เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 70 เย่เทียนเฉินและฉีหรูเสวี่ยจูบกันแล้ว!
หลังจากที่หยางอี้วางโทรศัพท์ก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ยังคงรู้สึกไม่วางใจอยู่บ้าง ฉินอี้ขึ้นชื่อว่ามีอำนาจแข็งแกร่ง มิฉะนั้นคงไม่มีลูกหลานโอหังเช่นนี้หรอก ในเมื่อชางหลางรับประกันกับเขาโดยใช้ฐานะทหารของเขาเป็นสิ่งประกันแล้ว เย่เทียนเฉินจะต้องสามารถสำเร็จภารกิจได้แน่นอน เช่นนั้นในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ ตนเองก็ควรจะทำอะไรบ้าง อย่างน้อยก็ไม่ให้เรื่องของตระกูลเย่และตระกูลฉินกลายเป็นปัญหาใหญ่และส่งผลกระทบต่อเย่เทียนเฉิน กระทบต่อการทำภารกิจอันสำคัญยิ่งครั้งนี้
คิดอยู่ครู่หนึ่ง หยางอี้ก็ยกโทรศัพท์ต่อสายไปยังอีกสายหนึ่ง กล่าวเพียงว่า “ประกาศให้ผู้นำทุกคนทราบ ทำการเรียกประชุมรวม บอกว่าเกี่ยวกับปัญหาการยกระดับกำลังทหารทุกภาคส่วนในครั้งนี้”
ตามการคาดเดาของหยางอี้ ฉินอี้ต้องไปที่บ้านหลักตระกูลเย่แน่นอน เพื่อไปกดดันตระกูลเย่ ให้ตระกูลเย่ส่งตัวเย่เทียนเฉินออกมาให้เขาลงโทษตามใจ ดังนั้นเขาจึงโทรศัพท์ไปยังแผนกการประชุมให้ประกาศเรียกคนอื่นๆ มาประชุม เช่นนี้ก็จะสามารถถ่วงเวลาฉินอี้ไปได้ ส่วนเรื่องเย่เทียนเฉินและตระกูลฉินเขาไม่คิดจะสอดมือเข้าไปยุ่ง รอให้เย่เทียนเฉินทำภารกิจสำเร็จและกลับมาจากประเทศmก่อนค่อยว่ากันอีกที
ตอนที่รถของฉินอี้ใกล้จะขับไปถึงบ้านหลักตระกูลเย่ ก็ได้รับโทรศัพท์จากแผนกการประชุม บอกว่ามีการเปิดประชุมด่วน แม้ว่าฉินอี้คาดเดาได้ว่านี่จะต้องมีคนชักใยอยู่เบื้องหลัง แต่ก็ยังให้รถขับผ่านประตูบ้านหลักตระกูลเย่ไป ในสายตาของเขา ต้องการเก็บกวาดตระกูลเย่ ไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก ภายหน้ายังมีโอกาสอีกมาก มันไม่คุ้มที่ตนเองที่ดื้อดึงเช่นนี้ อีกอย่างก็ใกล้จะมีการเลือกตั้งแล้ว ถ้าหากเขาสามารถก้าวหน้าไปได้อีกขั้น หยางอี้ที่เป็นรองประธานคณะกรรมาธิการทหารก็เกรงว่าจะต้องยืนอยู่ในจุดที่เท่าเทียมกับตน
เย่เทียนเฉินในตอนนี้กำลังหาว ถือถุงพลาสติกอยู่ถุงหนึ่ง ข้างในมีกุ้งมังกรตัวใหญ่สองตัว เปิดประตูบ้านอย่างสบายใจ ไม่รู้ว่าหลัวเยี่ยนผู้เป็นแม่และเย่เฉี่ยนเหวินน้องสาวจะกลับมาจากช้อปปิ้งหรือยัง กุ้งมังกรสองตัวนี้ว่าจะให้พวกเธอกิน
“แม่ครับ น้อง ผมกลับมาแล้ว!” เย่เทียนเฉินผลักประตูใหญ่ เดินเข้าไปพลางตะโกนเสียงดัง
จนกระทั่งเย่เทียนเฉินเดินเข้าไปถึงห้องโถง ก็พลันต้องตกตะลึง พบเพียงหญิงสามคนเอนกายเปลือยเท้าอยู่บนโซฟาทั้งสามด้าน ด้านละคน ทั้งหมดต่างก็นอนหมดแรงอยู่บนโซฟา ในมือของแต่ละคนถือเครื่องดื่มดื่มกันคนละขวด บริเวณตรงกลางห้องโถงมีถุงช้อปปิ้งน้อยใหญ่วางกองไว้หลายสิบถุง เย่เทียนเฉินเห็นดังนั้นก็ตกตะลึงไปแล้ว
โบราณว่า ผู้หญิงหนึ่งคนไม่บ้าคลั่ง แต่พวกหล่อนจะบ้าคลั่งยามได้ช้อปปิ้ง เพราะว่าผู้หญิงบ้าการช้อปปิ้งโดยกำเนิด จนถึงตอนนี้ เย่เทียนเฉินเพิ่งจะเข้าใจถึงแก่นแท้ของคำโบราณประโยคนี้ ถุงช้อปปิ้งน้อยใหญ่หลายขนาดหลายสิบถุงเบื้องหน้านี้เป็นหลักฐานอย่างดีที่สุด
“พวกเธอย้ายห้างฯกลับมาไว้ที่บ้านแล้วเหรอ?”
“พี่ชาย ทำอาหารให้หน่อย หนูหิวแล้ว” เย่เฉี่ยนเหวินเรียกใช้เย่เทียนเฉิน
“อะไรกัน? เฉี่ยนเหวิน น้องถึงกับกล้าใช้พี่ชายตัวเองไปทำอาหารเชียวเหรอ ช่างไม่มีลำดับความอาวุโสเอาซะเลย อยากถูกตีก้นใช่ไหม?” เย่เทียนเฉินมองเย่เฉี่ยนเหวินน้องสาวอย่างอับจนคำพูด
“ใช่ วันนี้ผู้หญิงอย่างพวกเราสามคนเหนื่อยกันหมดแล้ว ควรให้ผู้ชายว่างๆ ทำอาหาร” ฉีหรูเสวี่ยเองก็กล่าวตามน้ำ
“เธอเป็นใครน่ะ? ที่นี่ไม่มีเรื่องอะไรของเธอ พวกเราเก็บเธอไว้ก็ดีแล้ว ยังกล้ามาชี้นิ้วสั่งฉันทำนู้นทำนี่อีก ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้วใช่ไหม?” เย่เทียนเฉินมองฉีหรูเสวี่ยอย่างไม่สบอารมณ์
“พี่คะ เป็นพี่ที่ทำไม่ถูกนะคะ หนูกับแม่และพี่สาวหรูเสวี่ย เดินช้อปทั้งวันเต็มๆ เดินจนขาแทบหัก พี่ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษสักหน่อยเถอะ เช่นทำข้าวเย็นให้กินอะไรแบบนี้?” เย่เฉี่ยนเหวินยู่ปากน่ารักๆ ของเธอ มองเย่เทียนเฉินผู้เป็นพี่ชายพลางยกยิ้มเจ้าเล่ห์
เย่เทียนเฉินกรอกตาใส่เย่เฉี่ยนเหวินน้องสาว ความคิดของเด็กคนนี้นี่ เขาจะไม่รู้ได้อย่างไร เมื่อก่อนอาหารเย็นก็ล้วนเป็นแม่และน้องสาวที่ทำ ถ้าหากคืนนี้ตนเองตอบตกลงว่าจะทำอาหารเย็น เย่เฉี่ยนเหวินก็นับว่าเป็นอิสระแล้ว
“นั่นไม่ได้หรอก พี่กินมาจากข้างนอกแล้ว!” เย่เทียนเฉินยักไหล่ กล่าวด้วยท่าทางช่วยไม่ได้
“ไม่จริงมั้ง? พี่ชาย ตอนนี้เพิ่งจะห้าโมงเย็น พี่กินข้าวเย็นไปแล้วเหรอ? ไม่อยากทำกับข้าวก็บอกมาตรงๆ สิ หาข้ออ้างมากมายไปทำไม” เย่เฉี่ยนเหวินยู่ปากน่ารักๆ ใส่เย่เทียนเฉิน
“เฉี่ยนเหวิน ใครบางคนไม่อยากทำตัวเป็นสุภาพบุรุษจึงคิดหาข้ออ้าง อย่าไปสนใจคนแบบนี้เลย ตอนมืดเดี๋ยวพี่สาวจะทำกุ้งมังกรตัวใหญ่ที่เราชอบที่สุดให้กินนะ” ฉีหรูเสวี่ยกล่าวพลางยิ้มหวานให้เย่เฉี่ยนเหวิน
“ยังเป็นพี่สาวหรูเสวี่ยที่ดีที่สุด เฮ้อ พี่ชาย หนูไม่รู้จริงๆ ว่าพี่มีดีอะไร ถึงได้ใจพี่หรูเสวี่ยไปได้ พี่สาวหรูเสวี่ยตาบอดจริงๆ…” เย่เฉี่ยนเหวินกล่าวพลางส่ายหัว ท่าทางเช่นนั้นราวกับเห็นดอกไม้งามอย่างฉีหรูเสวี่ยปักอยู่บนขี้ควายอย่างเย่เทียนเฉินจึงเกิดความรู้สึกเสียใจและปวดใจ
“ยัยเด็กคนนี้นี่ พี่เป็นพี่ชายเธอนะ มีใครเขาพูดกับพี่ชายเหมือนเธอบ้าง?” เย่เทียนเฉินกล่าวพลางมองเย่เฉี่ยนเหวินน้องสาวอย่างอับจนคำพูด
เย่เฉี่ยนเหวินทำหน้าทะเล้นใส่เย่เทียนเฉิน ฉีหรูเสวี่ยที่อยู่ข้างๆ ก็แอบยิ้ม แม้ว่าเย่เทียนเฉินจะจ้องฉีหรูเสวี่ยอย่างดุดัน แต่เขาก็ไม่อาจไม่ยอมรับว่า ผู้หญิงคนนี้งดงามจริงๆ กระทั่งตอนที่ยกยิ้มชั่วร้ายก็ยังมีเสน่ห์เช่นนั้น หากไม่คิดถึงอารมณ์ของคุณหนูใหญ่อย่างฉีหรูเสวี่ยคนนี้ ความไม่น่าเชื่อถือ และความเป็นคุณหนูสูงศักดิ์แห่งตระกูลฉี เย่เทียนเฉินก็อาจจะตกหลุมรักเธอเข้าจริงๆ ก็ได้
“เธอยิ้มอะไรของเธอ กินข้าวบ้านฉัน อาศัยอยู่ที่บ้านฉัน รีบไปทำอาหารเร็วเข้า” เย่เทียนเฉินมองฉีหรูเสวี่ยครู่หนึ่งพลางกล่าว
ฉีหรูเสวี่ยเองก็ไม่รู้ว่าทำไม ทุกครั้งที่เป็นท่าทางกลัดกลุ้มหาที่เปรียบของเย่เทียนเฉิน เธอถึงได้รู้สึกดีมาก ขอเพียงสามารถแกล้งเจ้าคนชั่วนี่ได้ เธอก็เบิกบานใจมากกว่าอะไรทั้งนั้น ตอนนี้ได้ยินคำพูดของเย่เทียนนฉิน เธอไม่เพียงไม่โกรธ แต่กลับเม้มริมฝีปากอย่างเซ็กซี่ เปิดปากกล่าวอย่างมีชีวิตชีวาว่า “งั้นก็ต้องขอโทษด้วยแล้วกัน ถ้าหากว่าฉันทำอาหาร ก็ไม่มีส่วนของนาย ไม่ใช่ว่านายไม่ชอบอาหารที่ฉันทำหรอกเหรอ? ฉันจำได้ ไม่รู้ว่าใครที่แอบกินกุ้งมังกรที่ฉันทำ แล้วก็ไม่รู้ว่าใครแอบกินผลไม้ในตู้เย็น วิ่งเข้าห้องน้ำทั้งคืน…”
“ฉีหรูเสวี่ย เธอกล้าวางแผนใส่ฉัน ฉันจะเอาคืนแน่” เย่เทียนเฉินคำรามด้วยความโมโหเล็กน้อย
“ชิ ด้วยไอคิวของนายนี่ จะทำได้เหรอ?” ฉีหรูเสวี่ยแลบลิ้นใส่เย่เทียนเฉิน ใช้สายตาเหยียดหยามอย่างยิ่งมองเย่เทียนเฉินพลางกล่าว
“พอแล้ว พอแล้ว ลูกสองคนอย่าเถียงกันอีกเลย พักสักหน่อยค่อยทำอาหารเถอะ ยังไงก็ไม่รีบ”
หลัวเยี่ยนผู้เป็นแม่เห็นเย่เทียนเฉินลูกชายและฉีหรูเสวี่ยเถียงกันไปมาคนละหนึ่งประโยค ไม่มีใครยอมลงให้กัน ราวกับคู่รักคู่ศัตรูก็มิปาน นี่เป็นการมองอยู่ที่ตา สุขอยู่ที่ใจ อีกทั้งแต่ไหนแต่ไรมา การกระทำของฉีหรูเสวี่ยตอนที่อยู่บ้านตระกูลเย่ก็ล้วนแต่ไม่เลวเลย เบื้องหน้ารับแขก เบื้องหลังเข้าครัว หญิงสาวที่ดีงามเช่นนี้ หายากมากในสังคมปัจจุบัน อีกทั้งฉีหรูเสวี่ยยังเป็นคุณหนูสูงศักดิ์ สามารถทำได้ถึงระดับนี้ จะมากน้อยก็ทำให้หลัวเยี่ยนรู้สึกซาบซึ้งแล้ว คิดว่หากลูกชายของตนเย่เทียนเฉิน สามารถแต่งฉีหรูเสวี่ยเข้าบ้านได้จริงๆ ก็นับว่าเป็นศิริมงคงแล้ว
“นั่นมันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว แม่ครับ น้องครับ นี่เป็นกุ้งมังกรที่วันนี้พี่ชายสั่งกลับมาให้ ยังร้อนๆ อยู่เลย กินตอนนี้เลยเถอะ รีบๆ กินให้อร่อยเถอะ!” เย่เทียนเฉินกรอกตาใส่ฉีหรูเสวี่ย ชูถุงพลาสติกในมือขึ้นพลางกล่าว
“ว้าว กุ้งมังกร ดูท่าทางไม่เลวเลย พี่ชาย เอามาให้หนูตัวหนึ่ง หนูจะกินตอนนี้เลย…” เย่เฉี่ยนเหวินหิวจนท้องร้องโครกครากตั้งนานแล้ว เห็นกุ้งมังกรในถุงพลาสติกที่เย่เทียนเฉินผู้เป็นพี่ถือมา ก็รีบยื่นมือไปคว้า ไหนเลยจะรู้ว่าเย่เทียนเฉินจะรีบเอาไปหลบ ไม่ยอมให้เย่เฉี่ยนเหวิน
เย่เทียนเฉินยกยิ้มชั่วร้าย มองเย่เฉี่ยนเหวินผู้เป็นน้องพลางกล่าวว่า “ยัยคนทรยศ พี่เป็นพี่ชายของเธอ นี่แค่ไม่กี่วัน ก็รวมหัวกับคนนอกต่อต้านพี่ชายซะแล้ว ยังคิดจะกินกุ้งมังกรอีก ไม่ได้หรอกนะ”
“ไอหยา คุณพี่ชาย หนูหิวมากจริงๆ นะคะ พี่อย่าขี้งกเลย โอเคไหม อย่าคิดเล็กคิดน้อยกับน้องสาวเลยน่า” เย่เฉี่ยนเหวินกล่าวพลางหัวเราะฮี่ๆ
“เฉี่ยนเหวิน เดี๋ยวพี่สาวจะทำอาหารอร่อยกว่านี้ให้กิน อร่อยกว่ากุ้งมังกรอีก เธอทนหหน่อยนะ อย่าไปขอร้องเจ้าคนชั่วนั่นเลย” ฉีหรูเสวี่ยรู้ว่าเย่เทียนเฉินกำลังพูดถึงตนเองก็กล่าวออกมาพลางจจ้อไปยังเย่เทียนเฉิน
“งั้นเหรอ? กุ้งมังกรนี่ทำโดยร้านอาหารทะเลที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง รสชาตินั้น สัมผัสในปากนั้น เป็นชั้นหนึ่งในจีนอย่างแท้จริง กลัวก็แต่ว่าต่อให้ฝีมือทำครัวของใครบางคนดียิ่งกว่านี้ ก็คงทำออกมาไม่ได้หรอก” เย่เทียนเฉินมองฉีหรูเสวี่ยอย่างไม่แยแสพลางกล่าว
“เย่เทียนเฉิน นายแอบกินกุ้งมังกรที่ฉันทำ แล้วยังแอบกินผลไม้ในจานที่ฉันใส่ไว้ในตู้เย็นอีก คุณหนูคนนี้ยังไม่ได้คิดบัญชีกับนายเลย…” ฉีหรูเสวี่ยยู่ปากอันน่ารัก คำรามใส่เย่เทียนเฉินด้วยเสียงอันดัง
พอพูดถึงผลไม้จานนั้นที่ทำให้เย่เทียนเฉินท้องเสียทั้งวันทั้งคืน เย่เทียนเฉินก็พลันจุดไฟแห่งความโกรธขึ้น โยนถุงพลาสติกที่ใส่กุ้งมังกรสองตัวลงไปบนโต๊ะชา เย่เทียนเฉินเดินไปเบื้องหน้าฉีหรูเสวี่ย กล่าวอย่างดุดันว่า “เธอใส่ผงสลอดเอาไว้ในผลไม้จานนั้น แอบวางแผนร้ายใส่พี่ชายสุดหล่อคนนี้ พี่ชายสุดหล่อยังไม่ได้คิดบัญชีกับเธอเลย นับว่าเกรงใจเธอแล้ว เธอยังจะคิดบัญชีกับฉฉัอีก มีตรรกะแบบนี้ที่ไหนกัน?”
เห็นเย่เทียนเฉินพุ่งเข้ามาเบื้องหน้าของตนเองด้วยท่าทางดุดันพลางมองลงมาจากมุมสูง ฉีหรูเสวี่ยก็รีบลุกขึ้นจากโซฟา เรียวขาอันงดงามพลันโผล่ออกมาให้เห็น โดยเฉพาะยอดเขาทั้งสองอันตั้งตระหง่าน ราวกับกระต่ายขาวตัวน้อยสองตัวโผล่ออกมาทักทาย กระเพื่อมขึ้นลงไปตามจังหวะการหายใจ
“ตลกน่า นั่นมันนายที่หาเรื่องใส่ตัวเอง แอบกินอาหารที่ฉันทำเป็นเหตุ ไม่เกี่ยวกับฉันเลยสักนิด ฉันไม่ให้นายชดใช้กุ้งมังกรและผลไม้ในจานก็ดีแล้ว อีกอย่างกล้ามาดูถูกคุณหนูคนนี้ มีความผิดใหญ่หลวง”
ฉีหรูเสวี่ยเองก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้ แม้ว่าเธอจะไม่ได้สูงไปกว่าเย่เทียนเฉิน แต่ก็มีร่างกายอันงดงามที่สูงถึงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบห้าเซ็นติเมตรโดยประมาณ เธอเขย่งเท้าอย่างน่ารักพลางเงยหน้ามองเย่เทียนเฉินด้วยความโมโห
โดยที่ไม่รู้ตัว ระยะห่างระหว่างเย่เทียนเฉินและฉีหรูเสวี่ยก็ใกล้เข้ามา ทั้งสองต่างก็ไม่ได้รู้สึกตัว ริมฝีปากของทั้งสองห่างกันไม่ถึงห้าเซ็นติเมตร ขอเพียงแค่มีใครสักคนเดินหน้าหนึ่งก้าวก็จะสัมผัสกันแล้ว
ไม่รู้จริงๆ ว่าเย่เฉี่ยนเหวินจงใจ หรือเป็นชะตาลิขิต ในตอนนี้เองเธอก็ตะโกนออกมาว่า “มีแมลงสาบ!”
“อ๊ะ…”
ฉีหรูเสวี่ยกรีดร้องออกมาด้วยใบหน้าซีดขาว พลันโถมตัวเข้าหาเย่เทียนเฉิน ริมฝีปากของทั้งสองจึงสัมผัสกัน…
……………………………………………………….