เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 453 ฮิคาวะ
“มีอะไรเหรอครับ?” เย่เทียนเฉินหันไปมองเย่หย่วนซานแล้วเอ่ยถาม
“อืม หลานเข้ามากับปู่เถอะ!” เย่หย่วนซานพยักหน้า พูดจบแล้วจึงเดินไปยังห้องโถงใหญ่ของบ้านเดิมตระกูลเย่
เย่เทียนเฉินชะงักไปครู่หนึ่ง คิดว่าจะอย่างไรเย่หย่วนซานก็เป็นปู่ของตน ยิ่งไปกว่านั้นเขาเองก็ปวดใจที่ไล่ครอบครัวของตนออกไปจากบ้านเดิมตระกูลเย่ จะมากจะน้อยก็ต้องไว้หน้าบ้าง ดังนั้นจึงเดินตามเข้าไป
ภายในห้องโถงใหญ่ของบ้านเดิมตระกูลเย่ เย่หย่วนซานนั่งอยู่ที่ตำแหน่งด้านบนสุด เย่มู่ไป๋และเย่เฮ่อกั๋วก็ตามเข้ามา แม้พวกเขาเพิ่งจะสูญเสียลูกชายและภรรยาไป แต่ตระกูลเย่เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ มีอันตรายที่จะถูกฆ่าล้างตระกูล เมื่อเทียบกันแล้วเกรงว่าจะเป็นเรื่องสำคัญกว่า
“เทียนเฉินนั่งเถอะ!” เย่หย่วนซานพูดด้วยรอยยิ้ม
“ไม่เป็นไรครับ มีอะไรก็พูดมาเถอะ ผมยังมีเรื่องอื่นต้องไปจัดการ!” เย่เทียนเฉินพูดอย่างจริงจัง
หากเป็นเมื่อก่อน ถ้าเย่เทียนเฉินพูดแบบนี้ไม่รู้ว่าจะถูกเย่มู่ไป๋และเย่เฮ่อกั๋วปั้นเสริมเติมแต่งจนเกินจริงแค่ไหน แต่ตอนนี้เย่มู่ไป๋และเย่เฮ่อกั๋วทำได้เพียงยืนอยู่ด้านข้างอย่างเชื่อฟัง ไม่พูดอะไรแม้แต่ประโยคเดียว เนื่องจากเรื่องในครั้งนี้ทำให้พวกเขากระจ่างแจ้งแล้วว่าเย่เทียนเฉินไม่ต้องการแย่งชิงอะไรกับพวกเขาโดยสิ้นเชิง ถ้าหาเย่เทียนเฉินในตอนนี้ต้องการแย่งชิงอะไรจริงๆ เพียงแค่มือเดียวของอีกฝ่ายก็บีบพวกเขาให้ตายได้แล้ว ด้วยความสามารถของเขาคงไม่มีใครรู้ตัวแน่นอน
ในตอนนี้พวกเขาทั้งสองต่างรู้สึกว่าตนเองเหมือนกับตัวตลกอย่างไรอย่างนั้น ได้แต่เต้นเมื่ออยู่ต่อหน้าเย่เทียนเฉินแล้วคิดไปว่าตนเองเก่งกาจมากมาย แต่ความจริงกลับไม่รู้ว่าเย่เทียนเฉินไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยกับพวกเขา ทั้งยังไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตา หากลงมือจริงๆ ฝ่ามือเดียวก็ทำให้พวกเขาตายได้แล้ว
“เรื่องในคราวนี้สำคัญมาก หลานต้องจัดการอย่างระวัง ตระกูลเย่ของพวกเราต้องพึ่งหลานแล้ว!” เย่หย่วนซานมองเย่เทียนเฉินแล้วพูดขึ้น
“ผมยังคงยึดตามคำพูดก่อนหน้านี้ ผมจะไม่ข้องเกี่ยวกับคนตระกูลเย่เด็ดขาด!” เย่เทียนเฉินพูดออกมาอย่างเรียบเฉย
เย่หย่วนซานพยักหน้า เขารู้สึกดีกับหลานชายคนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าเย่เทียนเฉินจะเกลียดชังตระกูลเย่อย่างไร แต่เรื่องที่เขาเป็นลูกหลานตระกูลเย่ก็มิอาจเปลี่ยนแปลงได้ หากเขาสามารถผงาดขึ้นมาได้ ตระกูลเย่ก็จะรุ่งเรืองเช่นกัน ก่อนหน้านี้ได้ยินเพียงเรื่องของเย่เทียนเฉินตอนอยู่ด้านนอก แต่ตอนนี้ได้เห็นความสามารถเกินมนุษย์ของเย่เทียนเฉินกับตา เย่หย่วนซานจึงเชื่อมั่นว่าเย่เทียนเฉินจะสามารถทำให้ตระกูลเย่รุ่งเรืองขึ้นมาได้โดยไม่สงสัยแม้แต่น้อย
“ใช่แล้ว ตระกูลฟ่านต้องการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ คิดจะให้หลานสาวของตระกูลที่ชื่อฟ่านรั่วเซวียนมาแต่งให้หลาน หลานคิดยังไง?” เย่หย่วนซานเอ่ยปากถาม
“ไม่สนใจ!” เย่เทียนเฉินพูดสามคำนี้ออกมาด้วยท่าทีเรียบเฉย
เย่หย่วนซานชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม “เทียนเฉิน ตระกูลฟ่านเรียกได้ว่ามีอำนาจแข็งแกร่งในประเทศจีน พวกเขามาขอแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ด้วยตัวเองและต้องการดึงตัวหลานไปช่วยงาน เรียกได้ว่าพวกเขามองหลานในแง่ดี เรื่องนี้หลานควรจะพิจารณาสักหน่อย!”
ความจริงแล้วไม่ว่าจะเป็นที่ไหน การต่อสู้และใช้ประโยชน์ระหว่างกลุ่มอำนาจใหญ่และตระกูลใหญ่ต่างก็ต้องมีอยู่แน่นอน ไม่ได้จะกล่าวว่าใครต้องการประจบประแจงใคร แต่เป็นการได้ผลประโยชน์ร่วมกันเท่านั้น เย่หย่วนซานเองก็ไม่ได้ต้องการประจบประแจงตระกูลฟ่าน แต่ความสามารถของตระกูลฟ่านแข็งแกร่งกว่าตระกูลเย่จริงๆ คราวนี้อีกฝ่ายมาขอแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ด้วยตัวเองและต้องการดึงตัวเย่เทียนเฉินไปช่วยงาน ส่วนตระกูลเย่ก็จะได้รับการสนับสนุนจากอำนาจของตระกูลฟ่านทำให้ยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้อีกครั้ง นี่คือการช่วยเหลือกันเท่านั้น
“ใช่แล้วเทียนเฉิน อำนาจของตระกูลฟ่านไม่น้อยเลย สามารถสนับสนุนพวกเราได้!” เย่มู่ไป๋ก็พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ตระกูลฟ่านเรียกได้ว่ามีกำลังพิเศษอยู่ในทุกด้านของประเทศจีน ต้นไม้ใหญ่แบบนี้ พวกเราสามารถพึ่งพาได้!” เย่เฮ่อกั๋วเองก็พูดตามน้ำไป
เย่เฮ่อกั๋วและเย่มู่ไป๋มีทัศนคติเปลี่ยนไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเข้าใจแล้วว่าความแข็งแกร่งและความรุ่งเรืองของเย่เทียนเฉินไม่สามารถหยุดยั้งได้ หากพวกเขาสองคนยังไม่รู้จักกาลเทศะอีกก็เป็นไปได้มากว่าเมื่อถึงตอนนั้นคนที่จะต้องถูกไล่ออกจากตระกูลเย่คงไม่ใช่ครอบครัวของเย่เทียนเฉินแต่เป็นพวกเขา การตายของภรรยาและลูกชายทำให้พวกเขาเข้าใจถึงความสำคัญของญาติมิตรเป็นอย่างดี ครอบครัวเดียวกันยังต้องแย่งชิงอะไรกันอีก? จะมีความหมายอะไร? สุดท้ายไม่ใช่ว่าต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวหรือ?
เย่เทียนเฉินมองไปยังเย่มู่ไป๋และเย่เฮ่อกั๋ว ไม่อยากคิดเล็กคิดน้อยอะไรกับพวกเขา รวมกับที่พ่อของเขาเย่หงเป็นลูกหลานกตัญญูคนหนึ่ง หากตนลงมือกับเย่มู่ไป๋และเย่เฮ่อกั๋วคงทำให้พ่อไม่พอใจแน่นอน สิ่งที่เขาสามารถทำได้ในตอนนี้ก็คือไม่สนใจคนตระกูลเย่เหล่านี้ แต่เมื่อเห็นทัศนคติที่เปลี่ยนไปของพวกเขาแล้วก็คิดว่าเป็นเช่นนี้ก็ไม่เลวนัก เย่เทียนเฉินให้ความสำคัญกับครอบครัวและญาติมิตรเป็นอย่างมาก
“ตอบปฏิเสธไปเถอะครับ ผมไม่อยากแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลไหนทั้งนั้น และไม่จำเป็นด้วย ผมไม่คิดจะเห็นคนอื่นเป็นต้นไม้ใหญ่ให้พึ่งพิง แต่ต้องการให้คนอื่นมาพึ่งพิงตระกูลเย่ของผมเหมือนต้นไม้ใหญ่!” เย่เทียนเฉินพูดจาหนักแน่น
เมื่อเย่มู่ไป๋และเย่เฮ่อกั๋วได้ยินคำพูดของเย่เทียนเฉินก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง แม้จะเป็นเย่หย่วนซานที่นับได้ว่าผ่านลมฝนมามากก็ยังอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าหลานชายของตนจะมีความยโสโอหังขนาดนี้ จะไม่เป็นคนที่ไปพึ่งพิงคนอื่นแต่จะให้คนอื่นมาพึ่งพิงตระกูลเย่ นี่เป็นความโอหังระดับไหนกัน?
“ฮ่าๆๆๆ ดี ดีจริงๆ ไม่เสียทีที่เป็นหลานชายของฉันเย่หย่วนซาน เทียนเฉิน ไม่ว่าจะยังไงพวกเราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน ปู่หวังว่าหลานจะทำให้ตระกูลเย่รุ่งเรือง ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ทุกสิ่งทุกอย่างของตระกูลเย่ก็ให้หลานตัดสินใจ!” เย่หย่วนซานหัวเราะเสียงดังก่อนจะกล่าว
“ใช่แล้วเทียนเฉิน พวกเราแก่กันหมดแล้ว ควรจะให้คนหนุ่มอย่างหลานจัดการ!”
“ก่อนหน้านี้ลุงใหญ่และลุงรองผิดต่อหลานจริงๆ หวังว่าหลานจะให้อภัย ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปพวกเราควรจะสามัคคีกัน ทำให้ตระกูลเย่ของพวกเรารุ่งเรืองขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้ทุกคนและทุกกลุ่มอำนาจได้รู้ว่าตระกูลเย่ของพวกเราไม่ได้รังแกง่ายขนาดนั้น!” ในที่สุดเย่มู่ไป๋และเย่เฮ่อกั๋วก็มองภาพรวมเป็นสำคัญ ต่างก็พูดออกมาอย่างจริงจัง
“วางใจเถอะครับ ผมจะทำให้ตระกูลเย่รุ่งเรืองแน่ ต่อให้ไม่ได้ทำเพื่อพวกคุณก็จะทำเพื่อพ่อแม่และน้องสาวของผม ยังไงผมก็จะทำแน่นอน นอกจากนี้เรื่องการแต่งงานของตระกูลฟ่านก็ให้ปฏิเสธไปเถอะ ผมไม่อยากแต่งงานกับผู้หญิงที่ผมไม่รู้จัก ถ้าเป็นคนน่าเกลียดขึ้นมา ไม่ใช่ว่าผมจะโชคร้ายรึไง? ฮ่าๆ !” เย่เทียนเฉินกล่าวล้อเล่นออกมา
“หลานนี่…”
“เอาล่ะ เอาแบบนี้ก็แล้วกัน ก่อนที่ผมจะกำจัดสำนักโฮคุชินอิตโตริวได้ พวกคุณก็ต้องระวังตัวกันสักหน่อย!”
เมื่อพูดจบเย่เทียนเฉินก็เดินมุ่งไปทางด้านนอกบ้านเดิมตระกูลเย่ เย่หย่วนซานนั่งอยู่กลางห้องโถงใหญ่ มองแผ่นหลังของเย่เทียนเฉิน ราวกับได้มองความหวังที่ตระกูลเย่จะรุ่งเรือง
เย่เทียนเฉินเดินออกมาจากห้องโถงใหญ่ของบ้านเดิมตระกูลเย่ หยิบซิการ์มวนหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อ หลังจากจุดแล้วก็สูดเข้าไปเฮือกใหญ่ แม้ปากจะพูดอย่างผ่อนคลายแต่ในใจไม่ได้ผ่อนคลายเลย คนของสำนักโฮคุชินอิตโตริวแข็งแกร่งมาก มียอดฝีมือทั้งหมดสามสิบคน แต่คนที่มาลอบโจมตีบ้านเดิมตระกูลเย่เป็นแค่สมาชิกระดับล่างเท่านั้น แม้จะกล่าวได้ว่าเย่เทียนเฉินฆ่าพวกเขาทั้งหมดได้ในเวลาเพียงชั่วพริบตา แต่เย่เทียนเฉินก็สัมผัสได้ว่าคนเหล่านี้แข็งแกร่ง อย่างน้อยก็เป็นยอดฝีมือระดับนักรบจิตวิญญาณ มิฉะนั้นหน่วยรักษาความปลอดภัยอันยอดเยี่ยมของตระกูลเย่คงไม่ถูกฆ่าเป็นผักปลาแบบนั้น ไม่มีความสามารถจะตอบโต้แม้แต่น้อย
จินตนาการได้เลยทีเดียว สมาชิกระดับล่างที่สำนักโฮคุชินอิตโตริวส่งออกมาสืบข่าวเหล่านี้ต่างก็เป็นยอดฝีมือในระดับนักรบจิตวิญญาณแล้ว เช่นนั้นยอดฝีมือที่แท้จริงทั้งสามสิบคนจะแข็งแกร่งขนาดไหน? ยิ่งไม่ต้องพูดถึงมัตสึโมโตะ ชิโมเค็นเลย เขาเป็นน้องชายแท้ๆ ของจักรพรรดิดาบที่เป็นเจ้าสำนักของสำนักโฮคุชินอิตโตริว นี่จะต้องเป็นยอดฝีมือระดับสูงแน่นอน หากต้องการฆ่าเขาเป็นเรื่องที่ยากมาก เย่เทียนเฉินเองก็ยังไม่รู้ว่าด้วยความสามารถของพลังพิเศษในขอบเขตจักรพรรดิในตอนนี้ของตนจะจัดการเขาได้หรือไม่
ความจริงหากไม่ใช่เพราะตั้งแต่ที่เริ่มลงมือเย่เทียนเฉินก็กระตุ้นความสามารถของพลังพิเศษในขอบเขตจักรพรรดิทันที คงไม่อาจฆ่ามือสังหารทั้งสี่ได้อย่างรวดเร็ว เขาต้องการรีบสู้รีบจบ และการต่อสู้แบบนี้เกรงว่าจะสิ้นเปลืองพลังไม่น้อย
ชี่!
“อา…”
เย่เทียนเฉินรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดบริเวณฝ่ามือซ้าย อดไม่ได้ที่จะมองไปยังมือของตน พลันนั้นต้องรู้สึกตื่นตะลึงจนหน้าถอดสี ในใจลอบตะโกนว่าไม่ดีแล้ว รีบตรงไปยังประตูบ้านเดิมตระกูลเย่อย่างรวดเร็ว
ตอนนี้เป็นเวลาตีสี่กว่าแล้ว ท่ามกลางคฤหาสน์ที่เย่เทียนเฉินอาศัยอยู่เพียงลำพัง ภายในคฤหาสน์อันกว้างใหญ่นี้ มีเพียงเสี้ยวหยาอยู่คนเดียว เธอหลับลึกไปแล้ว แต่สิ่งที่เธอไม่รู้ก็คือมีเงาคนหลายคนปรากฏตัวนอกคฤหาสน์ คนเหล่านั้นก็เป็นเช่นเดียวกับมือสังหารทั้งสี่ที่ที่มาลอบโจมตีคฤหาสน์ตระกูลเย่ซึ่งถูกฆ่าตายไปแล้ว ต่างก็สวมชุดดำเหมือนมือสังหารทั่วไป ด้านหลังสะพายดาบทหารสไตล์ชิบะเอาไว้ คนของสำนักโฮคุชินอิตโตริวหาที่นี่พบแล้ว
ไม่พูดไม่ได้ว่าความสามารถของคนสำนักโฮคุชินอิตโตริวแข็งแกร่งมากจริงๆ ล้วนแต่เป็นยอดฝีมือ เพิ่งจะมาถึงเมืองหลวงก็ปฏิบัติการตามคำบงการของรัฐบาลประเทศ M ก่อนด้วยการทำลายล้างตระกูลหลิง จากนั้นก็เริ่มภารกิจของตน ตามหาเบาะแสของเย่เทียนเฉิน ต้องการล้างแค้นให้ซาโต้ที่ตายไปก่อนหน้านี้ แต่พวกเขาก็หาเบาะแสของเย่เทียนเฉินไม่พบ แต่ก็ยังพบที่อยู่ของบ้านเดิมตระกูลเย่และคฤหาสถ์ที่เย่เทียนเฉินอาศัยอยู่คนเดียวจึงรีบส่งคนมาลอบสังหาร
พวกสารเลวของประเทศชิบะมีใจคอโหดเหี้ยมมาโดยตลอด กระทั่งคนกันเองก็ยังฆ่าฟันกันเป็นเรื่องปกติ แล้วกับคนอื่นจะเป็นยังไงล่ะ? ภารกิจในการแก้แค้นให้ซาโต้ของพวกเขานั้นมีจุดประสงค์เพียงอย่างเดียว นั่นก็คือ ไม่เพียงแต่ต้องฆ่าเย่เทียนเฉินให้ตาย แต่ยังต้องฆ่าคนที่มีความเกี่ยวข้องกับเย่เทียนเฉินทั้งหมดด้วย เห็นได้เลยว่าโหดเหี้ยมขนาดไหน
คนที่เป็นผู้นำในการลอบสังหารที่คฤหาสน์ของเย่เทียนเฉินในคราวนี้ก็คือหัวหน้าหน่วยย่อยคนหนึ่ง ในหมู่ยอดฝีมือทั้งสามสิบคนของสำนักโฮคุชินอิตโตริวที่มาในคราวนี้ นอกจากมัตสึโมโตะและคาเมดะอิจิโร่ เขาก็คือผู้บังคับบัญชาสูงสุดมีชื่อว่าฮิคาวะ
เดิมทีฮิคาวะไม่ควรออกมาลอบสังหารเพราะจะอย่างไรพวกเขาก็ยังไม่รู้ว่าเย่เทียนเฉินอยู่ที่ไหน ถ้าเคลื่อนพลมากเกินความจำเป็นเกรงว่าจะมีแต่ข้อเสีย แต่ฮิคาวะเป็นคนที่เชื่อในสัญชาตญาณของตนและไม่สนใจอะไร เขาต้องการสร้างผลงานด้วยเรื่องในครั้งนี้ ในตอนที่ฮิคาวะออกเดินทางจากประเทศชิบะเขาก็ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาแล้ว เขารับประกันกับจักรพรรดิดาบอย่างมั่นใจว่าขอเพียงมาถึงประเทศจีนได้และหาเบาะแสของเย่เทียนเฉินพบ เขาจะฆ่าเย่เทียนเฉินด้วยมือของตนเพื่อแก้แค้นให้ผู้อาวุโสซาโต้ ยิ่งไปกว่านั้นยังจะนำหัวของเย่เทียนเฉินกลับไปยังประเทศชิบะเพื่อพิสูจน์ความสามารถของเขาและพิสูจน์คำพูดของเขา!
……………………………….