายทอดเพลงดาบว่องไวและเคล็ดวิชาเทพท่องให้แก แต่แกไม่รับ แกยังบอกว่าเพลงกระบี่สิบอักษรของตัวเองร้ายกาจกว่าฉัน เมื่อกี้พวกเรายังพูดติดค้างกันอยู่ ตอนนี้ขอเพียงใช้เพลงกระบี่ของแกเอาชนะฉันได้ ผู้หญิงสองคนนี้ฉันจะไม่แตะต้องเป็นไง? แกต้องรู้ว่าผู้หญิงที่อยู่ในมือของฉันเถียนปอกวง ไม่เคยมีคนไหนที่หนีไปได้โดยไม่เสียหาย!” เถียนปอกวงหัวเราะ มองเย่เทียนเฉินแล้วพูดอย่างจริงจัง
เย่เทียนเฉินชะงักไปครู่หนึ่ง ประกายกระบี่ส่องสว่างพุ่งไปยังเถียนปอกวง ตอนนี้เถียนปอกวงต้องระแวงในตัวเขาแล้วแน่นอน แต่สถานการณ์เช่นนี้ก็ไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงต่อสู้เป็นตาย มิฉะนั้นคงช่วยตงฟางเมิ่งไม่ได้
………………………