เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 428 คนของพรรคท่องกระบี่มาฆ่าแล้ว!
เคร้ง!
เคร้ง!
คนถือกระบี่สองคนพุ่งเข้ามาหวังฆ่าเถียนปอกวงโดยตรง ประกายกระบี่ส่องสว่าง คละเคล้าไปด้วยพลังภายในอันมหาศาล หนึ่งกระบี่ฟาดฟันลงมา ต้นไม้ใหญ่ถูกฟันขาด อีกกระบี่โจมตีมาปะทะลงบนก้อนหินจนทิ้งรอยลึกเอาไว้ ปราณกระบี่อันแข็งแกร่งเช่นนี้หากฟันถูกคนเข้า ไม่อยากจะคิดเลยจริงๆ
เย่เทียนเฉินและตงฟางเมิ่งคิดอยากจะทะยานตัวเข้าไปช่วยเถียนปอกวง แต่เถียนปอกวงกลับหยุดพวกเขาเอาไว้ไม่ยอมให้พวกเขาเข้ามาสอดมือ เพลงดาบว่องไวของเถียนปอกวงมีชื่อเสียงโด่งดังในใต้หล้า แม้คนทั้งสองที่พุ่งออกมาอย่างกะทันหันนี้จะมีเพลงกระบี่ลึกล้ำ มีเคล็ดวิชากระบี่อันแข็งแกร่ง แต่ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเถียนปอกวง
ฉึก!
เลือดสดๆ พุ่งกระฉูด เถียนปอกวงใช้เคล็ดวิชาเทพท่องของตนสะกิดเท้าโผทะยานไปยังคนที่โจมตีมาคนหนึ่ง ในขณะเดียวกันก็กระโดดขึ้น ดาบผ่าฟืนในมือขวาเปล่งประกาย ฟันคนที่ลอยอยู่กลางอากาศจนขาดเป็นสองท่อนทั้งที่ไม่ทันได้ร้อง
คนที่เข้ามาลอบโจมตีอีกคนหนึ่งอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง เขายืนอยู่บนต้นไม้ที่อยู่บริเวณไม่ไกล จับจ้องไปยังเถียนปอกวงอย่างดุดันแต่กลับไม่ได้พุ่งเข้าไปอีก เนื่องจากเขารู้ดีว่าด้วยความสามารถของตนย่อมมิใช่คู่ต่อสู้ของเถียนปอกวง
“เถียนปอกวง แกรู้หรือเปล่าว่าคนที่แก่ฆ่าคือใคร?” ผู้ลอบโจมตีที่เหลือสวมใส่ชุดโบราณ ยกกระบี่ยาวในมือชี้ไปยังเถียนปอกวงแล้วถามขึ้นอย่างเย็นชา
“ไม่ใช่สุนัขตัวหนึ่งของพรรคท่องกระบี่รึไง? ฉันไม่เพียงแต่จะฆ่าสุนัขตัวนั้น แต่จะฆ่าสุนัขอย่างแกด้วย!” มุมปากของเถียนปอกวงยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นชา
“โอหัง รู้ว่าเราเป็นคนของพรรคท่องกระบี่แล้วแกยังกล้าลงมือฆ่าอีก ฉันว่าแกคงมีชีวิตอยู่จนเบื่อแล้วสินะ!” คนคนนั้นอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าทั้งๆ ที่เถียนปอกวงรู้ว่าตนทั้งสองเป็นลูกศิษย์ของพรรคท่องกระบี่แล้วจะถึงกับกล้าลงมือฆ่าอีก คนคนนี้ไม่เห็นพรรคท่องกระบี่อยู่ในสายตาจริงๆ
“หึ พรรคท่องกระบี่ตดหมาอะไร เฉินอวี๋เต้าไอ้แก่นั่นก็แค่ไอ้ปัญญาอ่อนคนหนึ่ง!” เถียนปอกวงอดไม่ได้ที่จะด่าออกมา
“แก…แกกล้าด่าท่านอาจารย์ของฉันเหรอ?” ลูกศิษย์ของพรรคท่องกระบี่คนนั้นเห็นเถียนปอกวงด่าว่าเฉินอวี๋เต้าผู้เป็นอาจารย์ของตนเป็นคนปัญญาอ่อนก็โกรธจนสั่นไปทั้งตัว ดวงตาทั้งสองแดงก่ำ ตะโกนออกมาดังลั่น
“ฉันด่าแล้วยังไงล่ะ หรือแกจะมาฆ่าฉัน? ทวงคืนชื่อเสียงของอาจารย์ของแกหน่อยเป็นไง? มา!” เสียงตะโกนสุดท้ายของเถียนปอกวงทำให้ลูกศิษย์ของพรรคท่องกระบี่คนนั้นตกใจจนเกือบจะหมุนตัววิ่งหนีไป
ความสามารถและพลังการบ่มเพาะของเถียนปอกวงห่างไกลจากลูกศิษย์ของพรรคท่องกระบี่ทั้งสองคนนี้มาก พวกเขามากับเสี้ยวหย่วน แยกย้ายกันค้นหาร่องรอยของเถียนปอกวง แน่นอนว่าในขณะเดียวกันก็ตามหาเย่เทียนเฉินไปด้วย คิดจะถือโอกาสนี้ล้างแค้นให้พวกเฉินฮุย สร้างผลงานครั้งใหญ่ หลังจากที่พวกเขาพบเถียนปอกวงแล้ว เดิมทีคิดจะอาศัยความสามารถของพวกเขาทั้งสองจัดการ ต่อให้ฆ่าเถียนปอกวงไม่ได้ก็อาจจะทำให้เขาบาดเจ็บสาหัส ยิ่งไปกว่านั้นมีชื่อของพรรคท่องกระบี่อยู่ ต่อให้เป็นเถียนปอกวงก็คงไม่กล้าลงมือฆ่า
ไหนเลยจะรู้ว่าในตอนที่เถียนปอกวงฆ่าศิษย์น้องจะทำราวกับฆ่าหมูฆ่าหมาอย่างไรอย่างนั้น ดาบผ่าฟืนถูกยกขึ้นตวัดฟัน ร่างกายของศิษย์น้องของตนถูกผ่าเป็นสองท่อนเลือด สดๆ พุ่งออกมา น่าอนาจจนทนมองไม่ได้ ตอนตายไม่มีโอกาสแม้จะร้อง ทำให้เขาสั่นสะท้านจริงๆ
“แก…แก…” ลูกศิษย์ของพรรคท่องกระบี่ที่เหลือคนนั้นถูกคำพูดของเถียนปอกวงทำเอากล่าวคำใดไม่ออก หน้าแดงไปหมด แต่ก็ไม่กล้าพุ่งเข้าไป และไม่รู้ว่าจะพูดอะไรตอบโต้ดี!
“หึ ฉันเถียนปอกวง ชั่วชีวิตนี้สิ่งที่เกลียดที่สุดก็คือคนขี้ขลาดอย่างพวกแก โดยเฉพาะพวกไอ้แก่ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง คิดว่าตัวเองอายุมากจนทำตัวเหมือนเป็นผู้อาวุโส ความจริงก็เป็นแค่คนไร้อย่างอายกลุ่มหนึ่ง เมื่อกี้แกถามฉันแบบนี้ น้ำเสียงแบบนั้นไม่ใช่ว่าต้องการกู้ชื่อให้อาจารย์ของแกรึไง? งั้นทำไมแกไม่มาฆ่าฉันอีกล่ะ? ในเมื่อกลัวตายก็อย่ามาเห่าต่อหน้าฉันอีก!” เถียนปอกวงถุยน้ำลายลงพื้นแล้วก่นด่าอย่างหยาบคาย
เย่เทียนเฉินและตงฟางเมิ่งรู้สึกร้องไห้ไม่ออกหัวเราะไม่ได้จริงๆ นิสัยของเถียนปอกวงคนนี้จะเปิดเผยเกินไปแล้ว ตอนด่ายังด่าได้ตรงไปตรงมาขนาดนี้ ทำให้ลูกศิษย์ของพรรคท่องกระบี่คนนั้นพูดอะไรไม่ออก โกรธจนแทบกระอักเลือด เรียกได้ว่าคำพูดของเถียนปอกวงโจมตีลงบนบาดแผลของเขาอย่างแม่นยำ เดิมทีเมื่อได้เห็นศิษย์น้องของตนถูกฟันตัวขาด ในใจก็รู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง แต่กลับไม่กล้าหนี กลัวว่าเสี้ยวหย่วนจะไม่ยอมปล่อยเขาไป เมื่อได้ยินเถียนปอกวงด่าเฉินอวี๋เต้าผู้เป็นอาจารย์ก็คิดจะตะโกนด่าไปสักหลายประโยค แต่ความจริงไม่กล้าพุ่งเข้าไปเพราะกลัวถูกฆ่า แต่เถียนปอกวงกลับตบหน้าเขาอย่างแรง มองเขาจนทะลุปรุโปร่ง คนต้องการรักษาหน้าประดุจต้นไม้ต้องการเปลือกไม้ ชั่วขณะนั้นเขารู้สึกไร้เรี่ยวแรงที่จะยืน
“ทำไม? ยังไม่มาฆ่าฉันอีกเหรอ? จะให้ฉันเถียนปอกวงด่าบรรพบุรุษ 18 ชั่วโคตรของแกก่อนรึไง? ถ้าไม่มีความกล้าก็อย่ามาเสแสร้งทำเป็นว่าตัวเองร้ายกาจอะไรมากมาย อย่างกับไม่มีใครกล้าหาเรื่องยังไงยังงั้น ความจริงกลับไม่มีความสามารถอะไร แกมาลองฆ่าฉันเถียนปอกวงหน่อยเป็นไง?” เถียนปอกวงไม่ใช่คนที่หาเรื่องได้ง่ายๆ เขาไม่รีบร้อนฆ่าลูกศิษย์ของพรรคท่องกระบี่คนนี้ กลับใช้คำพูดกระตุ้นเขาเสียด้วยซ้ำ
“ฉัน…ฉันจะสู้กับโจรปล้นสวาทอย่างแกเอง!”
ลูกศิษย์ของพรรคท่องกระบี่ที่เหลือคนนั้นไม่สนใจคำพูดกระตุ้นโทสะของเถียนปอกวงอีก ตะโกนออกมาครั้งหนึ่ง กระโดดพุ่งลงมาจากยอดไม้ในพริบตา ฟาดฟันกระบี่ลงมาทางเถียนปอกวง เถียนปอกวงกลับยิ้มเย็นชา เคล็ดวิชาเทพท่องถูกใช้ออกมา หายไปจากที่เดิม พริบตาเดียวก็กระโดดขึ้นไปในอากาศ ลูกศิษย์ของพรรคท่องกระบี่ที่พุ่งลงมาคิดไม่ถึงเลยว่าในตอนที่เขาสะบัดกระบี่ ปราณกระบี่ยังไม่ทันพุ่งออกไป เถียนปอกวงก็มาถึงเบื้องหน้าเขาแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นกลางอากาศอีกด้วย
ฉัวะ!
ศีรษะมนุษย์กระเด็นขึ้นสูงเลือด สดๆ พุ่งทะยานขึ้นฟ้า เถียนปอกวงใช้ดาบตัดคอลูกศิษย์ของพรรคท่องกระบี่คนที่เหลือในพริบตา หากพูดถึงพลังการบ่มเพาะในระดับนักรบจอมราชันขั้นต้นอย่างเขา ถ้าต้องการฆ่าศิษย์ของพรรคท่องกระบี่ทั้งสองที่ยังไม่ได้ฝึกฝนเคล็ดวิชาปราณกระบี่เลยแม้แต่น้อยย่อมเป็นเรื่องง่ายมาก ไม่จำเป็นต้องให้เย่เทียนเฉินและตงฟางเมิ่งลงมือ
“พวกเราไปกันเถอะ ที่นี่อยู่นานไม่ได้!” เถียนปอกวงทะยานลงพื้น เช็ดดาบผ่าฟืนที่เปื้อนเลือดเล็กน้อย จากนั้นจึงพูดกับเย่เทียนเฉินและตงฟางเมิ่ง
เย่เทียนเฉินและตงฟางเมิ่งสบตากัน จากนั้นจึงพยักหน้า พวกเขารู้ดีว่าลูกศิษย์ทั้งสองคนของพรรคท่องกระบี่ตามเข้ามาถึงที่นี่ได้ ไม่แน่ว่ารอบด้านอาจจะมียอดฝีมือของพรรคท่องกระบี่ล้อมอยู่ก็เป็นได้ พวกเขามาเพื่อฆ่าเถียนปอกวง หากยังรั้งอยู่ เกรงว่าจะต้องปะทะกับยอดฝีมือของพรรคท่องกระบี่กลุ่มใหญ่
พรรคท่องกระบี่ก็เป็นพรรคที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน ถึงแม้ในหมู่ลูกศิษย์รุ่นเยาว์ นอกจากเสี้ยวหย่วนที่มีระดับการบ่มเพาะถึงระดับนักรบจอมราชันขั้นปลายแล้วจะไม่มีคนที่ร้ายกาจอะไรอีก แต่ทุกพรรคล้วนมีผู้อาวุโสอยู่กลุ่มหนึ่ง ผู้อาวุโสเหล่านี้เป็นคนที่อยู่กับลูกศิษย์ของพรรคมายุคแล้วยุคเล่า ต่อให้เป็นคนที่โง่งมขนาดไหน ขอเพียงยังไม่ตาย ด้วยการฝึกฝนอย่างยากลำบากหลาย 10 ปี ฝึกฝนมาชั่วชีวิต พลังบ่มเพาะจะต่ำต้อยขนาดไหนก็ยังมีความเผ็ดร้อน ยิ่งไปกว่านั้นพวกคนแก่ที่มีพรสวรรค์และยังไม่ตายพวกนั้น หากถูกส่งออกมาสักคนสองคนเกรงว่าจะอันตรายมาก
“จะไปไหน ฆ่าลูกศิษย์พรรคท่องกระบี่ของฉันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นใคร วันนี้ก็ต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นี่!”
พลั่ก!
เสียงหนึ่งตะโกนขึ้น มีคนคนหนึ่งพุ่งเข้ามาจากบริเวณไม่ไกล รวดเร็วเป็นอย่างมาก รวดเร็วจนถึงขีดสุดราวกับสายฟ้าอย่างไรอย่างนั้น เย่เทียนเฉินและตงฟางเมิ่งที่ได้เห็นต่างก็ตกตะลึง ความสามารถของคนคนนี้แข็งแกร่ง เป็นไปได้มากว่าจะเหนือกว่าพวกเขาสาม
ตู้ม!
เถียนปอกวงปะทะฝ่ามือกับคนคนนั้น ถูกโจมตีจนกระเด็นออกไปไกล 10 เมตร ต้องใช้เท้าขวายันลงบนต้นไม้ใหญ่ถึงจะประคองร่างกายให้มั่นคงได้ สูญเสียพลังไปมาก ส่วนคนที่โจมตีเข้ามากะทันหันกลับถอยหลังไปเพียงสองก้าว มองไปยังเถียนปอกวงอย่างเย็นชา ทั้งยังใช้หางตาปลายมองไปยังเย่เทียนเฉินและตงฟางเมิ่ง
“หึ แล้วคิดว่าฉันเป็นใครล่ะ? ที่แท้แกก็คือเสี้ยวหย่วน คนถ่อยแห่งพรรคท่องกระบี่ที่เก็บซ่อนได้ลึกล้ำที่สุดและไร้ยางอายที่สุด!” เถียนปอกวงแค่นเสียงเย็นครั้งหนึ่งแล้วพูดขึ้น
เมื่อได้ยินคำพูดของเถียนปอกวง เย่เทียนเฉินและตงฟางเมิ่งอดไม่ได้ที่จะมองสำรวจเสี้ยวหย่วน พบว่าเสี้ยวหย่วนรูปร่างใหญ่ อ้วนเล็กน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยท่าทางซื่อสัตย์มั่นคง ไม่ว่าใครก็คงไม่คิดว่าคนเช่นนี้จะเป็นคนถ่อยที่มีแผนการชั่วร้ายโหดเหี้ยม หน้าด้านไรยางอาย ทั้งยังฉลาดลึกล้ำจนน่าหวาดกลัว ทำให้ผู้คนต้องกลัวจนตัวสั่น เรียกได้ว่าคนเรารู้หน้าไม่รู้ใจจริงๆ !
“แกก็คือเถียนปอกวงงั้นเหรอ?”
เสี้ยวหย่วนขมวดคิ้ว ในใจรู้สึกแปลกใจ จากคำพูดของเถียนปอกวง เขารับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่าง ตนเองเก็บซ่อนได้ลึกล้ำมาตลอด อาศัยคำพูดหลายคำนี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าคนคนนี้รู้เรื่องของตนไม่น้อย และเป็นไปได้มากว่าคนที่รู้เรื่องราวเหล่านี้จะเป็นเถียนปอกวงที่มีฉายาว่าโจรปล้นสวาทและยังถูกเรียกขานว่าเป็นสายสืบ เสี้ยวหย่วนไม่ใช่คนโง่ กลับจะฉลาดมากด้วยซ้ำ ส่วนท่าทางซื่อสัตย์ยุติธรรมดูผิวเผินไร้พิษภัยนั้นล้วนเป็นสิ่งที่เสแสร้งขึ้นมา จิตใจของผู้คนไม่เกี่ยวข้องกับรูปร่างหน้าตา มักจะมีคนมากมายที่ถูกใบหน้าภายนอกหลอกลวง
“ฮ่าๆๆๆ เสี้ยวหย่วน อาศัยแค่คำพูดเหล่านี้ของแกก็มากพอที่จะพิสูจน์แล้วว่าแกซ่อนความฉลาดไว้ได้ลึกล้ำขนาดไหน เสแสร้งได้ร้ายกาจขนาดไหน ถามหน่อยเถอะ คนที่เรียบง่ายและซื่อสัตย์อย่างแท้จริงจะฉลาดขนาดนี้ได้ยังไง? ไม่ทันไรก็เดาได้แล้วว่าฉันคือเถียนปอกวง? อีกทั้งแกยังไม่เคยเห็นฉัน แล้วแกยังร้อนตัวอีกด้วย!” เถียนปอกวงหัวเราะแล้วเอ่ยขึ้น
“เถียนปอกวง ไม่ว่าแกจะมีเล่ห์เหลี่ยมอะไร วันนี้แกก็หนีความตายไม่พ้น!” เสี้ยวหย่วนชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดอย่างโหดเหี้ยมหาใดเปรียบ
ตอนนี้ในใจของเสี้ยวหย่วนแปลกใจ ดูท่าทางเถียนปอกวงจะรู้เรื่องของตนไม่น้อยจริงๆ ดังนั้นในใจของเขาจึงเกิดความต้องการฆ่าขึ้นมาแล้ว ไม่ว่าจะฆ่าเถียนปอกวงเพื่อให้ได้ตำแหน่งหัวหน้าพรรคและเคล็ดวิชาปราณกระบี่หรือจะฆ่าเพื่อไม่ให้เถียนปอกวงเปิดเผยแผนชั่วของตนออกไปจนทำแผนเขาพัง เขาก็จำเป็นต้องฆ่าคนปิดปาก ต้องฆ่าเถียนปอกวงที่นี่เสีย มิฉะนั้นคงไม่สามารถรับประกันว่าจะไม่มีอะไรผิดพลาด
“แกฆ่าฉันไม่ได้หรอก แล้วแกก็จะไม่ได้ตำแหน่งหัวหน้าพรรคท่องกระบี่ด้วย สิ่งที่ฉันเถียนปอกวงทนเห็นไม่ได้ที่สุดก็คือคนถ่อยที่โหดเหี้ยมอำมหิตอย่างแก ฉันจะต้องเปิดโปงแผนชั่วของแกแน่ ฉันว่าถึงตอนนั้น เฉินอวี๋เต้าต้องซัดแกจนตายแน่นอน!” เถียนปอกวงพูดอย่างเย็นชา
“งั้นเหรอ? เถียนปอกวง แกคิดว่าใครจะเชื่อคำพูดของคนที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่อย่างแกบ้าง? พลังบ่มเพาะของแกก็แค่ระดับจอมราชันขั้นต้นเท่านั้น ส่วนฉันไปถึงระดับจอมราชันย์ขั้นกลางแล้ว และเริ่มเข้าสู่ขั้นปลายแล้วด้วย ถ้าฉันจะฆ่าแก ไม่จำเป็นต้องใช้แรงมากมายอะไรด้วยซ้ำ วันนี้ปีหน้าจะเป็นวันครบรอบวันตายของแก!” เสี้ยวหย่วนในตอนนี้ไหนเลยจะมีท่าทีซื่อสัตย์เรียบง่ายแม้แต่ครึ่งส่วน ใบหน้าโหดเหี้ยมอำมหิต มีรอยยิ้มดุดันเต็มใบหน้า เผยธาตุแท้ของคนถ่อยออกมา แตกต่างจากก่อนหน้านี้ราวกับเป็นคนละคน
…………………………..