เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 76 คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเธอ?
“แม่ ผมไปต่างประเทศ ไปเที่ยวที่ปะเทศmนะครับ ไม่ต้องเป็นห่วง กลับมาจะเอาของขวัญมาฝากแม่นะครับ” เย่เทียนเฉินนำกระดาษโน๊ตที่เขียนคำเหล่านี้แปะไว้ที่ประตูห้องนอนของหลัวเยี่ยนผู้เป็นแม่
“เฉี่ยนเหวิน อย่าเอาแต่ขลุกอยู่กับยัยผู้หญิงคนนั้นทั้งวัน ตั้งใจเรียนให้ดี อนาคตจะได้ก้าวไกล ส่วนเรื่องความรักที่โรงเรียนของน้อง พี่ชายตรวจสอบอย่างใกล้ชิด ระวังไว้ล่ะพี่จะฟ้องแม่ ฮ่าๆๆๆ…” กระดาษโน๊ตแผ่นนี้ ติดไว้ที่ประตูห้องนอนของเย่เฉี่ยนเหวิน เย่เทียนเฉินจากมาด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
ตอนที่เย่เทียนเฉินถือถังน้ำ ในมือถือกระดาษโน๊ตแผ่นที่เหลือเดินไปยังประตูห้องนอนของฉีหรูเสวี่ย เขาก็ยิ้มจนหุบไม่ลง ก่อนจะไปต่างประเทศ นี่คือการแก้แค้นฉีหรูเสวี่ยที่ทำให้ตนต้องท้องเสียทั้งวันทั้งคืน
เขานำถังน้ำไปวางไว้เหนือประตูห้องที่ฉีหรูเสวี่ยอาศัยอยู่ ขอเพียงฉีหรูเสวี่ยเปิดประตูออกมา ก็จะถูกน้ำจนเปียกเป็นลูกหมาตกน้ำ ในขณะเดียวกันก็นำกระดาษน๊ตนั้นแปะไว้ที่ประตูห้องของเธอ เนื้อหาข้างบนเรียบง่ายมาก “ฉีหรูเสวี่ย ลูกหมาตกน้ำ รู้ไว้ซะว่าพี่ชายสุดหล่อคนนี้ก็ไม่ได้รังแกง่ายๆ…”
นอกจากเขียนประโยคนี้ให้ฉีหรูเสวี่ยแล้ว ที่ส่วนท้ายของกระดาษโน๊ต ยังมีรูปหน้าแลบลิ้นปริ้นตาอยู่รูปหนึ่งด้วย แสดงให้เห็นว่าแม้ตนเองเย่เทียนเฉินจะออกนอกประเทศไปแล้ว แต่เขาก็คล้ายกับเห็นฉีหรูเสวี่ยถูกน้ำจนเปียกเป็นลูกหมาตกน้ำ และกำลังหัวเราะเยาะเธออยู่
ก็เหมือนกับที่ชางหลางพูด เย่เทียนเฉินเป็นผู้ชายที่นิสัยเหมือนกับเทพแห่งความตาย และก็เหมือนกับอันธพาล เป็นคนประเภทที่ตอนจริงจังก็พาลเพโลหาที่เปรียบ กล้าหาญโหดเหี้ยม ตอนนี้นึกสนุกขึ้นมา ก็สามารถเอะอะกลั่นแกล้งเล่นงานได้ แน่นอนว่านี่ต้องดูด้วยว่าใคร กับศัตรู เย่เทียนเฉินย่อมปราบปรามอย่างโหดเหี้ยม สำหรับญาติมิตร เขาก็จะหยอกล้อบ้างเป็นบางครั้ง ชีวิตคนเราต้องปรับไปได้ทุกด้าน
หลังจากทำเรื่องพวกนี้เสร็จแล้ว เย่เทียนเฉินเปิดประตูใหญ่ของคฤหาสน์ บิดขี้เกียจครั้งหนึ่งแล้วจึงจากไป หลังจากเดินออกจากเขตคฤหาสน์แล้วก็เรียกรถแท็กซี่คันหนึ่ง มุ่งหน้าไปยังสนามบินนานาชาติแห่เมืองหลวง ดูเวลาก็เกือบจะเจ็ดโมงแล้ว ไม่รู้ว่าครั้งนี้คนที่ชางหลางให้คุ้มครองไปประเทศmเพื่อทำการแลกเปลี่ยนข้อมูลลับจะเป็นใคร?
ตอนที่เย่เทียนเฉินไปถึงสนามบินนานาชาติแห่งเมืองหลวง พบว่าภายในสนามบินมีคนมากมายราวคลื่นมนุษย์แล้ว หยิบบัตรผ่านที่ชางหลางให้ตนไว้ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ เย่เทียนเฉินเดินมุ่งหน้าตรงไปยังทางผ่านพิเศษของสนามบิน
“คุณผู้ชายครับ ตรงนี้ไม่สามารถเข้าไปได้ รบกวนคุณ…” ชายผู้เป็นพนักงานต้อนรับในสนามบินคนหนึ่งขวางเย่เทียนเฉินไว้ เพียงแต่น่าเสียดายที่คำพูดของเขายังไม่ทันพูดจบก็ต้องหุบปากลง ไปยืนอยู่ข้างหนึ่ง ผายมือทำท่าเชิญให้เข้าไป
“ของเล่นชิ้นนี้เจ๋งจริง!
เย่เทียนเฉินมองบัตรผ่านสีแดงในมือใบนั้น กล่าวไปพลางเดินผ่านทางพิเศษไปพลางอย่างรวดเร็ว
เฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งที่มีใบอนุญาตบินระหว่างประเทศจอดอยู่ภายในสนามบินอันกว้างใหญ่ เย่เทียนเฉินมองครู่หนึ่งแล้วจึงเดินไปทางนั้น เขาคิดไม่ถึงว่าการคุ้มครองคนไปยังประเทศmครั้งนี้ จะถึงกับมีเฮลิคอปเตอร์พิเศษให้นั่ง การรับรองนี้ช่างไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
เพิ่งจะเดินไปถึงบริเวณที่ห่างจากเฮลิคอปเตอร์ไม่ถึงสองเมตร ปากกระบอกปืนของปืนกลมือของกระบอกก็เล็กมาทางเย่เทียนเฉิน นายทหารสองคนที่สวมชุดทหารอย่างเรียบร้อยสองคน ใบหน้าเข้มวดและตื่นตัวมองมาทางเย่เทียนเฉินพลางเดินเข้ามา
“หยุด กรุณาหยุดเดินด้วยครับ ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่คุณจะมาได้” นายทหารถือปืนคนหนึ่งเปิดปากกล่าว
“นี่ สหายทั้งสอง ผมเป็นคนสำคัญในครั้งนี้เชียวนะครับ ถ้าไม่มีผม เกรงว่าเฮลิคอปเตอร์ของพวกคุณคงไม่ได้ขึ้นบินแน่ๆ” เย่เทียนเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ขออภัยครับ นี่คือเครื่องบินพิเศษ บุคคลไม่เกี่ยวข้องไม่อนุญาตให้ขึ้นเครื่อง” นายทหารอีกคนหนึ่งก็กล่าวอย่างเข้มงวด
เย่เทียนเฉินอับจนคำพูดจริงๆ ตนเองมาเพื่อคุ้มครองบุคคลากรทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่จะไปยังประเทศm ชางหลางตอบรับเงื่อไขสามข้อของตนอย่างไม่เสียดาย แล้วยังให้เงินตนเองมาสิบล้าน นี่ถึงทำให้เขาตอบตกลง เดิมทียังคิดว่าในเมื่อตอบรับชางหลางแล้ว ไม่ว่าจะอย่างไนก็ต้องสำเร็จภารกิจให้ได้ ไหนเลยจะรู้ว่ากระทั่งการขึ้นเครื่องก็ยังถูกสกัดกั้น ทำให้เย่เทียนเฉินรู้สึกไม่พอใจไม่มากก็น้อย
“ให้เข้าเข้ามาเถอะ!”
ตอนที่เย่เทียนเฉินเตรียมตัวที่จะเจรจากับนายทหารสองคนนี้ ก็มีเสียงของผู้หญิงหวานๆ เสียงหนึ่งดังขึ้นจากในเครื่อง นายทหารสองคนได้ยินเสียงของผู้หญิงในเครื่อง ก็เก็บปืนกลับไป แล้วยืนตรงอยู่สองฝั่
“ถูกแล้วล่ะ ผมจะบอกหัวหน้าของพวกคุณให้ขึ้นเงินเดือนให้พวกคุณสองคนนะ” เย่เทียนเฉินกล่าวยิ้มๆ พลางเข้าไปในเฮลิคอปเตอร์
เมื่อได้ยินคำพูดประโยคนี้ของเย่เทียนเฉิน นายทหารถือปืนสองคนก็พลันสีหน้ามือครึ้มขึ้นมา ในใจคิดว่าเจ้าคนเหลาะแหละไม่จริงจังคนนี้เป็นใครกัน? คงไม่ใช่ว่าเป็นไพ่ใบสำคัญที่เล่าลือกันว่าจะมาคุ้มครองบุคลลากรไปแลกเปลี่ยนข้อมูลลับที่ประเทศmในครั้งนี้หรอกนะ? ช่างทำให้ผู้คนไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ
ณ เวลานี้ เย่เทียนเฉินขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไป บริเวณไม่ไกลกันนั้น มีรถจี๊ปทหารจอดอยู่ตรงนั้นคันหนึ่ง คนที่นั่งอยู่ที่นั่งด้านหลังของรถจี๊ปทหาร ก็คือเหนียนหลงซึ่งเป็นหัวหน้ากองทัพเหยี่ยวที่แข็งแกร่งที่สุดในจีน ที่ยืนอยู่ข้างรถของเขาก็คือเจียงเหมิงและเฟยอวิ๋น
“หัวหน้าเหยียน นายพลชางให้เย่เทียนเฉินมาเป็นกำลังสำคัญในครั้งนี้จริงๆ ไม่ผิดจากที่คุณคาดเดาเลยนะครับ!” เจียงเหมิงมองเงาหลังของเย่เทียนเฉินพลางกล่าว
“คนคนนี้เป็นคนที่ช่วงนี้เป็นข่าวมาก ขนาดฉินเหิงก็ยังกล้าไปอัด โหดจริงๆ!” เฟยอวิ๋นเองก็กล่าวด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
หลังจากที่เย่เทียนเฉินกลับมาที่เมือง ทุกเรื่องที่ทำ ล้วนแต่สั่นสะเทือนเมืองหลวงจนมาถึงหูของคนกลุ่มนี้ ดังนั้นหัวข้อสนทนาของทั่วทั้งเมืองหลวงต่างก็เกี่ยวกับเขา เศษสวะและลูกหลานไม่เอาไหนของตระกูลเย่ที่เคยเป็นเรื่องขำขันไปทั่วทั้งเมืองหลวง ดูเหมือนทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความรู้สึกหนึ่งที่โผล่ขึ้นมาอย่างฉับพลัน มีความรู้สึกกดข่มตระกูลใหญ่และอำนาจใหญ่ในเมืองหลวงจนหายใจไม่สะดวก
“เฮอะ ชางหลางวางเดิมพันหมดหน้าตักไปที่เย่เทียนเฉิน เพียงแต่ไม่รู้ว่าเจ้าหนูนี่จะมีชีวิตกลับมาไหม” เหยียนหลงสบบถครั้งหนึ่งพลางกล่าว
เหยียนหลงไม่ได้มีความไม่พอใจต่อเย่เทียนเฉินมากมายอะไร เพียงแต่ว่าแต่ไหนแต่ไรเขากับชางหลางก็เป็นดั่งศัตรูคู่แข่งกัน ชางหลางควบคุมหน่วยมังกรฟ้า เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของกองทหารองครักษ์แห่งเมืองหลวง ส่วนเขาเหยียนหลงควบคุมกองทหารที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองหลวง ทั้งคู่ต่างก็เป็นหนึ่งในสามนักรบราชันของจีน แข่งขันกันมาร่วมสิบปีแล้ว ถ้าหากทั้งคู่ไม่พิจารณาถึงตำแหน่งฐานะของแต่ละคน เกรงว่าจะสู้กันไปนานแล้ว เพื่อหาว่าใครเก่งกว่ากัน
ยังมีสาเหตุสำคัญอีกหนึ่งอย่างที่ทำให้ชางหลางกับเหยียนหลงไม่ได้ต่อสู้กัน นั่นก็คือนักรบราชันคนที่สาม คนคนนี้ลึกลับเป็นอย่างยิ่ง ขนาดเหยียนหลงและชางหลางก็เพียงแค่เคยได้ยืชินชื่อของเขามาเท่านั้น ไม่เคยพบตัวคน อีกทั้งตามคำบอกเล่า อายุของนักรบราชันคนที่สามก็เพียงยี่สิบกว่าปีเท่านั้น อายุอ่อนกว่าชางหลางและเหยียนหลงไม่น้อย นี่ก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนต้องสั่นสะท้าน
จินตนาการได้เลยว่า วัยรุ่นอายุยี่สิบกว่าปีคนหนึ่ง ได้กลายเป็นหนึ่งในสามราชันนักรบของจีน ความสามารถของเขาเพียงพอที่จะนำมาพูดได้พร้อมๆ กับชางหลางและเหยียนหลง นี่ทำให้ผู้คนต้องตกตะลึงมากมายขนาดไหนกัน อีกอย่างความลึกลับของนับรบราชันคนที่สามนั้นเถึงขั้นสุดไปแล้วโดยสิ้นเชิง ตกลงเป็นใครกันแน่ ไม่มีใครที่รู้ เขาหายไปหลายปี ไม่รู้ว่าไปที่ไหน
“หัวหน้าเหยียน ครั้งนี้ได้ยินว่าทางรัฐบาลของประเทศm แอบว่าจ้างกลุ่มทหารรับจ้าง ถึงขั้นอาจจะมียอดฝีมือของหน่วยพลังพิเศษเฉพาะกิจลงมือ กลัวก็แต่ว่าแค่พวกเราสามคน จะรับประกันไม่ได้ว่าจะสำเร็จภารกิจ” เจียงเหมิงกล่าวอย่างกังวล
“นี่ไม่ต้องให้พวกนายมาเป็นห่วงหรอก พวกเรากองทัพเหยี่ยวครั้งนี้เบื้องบนแนะนำมาว่า แค่ช่วยเย่เทียนเฉินให้สำเร็จภารกิจก็พอแล้ว ภาระหน้าที่ที่สำคัญอยู่ที่เย่เทียนเฉิน เกิดปัญหาอะไรก็ให้ชางหลางรับผิดชอบ แต่ที่ฉันอยากจะบอกพวกนายสองคนก็คือ อย่าทำให้กองทัพเหยี่ยวของพวกเราต้องขายหน้า ถ้าหากพวกนายสามารถทำภารกิจให้สำเร็จได้ ฉันอยากจะเห็นจริงๆ ว่าชางหลางจะพูดอะไร” เหยียนหลงกล่าวเสียงเข้ม
พอคิดถึงวันนั้นต่อหนน้าผู้นำระดับสูง ชางหลางกับตนเองแย่งกันเป็นผู้รับผิดชอบหลักของภารกิจในครั้งนี้ สุดท้านผู้นำให้อำนาจรับผิดชอบแก่ชางหลาง ท่าทางลำพองใจของชางหลางนั้น ทำให้เหยียนหลงโกรธจนหูดับตับไหม้
เกี่ยวกับภารกิจลับในครั้งนี้ เหยียนหลงและชางหลางแย่งชิงกันมานานแล้ว เนื่องจากเกี่ยวพันว่าจะสามารถยกระดับกำลังทางการทหารทั้งหมดของจีนได้หรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นเพราะความรู้สึกเป็นเกียรติ์ หรือว่าผลงานใหญ่ หรือเป็นเพราะเหยียนหลงและชางหลางทนดูกันไม่ได้ ล้วนไม่อยากให้อีกฝ่ายผ่านไปได้ด้วยดี แต่ทั้งคู่กลับใส่ใจภารกิจลับในครั้งนี้เป็นอย่างมาก
“ครับหัวหน้าเหยียน พวกเราจะพยายามสำเร็จภารกิจนี้ให้ได้อย่างแน่นอน” เฟยอวิ๋นกล่าวอย่างจริงจัง
เหยียนหลงพยักหน้าสุดท้ายจึงมองไปยังเฮลิคอปเตอร์ที่อยู่ไม่ไกลแล้วกล่าวว่า “พวกนายรีบไปเถอะ ใกล้จะขึ้นบินแล้ว อีกอย่างถ้าหากว่ามีโอกาส ก็ทดสอบความสามารถของเย่เทียนเฉินดูสักหน่อย ฉันรู้สึกว่าคนคนนี้นับวันยิ่งไม่อาจคาดเดาได้”
“ครับผม!”
ท่ามกลางความประหลาดใจ เจียงเหมิองและเฟยอวิ๋นก็เดินไปยังเฮลิคอปเตอร์นานาชาติ ในใจของพวกเขาตกตะลึงอยู่บ้าง และรู้สึกไม่ยอมรับ เย่เทียนเฉินปีนี้อายุไม่ถึงยี่สิบปี ยังเด็กกว่าพวกเขาสองคนเล็กน้อย ถึงกับมีความสามารถเช่นนี้ กระทั่งหัวหน้าเหยียนหลงที่เป็นหนึ่งในสามราชันนักรบของจีนก็มองเย่เทียนเฉินในมุมมองใหม่ที่ดี บอกว่าความสามารถของเขาลึกล้ำมิอาจหยั่ง
ต้องทราบว่า ต่อให้กับชางหลาง เหยียนหลงก็ไม่เคยเก็บมาใส่ใจ ได้ยินเหยียนหลงประเมินคนคนหนึ่งเช่นนี้ เจียงเหมิงและเฟยอวิ๋นเพิ่งจะเคยได้ยินเป็นครั้งแรก
อีกทั้งในใจของเจียงเหมิงและเฟยอวิ๋น แม้ว่าจะประหลาดใจกับฝีมือของเย่เทียนเฉินอยู่บ้าง แต่ในความคิดของพวกเขา ต่อให้เย่เทียนเฉินร้ายกาจยิ่งกว่านี้ เกรงว่าก็ไม่ใช่คู่มือของพวกเขา อย่างน้อยในหมู่พวกเขาสองคน ใครสักคนลงมือเต็มกำลัง ล้วนเพียงพอที่จะโจมตีเย่เทียนเฉินจนพ่ายแพ้ หากมีโอกาส พวกเขาก็จะไม่เกรงใจ จะต้องลงมือแน่นอน ทำให้เย่เทียนเฉินรูถึงความร้ายกาจของกองทัพเหยี่ยว
ในขณะเดียวกัน เย่เทียนเฉินที่เข้าไปถึงด้านในของเฮลิคอปเตอร์นานาชาติแล้วก็พลันตกตะลึงและมองผู้หญิงด้านหน้าอย่างอับจนคำพูด เกิดความรู้สึกอยากอัดชางหลางแรงๆ สักยกปะทุขึ้นมา เกรงว่าในโลกแห่งนี้ ผู้หญิงที่สามารถทำให้เย่เทียนเฉินโกรธได้ จะมีเพียงเธอเท่านั้น อีกทั้งสิ่งที่ไม่ว่าใครก็คิดไม่ถึงก็คือ ผู้หญิงที่เย่เทียนเฉินต้องปกป้องถึงกับเป็นเธอ
“โทษที ฉันขึ้นเครื่องผิด!” เย่เทียนเฉินกล่าวอย่างเย็นชาพลันเดินไปยังประตูเครื่อง
“หยุดนะ! เย่เทียนเฉิน นายเจ้าคนชั่ว เจ้าผู้ชายที่กล้าทำไม่กล้ารับ แอบดูฉันอาบน้ำ ฉันยังไม่คิดเล็กคิดน้อยกับนายก็แล้วไปเถอะ ครั้งนี้ถ้าหากไม่ใช่ว่าทำเพื่อชาติ ฉันก็ไม่อยากเจอหน้านายหรอก กระทั่งความรับผิดชอบในหน้าที่นายก็ไม่มีรึไง?” หญิงคนนั้นยืนขึ้น มองเย่เทียนเฉินอย่างโกรธเคืองพลางคำรามออกมา
…………………………………………………..