เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 53 เย่เทียนเฉินสู้รบกับเถี่ยฉุยอย่างดุเดือด
ความประทับใจที่เย่เทียนเฉินมีต่อเถี่ยฉุยนั้นไม่เลว การกล่าวคำพูดที่ดูราวกับว่าตนเองอวดดีและดูถูกเถี่ยฉุยเหล่านี้นั้น ก็เป็นเพราะเพื่อที่จะกระตุ้นให้เถี่ยฉุยโกรธ ให้เขาใช้พลังทั้งหมด
เกิดใหม่ในโลกแห่งนี้ เย่เทียนเฉินรู้ว่าในสังคมปัจจุบันนั้นก็มียอดฝีมือดำรงอยู่เช่นกัน เพียงแต่ไม่รู้ว่ายอดฝีมือพรรควรยุทธโบราณและผู้แข็งแกร่งที่มีพลังพิเศษในแห่งโลกแห่งนี้ร้ายกาจขนาดไหนกันแน่ อีกทั้งเย่เทียนเฉินต้องการฟื้นคืนพลังของขอบเขตพลังระดับพระเจ้า ก็ยังต้องการการต่อสู้ดุเดือดเลือดพล่านอีกมากมาย ต้องการต่อสู้กับยอดฝีมืออีกมากมาย เถี่ยฉุยก็เป็นหนึ่งในหมู่ยอดฝีมือ ดังนั้นเย่เทียนเฉินจึงคิดจะให้เถี่ยฉุยต่อสู้กับตนโดยใช้พลังทั้งหมด
สำหรับลั่วซงเฉิง จะฆ่าหรือไม่ฆ่าไม่ใช่เรื่องสำคัญขนาดนั้น อย่างไรก็ตามมีหลักการอยู่ข้อเดียว ถ้าหากลั่วซงเฉิงกล้าลงมือกับพ่อแม่และน้องสาวของตน เย่เทียนเฉินก็ไม่ถือสาที่จะบุกไปที่ตระกูลลั่วเปิดฉากฆ่าครั้งใหญ่
“ถ้าใช้พลังทั้งหมด ฉันกลัวว่านายจะรับไม่ไหว!” เถี่ยฉุยกล่าวพลางมองเย่เทียนเฉินอย่างเย็นชา
เถี่ยฉุยคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าฝีมือของเย่เทียนเฉินจะแข็งแกร่งเช่นนี้ เดิมทีคิดว่าเย่เทียนเฉินก็นับว่ามีฝีมืออยู่บ้าง แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตนเองแน่นอน ไหนเลยจะรู้ว่า ชายคนนี้จะหลบการโจมตีของตนเองได้ง่ายๆ ทั้งยังโต้กลับมาอีกหนึ่งกระบวนท่า ทำให้ตนเองกระเด็นออกไป แม้ว่าเขาเถี่ยฉุยจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ก็รู้สึกได้ว่าพลังการเตะของเย่เทียนเฉินนั้นรุนแรงมาก
แน่นอนว่าเถี่ยฉุยมีความมั่นใจในฝีมือของตนเองมาก เขาไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด เพราะตอนที่เขาเถี่ยฉุยใช้พลังทั้งหมดก็จะแตกต่างราวกับเป็นคนละคน พลังการสู้รบก็แตกต่างกับก่อนหน้านี้ราวฟ้ากับเหว
“หนูกลัวจังเลย กลัวจริงจริงเลย รบกวนช่วยใช้พลังทั้งหมดด้วยเถอะ รีบใช้พลังทั้งหมดมาอัดหนู…กลั๊วกลัว!” เย่เทียนเฉินตั้งใจใช้ท่าทีราวผู้หญิงพลางกล่าวอย่างเต็มไปด้วยรสชาติของการยั่วยุ
“แม่มันเถอะ ไอ้หนูนี่กวนตีนจริง!”
เถี่ยฉุยโกรธจนทนไม่ไหว พูดออกมาเสียงดัง สายตาเปลี่ยนเป็นแดงก่ำราวเลือด พลังที่แผ่ออกมาจากตัวก็เปลี่ยนไป มีระยะห่างสามเมตรเป็นช่องว่างกั้นไว้ ก็ใช้หมัดต่อยไปในอากาศว่างเปล่านั้น เย่เทียนเฉินตกตะลึงไปทั้งตัว พลิกตัวหลบไปด้านซ้าย หลบหมัดของเถี่ยฉุย
ตู้ม!
ฉากที่ทำให้ผู้คนต้องสั่นสะท้านเกิดขึ้นแล้ว เถี่ยฉุยเพียงต่อยไปยังเย่เทียนเฉินโดยผ่านช่องว่างที่กั้นไว้ ทั้งยังไม่ใช่การสู้ในระยะใกล้ แต่ว่าตอนที่เย่เทียนเฉินหลับหมัด แจกันด้านหลังของเขาถูซัดจนแตกเป็นเสี่ยงๆ กระเบื้องและดินตกลงมาจากกลางอากาศ เห็นแล้วทำให้ผู้คนต้องขวัญกระเจิงอยู่ในใจ ถ้าหากว่าเป็นคนที่ถูกหมัดนี้เข้าไปล่ะก็ สามารถถูกต่อยจนทะลุได้เลย
“ว้าว คุณเอาจริงเหรอ?” เย่เทียนเฉินตั้งใจกล่าวแซวเถี่ยฉุยด้วยรอยยิ้ม
“เฮอะ ไอ้หนูอย่างนายอยากเอาจริง ฉันก็จะใช้พลังทั้งหมดเล่นเป็นเพื่อนนาย ระวังตายซะล่ะ” เถี่ยฉุยกล่าวพลางมองเย่เทียนเฉินอย่างโหดร้าย
ในหมัดของเถี่ยฉุยเมื่อสักครู่นี้ แฝงไปด้วยพลังยุทธอันแข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับอู๋เสวี่ยก็ยังเหนือกว่าเล็กน้อย มวยสิงอี้ของอู๋เสวี่ยนั้น กระบวนท่าที่แกร่งที่สุดก็คือมวยสิงอี้แปดทิศ และมีเพียงการกระตุ้นพลังยุทธในกล้ามเนื้ออย่างเต็มที่ถึงจะสามารถออกกระบวนท่าฆ่าฟันอันแข็งแกร่งนี้ได้ ไม่เหมือนกับเถี่ยฉุยซึ่งถึงขั้นที่เหวี่ยงหมัดง่ายๆ ก็มีพลังยุทธอันแข็งแกร่งแฝงไปด้วยแล้ว ต่อให้โจมตีไม่โดนเป้าหมาย ก็ยังมีพลังทำลายล้างอันแข็งแกร่ง
“มาเถอะ ที่ต้องการก็คือใช้พลังเต็มที่นี่แหละ แบบนี้ถึงจะสนุก!” เย่เทียนเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ฉันว่าไอ้หนูอย่างนายไม่ใช่แค่กวนตีน แต่ยังปากดีอีกด้วย ต้องสั่งสอนสักหน่อยแล้ว”
เถี่ยฉุยจู่ๆ ก็รู้สึกว่าเย่เทียนเฉินคนนี้มีความพิเศษจริงๆ ตอนที่โกรธก็สามารถทำให้ผู้คนคิดว่าคนๆ นี้เป็นคนที่ใครก็หยุดการย่างก้าวของเทพแห่งความตายอย่างเขาไม่ได้ ตอนที่ผ่อนคลาย เมื่อพูดอะไรออกมาก็ให้ความรู้สึกไม่จริงจัง ดูเหมือนว่าจะกลับไปเหมือนเมื่อตอนที่เขาที่มีท่าทางของคุณชายเสเพลไม่เอาไหน
“ที่กวนตีนคือไอ้แก่นั้น ไม่ใช่ผม ผมคนนี้เป็นคนที่รักพวกพ้องมาก” เย่เทียนเฉินมองลั่วซงเฉิงพลางกล่าวออกมาอย่างไม่ละอาย
“แก…เถี่ยฉุย เย่เทียนเฉินไม่เพียงแต่ฆ่าหลานชายทั้งสองคนของตระกูลลั่วของผม แถมยังไม่เห็นคุณอยู่ในสายตาอีก คนแบบนี้ หรือว่าคุณจะไม่จับกลับไปลงโทษงั้นเรอะ?”
ลั่วซงเฉิงโกรธจนปอดแทบระเบิด นำทหารคนสนิทมาหลายสิบคน ต้องการมาที่บ้านหลักตระกูลเย่เพื่อฆ่าล้างครั้งใหญ่ ไหนเลยจะรู้ว่าการปรากฏตัวของเย่เทียนเฉินจะทำให้แผนการของเขายุ่งเหยิงไปหมด ตอนนี้เขาก็ได้รับบาดเจ็บจากปืน อยากจะใช้อำนาจก็ใช้ไม่ได้แล้ว ที่สำคัญก็คือเย่เทียนเฉิน คนๆ นี้มองไม่ออกเลยจริงๆ ดูเหมือนว่า คุณจะเป็นผู้อาวุโสหรือไม่ อำนาจของตระกูลจะยิ่งใหญ่แค่ไหน จะทำให้ตระกูลเย่ต้องเจอกับผลลัพธ์ร้ายแรงอะไร เขาไม่สนใจแม้แต่น้อย อาศัยเพียงความคิดของตัวเองกระทำเรื่องราว คนเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกจนปัญญาอยู่บ้างจริงๆ
หากว่าเป็นคนธรรมดา สามารถข่มขูบังคับหรือใช้ผลประโยชน์ชักจูงได้ แต่ว่าเย่เทียนเฉินไม่ใส่ใจตรงนี้เลยแม้แต่น้อย ทำตามหลักการของตน ไม่สนใจตัวคน!
“นายระวังไว้ให้ดี ต่อไปฉันจะลงมือโดยใช้พลังเต็มที่แล้ว นายอาจจะตายก็เป็นไปได้” เถี่ยฉุยกล่าวพลางมองเย่เทียนเฉินอย่างเย็นชา
“มาเถอะ มาเถอะ คุณไม่ใช้พลังเต็มที่ ก็ไม่สนุกเลยสักนิด…” เย่เทียนเฉินกล่าวพลางทำท่าทางไม่ใส่ใจนัก
เถี่ยฉุยขมวดคิ้วอย่างโหดเหี้ยม สองมือกำแน่น เพียงพริบตาพลังยุทธในร่างกายก็ถูกรวมเข้าไปภายในหมัด พลังที่แผ่ออกมาทั้งร่างนั้นไม่เหมือนเดิมโดยสิ้นเชิง พุ่งเข้าไปหาเย่เทียนเฉินอย่างรวดเร็ว ทิ้งเอาไว้เพียงเงาเบลอๆ ที่ตำแหน่งเดิม เมื่อสักครู่นี้ที่เขาลงมือไม่สามารถเอาชนะเย่เทียนเฉินได้ จึงทำให้รู้ว่าคนๆ นี้ฝีมือไม่อ่อนแอ และยังไม่ได้ใช้พลังเต็มที่อย่างแน่นอน ดังนั้นตอนนี้ที่เขาใช้พลังเต็มที่ ก็เพราะอยากที่จะทดสอบดูว่าเย่เทียนเฉินแข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่
นี่นับเป็นประบวนท่าที่สอง เพียงแต่การต่อสู้นั้นยกระดับขึ้นแล้วโดยสิ้นเชิง ภายในขอบเขตที่เถี่ยฉุยและเย่เทียนเฉินต่อสู้กันเต็มไปด้วยลมปราณอันแข็งแกร่ง ทุกการเคลื่อนไหวของพวกเขาทั้งสองคนสามารถได้ยินเสียงกรีดร้องของอากาศ เห็นได้ชัดว่าพลังของกระบวนท่าที่พวกเขาแสดงออกมานั้นแข็งแกร่งขนาดไหน แม้แต่ อากาศก็ถูกทำให้สั่นสะเทือน
เผชิญหน้ากับการบุกเข้าโจมตีของเถี่ยฉุยในครั้งนี้ เย่เทียนเฉินไม่กล้าลำพองใจเลยแม้แต่น้อย ความสามารถของเถี่ยฉุยแข็งแกร่งตามคาด เหนือกว่าอู๋เสวี่ยที่เป็นนักฆ่าอันดับหนึ่งของจิงตูโดยสิ้นเชิง มิน่าถึงกล่าวว่าความสามารถของเถี่ยฉุยสามารถไล่ตามสามราชันนักรบของจีนได้ นี่เลี่ยงไม่ได้ที่จะทำให้ผู้คนจินตนาการว่า หากเป็นสามราชันนักรบของจีนเช่นชางหลางและเหยียนหลง และอีกคนหนึ่งที่ยังเป็นความลับไม่ปรากฏตัวออกมา พลังการสู้รบของพวกเขาทั้งสามคนจะแข็งแกร่งขนาดไหนกัน? จะต้องทำให้ผู้คนตกตะลึงแน่นอน
ตู้มตู้มตู้ม!
เถี่ยฉุยใช้พลังเต็มที่ ทุกครั้งที่ออกกระบวนท่าต่างก็โจมตีไปยังจุดสำคัญของเย่เทียนเฉินทั้งยังมีความผันแปรของพลังยุทธอันแข็งแกร่ง เกรงว่าการโจมตีที่ไม่ถูกเป้าหมาย ก็ยังสามารถรู้สึกถึงลมปราณที่ทำให้ผิวฉีกขาดได้
เย่เทียนเฉินไม่กล้าลำพองใจแม้แต่น้อย ต่อสู้อย่างเต็มกำลัง เพียงแต่ตอนนี้เขาไม่ได้ใช้ความสามารถของพลังพิเศษระดับจอมราชัน ไม่ใช่ว่าเขาอวดดี เขารู้ว่าหากตนเองไม่ใช้พลังพิเศษก็ไม่สามารถเอาชนะเถี่ยฉุยได้แน่นอน เพียงแต่เขาอยากจะดูว่าตนจะสามารถยืนหยัดไปได้ถึงไหน มีเพียงช่วงเวลาวิกฤตเท่านั้น ศักยภาพภายในร่างกายของมนุษย์จึงจะสามารถระเบิดออกมาได้ เขาอยากจะหยิบยืมส่วนนี้ไปขับเคลื่อนแก่นพลังในสมองของตน
ไม่ถึงสิบนาที ภายในขอบเขตหนึ่งร้อยแมตรที่เย่เทียนเฉินและเถี่ยฉุยทำการต่อสู้กัน ก็กลายเป็นพื้นที่ระเกะระกะผืนหนึ่ง กระทั่งบนพื้นก็ปรากฏหลุดบ่อมากมาย ทุกที่ล้วนมีเศษหินหรือกระทั่งฝุ่นควัน พวกเย่หงหลายคนที่เห็นการต่อสู้ ทั้งหมดนั้นนึ่งอึ้งราวกับรูปสลักไปนานแล้ว การต่อสู้ของเถี่ยฉุยและเย่เทียนเฉินทั้งสอง เกินกว่าที่จนธรรมดาจะจิตนาการได้ไปแล้ว มีสีสันมากกว่าบทบู๊ในละครและในหนังเป็นร้อยเท่า
“ไม่คิดเลยว่าไอ้หนูอย่างนายจะแข็งแกร่ง!” เถี่ยฉุยมองไปยังเย่เทียนเฉินพลางกัดฟันพูด เขารัวหมัดต่อเนื่องนับพัน ทุกครั้งต่างก็ทำให้เกิดการผันแปรลมปราณอย่างรุนแรง เริ่มจะหอบหายใจเล็กน้อย บนใบหน้าของเขาปรากฏรอยหมัดของเย่เทียนเฉินสามรอย หน้าบวมฉึ่งไปครึ่งหน้า
“ฝีมือของคุณก็ไม่แย่ ยังไง หยุดมือแล้วมาประมือวัดดวงกันครั้งสุดท้ายไหม?” เย่เทียนเฉินกล่าวถาม ตาซ้ายมีรอยหมัดอยู่หนึ่งรอย ถูกต่อยจนตาเขียว
“รับคำท้า หากว่าแกทนการโจมตีครั้งนี้ของฉันได้ ก็ถือว่าแกชนะ!” เถี่ยฉุยกล่าวอย่างมั่นใจในตนเอง
“ลองดูสักหน่อยสิ!” ใบหน้าหน้าของเย่เทียนเฉินยังคงประดับด้วยรอยยิ้ม ได้ต่อสู้กับเถี่ยฉุย อย่างถึงอกถึงใจ เกิดใหม่ในโลกแห่งนี้ไม่เคยจะลงมือได้อย่างถึงใจเช่นนี้มาก่อน
พริบตาต่อมา เถี่ยฉุยก็ดูสงบขึ้นมา ภายในดวงตาทั้งสองเปร่งประกาย เขาเป็นหัวหน้าหน่วยมังกรฟ้า มีโอกาสได้ลงมือน้อยมาก เนื่องจากไม่เหมาะสมกับฐานะของเขาเถี่ยฉุย มีเรื่องอะไรก็ส่งคนภายใต้หน่วยมังกรฟ้าไปจัดการให้สำเร็จ ในช่วงหลายปีมานี้เย่เทียนเฉินเป็นคนแรกที่บีบบังคับให้เขาลงมือได้ เหตุผลก็คือ หนึ่ง เย่เทียนเฉินใช้คำพูดยั่วยุ สอง เขารู้ว่าหากตนเองไม่ลงมือในที่นี้ก็ไม่มีใครหยุดเย่เทียนเฉินได้อีก ถ้าหากลั่วซงเฉิงให้ทหารพร้อมอาวุธปืนที่เป็นลูกน้องของตนเองลงมือ เป็นไปได้ว่าจะทำให้ทหารเหล่านี้ต้องตาย สิ่งสำคัญก็คือไม่ว่าจะเป็นลั่วซงเฉิงถูกฆ่าหรือตระกูลเย่ถูกฆ่า เขาที่เป็นผู้รับผิดชอบความปลอดภัยของจิงตูล้วนหนีไม่พ้นความรับผิดชอบ สู้ลงมือด้วยตัวเอง เอาชนะเย่เทียนเฉิน กดดันลั่วซงเฉิงให้อยู่แล้วค่อยว่ากันอีกทีจะดีกว่า
สายลมพัดมา เศษหินบนพื้นสั่นไหว เศษฝุ่นที่เดิมทีจะร่วงลงมาก็ถูกกระตุ้นให้ขึ้นไปสูงจนใกล้จะกลายเป็นกรงหมอกที่ห้อมล้อมเย่เทียนเฉินและเถี่ยฉุยเอาไว้
“ทำไมอยู่ดีๆ ก็มีลมพัดมาได้ล่ะ?” หลัวเยี่ยนกล่าวถามพลางมองสถานการณ์การต่อสู้เบื้องหน้าอย่างตึงเครียด
“ฉันก็ไม่รู้ รอก่อนเถอะ พวกเขาอาจจะใกล้รู้แพ้รู้ชนะกันแล้ว!” เย่หงจับมือหลัวเยี่ยนผู้เป็นภรรยาแน่น และเป็นห่วงเย่เทียนเฉินผู้เป็นลูกชายเช่นกัน
เถี่ยฉุยเคลื่อนไหวแล้ว แต่ร่างกายกลับไม่ได้ขยับ มีเพียงสองหมัดที่คลายออกกลายเป็นฝ่ามือ บนฝ่ามือทั้งสองปรากฏแสงสีฟ้าออกมาอ่อนๆ นั่นคือการแสดงออกของลมปราณอันแข็งแกร่งที่ถูกรวบรวมไว้ เย่เทียนเฉินเห็นก็ตกตะลึง เห็นทีหากไม่ใช้ความสามารถพลังพิเศษระดับจอมราชันจะไม่ได้แล้ว เนื่องจากเขาสัมผัสได้ถึงไอสังหารอันรุนแรง เถี่ยฉุยต้องออกกระบวนท่าแน่แล้ว
ฉัวะ!
ฉัวะ!
คมดาบลมปราณอันแข็งแกร่งสองสายพุ่งไปทางเย่เทียนเฉิน กระทั่งฝุ่นยังถูกตัดขาด อากาศบริเวณที่ลมปราณเคลื่อนผ่านต่างกำลังกรีดร้อง พลังอำนาจยิ่งใหญ่รุนแรง พุ่งตรงไปยังศีรษะของเย่เทียนเฉิน
“เปิด!”
เย่เทียนเฉินตะโกนขึ้น แก่นพลังในสมองสั่นไหว พลังพิเศษในชีพจรระเบิดออกมา ความสามารถของพลังพิเศษระดับจอมราชันปรากฏขึ้นเป็นม่านพลังผืนหนึ่งห่อหุ้มเย่เทียนเฉินเอาไว้
ตู้ม!
เสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างรุนแรง ฝ่ามือทั้งสองของเถี่ยฉุยที่นำลมปราณมาห่อหุ้มจนเป็นรูปลักษณ์ของใบดาบอันแข็งแกร่งทั้งสองฟันไปบนม่านพลังบริเวณหัวของเย่เทียนเฉิน เกิดระเบิดอันรุนแรงปกคลุกเย่เทียนเฉิน ส่วนเถี่ยฉุยถูกแรงปะทะอันรุนแรงจนถอยหลังไปเกือบสิบก้าว ไม่ง่ายเลยที่จะอยู่ในท่าทางมั่นคงได้ สองมือเท้าไว้เบื้องหลัง มองไปยังเบื้องอย่างตาไม่กะพริบ
“เทียนเฉิน…” เย่หงตกตะลึง เมื่อได้สติกลับมาก็ตะโกนออกไป
“ลูก…”
หลัวเยี่ยนตกตะลึงยิ่งกว่า เสียงระเบิดรุนแรงขนาดนี้ ลูกชายจะตายหรือไม่? เพิ่งจะคิดว่าจะวิ่งเข้าไปดู เธอก็เห็นเงาร่างหนึ่งเดินแหวกฝุ่นควันออกมาช้าๆ สองมือยังคงล้วงอยู่ในกระป๋ากางเกง ในขณะเดียวกัน เธอก็ได้ยินเสียงของเย่เทียนเฉินผู้เป็นลูก
“ไม่ต้องมาครับแม่ ผมไม่เป็นไร!”
………………………………………………………………………………