เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 66 ภารกิจที่สนใจ
“ชางหลาง คุณก็คิดจะล่วงเกินตระกูลฉินของผมงั้นเหรอ?” ฉินเทาหยวนมองชางหลางอย่างโหดเหี้ยมพลางกล่าว
“ผมไม่ต้องการล่วงเกินตระกูลฉินของคุณ เพียงแต่มันเป็นเรื่องของงานหลวงก็เท่านั้น ตอนนี้ผมต้องพาตัวเย่เทียนเฉินไป ส่วนเรื่องบุญคุณความแค้นระหว่างตระกูลฉินของคุณกับเขา พวกคุณค่อยมาจัดการกันทีหลัง” ชางหลางกล่าวโดยหน้าไม่เปลี่ยนสี
“ดี ดี ชางหลาง ถ้างั้นพวกผมจะรอดู” ฉินเทาหยวนคำรามออกมาอย่างโกรธเคือง
ชางหลางไม่สนใจฉินเทาหยวน เขาไม่ใช่ไม่กล้าล่วงเกินตระกูลฉิน แค่มันไม่จำเป็น เขาเป็นคนของคณะกรรมาธิการทหาร รู้ดีว่าอำนาจของตระกูลฉินในเมืองหลวงมีไม่น้อย หากตนเองออกหน้าล่วงเกินตระกูลฉินแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน ย่อมต้องมีผลกระทบตามมาไม่น้อย ถึงตอนนั้นหากว่าไม่จบ ก็ให้เย่เทียนเฉินคนนี้ไปเสีย จะอย่างไรเขาก็เป็นคนพาลที่ไม่กลัวฟ้ากลัวดินอยู่แล้ว
“เย่เทียนเฉิน นายยังจะมัวนิ่งอยู่ทำไม ขึ้นรถสิ มีเรื่องจะคุยกับนาย” ชางหลางมองเย่เทียนเฉินที่ยืนสูบบุหรี่อยู่ข้างๆ พลางกล่าวด้วยท่าทางที่ไม่ดีนัก
“ไม่สนใจอ่ะ ผมจะกลับบ้านไปนอนแล้ว ลาก่อน ฝันดี!” เย่เทียนเฉินกล่าวอย่างเอ้อระเหย พลางโบกมือให้ชางหลางแล้วหันตัวเดินจากไป
ไหนเลยจะรู้ว่า เย่เทียนเฉินเพิ่งจะหันตัวเตรียมจะเดินจากไป เถี่ยฉุยก็มาขวางเขาไว้จากข้างหลัง ทั้งยังมีท่าทางดุดันเอาเรื่อง ราวกับจะบอกว่าหากแกเย่เทียนเฉินไม่ขึ้นรถ พวกเราก็จะคุยกันด้วยปืน
“ว้าว? ที่แท้พวกคุณก็จะมาลักพาตัวผมเหรอ?” เย่เทียนเฉินแสร้งทำท่าทีหวาดกลัว ยิ้มออกมาอย่างสนุกสนานพลางหันไปพูดกับชางหลาง
“เย่เทียนเฉิน ที่มาหานายครั้งนี้เพราะมีเรื่องสำคัญมาก ไปกับฉันสักครั้งเถอะ” เถี่ยฉุยมองเย่เทียนเฉินพลางกล่าวอย่างจริงจัง
“เถี่ยฉุย ฝีมือของคุณก็ไม่ได้อ่อนแอ แค่คุณเป็นคนที่ไม่รู้จักพลิกแพลง ไม่เห็นเหรอว่าผมไม่เต็มใจที่จะหาเรื่องใส่ตัวให้มากมาย? อย่ามาทำให้ผมลำบากใจเลยดีไหม? ผมเป็นคนตรงไปตรงมานะครับ”
หากไม่ตีกันก็ไม่รู้จักกัน เย่เทียนเฉินนับถือฝีมือของเถี่ยฉุยมาก หลังจากที่เขากลับชาติมาเกิดในเมือง นอกจากนักฆ่าอู๋เสวี่ยแล้ว ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งหมดที่ได้พบในขณะนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าขอบเขตพลังพิเศษของตนเองทะลวงไปถึงระดับจอมราชัน ต้องการเอาชนะเถี่ยฉุยเกรงว่าจะต้องเปลืองแรงอยู่บ้าง
ดังนั้นเย่เทียนเฉินมีความประทับใจที่ดีต่อเถี่ยฉุยเป็นอย่างมาก นอกจากเขาจะมีฝีมือที่แข็งแกร่ง ยังเป็นคนที่ตรงไปตรงมากับผู้อื่นอีกด้วย ในเมืองหลวงแห่งนี้ที่มีกลุ่มอำนาจผสมปนเปกันไปหมดหากต้องการหาคนที่ตรงไปตรงมาออกมาสักหลายคนเป็นเรื่องที่ยากจริงๆ นี่จึงทำให้เย่เทียนเฉินอยากจะหยอกล้อเถี่ยฉุย ทั้งหมดก็เพื่อให้เขาเป็นเพื่อน
“ไปกับพวกเราเถอะ มีเรื่องเฉพาะสำหรับนาย!” เถี่ยฉุยมองเย่เทียนเฉินครู่หนึ่งพลางกล่าว
“ไม่สนใจอ่ะ ผมไม่สนใจจริงๆ บายบาย!”
เย่เทียนเฉินโบกมือให้เถี่ยฉุยและชางหลาง สูบบุหรี่เฮือกหนึ่งแล้วหมุนตัวจากไป ทันใดนั้นเอง เย่เทียนเฉินก็รู้สึกได้ถึงไอสังหารสายหนึ่ง รุนแรงเป็นอย่างมาก ไม่ใช่ไอสังหารที่คนธรรมดาๆ จะปล่อยออกมาได้แน่ จ้องมองไปพบว่า ชางหลางที่อยู่ห่างออกไปกว่าร้อยเมตรมายืนอยู่เบื้องหน้าของตนเองเมื่อไรก็ไม่ทราบ กำลังมองเขาด้วยแววตาจริงจัง
“ต่อให้นายไม่คิดถึงตัวเอง ก็ต้องคิดถึงพ่อแม่และน้องสาวของนาย และก็ต้องคิดถึงตระกูลเย่ที่ตกต่ำไปแล้วของพวกนายบ้าง นายอยากให้พ่อแม่น้องสาวของนายถูกผู้คนดูถูกไปชั่วชีวิต อยากให้ตระกูลเย่ตกต่ำต่อไปและได้รับคำพูดเย็นชาจากผู้คนอื่นงั้นหรือ?” ชางหลางกล่าวพลางมองเย่เทียนเฉิน
ได้ยินคำพูดของชางหลาง เย่เทียนเฉินก็ขมวดคิ้ว ความจริงแล้วไม่ใช่คำพูดของชางหลางที่ทำให้เขาสั่นสะท้าน แต่เป็นฝีมือของเขาต่างหาก เมื่อสักครู่ชางหลางอยู่ห่างจากตนเองร้อยเมตรกว่า กลับสามารถมาถึงเบื้องหน้าของตนได้ภายในเวลาไม่ถึงสองวินาที อีกทั้งบนร่างของชางหลางยังมีไอสังหารแผ่ออกมาอีกด้วย กระทั่งเย่เทียนเฉินรู้สึกได้ถึงความเดือดดาล คล้ายกับสัตว์ร้ายจำศีลตัวหนึ่ง พอได้ลงมือจะต้องสะท้านฟ้าสะเทือนดินอย่างแน่นอน
ชางหลางเป็นหนึ่งในสามนักรบราชันของจีน ความสามารถที่แท้จริงของเขาเป็นอย่างไรไม่มีใครรู้ เนื่องจากคนที่เห็นเขาลงมือมีน้อยมาก ในเมื่อเป็นหนึ่งในสามนักรบราชัน เช่นนั้นในกองทัพ ฝีมือของชางหลางย่อมอยู่ในสามอันดับแรกแน่นอน แต่อันดับอย่างละเอียดนั้นไม่ทราบแน่ชัด เนื่องจากชางหลาง เหยียนหลง และบุคคลลึกลับอีกคนหนึ่ง แม้จะถูกเรียกว่าเป็นสามนักรบราชัน แต่ในหมู่สามนักรบราชันนี้ไม่ได้มีการต่อสู้กันจริงๆ ย่อมมิอาจรู้ว่าใครแข็งแกร่งกว่าใคร
แต่เมื่อสักครู่ที่ชางหลางพุ่งมาเบื้องหน้าของตนเองด้วยความเร็วสูง ปรากฏกลิ่นอายความโหดเหี้ยมแพร่กระจายอยู่บนร่างกายสายหนึ่ง ทำให้เย่เทียนเฉินรู้ว่า หนึ่งในสามนักรบราชันของจีน ฉายานี้ได้มาอย่างไม่เสียเปล่าเลยจริงๆ คำที่เขาจะใช้ประเมินชางหลางได้มีเพียงคำว่า “แข็งแกร่งมาก” เท่านั้น
นี่ทำให้เย่เทียนเฉินต้องการสู้กับชางหลางเป็นอย่างมาก เพราะไม่เพียงแต่จะเป็นการฝึกฝนเท่านั้น บางทีอาจจะสามารถกระตุ้นพลังพิเศษภายในร่างกายให้สามารถยกระดับขึ้นไปอีกขั้นด้วย ตั้งแต่ที่ขอบเขตพลังพิเศษขึ้นไปถึงระดับจอมราชัน เย่เทียนเฉินพบว่าการยกระดับความสามารถมีความยากลำบากมากขึ้นกว่าเดิม ไม่ใช่เพียงอาศัยการต่อสู้อันยากลำบากเพียงอย่างเดียว ก็สามารถกระตุ้นพลังพิเศษได้อีกต่อไปแล้ว แต่ยังต้องการการหล่อหลอมร่างกายของตนควบคู่ไปกับการต่อสู้ภายนอกเข้าช่วยเหลือ
หากมองไปทั่วทั้งประเทศจีน จะหายอดฝีมือที่แข็งแกร่งกว่าชางหลางได้นั้นยากมาก ไม่ใช่ว่าจะไม่มี เพียงแต่หาได้ยากมากเท่านั้น ผู้แข็งแกร่งจากพรรควรยุทธโบราณ ยอดฝีมือจากโลกของผู้มีพลังพิเศษ คนเหล่านี้ต่างล่องลอยไม่มีหลักแหล่งที่แน่นอน หากต้องการหาสักคนมาฝึกมือ เกรงว่าจะไม่ง่าย
“ถ้างั้นแสดงว่าพวกคุณมาหาผมเพราะมีธุระสินะครับ? แล้วผมจะได้ประโยชน์อะไร?” เย่เทียนเฉินชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวถามด้วยรอยยิ้ม
“ขึ้นรถสิ พวกเราขึ้นไปคุยกันบนรถ” ชางหลางกรอกตาใส่เย่เทียนเฉินพลางกล่าว
เย่เทียนเฉินหัวเราะฮี่ๆ เดินตามชางหลางไปอย่างเชื่อฟัง ชางหลางกล่าวได้ไม่ผิด ตัวเย่เทียนเฉินเองนับว่าไม่มีอะไรที่ต้องการ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพ่อแม่และน้องสาวจะไม่ต้องการ พ่อยังต้องการปืนป่ายขึ้นไปให้สูงกว่านี้อีกสักหน่อย น้องสาวเองก็ต้องการเข้ามหาวิทยาลัยหลงเถิง ส่วนแม่นั้นต้องการเปิดร้านเสริมสวยเป็นของตนเองมาโดยตลอด ถึงอย่างไรชางหลางก็มีเรื่องให้ตนช่วย เช่นนั้นทำทั้งสามเรื่องนี้ไปด้วยเลยไม่ดีหรือ?
คิดถึงตรงนี้ เย่เทียนเฉินก็ยิ้มออกมาอย่างอัปลักษณ์ คิดถึงตอนที่ตนเองยกสามเรื่องนี้ขึ้นมา ชางหลางจะโกรธจนหน้าเขียวหรือไม่ จะเกิดอาการอยากอัดตนเองแรงๆ สักหน่อยหรือไม่?
เย่เทียนเฉินเข้าไปนั่งบนที่นั่งด้านหลังของรถจี๊ปทหารกับชางหลาง เถี่ยฉุยเป็นคนขับรถ ส่วนรถจี๊ปทหารอีกหลายคันที่มีทหารติดอาวุธอยู่ก็ขับตามพวกเขามาด้านหลัง คอยคุ้มครองอยู่ตลอดเวลา นับว่าฟุ่มเฟือยเป็นอย่างมาก
ฉินเทาหยวนมองชางหลางพาตัวเย่เทียนเฉินไป โกรธเสียจนกัดฟันกรอด แทบอยากจะฆ่าชางหลางและเย่เทียนเฉินให้ตายไปด้วยกันเสียเลย แต่รู้ดีว่าชางหลางพาเย่เทียนเฉินไป เรื่องราวย่อมไม่เรียบง่ายแน่นอน เขาทำได้เพียงขอให้พ่อออกหน้าให้ เนื่องจากผู้บังคัญบัญชาของชางหลางคือหยางอี้ซึ่งเป็นรองประธาณคณะกรรมาธิการทหาร เขาฉินหยวนเทายังไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะไปพูดคุยด้วยได้
“นายก็ออกมาตั้งนานขนาดนี้แล้ว ยังจะทำตัวเหลาะแหละเหมือนตอนอยู่ในกองทัพอยู่อีก” ชางหลางมองเย่เทียนเฉินที่สูบบุหรี่อยู่ด้านข้างพลางกล่าว
“พอเถอะ มีอะไรก็พูดมาเถอะครับ ผมไม่ใช่คนที่ชอบพูดจาอ้อมค้อม” เย่เทียนเฉินรู้ว่าชางหลางมาหาตนจะต้องมีธุระแน่นอน คงไม่ได้จัดกำลังทหารมาเต็มซะขนาดนี้เพื่อมาเชิญตนเขาดื่มชาหรอก!
ชางหลางมองเย่เทียนเฉินครู่หนึ่ง กล่าวตามจริง ในตอนนี้เขาประหลาดใจในตัวเย่เทียนเฉินมากขึ้นทุกวัน คนที่เคยเป็นเศษสวะไร้ค่า จู่ๆ ก็ลุกขึ้นมาตอบโต้ ขนาดฉินเทาหยวนก็ยังกล้าตบ ช่างเด็ดเดี่ยวกล้าหาญจริงๆ
“งั้นก็เอาตามที่พูดเถอะ มีภารกิจชิ้นหนึ่งที่จะให้นายไปทำให้สำเร็จ” ชางหลางเปิดปากกล่าว
“ภารกิจ? ภารกิจอะไร? ก่อนอื่นมีสามอย่างที่ผมต้องอธิบายเสียก่อน ภารกิจที่ต้องขลุกอยู่กับผู้หญิง ผมไม่รับ ผู้หญิงช่างวุ่นวายซะเหลือเกิน โดยเฉพาะผู้หญิงสวยๆ อีกอย่าง ภารกิจที่ไม่ตื่นเต้นเร้าใจ ผมก็ไม่รับนะครับ แล้วผมก็มีเงื่อนไขของผม ถ้าไม่ตกลง ผมก็ไม่ทำ”
“มีแต่คนพูดว่าเย่เทียนเฉินที่เป็นตัวตลกอันดับหนึ่งของเมืองหลวง ไม่เพียงแต่เป็นคนไม่เอาไหน แต่ยังเป็นเศษสวะอีกด้วย แต่ฉันมองว่านายฉลาดกว่าคนอื่นๆ ซะอีก” ชางหลางอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาด้วยรอยิ้ม
“พูดมาเถอะครับ ภารกิจอะไร ถ้าผมสนใจก็ยินดีกับคุณด้วย ถ้าไม่สนใจ งั้นก็คงทำใด้เพียงขอให้พวกคุณไปเชิญคนอื่นมาทำแล้ว!” เย่เทียนเฉินกล่าวอบ่างไม่ใส่ใจ
เมื่อเถี่ยฉุยที่ขับรถอยู่ข้างหน้าได้ยินคำพูดเหล่านี้ของเย่เทียนเฉินก็อยากจะอัดเขาเต็มแก่ การเป็นทหาร คำสั่งอยู่เหนือทุกสิ่ง ขอเพียงเบื้องบนมีคำสั่งลงมา ต่อให้ต้องใช้ชีวิตเข้าแลก ก็ต้องเชื่อฟังอย่างไม่มีเงื่อนไข เย่เทียนเฉินเคยเป็นทหารคนหนึ่ง แม้ว่าจะออกจากกองทัพมาแล้ว แต่ก็ควรมีอารมณ์ความรู้สึกเฉกเช่นทหาร ตอนนี้เจ้าหมอนี่มีตรงไหนกันที่เหมือนกับทหารผู้มีความเที่ยงธรรมน่าเลื่อมใส กลับกลายเป็นคนถ่อยที่วางแผนเพื่อผลประโยชน์ส่วนตนไปแล้วโดยสิ้นเชิง และยังเป็นคนประเภทชั่วช้าสามานย์เกินพิกัดอีกต่างหาก
“เรื่องนี้รับรองว่านายต้องสนใจแน่ ฉันรับประกันกับนายเลยว่าภารกิจครั้งนี้มีสาวงาม แต่ไม่ใช่ต้องไปขลุกอยู่กับเธอ แล้วก็ตื่นเต้นเร้าใจมากๆ ด้วย รับรองว่าเหมาะกับไอ้หนุ่มเลือดร้อนอย่างนาย ส่วนเงื่อนไขของนายก็บอกมาเถอะ ฉันจะลองพิจารณาดูว่าเหมาะสมหรือไม่” ชางหลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“คุณลองพูดมาก่อนเถอะ”
“ได้ ครั้งนี้พวกเรามีข้อมูลลับอย่างหนึ่งที่ต้องเอาไปแลกเปลี่ยนที่ประเทศm คนที่แลกเปลี่ยนข้อมูลกับพวกเราก็เป็นคนในกองทัพของประเทศm แม้ว่าเบื้องหน้าทุกคนจะดูกลมเกลียวสามัคคีกันดี ไม่พายอดฝีมือไปด้วย ถึงกับเซ็นสนธิสัญญาแลกเปลี่ยนสันติภาพกัน แต่พวกเราตรวจสอบพบว่า คราวนี้กองทัพประเทศm ต้องการฆ่าบุคคลที่เราส่งไปแลกเปลี่ยน และนำข้อมูลของทางฝั่งพวกเราไป” ชางหลางพยักหน้าพลางกล่าว
“ที่แท้ก็ก็อันธพาลแย่งชิงผลประโยชน์กันนี่เอง ไม่คิดเลยว่าระหว่างประเทศเองก็มีแผนชั่วแบบนี้ด้วย เบื้องหน้าผู้นำของสองประเทศจับมือพูดคุยกันอย่างยิ้มแย้ม เบื้องหลังไม่รู้ว่าฆ่าคนของประเทศผู้อื่นไปแล้วมากน้อยแค่ไหน ดำมืด ดำมืดจริงๆ เลย!” เย่เทียนเฉินกล่าวพลาแสร้งทำท่าทางประหลาดใจ
“นายมาแล้วก็ถือว่าเป็นทหารหน่วยรบพิเศษ ฉันอยากจะพูดกับนายให้เข้าใจว่า ทั้งหมดนี้ก็เพื่อความรุ่งเรื่องของประเทศชาติ เพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนให้ปลอดภัย” ชางหลางกล่าวอย่างจริงจัง
“อย่า อย่าพูดจาสูงส่งยิ่งใหญ่แบบนั้น ผมเย่เทียนเฉินเดิมทีก็ไม่ใช่คนยิ่งใหญ่อะไร บอกตามตรง ผมไม่สนใจ ลาก่อนนะครับ” เย่เทียนเฉินกล่าวพลางลุกขึ้นยืน เตรียมกระโดดลงรถไป
“เย่เทียนเฉิน นายเข้าใจไว้ซะด้วย นี่คือคำสั่ง คือภารกิจ นายเลี่ยงไม่ได้” เถี่ยฉุยมองเย่เทียนเฉินอย่างดุดันพลางกล่าว
“อยากเล่นพวกคุณก็เล่นกันไปเถอะ ผมไม่เล่นด้วย บายบาย!”
“ฉันได้ยินมาว่าครั้งนี้ประเทศmอาจจะมีสมาชิกของกองทหารรับจ้างที่แข็งแกร่งมาลงมือ มีกระทั่งผู้มีพลังพิเศษ ฉันคิดว่าถึงตอนนั้นการต่อสู้จะต้องดุเดือดแน่นอน ทุกคนต่างก็เป็นยอดฝีมือทั้งนั้น ฉันยังอยากจะไปสู้สักครั้ง เพียงแต่น่าเสียดายที่ไม่มีโอกาสนี้…” ตอนที่เย่เทียนเฉินเตรียมจะกระโดดลงจากรถ ชางหลางก็กล่าวออกมาเสียงเรียบพลางส่ายหัว
“นายพลชางผมว่านี่มันไม่ถูกต้องนะครับ มีเรื่องแบบนี้ทำไมไม่พูดออกมาเร็วๆ ล่ะ? พูดชัดๆ เลยว่าเรื่องมันเป็นยังไง ผมบอกเลยแล้วกันผมเลือกที่จะช่วยพวกคุณ ช่วงนี้ผมกำลังว่างอยู่พอดี” เย่เทียนเฉินกลับมานั่งข้างชางหลางใหม่ภายในพริบตา หัวเราะฮี่ๆ พลางกล่าวออกมา
…………………………………………………………