เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 81 ก้นของหลิ่วหรูเหมยเล็ก?
เย่เทียนนเฉินเดิมทีไม่ได้สนใจหลิ่วหรูเหมยและคนอื่นๆ เดินไปด้านหน้าสุดด้วยตัวเอง พลางเข้าไปข้างในรถซีดานสีดำคันหนึ่ง เขาไม่อยากนอนแล้วเนืองจากนอนบนเฮลิคอปเตอร์มาสิบกว่าชั่วโมง นอนจนพอไปตั้งนานแล้ว ตอนนี้เขาหิวแล้ว
“หย่งชุนไท่ คุณหนู!” ชายวัยกลางคนผู้มีรอยแผลเป็นจากมีดตำโกนทำความเคาร
“อืม หลิวอวี่ ลำบากพวกนายแล้ว พวกเรากลับคฤหาสน์กันก่อนเถอะ การเดินทางทั้งหมดจัดการเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?” หลิ่วหรูเหมยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“จัดการเรียบร้อยหมแล้วครับ คุณหนูโปรดวางใจ ไม่มีปัญหาแน่นอนครับ!” หลิวอวี่พยักหน้ากล่า
หย่งชุนไท่มองไปรอบๆ ทุกที่มีแต่หญ้า เมื่อมีลมหนาวพัดมา ก็สามารถกวาดลู่ไปลงได้ ที่เจียงเหมิงและเฟยอวิ๋นกังวลนั้นไม่ใช่ว่ามีเหตุผล ถ้าหากว่ามีศัตรูสะกดรอยตามมาถึงที่นี่และซุ่มโจมตีจริงๆ จะไม่มีแม้กระทั่งสถานที่ให้หลบ ต่อให้คุณแข็งแกร่งมากกว่านี้ ก็ถูกยิงจนพรุนได้
ตอนนี้เอง เจียงเหมิงและเฟยอวิ๋นที่ตามหลังหยงชุนไท่และหลิ่วหรูเหมย ตอนที่พวกเขาได้เห็นหลิวอวี่ก็ตกตะลึงใจใน ตอนที่ได้ยินชื่อ “หลิวอวี่” นี้ ก็ยิ่งตะลึงจนลิ้นแข็ง
เจียงเหมิงและเฟยอวิ๋นมีฐานะเป็นสมาชิกหัวกะทิของกองทัพเหยี่ยว แน่นอนว่าย่อมรู้เรื่องที่เป็นความลับซึ่งคนทั่วไปไม่รู้มากมาย ในประเทศจีนมีองค์กรทหารรับจ้างน้อยมาก องค์กรทหารรับจ้างเพียงหนึ่งเดียวที่เคยปรากฏมีชื่อว่า “สังหาร” ผู้ก่อตั้งก็คือคนที่ชื่อว่าหลิวอวี่ เคยเป็นที่ครึกโครมไม่น้อยในทั้งโลกเบื้องหน้าและโลกเบื้องหลังของจีนกระทั่งทำให้เหยียนหลงและชางหลางสองราชันนักรบของจีนต้องตระหนกมาแล้ว จนพวกเขาเกือบจะลงมือทำลายล้างกลุ่มทหารรับจ้างสังหาร
ภายหลัง ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด กลุ่มทหารรับจ้างสังหารจึงแตก สุดท้ายหัวหน้าของกลุ่มพวกเขาหลิวอวี่ ยอดฝีมือซึ่งมีข่าวลือว่ามีฝีมือแข็งแกร่งเพียงพอที่จะต่อกรกับเหยียนหลงและชางหลางก็ไม่ปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณะอีก หลายปีผ่านไปมีอำนาจใหญ่บางกลุ่ม ต้องการหาตัวหลิวอวี่และพยายามดึงมาเป็นพวกโดยการใช้ทุกวิถีทาง แต่ก็มิอาจตามหาข่าวคราวของเขาได้
ตามที่เจียงเหมิงและเฟยอวิ๋นทราบมา หลิวอวี่เป็นชายชาวจีนที่มีรูปร่างสูงใหญ่ เมื่อก่อนเป็นศิษย์เส้าหลิน มีพลังภายในค่อนข้างแข็งแกร่ง หลังจากที่เข้ากองทัพ ไม่อาจทนกับการคอรัปชั่นของผู้บังคัญบัญชาได้ จึงลงมือกับเขา อาชีพทหารของหลิวอวี่จึงเดินมาถึงจุดสิ้นสุด ตอนนี้นหน่วยมังกรฟ้าและกองทัพเหยี่ยวต่างก็เสนอมิตรภาพให้แก่หลิวอวี่ แต่กลับถูกหลิวอวี่ปฏิเสธ เขาสร้างกลุ่มทหารรับจ้างสังหารของตัวเอง รวบรวมทหารหน่วยรบพิเศษที่ปลดประจำการ โลดแล่นอยู่ในโลกเบื้องหน้าเบื้องหลัง มีชื่อเสียงชั่วระยะเวลาหนึ่ง
เอกลักษณ์ที่โดดเด่นที่สุดของหลิวอวี่ก็คือรอยแผลเป็นจากมีดบนใบหน้ารอยนั้นที่พาดจากหางตาซ้ายลงมาถึงขากรรไกร นี่เปรียบดังเครื่องบ่งบอกตัวตนของเขา
“คุณ คุณก็คือหลิวอวี่?” เจียงเหมิงถามอย่างตกใจและเคาร
“ฮ่าๆ ไม่ผิด” หลิวอวี่กล่าวด้วยรอยยิ้
“คุณ…คุณคือหลิวอวี่คนนั้นที่ก่อตั้งกลุ่มทหารรับจ้างสังหารเมื่อปี่นั้นและหายไปหรือครับ?” เฟยอวิ๋นเองก็ถามอย่างตกตะลึง
“นั่นมันเรื่องที่ผ่านมาแล้วทั้งนั้น ได้ยินว่าพวกคุณสองคนมาจากกองทัพเหยี่ยว มียอดฝีมืออย่างพวกคุณสองคนคอยคุ้มครอง เชื่อว่าคุณหนูจะต้องทำภารกิจสำเร็จได้อย่างราบรื่นแน่นอน” หลิวอวี่เปิดปากกล่าว
แม้ว่าหลิวอวี่จะไม่ได้ยอมรับตรงๆ แต่ว่าก็ไม่ต่างอะไรกับการยอมรับ คำตอบของเขา ทำให้เจียงเหมิงและเฟยอวิ๋นตกตะลึงจนปากอ้าตาค้าง ชื่อหลิวอวี่นี้เป็นดั่งลายเส้นที่เข้มข้นหลากสีสันในโลกเบื้องหน้าและเบื้องหลังของประเทศจียโดยสิ้นเชิง จิตนาการได้เลยว่า บุคคลที่เกือบจะทำให้เหยียนหลงและชางหลงลงมือจัดการ จะแข็งแกร่งมากเพียงใด หากไม่ใช่ว่าเมื่อปีนั้นหลิวอวี่สลายกองทหารรับจ้างสังหารและหายไปจากจีน ไม่แน่ว่าเขาอาจจะสู้กับเหยียนหลงและชางหลาง กระทั่งมีความเป็นไปได้ว่าจะกลายเป็นนักรบราชันคนที่สีของจี
“ผู้อาวุโสหลิวอวี่ ได้เจอคุณนับเป็นเกียรติ์ของผมแล้ว” เฟยอวิ๋นกล่าวอย่างตื่นเต้นเล็กน้อย
“คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะอยู่ที่นี่ ต่อสู้เพื่อชาติเพื่อประชาชนเช่นกัน นับถือๆ” เจียงเหมิงได้สติกลับมาก็กล่าวอย่างตกตะลึง
“อ่าๆ ขึ้นรถเถอะ ล้วนเป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้วทั้งนั้น ภารกิจครั้งนี้ยากลำบากมาก หวังว่าพวกเราจะสามารถพยายามทำให้สำเร็จไปด้วยกัน” หลิวอวี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ครับ!” เจียงเหมิงและเฟยอวิ๋นพยักหน้า พวกเขานับถือทหารรับจ้างที่แข็งแกร่งผู้นี้เป็นอย่างมาก ยังไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ว่าฝีมือของหลิวอวี่แข็งแกร่งขนาดไหน เพียงแค่การกระทำอันยอดเยี่ยมที่เขาเคยทำไว้ในโลกเบื้องหน้าเบื้องหลังของจีน ก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนเคารพเลื่อมใส
“ฉันว่าพวกนายสามคนพูดกันไม่จบไม่สิ้นสักที ชอบไม้ป่าเดียวกันรึไง? บิดาหิวมากแล้ว รีบไปเร็วเข้าเถอะ!” เย่เทียนเฉินยื่นศีรษะออกมาจากรถซีดานกล่าวพลางมองพวกเจียงเหมิงทั้งสามอย่างไม่สบอารมณ์
“ไอ้หนูนี่…”
“จะช้าจะเร็วก็ต้องมีสักวันที่จะทำให้มันได้ลิ้มรสชาติของกำปั้น
เจียงเหมิงและเฟยอวิ๋นถูกเย่เทียนเฉินทำให้โกรธเข้าจริงๆ แล้ว ทุกครั้งที่พสกตนทั้งสองกำลังตื่นเต้นฮึกเหิม เย่เทียนเฉินล้วนพูดจาก่อกวน ช่างทำให้ผู้คนอยากอัดเขาจริงๆ
“ไอ้หนูนี่เป็นใคร?” หลิวอวี่เองก็ถามออกมาอย่างไม่พอใจ
“พี่หลิว พี่คงไม่ทราบ คนคนนนี้ชื่อเย่เทียนเฉิน ฝีมือก็งั้นๆ แต่ชอบพูดจาใหญ่โต ครั้งนี้ก็ถูกส่งมาคุ้มครองคุณหนูหลิ่วหรูเหมยเพื่อทำภารกิจให้สำเร็จ” เฟยอวิ๋นสบถครั้งหนึ่งพลางกล่าว
“คนหนุ่มสาวมีฝีมือ ก็ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำซะแล้ว คฤหาสน์ตระกูลหลิ่วไม่ให้คนทำตามอำเภอใจ ต้องเชื่อฟังคำสั่ง”หลิวอวี่ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม พูดเพียงประโยคนี้เท่านั้น แต่ก็ทำให้เจียงเหมิงและเฟยอวิ๋นแอบดีใจขึ้นมา เนื่องจากหลิวอวี่ไม่พอใจเย่เทียนเฉินตามคาด ถ้าหากสามารถทำให้หลิวอวี่ซึ่งลือกันว่าเป็นนักรบราชันคนที่สี่ลงมือกับเย่เทียนเฉินได้ เกรงว่าต่อให้เย่เทียนเฉินร้ายกาจกว่านี้ก็ต้องถูกอัดจนเละเป็นโจ๊ก ถึงตอนนั้นพวกเขาสองคนก็สามารถชมเรื่องน่าขันของเย่เทียนเฉินได้แล้ว ประหยัดคำพูดที่คนคนนี้ใช้โจมตีถากถางพวกเขา
ความจริงแล้ว เมื่อสักครู่ที่เย่เทียนเฉินเดินผ่านหลิ่วหรูเหมยและหยงชุนไท่ เข้าเข้าไปในรถซีดานโดยตรง ก็ทำให้หลิวอวี่ไม่พอใจแล้ว รวมกับมาขัดบทสนทนาของเขาและเจียงเหมิงกับเฟยอวิ๋น ยิ่งทำให้หลิวอวี่ระเบิดอารมณ์โกรธจนอยากจะลงมือสั่งสอนเย่เทียนเฉิน หากไม่ใช่ว่าหลิ่วหรูเหมยและหยงชุนไท่อยู่ตรงนี้ด้วย หลิวอวี่อาจลงมือไปแล้วก็เป็นได้
“ขึ้นรถเถอะ พวกเราไปจากที่นี่ กลับคฤหาสน์ตระกูลหลิ่ว” หย่งชุนไท่ออกคำสั่ง
รถลีมูซีนสีดำสามคัน หลิวอวี่และลูกน้องที่มีความสามารถหลายคนนั่งอยู่คันหน้าสุด เจียงเหมิงและเฟยอวิ๋นนั่งบนรถคันหลังสุด ส่วนเย่เทียนเฉิน หลิ่วหรูเหมย และหย่งชุนไท่สามคนนั่งรถลีมูซีนคันกลาง ทำให้เจียงเหมิงและเฟยอวิ๋นรู้สึกเหยียดหยามขึ้นมาทันที
โดยปกติการคุ้มครองบุคคลสำคัญ ผู้คุ้มกันต่างก็เลือกใช้กลยุทธ์เช่นนี้ คือมีรถคันหนึ่งอยู่หน้าสุด และอีกคันหนึ่งอยู่หลังสุด ส่วนบุคคลที่ได้รับการคุ้มครองจะนั่งรถคันกลาง เย่เทียนเฉินคนคนนี้เป็นผู้ที่มาคุ้มครองหลิ่วหรูเหมยให้สำเร็จภารกิจแท้ๆ แต่กลับนั่งในรถที่ได้รับการคุ้มครอง ช่างทำให้ผู้คนอับจนคำพูดจริง
“ออกรถเถอะ ออกรถ ฉันหิวจนทนไม่ไหวแล้ว หย่งชุนไท่ครับ คฤหาสน์ตระกูลหลิ่วมีพวกกุ้งมังกร เป๋าฮื้อ พวกนี้รึเปล่าครับ ยังไงก็เอามาให้ผมเติมเต็มกระเพาะสักหน่อยเถอะ หิวจนทนไม่ไหวแล้ว” เย่เทียนเฉินที่นั่งตรงตำแหน่งข้างคนขับกล่าวโวยวาย
“นายมันไอ้แมลงขี้เซา เป็นผีที่หิวตายกลับชาติมาเกิด พวกเรามาทำภารกิจกันนะ ไม่ได้มากินมาเที่ยวเล่น” หลิ่วหรูเหมยโกรธจนทนไม่ไหวจริงๆ ในช่วงเวลาเคร่งเครียขนาดนี้ เย่เทียนเฉินเจ้าหมอนี่ก็ยังไม่จริงจัง จะกินจะนอนลูกเดียว จะไม่ให้เธอดกรธอย่างไรไห
เย่เทียนเฉินกรอกตาใส่หลิ่วหรูเหมย เดิมทีทั้งสองก็ไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว ทั้งยังมีปมในใจ ย่อมไม่ไว้หน้าอีกฝ่ายอย่างแน่นอนอยู่แล้ว ต่อให้หลิ่วหรูเหมยสวยราวเทพเซียนก็เถอะ เย่เทียนเฉินก็ไม่คิดเกินเลยแม้แต่น้อย ผู้หญิงคนนี้ถูกตนเองเอาไปวางไว้นอดเส้นความรู้สึกของเขาแล้ว หลังจากจบภารกิจนี้ ก็ไม่คบค้าสมาคมกันอีก นี่เป็นความคิดของเย่เทียนเฉินที่คิดไว้นานแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะสามารถสมปรารถนาหรือไม่
“จากที่เธอพูดจะบอกว่า ภารกิจสำคัญ พวกเราก็ไม่ต้องกินนอนเข้าห้องน้ำแล้ว? ไม่กินข้าวให้อิ่ม จะเอาแรงที่ไหนไปทำงาน? หรือว่าพอถึงเวลาเธออยากให้ฉันแบกเธอไปแลกเปลี่ยนข้อมูลลับ? ฉันจะบอกเธอไว้หน่อย ฉันคนนี้มีนิสัยอย่างหนึ่ง นั่นก็คือจะไม่แบกผู้หญิงที่ก้นไม่ใหญ่” เย่เทียนเฉินก็กล่าวถากถางโจมตีหลิ่วหรูเหมยกลับไป
หลิ่วหรูเหมยโกรธจนหน้าเดี๋ยวแดงเดี๋ยวขาว เย่เทียนเฉินเปิดเผยจุดอ่อนของตัวเธอเอง และยังต่อต้านตนเองอีกด้วย ไม่ฟังคำสั่งก็ช่างมันเถอะ เพียงแค่ตอนเองพูดกับเขาสักประโยค เขาก็จะต้องพูดโต้กลับมา แล้วยังพูดถึงจุดอ่อนของเธออีก พูดจนตนเองหน้าแดงหูแดงไปหมดแล้ว แทบอยากจะพุ่งเข้าไปกัดชายคนนี้สักหลายคำ
“นาย…” หลิ่วหรูเหมยทั้งโกรธทั้งอาย ใช้ดวงตาอันงดงามจ้องไปยังเย่เทียนเฉิ
“เอาล่ะ เอาล่ะ ฉันไม่มีแรงมาพูดจาไร้สาระกับเธอหรอก ก้นเล็กก็เล็กไปเถอะ ไม่ใช่เรื่องน่าขายหน้าอะไรสักหน่อย จำไว้ว่าต่อไปนี้ซ่อนไว้ให้ดีๆ ก็พอ!” เย่เทียนเฉินกล่าวโจมตีหลิ่วหรูเหมยต่อไป
ความจริงแล้ว ในความทรงจำของเย่เทียนเฉิน บั้นท้ายของหลิ่วหรูเหมยไม่นับว่าเล็ก เพียงแต่งอนมาก งอนเสียจนทำให้ผู้ความปรารถนาของผู้ชายตื่นตัว บั้นท้ายขาวๆ และความโค้งงอนกลมกลึง ยักย้ายไปมาช้าๆ ทำให้ผู้ชายนับไม่ถ้วนอดกลั้นไม่ไหวแน่นอน
“เย่เทียนเฉิน ฉันไม่จบกับนายแน่” หลิ่วหรูเหมยอนทนไม่ไหว ลุกขึ้นยืนพลางใช้หมัดขาวนวลราวผงแป้งของเธอต่อยไปทางเย่เทียนเฉิ
ตู้ม!
ตู้ม!
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวดังขึ้นสองครั้ง เสียงระเบิดบังคับให้รถลีมูซันสามคันที่คุ้มครองหลิ่วหรูเหมยโดยตรงต้องหยุดลง เบื้องหน้าเป็นถนนอันคับแคบสายหนึ่ง สองข้างทางเป็นภูเขาที่ถูกแบ่งออกจากกัน เสียงระเบือดเมื่อสักครู่นี้ ทำให้หินก้อนใหญ่ตกลงมาปิดกั้นถนนเบื้องหน้า เห็นได้ชัดว่ามีคนวางระเบิดไว้ล่วงหน้าให้ระเบิดตอนที่รถของพวกเย่เทียนเฉินผ่านมา
“มีคนซุ่มโจมตี!”หลิวอวี่ตะโกนอกมา เป็นคนแรกที่เปิดประตูรถพุ่งออกไป ปืนในมือกระหน่ำยิงไม่หยุด
ส่วนผู้คุ้มกันหลายคนที่เป็ฯลูกน้องของหลิวอวี่ ก็ไม่ใช่พวกอ่อนแอ ทั้งหมดต่างเปิดประตูรถออกมา พลันเปิดฉากโจมตีกลับ ตอนนี้เองมีมือสังหารหลายสิบคนพุ่งลงมาจากสองฝั่งบนภูเขา ทุกคนสวมชุดลายพราง ยิงปืนไปยังรถคันกลางที่พวกเย่เทียนเฉินนั่งอยู่คันนั้น หากรถลีมูซีนทั้งสามคันไม่ใช่รถกันกระสุนคงถูกยิงจนพรุนไปนานแล้ว
“สั่งลงไป ให้รถถอยหลัง กลับรถออกไป…” หลงชุนไท่สั่งกับคนขับรถ
“ไม่ทันแล้ว รถถอยหลังไม่ได้แล้ว”
คำพูดของเย่เทียนเฉินเพิ่งออกจากปาก กระโปรงรถด้านหลังของรถที่เจียงเหมิงและเฟยอวิ๋นอยู่ ก็ส่งเสียงดังสนั่นออกมา หินก้อนใหญ่มหึมาก้อนหนึ่งกลิ้งลงมา ทำให้รถทั้งสามคันถูกล้อมไว้ตรงกลาง กลายเป็นการปิดประตูตีแมว วิกฤตเป็นอย่างยิ่ง
…………………………………………………………………….