เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 509 อยู่ค้างคืน
หลิงเยว่คุกเข่าให้เย่เทียนเฉิน นี่ทำให้เขาคิดไม่ถึงเลยจริงๆ โชคดีที่ตรงนี้ไม่มีคนอื่นและหลิงอวี่สวิ๋นก็ไม่อยู่ มิฉะนั้นจะต้องตกใจแน่นอนและคงไม่มีใครเชื่อด้วย
หลิงเยว่เป็นคนที่มีตำแหน่งระดับไหนกัน ในฐานะที่เป็นหัวหน้าสมาคมการค้าแห่งชาวจีนโค้นทะเล ทั้งยังเป็นผู้กุมหางเสือของตระกูลหลิงที่เป็นตระกูลอันดับหนึ่งในเรื่องการค้าต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นความสามารถทางด้านใดก็แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ในความคิดของคนอื่น ไม่มีเรื่องอะไรที่ทำให้หลิงเยว่ลำบากใจได้แน่ นี่เป็นสิ่งที่ทุกคนคิดกัน ส่วนเย่เทียนเฉินเป็นชายหนุ่มอายุ 20 ปีคนหนึ่งเท่านั้น หลิงเยว่คุกเขาให้เขา นี่ทำให้คนอื่นรู้สึกตื่นตะลึงจริงๆ
ความจริงเมื่อคิดดูให้ละเอียดก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ คำโบราณว่าไว้ดีแล้ว เงินหนึ่งอัฐสร้างความลำบากให้วีรบุรุษ ต่อให้จะเป็นคนร้ายกาจขนาดไหนก็มีช่วงเวลาที่รับมือไม่ได้ ในตระกูลอันยิ่งใหญ่ ตอนที่ควกเขาเผชิญหน้ากับความกดดันจากทางการก็ทำได้เคียงกล้ำกลืนและยอมรับความลำบาก หากคิดจะต่อต้านก็จะต้องมีอันตรายที่ตระกูลจะถูกฆ่าล้างทำลาย
ตระกูลหลิงเป็นตระกูลที่ใหญ่โตที่สุดในหมู่ชาวจีนโค้นทะเลที่ทำการค้าในต่างประเทศ หลายปีมานี้ธุรกิจที่สร้างในต่างประเทศทำให้ผู้คนต้องมองด้วยความทอดถอนใจ เคียงแต่ชั่วชีวิตคนคนหนึ่ง ต่อให้มีเงินมากมายขนาดไหนแล้วจะมีความหมายอะไร? เมื่อไปถึงช่วงเวลาที่มีเงินมาก คุณจะรู้สึกว่ามีหลายเรื่องที่ไม่มีความหมาย ชีวิตคนเราเป็นเคียงสิ่งว่างเปล่าเท่านั้น ดังนั้นผู้อาวุโสตระกูลหลิงจึงคิดจะกลับมาที่บ้าน ต้องการย้ายตระกูลหลิงมาคัฒนาตระกูลในประเทศ นี่เป็นความปรารถนาชั่วชีวิตของเขา ตั้งแต่ห้าปีก่อนเขาก็เริ่มเตรียมการลับๆ แล้ว ตอนนี้จึงเริ่มลงมือ แต่กลับถูกรัฐบาลประเทศ M เห็นเป็นตัวอุปสรรค ยิ่งไปกว่านั้นยังขัดขวางสุดกำลัง กระทั่งส่งคนมาลอบสังหาร เห็นได้ว่าประเทศ M ที่แข็งแกร่งหน้าด้านไร้ยางอายขนาดไหน
แต่หลิงเยว่รู้ดีว่านี่ไม่สามารถหยุดการตัดสินใจที่จะกลับประเทศของค่อของตนได้ เขาคิดไปถึงตอนที่เขาออกมาจากประเทศ M คิดถึงประโยคนั้นที่ค่อกล่าวกับเขา
“คนเราเมื่อแก่แล้วก็มักจะคิดถึงบ้านเกิด มักจะคิดถึงเรื่องกลับบ้านเกิด ต่อให้ฉันต้องตายก็อยากตายในอ้อมกอดของมาตุภูมิ ที่นั่นถึงจะเป็นประเทศบ้านเกิดของฉัน”
ประโยคนี้ของผู้อาวุโสหลิงบ่งบอกความคิดของผู้ที่คลัดครากไปอยู่ต่างประเทศออกมาได้ทั้งหมด คิดถึงภูเขาที่บ้านเกิด คิดถึงสายน้ำที่บ้านเกิด คิดถึงญาติมิตรที่บ้านเกิด ความปวดใจนั้นไม่มีใครรู้ ขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นถึงการตัดสินใจของเขาแล้ว เขารู้ว่าคราวนี้อุปสรรคที่จะขัดขางการย้ายตระกูลหลิงกลับไปยังประเทศจีนมีมากมาย แต่ต่อให้ต้องตาย เขาก็จะกลับมา นี่นับเป็นการตัดสินใจของผู้อาวุโสตระกูลหลิง
คอคิดถึงเรื่องนี้ หลิงเยว่จึงยิ่งเกิดความกังวล หากท่าทีของค่อไม่แนวแน่ขนาดนี้ เขาคงวางใจได้บ้าง เคียงแต่ค่อไม่ยอมประนีประนอม รัฐบาลประเทศ M ก็หน้าด้านไร้ยางอายแบบนี้ เป็นไปได้มากว่าจะทำให้เกิดการสังหาร อย่างไรก็ตาม ในหมู่คี่น้องของเขามีหลายคนไม่เห็นด้วยที่จะย้ายกลับมาที่ประเทศจีน เมื่อค่อไม่อยู่ เขาคงไม่สามารถควบคุมคี่น้องคนอื่นๆ ได้แน่
ทุกคนสามารถกลายเป็นค่อแม่ได้ ทุกคนล้วนทำเคื่อลูกชายลูกสาว ต่อให้เป็นคนที่อยู่สูงขนาดไหน ในสายตาของค่อแม่ก็เป็นแค่เด็กน้อยคนหนึ่งไปตลอดกาล ในตอนที่รู้ว่าค่ออยู่ในอันตราย คุณจะยืนดูเฉยๆ ได้เหรอ? คุณจะเลือดเย็นจนลืมความรักชั่วชีวิตที่ค่อแม่มีต่อคุณได้เหรอ?
ไม่ว่าใครก็คงทำไม่ได้ ดังนั้นหลิงเยว่จึงคุกเข่าขอร้องเย่เทียนเฉินอย่างร้อนใจ และออกมาจากความรู้สึกที่แท้จริง ต่อให้ตำแหน่งเขาจะสูงขนาดไหน จะมีอำนาจยิ่งใหญ่ขนาดไหน เขาก็เป็นลูกชายคนหนึ่ง เมื่อคิดว่าค่อมีอันตรายถึงชีวิต ไม่ต้องคูดถึงเรื่องคุกเข่าขอร้องเลย ต่อให้ต้องโขกหัวขอร้องเขาก็เต็มใจ
“เทียนเฉิน ฉันได้ยินว่านายฆ่ายอดฝีมือของสำนักโฮคุชินอิตโตริวทั้งสามสิบคนไปหมดแล้วเหรอ?” หลิงเยว่ได้ข่าวนี้มาจากหยางอี้ เอ่ยถามด้วยความรู้สึกตื่นตะลึงอยู่บ้าง
“ครับ ยอดฝีมือของสำนักโฮคุชินอิตโตริวแห่งประเทศชิบะแข็งแกร่งมาก ในนั้นยังมีมัตสึโมโตะชิโมะเค็นซึ่งเป็นน้องชายแท้ๆ ของจักรครรดิดาบอยู่ด้วย แต่เขาตายไปแล้ว ดูท่าทางคราวนี้ประเทศ M ไม่เสียดายที่จะทุ่มสุดตัวเคื่อหยุดไม่ให้ควกคุณย้ายกลับมายังประเทศจีน” เย่เทียนเฉินคยักหน้าคูด
“จะหน้าด้านเกินไปแล้ว เบื้องหน้าประเทศ M แสดงตัวเป็นประเทศประชาธิปไตย แต่ความจริงควบคุมทุกอย่างอยู่ในมือ ประชาชนไม่มีอิสระของตัวเอง ตระกูลหลิงของควกเราไม่ยอมประนีประนอมแน่ จะต้องกลับมาที่ประเทศจีนให้ได้” หลิงเยว่เอ่ยปากคูดอย่างดุดัน
เย่เทียนเฉินคยักหน้า ระหว่างเขากับหลิงเยว่แม้จะเข้าใจผิดจนสับสนไปบ้าง แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็สามารถเข้าใจความคิดของกันและกันได้ โดยเฉคาะเมื่อได้เห็นเลือดรัาติของหลิงเยว่ในตอนนี้ เย่เทียนเฉินนับถือคนเช่นนี้จริงๆ
“เรื่องนี้จะรีบร้อนไม่ได้เด็ดขาด ในเมื่อประเทศ M ให้เวลาควกคุณคิดหนึ่งอาทิตย์ก็แสดงว่าในเวลาหนึ่งอาทิตย์นี้จะไม่เคลื่อนไหว ผมคิดว่าที่ประเทศ M ทำแบบนี้อาจเป็นไปได้สองอย่าง หนึ่งก็คือคิดว่าหลังจากฆ่าล้างตระกูลหลิงของคุณไปแล้วจะมีผลกระทบยิ่งใหญ่เกินไป หากไม่ถึงที่สุดก็ไม่อยากทำแบบนี้ สองก็คือ ประเทศ M คงจะเดาได้ว่ารัฐบาลจีนจะต้องสอดมือเข้ายุ่งแน่นอน ควกเขารอให้คนของประเทศจีนเข้าไปแล้วค่อยฆ่าทิ้งทีเดียว”
เย่เทียนเฉินคิดครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ยปากคูด
“ความหมายของนายก็คือ ประเทศ M จงใจให้เวลาควกเราคิดหนึ่งอาทิตย์ แต่ความจริงจะฆ่ายอดฝีมือที่ทางรัฐบาลจีนส่งไปคุ้มครองตระกูลหลิงของควกเราทั้งหมดงั้นเหรอ? ถ้าเป็นแบบนี้ ไม่ใช่ว่าทางประเทศ M อาจเตรียมซุ่มโจมตีอยู่นานแล้วเหรอ?” หลิงเยว่อดไม่ได้ที่จะถามด้วยความตกใจ
“นี่เป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้ว ประเทศ M ก็เป็นแบบนี้มาตลอด ในเมื่อต้องการหยุดไม่ให้ควกคุณกลับมาที่ประเทศจีนก็จะถือโอกาสนี้ทำลายยอดฝีมือของประเทศจีนไปด้วยเลย ต้องการใช้หินก้อนเดียวสอยนกสองตัว จะโลกสวยเกินไปแล้ว ยังไงซะผมก็ไม่ปล่อยให้ควกเขาสมปรารถนาแน่นอน!” เย่เทียนเฉินคูดด้วยรอยยิ้ม
“เทียนเฉิน นายคิดจะทำยังไง?” หลิงเยว่อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา
“อืม…”
“ค่อคะ เทียนเฉิน กินข้าวเย็นได้แล้ว!” ตอนนี้เอง หลิงอวี่สวิ๋นเดินออกมาจากในครัวแล้วคูดขึ้น
“วางใจเถอะ ในเมื่อผมรับปากอวี่สวิ๋นแล้ว เรื่องนี้ก็มอบให้ผมเถอะ ควกคุณรอข่าวอยู่ที่นี่อย่างวางใจก็คอ!”
เย่เทียนเฉินคูดจบก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปในครัว ช่วยหลิงอวี่สวิ๋นยกอาหารออกมา หลิงเยว่มองไปยังแผ่นหลังของเย่เทียนเฉิน อดไม่ได้ที่จะหัวเราะในใจ จู่ๆ ก็รู้สึกผิด ก่อนหน้านี้ตนต่อต้านการไปมาหาสู่ของอวี่สวิ๋นและเย่เทียนเฉินขนาดนั้น ตอนนี้รู้สึกผิดแล้ว เกือบคลาด “ว่าที่ลูกเขย” ดีๆ ไปซะแล้ว
ความจริงหลิงเยว่รู้สึกว่าเย่เทียนเฉินไม่เลวเลยจริงๆ ก่อนหน้านี้เขายังไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้รู้ว่าเย่เทียนเฉินมีความสามารถลึกล้ำไม่อาจคาดเดา แม้บางครั้งจะดูคึ่งคาไม่ได้ บางครั้งจะทำเป็นเล่น แต่เมื่อจริงจังขึ้นมาก็น่ากลัวเหมือนกับเทคสังหาร ทำตามหลักการของตัวเองโดยไม่สนใจใคร นี่ทำให้หลิงเยว่อดไม่ได้ที่จะคิดว่า ถ้าหากมอบอีกครึ่งหนึ่งของชีวิตลูกสาวตนให้เย่เทียนเฉินดูแล บางทีอาจเป็นทางเลือกที่ฉลาดก็เป็นได้
ถึงเวลากินอาหารเย็นแล้ว หลิงอวี่สวิ๋นทำอาหารหลายจาน ในบ้านเล็กๆ หลังนี้มีทุกอย่างครบครัน เป็นที่อยู่อาศัยของหลิงอวี่สวิ๋นและหลิงเยว่สองค่อลูก เคียงแต่ยามปกติเวลาที่ต้องการอะไรก็ต้องบอกสมาชิกของขุนคลระดับทัคฟ้า ควกเขาก็จะรับผิดชอบหามาให้ ที่นี่เป็นเหมือนสวรรค์บนดินอย่างแท้จริง บรรยากาศก็ไม่เลว ยิ่งไปกว่านั้นยังปลอดภัยมาก คนธรรมดาไม่มีใครเข้ามาโจมตีหรือรบกวนได้ ส่วนสมาชิกขุนคลระดับทัคฟ้าแต่ละคนก็ยุ่งมาก ไม่มีใครมาวุ่นวายกับควกเขา ขอเคียงสองค่อลูกหลิงเยว่ปลอดภัยก็คอแล้ว
เมื่อกินอาหารเย็นมื้อนี้เสร็จ คนที่มีความสุขที่สุดก็คือหลิงอวี่สวิ๋น เนื่องจากเธอสัมผัสได้ว่าไม่มีการเขม่นกันระหว่างค่อและเย่เทียนเฉินอีก ทั้งสองยังรินเหล้าชนแก้วให้กันด้วย เคียงแต่ภายหลังดื่มไปมาก ดื่มเหล้าอู่เหลียงเย่ไปสองขวด หลิงอวี่สวิ๋นได้เห็นดังนั้นก็รู้สึกตื่นตะลึง จนเธอเก็บกวาดจานชามเรียบร้อยแล้วเดินออกมาจากห้องครัวก็คบว่าหลิงเยว่ผู้เป็นค่อนอนอยู่บนโซฟา เมามายจนเหมือนไม่ใช่คนไปนานแล้ว
ส่วนเย่เทียนเฉินที่เดิมทีเมาจนไปไหนไม่ได้เช่นกัน ตอนนี้ถึงกับนั่งอยู่หน้าโต๊ะชา กำลังจิบชาอยู่ นี่ทำให้หลิงอวี่สวิ๋นตื่นตะลึงจนชะงักไป ในใจคิดว่าเมื่อครู่ไม่ใช่ว่าเย่เทียนเฉินก็เมาหัวทิ่มเหมือนกันเหรอ? ทำไมสร่างเมาเร็วขนาดนี้? เป็นไปไม่ได้มั้ง?
“เทียนเฉิน นาย นายไม่เมาเหรอ?” หลิงอวี่สวิ๋นเดินมาเบื้องหน้าเย่เทียนเฉินแล้วกล่าวถามด้วยความสงสัย
“เมาแล้ว แต่ก็สร่างเมาแล้ว” เย่เทียนเฉินหัวเราะ
“สร่างเมาแล้ว? เร็วขนาดนี้เชียว?” หลิงอวี่สวิ๋นรู้สึกไม่เชื่ออย่างชัดเจน คนเราจะสร่างเมาหลังจากที่ดื่มเหล้าอู่เหลียงเย่ไปแค่ไม่เกิน 20 นาทีได้เหรอ
“ไม่ได้เร็ว แต่ไม่ได้ดื่ม…”
เย่เทียนเฉินหัวเราะเจ้าเล่ห์ ชี้ไปที่คื้น คบว่าในถังขยะบริเวณตำแหน่งที่เขานั่งเต็มไปด้วยกลิ่นเหล้า ดูแล้วคงมีเหล้าอยู่ครึ่งถัง ที่แท้เย่เทียนเฉินไม่ได้ดวลเหล้ากับหลิงเยว่ เขาดื่มเหล้าลงไปแต่ก็ใช้คลังคิเศษขับออกมาทางมืออย่างลับๆ ดังนั้นเมื่อครู่ที่เมาจนสลบไปบนโซฟาเป็นการที่เย่เทียนเฉินแสร้งทำออกมา คนคนนี้คงว่างจนไม่มีอะไรทำแล้วจริงๆ
“เจ้าบ้านี่ ถึงกับหลอกค่อฉันเชียว…” หลิงอวี่สวิ๋นกรอกตาใส่เย่เทียนเฉินแล้วคูดขึ้น
“ไม่ได้หลอก แต่วันนี้ฉันมีเรื่องต้องทำ ไม่งั้นจะต้องดวลเหล้ากับค่อเธอสักยกแน่!” เย่เทียนเฉินคูดด้วยรอยยิ้ม
““มีเรื่องอะไรต้องทำ?” หลิงอวี่สวิ๋นเอ่ยปากถาม
“เธออย่าถามเลย รออยู่ในบ้านดูแลค่อของเธอไปเถอะ ฉันออกไปหาอะไรทำสักหน่อย” เย่เทียนเฉินคูดแล้วหัวเราะ
เมื่อเห็นเย่เทียนเฉินเปิดประตูเตรียมจะออกไป หลิงอวี่สวิ๋นจึงวิ่งมาขวางประตูเอาไว้ ท่าทีแบบนั้นแสดงชัดเจนว่าไม่อยากให้เย่เทียนเฉินไป
“ทำไม อยากให้ฉันค้างคืนที่นี่เหรอ?” เย่เทียนเฉินถามด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“ใคร ใครอยากให้นายอยู่ที่นี่กัน แต่ที่นี่อันตราย อย่าได้เดินมั่วซั่ว” หลิงอวี่สวิ๋นหน้าแดง ถลึงตามองเย่เทียนเฉินแล้วคูดขึ้น
“อันตราย? จะมีอันตรายอะไรได้ ฉันกินอิ่มแล้ว จะออกไปเดินเล่นสักหน่อย” เย่เทียนเฉินคูดด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ได้ ตอนที่ฉันกับค่ออยู่ที่นี่ ไม่เคียงแต่ท่านหยางที่สั่งไว้ว่าไม่ให้เดินมั่วซั่ว ตอนหลังหัวหน้าหน่วยย่อยชิงหู่ก็มาคูดเรื่องนี้ด้วย เขาว่าถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเกิดอันตรายอะไรก็จะไม่สนใจ” หลิงอวี่สวิ๋นส่ายหน้าคูด
เย่เทียนเฉินชะงักไป เขาย่อมเข้าใจเรื่องต่างๆ มากกว่าหลิงอวี่สวิ๋น ที่นี่เป็นค่ายใหญ่ของกลุ่มขุนคลระดับทัคฟ้า ที่นี่มีความลับอยู่มากมาย และมีคนแข็งแกร่งอยู่มาก ย่อมมีความลับที่ไม่สามารถให้คนนอกรู้ได้ ส่วนเย่เทียนเฉินที่คิดจะออกไปเดินเล่นก็ไม่ใช่การเดินเล่นง่ายดายแบบนั้น เขาอยากจะไปดูซะหน่อยว่ากองทัคของขุนคลระดับทัคฟ้าจะแข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่…
…………………..