เป็นมหาเศรษฐีระดับพระเจ้าด้วยระบบลงชื่อ - ตอนที่ 234 : เจียงเฉินมีเงินมากขนาดไหนกัน?!
ตอนที่ 234 : เจียงเฉินมีเงินมากขนาดไหนกัน?!
เพื่อทําให้แผนการของเขาสมบูรณ์ยิ่งขึ้นเจียงเฉินก็หยิบเครื่องประดับที่เขาเอาติดตัวมา
“ทุกคน นี่คือจี้หยกที่ผมมาได้จากคุณยายคนหนึ่ง ตอนนั้นเธอคิดว่ามันเป็นแค่หินผมก็เลยซื้อมาจากเธอด้วยข้าวเพียงหนึ่งถุง”
เจรยงเฉินพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจ “และหลังจากที่ผมนํามันมาตรวจสอบที่พิพิธภัณฑ์เจียงซื่อ ปรากฏว่าหยกชิ้นนี้เป็นของผู้อ๋องซึ่งน่าจะเป็นชิ้นที่เขาสวมใส่ด้วยตัวเอง และราคาในปัจจุบันของมันก็มากกว่าสิบล้าน!”
“ข้าวถุงละสิบล้าน?!”
ขุนนางจากยุโรปหายใจอย่างยากลําบาก
“บ้าไปแล้ว”
เจียงเฉินยิ้ม “เข็มขัดของผมก็ไม่ได้เป็นของแบรนด์ดังอะไรมันเป็นเข็มขัดของฉีหงกง มันเป็นเข็มขัดที่บุรุษในสมัยราชวงศ์ฮั่นจะใช้กันในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง ในตอนที่ฉีหงกงต่อสู้แย่งชิงอํานาจ ก่วนจังก็ดี้การยิงธรูใส่ฮีหงกงแต่ฉีหงกงก็เอาเข็มขัดมากันไว้ก่อนที่จะแกล้งตาย ของชิ้นนี้ผมได้มาตอนที่เดินผ่านหมู่บ้า นเล็กๆแห่งหนึ่งและผมก็ทําการแลกมันมาด้วยเนื้อหมู!”
“หลังจากที่ผมเอาเนื้อหมูไปแลกกับมันมาครอบครัวนั้นก็ยังรู้ต้องขอบคุณผมเป็นอย่างมาก!”
แม้ว่าเจียงเฉินจะพูดเรื่องไร้สาระออกมาแต่เหล่าขุนนางจากยุโรปต่างพากันอิจฉาไม่ว่าเขาจะพูดอะไรออกมาทุกคนก็พากันเชื่อ!
ทั้งกาเบรียลและขุนนางจากยุโรปต่างพากันอยู่ไม่สุข
ความหยิ่งยโสของพวกเขาก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่าบินไปไหนแล้ว
“นี่ก็คือวอลนัทโบราณ!”
เจียงเฉินยิ้ม “ขอเพียงนํามานวดทุกวัน ไม่กี่ปีมูลค่าของมันก็อาจจะเพิ่มเป็นร้อยเท่าหรือพันเท่า!”
“วอลนัทนอกจากกินได้แล้ว ยังเอามาเล่นแบบนี้ได้ด้วยหรอ?”
เหล่าขุนนางจากยุโรปต้องตกตะลึงอีกครั้ง
“หลังบ้านของฉันก็มีต้นวอลนัทอยู่เยอะเหมือนกัน! ถ้าฉันต้องการเงินขอแค่เอาถั่วมาไม่กี่ต้นก็ทําเงินได้แล้ว!”
เจียงเฉิน : ” (‘V)
ก็แค่คนโง่กลุ่มหนึ่ง!
เจียงเฉิงโชว์ลูกปัดหยกในมือของเขาอีกครั้ง “นี่ ผมได้ชิ้นนี้มาจากร้านขายของข้างถนนตอนไปเดินเล่นที่ตลาดของเก่าแม้แต่เจ้าของร้านยังคิดว่ามันเป็นของปลอม ดังนั้นเขาจึงวางมันไว้พร้อมกับเงิน 10 หยวนสําหรับคนที่จะมารับมันไป และผมก็เข้าไปเอาลูกปัดหยกมาพร้อมกับเงิน 10 หยวนตรงนั้นและตอนนี้เจ้านี่สามารถขายได้ในราคา 10 ล้าน!”
ขุนนางจากยุโรปแม้จะชอบโอ้อวดแต่แท้จริงพวกเขากลับยากจน
แม้แต่ราชวงศ์สวิสยังมีทรัพย์สินอยู่แค่ 25 ล้านยูโรเท่านั้น!
มีเชื้อราชวงศ์หลายคนถูกบังคับให้ละทิ้งตําแหน่งของพวกเขาเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย แม้แต่เจ้าหญิงเจ้าชายพวกเขาก็ไม่สามารถเลิ้งดูอย่างเต็มที่ได้
สถานการณ์นั้นนับว่าย่ําแย่มาก!
ตอรเหล่าขุนนางจากยุโรปที่ได้ยินคําพูดของเจียงเฉินพวกเขาต่างก็ต้องตาแดงออกมา
“ไม่แปลกใจเลยว่าทําไมเขาที่เป็นแค่คนขับตี้ตี้ แต่ว่าเขารวยได้ขนาดนี้ปรากฏว่าเขาสะสมของเก่าเอาไว้เยอะมาก!”
“ถ้าประเทศจีนมีอารยธรรมยาวนานกว่า 5,000 ปีจริงงั้นก็แสดงว่าพวกเขามีวัตถุโบราณนับไม่ถ้วน!”
“พวกเราต้องรีบไปเก็บขยะแล้ว!”
“ตอนนี้มันยังไม่สายเกินไปที่จะเก็บขยะที่จีน!”
“แค้ก แค่ก แค่กะ”
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มไม่ดีแล้ว กาเบรียลก็ลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็วก่อนจะพูดออกมาอย่างเสียงดัง “ทุกคนเงียบ! หัวข้อหลักของตอนนี้คือการประชันกัน!พวกเราจะเอาสมบัติของแต่ละฝ่ายออกมาเพื่อทําการตัดสินว่าชิ้นไหนมีมูลค่าสูงมากกว่ากัน!”
“ใช่!”
เหล่าขุนนางยุโรปที่ถูกเจียงเฉินปั่นป่วนเริ่มจําหัวข้อหลักของวันนี้ได้
เวร!
พวกเราไม่ได้มาเพื่อเก็บขยะที่จีน!
พวกเรามาเพื่อโอ้อวด!
เหล่าขุนนางออกมาอย่างเขินอายก่อนจะเริ่มนั่งลง
“ฮ่ม! แม้ว่าประเทศของนายจะมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและสมบัติที่เก่าแก่แต่หลังจากยุคนั้นพวกนายคงจะไม่มีอีกแล้วใช่ไหมล่ะ?!”
จอห์นกันฟันพูดออกมา
ในตอนแรกเขานั้นอุตส่าห์เตรียมสมบัติมาจากทั่วทั้งยุโรป
แต่หลังจากที่ได้เห็นสิ่งต่างๆเขาก็พบว่าสมบัติที่เขาเตรียมมานั้นไม่ได้ดีไปกว่าเครื่องบรรณาการที่เจียงเฉินหยิบออกมาเลย
จอห์นกระอักเลือดออกมา “ท่านบรรพบุรุษ ทําไมพวกท่านถึงต้องคุกเข่าเลียจีนด้วย?! ทําไมต้องบรรณาการสิ่งที่ดีที่สุดให้พวกเขา? ตอนนี้ลูกหลานของพวกท่านต้องมาถูกพวกเขาตบหน้าซ้ํา แล้วซ้ําเล่าแล้วนะ!”
แม้ว่าจํานวนจะมีมากแต่คุณภาพกลับไม่อาจสู้เจียงเฉินได้!
จอห์นตอนนี้ได้แต่ข้ามสมบัติชิ้นเล็กๆไปและเริ่มการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่!
“โอ้?”
เจียงเฉินยิ้ม “งั้นก็มาเถอะ จะได้ประหยัดเวลาของผม”
จอห์นั้นไม่อยากจะเชื่อว่าประวัติศาสตร์ราชวงศ์กว่า 300 ปีของเขาจะไม่สามาถเอาชนะเจียงเฉินที่ไปเก็บของเก่าตามกองขยะได้!
เขากัดฟันและหยิบสมบัติชั้นสุดท้ายออกมา
“ของฉันก็คือ [มงกุฎราชินี]!!”
“มันประกอบไปด้วยเพรช 1,031 เม็ด น้ําหนักรวม 108 กะรัตและมรกตที่สวยงามอีก 49 เม็ดและก็ยังมีมรกตเม็ดใหญ่อีก 14 เม็ดที่ได้มาจากฝรั่งเศษน้ําหนัก 15.93 กะรัต!”
จอห์นพูดออกมาด้วยความภาคภูมิใจ “มงกุฏนี้มีค่ายิ่งกว่าอัญมณีไหนๆ! ราชินีแห่งโบฮีเมียเกือบทั้งหมดต่างก็สวมมันกันในราชพิธีราชาภิเษก! ตลอด 300 ปีที่ผ่านมา!”
“สมบัติที่นี่มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมากถึง 300 ปี!”
“มูลค่าของมันนั้นไม่อาจจะนับได้!”
จอห์นมองไปที่เจียงเฉินอย่างเย่อหยิ่ง!
เมื่อได้เห็นมงกุฎราชินีแห่งโบฮีเมียที่มีราคาแพงและไม่อาจประเมินค่าได้แม้แต่เอเวลนั้นก็ไม่อาจจะสงบใจลงได้
เธอยิ่งขึ้นมาทันที่ใบหน้าของเธอแดงก่ําไปด้วยความโกรธและเธอพูดออกมาด้วยความโกรธทันทีว่า “จอห์น! กาเบรียล! เพื่อที่จะได้โอ้อวดและเอาชนะเจียงเฉิน พวกคุณถึงกับต้องนํามงกุฏนี้มายังประเทศจีนด้วยหรอ? แม่ของฉันสมเด็จพระราชินีทราบเรื่องนี้เปล่า?! พวกคุณรู้หรือเปล่าว่าการกระทํานี้ขัดต่อกฎหมายของประ เทศ! ฉันจะรายงานเรื่องนี้ไปถึงราชินีทันทีเพื่อให้พวกคุณต้องรับผิดชอบกับเรื่องนี้”
กาเบรียลและจอห์น พี่ได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธของเอเวลแม้พวกเขาจะรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อยและสีหน้าก็เปลี่ยนไปแต่พวกเขาก็ไม่ยอมถอย
เพราะถึงยังไงตระกูลจอห์นในประเทศโบฮีเมียก็มีความแข็งแกร่งในชนิดที่แม้แต่ราชินียังต้องไว้หน้า!
ในเวลานี้เองเจียงเฉินก็ยิ้มออกมา
“มงกุฎ? แค่สามร้อยปีเนี่ยนะ?”
“น่าตกตะลึงมากหรือยังไง?”
“พวกคุณไม่มีความสามารถที่จะหาสิ่งที่ล้ําค่ากว่านี้มาได้แล้วใช่ไหม?”
กาเบรียลและจอห์นกรีดร้องออกมาในใจ
เจียงเฉินยิ้มออกมา “ถ้าอย่างนั้นก็นํามันออกมาเลย!”
จอห์นและกาเบรียลตกตะลึง
อะไรอีก
เจียงเฉินยังคงสามารถหาของที่จะเอาออกมาสู้ได้อีกงั้นหรอ?เป็นไปได้ด้วยเหรอที่เขาจะสามารถนําสมบัติที่สามารถเป็นคู่แข่งกับ [มงกุฎราชินี]ออกมาได้?”
มันเป็นไปได้ยังไง?
มันควรจะเป็นไปได้อย่างสิ้นเชิงมากกว่า!
กาเบรียลเยาะเย้ย “เจียงเฉิน ฉันยอมรับในความแข็งแกร่งของนายนะนายทําให้ฉันต้องคิดทบทวนไปมาหลายครั้งซึ่งฉันก็ต้องชมนายจริงที่นายมีความสามารถและความมั่งคั่งมากมายขนาดนี้ตั้งแต่อายุยังน้อยแม้กระทั่งสมบัติที่ล้ําค่าก็ยังมีแต่
เขาพูดออกมาอย่างภาคภูมิใจ “ตระกูลจอนนั้นมีสมบัติที่ตกทอดรุ่นสู่รุ่นมานานกว่า 300 ปี แต่นั่นไม่ใช่กับนาย… ไม่ก็แค่เก็บขยะมา! จึงทําให้นายรวยในชั่วข้ามคืนและยกระดับได้อย่างรวดเร็ว!”
“แต่นี่คือมงกุฎ”
“มงกุฏนั้นเป็นดั่งตัวแทนของอํานาจสูงสุดของผู้ปกครองอาณาจักร!”
“นายจะเอาวัตถุโบราณของจีนชิ้นไหนออกมาก็ได้ไม่ว่าจะมีค่าแค่ไหนมันก็ไม่สามารถเทียบกับอํานาจของผู้ปกครองอาณาจักรกต้องไหมล่ะ?”
กาเบรียลนั้นเจ้าเล่ห์มากเขานั้นกลัวว่าเจียงเฉินจะเอาสมบัติที่มีมูลค่าสูงออกมาอีกดังนั้นเขาจึงพูดดักทางเจียงเฉินเอาไว้ทันที!
จอห์นตะโกนออกมา “ใช่! พวกเราเอามงกุฎออกมา! และมันยังเป็นของราชินีด้วย!ดังนั้นสมบัติที่น่าจะออกมาต้องเป็นระดับเดียวกับมันเท่านั้น!
เอเวลหน้าแดงด้วยความโกรธ “คุณ คุณ นี่มันบ้าอะไรกัน?!”
“พวกนายวางแผนกันเอาไว้แถมยังเตรมการกันมาก่อนพวกนายเอาสมบัติระดับนี้ออกมาแล้วพวกนายจะให้เจียงเฉินเอาสมบัติระดับนี้ออกมาง่ายๆได้ยังไง?!”
“มันจะเป็นไปได้ยังไง?!”
“ต่อให้เป็นราชวงศ์พวกเขาก็ไม่อาจทําได้หรอกนะ!” เอเวลพยายามทวงความยุติธรรมให้เจียงเฉิน
“แต่นั่นมันกฏของเรา!”
กาเบรียลพูดออกมาอย่างเจ้าเล่ห์และหยิ่งผยอง “ถ้าเขาไม่มีสมบัติมาสู้ก็ให้เขายอมรับความพ่ายแพ้จะดีกว่า! และตราบใดที่เจียงเฉินยอมรับความพ่ายแพ้และยอมรับว่าวัฒนธรรมและสมบัติของจีนนั้นด้อยกว่าของพวกเราพวกเราก็จะจากไปทันที!”
เจียงเฉินยิ้มออกมา “มันจะไปยากอะไร?”
เขาพยักหน้าให้กับจ้าวฉีชาง
จ้าวฉีชางก็โบกมือ
ไม่นานพนักงานสี่คนก็ยกฝาแก้วที่กําลังปกป้องอะไรบางอย่างอย่างแน่นหนาอยู่ออก
ผู้คนพากันตกตะลึง!
ภายใต้สายตาของผู้คนสมบัติเช่นนี้ทําให้ทุกคนต่างต้องตะลึง–
มันก็คือมงกุฎหงส์!
“สมบัติชิ้นนี้ก็คือมงกุฎหงส์ของจักรพรรดินีเซียวรุ่ย ชื่อของมันก็คือ [มงกุฎเก้าหงส์เก้ามังกร]!”
เจียงเฉินยิ้ม “จักรพรรดินีเซี่ยวรุ่ย เป็นจักรพรรดิดีของจักรพรรดิว่านลี่แห่งราชวงศ์หมิง!”
เจียงเฉินชี้และอธิบายออกมา “มงกุฎเก้าหงส์เก้ามังกร มันถูกฝังไปด้วยทับทิมธรรมชาติที่ยังไม่ผ่านการเจียรนัยกว่า 100 เม็ด และไข่มุกมากกว่า 5,000 เม็ดอย่างสวยงาม และสิ่งที่ทําให้มันยาก ที่จะรับความสนใจจากมันได้ก็คือการจัดวางหยกที่ดูซับซ้อน จนออกมาเป็นรูปนกหงส์เพลิงที่กําลังกางปีกแล้วบินและหางของมันก็แยกออกมาทําให้มันดูรู้สึกมีชีวิตชีวาและเต็มไปด้วยพลัง!”
“มงกุฏจากตระกูลของพวกคุณถึงแม้ว่ามันจะไม่เลวแต่มันก็มีอายุเพียง 300 ปีเท่านั้น!”
“แต่มงกุฏฟินิกซ์ของจักรพรรดินีแห่งราชวงศ์หมิงมันมีอายุอยู่ที่ราวๆ 500-600 ปี!”
“ดังนั้นเมื่อวัดกันโด้อายุและคุณค่าทางประวัติศาสตร์มาแล้วสมบัติของพวกคุณจะเทียบกับของผมได้ยังไง?”
เจียงเฉินยิ้มออกมา “มันคงเทียบกันไม่ได้หรอกจริงไหมล่ะ?”
จู่ๆเหล่าเศรษฐีจีนก็พากันระเบิดเสียงปรบมือกันออกมา!
เถ้าแก่เจียง–
มีแม้กระทั่ง [มงกุฏเก้าหงส์เก้ามังกร]
“สวยงามมาก!”
“จัดการได้สวยจริงๆ!”
“ดูสิ พวกชาวยุโรปพากันคุกเข่ากันเป็นแถวเลย!”
“พวกแก พวกแกษะ”
ตาของกาเบรียลแทบถลนออกมาขณะที่เขาจ้องมองไปที่ [มงกุฏเก้าหงส์เก้ามังกร] ของเจียงเฉินเขานั้นพูดอะไรไม่ออกเลย
มันเป็นเรื่องน่าตลกมากที่เขาเอา โมงกุฎราชินี] ไปเปรียบเทียบกับ[มงกุฏเก้าหงส์เก้ามังกร] นั่นมันความแตกต่างระหว่างสาวใช้กับนางสนมเลยนะ!
[มงกุฎเก้าหงส์เก้ามังกร] ไม่ว่าจะวัสดุความล้ําค่าและอิทธิพลทางประวัติศาสตร์มันมากเพียงพอที่จะโยน [มงกุฎราชินีทิ้งได้ทันที!
มงกุฏของพวกเขามีอายุแค่เพียง 300 ปีมันจะไปเทียบกีบมงกุฎหงส์ของจักรพรรดินีราชวงศ์หมิงได้ยังไง?
แม้ว่าเหล่าขุนนางจากยุโรปจะต้องเผชิญกับความจริงที่โหดร้ายแต่พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเชิดหน้าเข้าไว้
“นี่– ดูเหมือนว่าเราจะแพ้”
“เป็นไปได้ยังไงที่พวกเราแพ้!”
“มงกุฎหงส์ของจักรพรรดินีแห่งราชวงศ์หมิง…”
“ฉันต้องยอมรับจริงๆว่าประวัติศาสตร์จีนนั้นยาวกว่ามากโบฮีเมียของพวกเราไม่ใช่คู่แข่งจริงๆ”
เหล่าขุนนางจากยุโรปถูกเจียงเฉินปราบกันไปที่ละคนพวกเขา
ถูกคลื่นของ [มงกุฎเก้าหงส์เก้ามังกร] ถูกครอบงําอย่างสมบูรณ์
กาเบรียลและจอห์นตกตะลึงอย่างสุดขีด!
“แกมีของแบบนี้ได้ยังไงกัน?!” กาเบรียลตะโกนออกมา “นี่มันสมบัติระดับชาตินะ!”
จ้าวฉีชางประกาศออกมาต่อหน้าฝูงชนด้วยใบหน้าที่เคารพ “จริงๆแล้วคุณเจียงถือหุ้นพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ถึง 61% ดังนั้นสําหรับพิพิธภัณฑ์เจียงชื่อแห่งนี้จึงมีคุณเจียงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่หรือก็คือเขาเป็นเจ้าของมัน!”
“โมงกุฏเก้าหงส์เก้ามังกร] นี้เคยหายไปอยู่ที่ต่างประเทศมาระยะหนึ่ง”
“แต่ต่อมา พิพิธภัณฑ์ปักกิ่งก็ซื้อมันกลับมาด้วยราคาที่สูงมากและหลังจากนั้นพวกเราจึงสามารถนํามันกลับมาที่จีนได้อีกครั้ง”
“ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีวัตถุโบราณอยู่หลายหมื่นชิ้นและกว่าพันชิ้นก็เป็นวัตถุโบราณที่มีมูลค่ากว่า 10 ล้าน!”
“นอกจากมงกุฏชิ้นนี้แล้วก็ยังมี มงกุฎของจักรพรรดิและจักรพรรดินีอีก 17 ชิ้นทั้งจากราชวงศ์ ฮั่น ซุย ถัง ซ่งหยวนและหมิง…หากหยิบอันใดอันหนึ่งออกมาคุณค่าของมันนั้นก็ไม่ได้แย่ไปกว่ามงกุฎเก้าหงส์เก้ามังกรเลย!”
“และสิ่งเหล่านี้สามารถพูดว่าเป็นของคุณเจียงได้อย่างเต็มปากเต็มคํา!”
“ซึ่งผมก็คงต้องขอโทษด้วยเพราะสมบัติจากโบฮีเมียของพวกคุณคงจะไม่อาจนํามาเทียบได้ใช่ไหมล่ะ?”
จางฉีชางเยาะเย้ยออกมา
เกิดความโกลาหลขึ้นมาในหมู่ผู้ชมทันที
ที่จริงแล้วเจียงเฉินเป็น
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของพิพิธภัณฑ์เจียงซื้อ?
ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีวัตถุโบราณกว่าหมื่นชิ้นและหลายพันชิ้นก็มีมูลค่ากว่าสิบล้าน?!
มีมงกุฏของจักพรรดิและจักรพรรดินีถึง 17 ชิ้น?
กาเบรียลและจอห์นกระอักเลือดออกมา!
พวกเขาจะไปโอ้อวดกับอีกฝ่ายได้ยังไง? นี่มันไม่ยอดเยี่ยมเกินไปหน่อยหรอ?
ทําไมก่อนที่ฉันจะมาที่นี่ฉันถึงไม่ตรวจสอบให้ชัดเจนก่อน?
กาเบรียลและจอห์นรู้สึกหวาดกลัว
แผนของพวกเขาพลิกคว่ําโดยสิ้นเชิง!
แผนของพวกเรา
เหล่าขุนนางจากยุโรปพากันอับอายที่ละคน
พวกเขามาพิพิธภัณฑ์ของเจียงเฉินแล้วพวกเขาจะเอาสมบัติมาโอ้อวดกับเจียงเฉินได้ยังไง?
จนสุดท้ายจอห์นก็ลุกขึ้นมาด้วยความโกรธ
ฮ่ม!
ฉันจะยอมรับความพ่ายแพ้ได้ยังไง?!
คนอย่างฉันน่ะหรอจะยอมแพ้ให้กับเจียงเฉิน?!
ในเมื่อการแข่งขันด้วยเงินทอง สมบัติและอารยธรรมมันทําให้ฉันสู้ด้วยไม่ได้งั้นก็มาสู้กันด้วยสายเลือด!
เขาพูดกับเจียงเฉินด้วยความโกรธ “บางที่นายอาจจะมีเงินสมบัติมากมายและยังมีพิพิธภัณฑ์เป็นของตัวเอง แต่ฉันมีสายเลือดสูงศักดิ์แล้วนายมีบ้างไหมล่ะเจ้าคนจีน?!”
เจียงเฉินตอบ “แต่นายจนนะ!”
จอห์น : แทงใจ!
เหล่าขุนนางจากยุโรปรู้ตัวว่านี่คือศักดิ์ศรีสุดท้ายของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงพากันตะโกนออกมาเพื่อสนับสนุนจอห์น
“ฉันก็เป็นเจ้าชาย!”
เจียงเฉิน “พวกคุณก็ยากจน”
“ฉันก็เป็นเจ้าชายด้วย!”
เจียงเฉิน “พวกคุณก็ยากจน”
“ฉันเป็นดยุค!”
เจียงเฉิน “พวกคุณก็ยากจน”
“พวกเราทุกคนต่างก็มีสายเลือดสูงส่งของราชวงศ์ในยุโรป แม้ว่าสามัญชนชาวจีนอย่างนายจะร่ํารวยแต่ไหร มีสมบัติมากแค่ไหนก็สู้กับพวกเราไม่ได้หรอก!”
เจียงเฉิน “แต่พวกคุณก็ยังยากจนอยู่ดี!”
จอห์น “…”
กาเบรียล “…”
ขุนนาง “…”
พวกเขาจะบ้าตาย!
นี่มันโศกนาฏกรรมชัดๆ!
จอห์นพดออกมาไม่ได้ “ถึงพวกเราจะจนแล้วมันยังไง? สุดท้ายพวกเราก็มีสายเลือดที่สูงส่งอยู่ดี!”
“สายเลือดของชนชั้นสูงหรอ? มันวิเศษมากนักรียังไง?”
เจียงเฉินเยาะเย้ยออกมา “ฉันก็มีสายเลือดที่ชนชั้นสูงเหมือนกัน!”
“อะไรนะ?”
ดวงตาของจอห์นเบิกกว้าง “แกเป็นทายาทของชนชั้นสูงที่ไหนกัน?”
เจียงเฉินพูดออกมา “ฉันก็คือผู้สืบสกุลของหยานหวง!”
“พรูด!”
เหล่าเศรษฐีที่อยู่ข้างล่างพากันขําจนกลิ้งไปกับพื้น
ลูกหลานของหยานหวง?!
พวกเราก็ล้วนเป็นลูกหลานของหยานตี้หวงตี้ นี่พวกเราก็เป็นชนชั้นสูงด้วยหรอ?
โจวหมิงเริ่มตอบสนองอย่างรวดเร็วพร้อมกับเศรษฐีที่อยู่รอบๆ “ใช่แล้ว!พวกเราเป็นลูกหลานของหยานตี้และหวงตี้! พวกเขาเป็นบรรพบุรุษของเราในประเทศจีน!”
คนใหญ่คนโตอีกคนหนึ่งก็ตะโกนออกมา “ว้าว! ทแจริงแล้วเถ้าแก่เจียงเป็นลูกหลานของหยานหสงนี่เอง! น่าทึ่งมาก!”
จางเทียนเหิงยิ้มออกมาก่อนจะพูดว่า “ทายาทของหยานตี้และหวงตี้!คือขุนนางจีนตัวจริง! และยังเป็นทายาทของจักรพรรดิ!”
กลุ่มคนใหญ่คนโตต่างพากันตะโกนออกมาว่าเจียงเฉินเป็นลูกหลานของจักรพรรดิ!
ไม่มีปัญหา!
ทุกคนต่างก็เป็นลูกหลานของหยานตี้และหวงตี้ สายเลือดของพวกเขาไหลเวียนอยู่น่างกายพวกเรา!
ทุกคนต่างก็มีสายเลือดสูงศักดิ์
ทุกคนยกนิ้วให้!
สุดยอด!
จอห์นและกาเบรียลพูดไม่ออก
อย่างไรก็ตามเหล่าขุนนางยุโรปก็ไม่ใช่คนโง่
พวกเขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ทันใดนั้นพวกเขาก็เริ่มค้นหาข้อมูลของหยานตี้และหวงตี้บนอินเทอร์เน็ตทันที
ปรากฏว่าจะ
ทายาทของหยานหว
“ไม่ หยานหวงเป็นบรรพบุรุษของจีนและทายาทของหยานหวงก็หมายถึงคนทั้งหมดในประเทศจีน!”
จอห์นร้องออกมาด้วยความโกรธ
เจียงเฉินพูดออกมา “อ้อ อีกอย่าง ฉันมีอีกอย่างที่เจ๋งกว่านั้นอีกนะ! และนายก็สามารหามันได้ทางอินเทอร์เน็ตด้วย!”
“อะไร?”
จอห์นกัดฟันพร้อมกับเตรียมค้นหาสิ่งที่เจียงเฉินกําลังจะบอก
เจียงเฉินพูดออกมาอย่างจริงจัง “ฉันเป็นทายาทของมังกร! เขาเป็นขุนนางที่เก่งกายที่สุด!นายลองเอาไปค้นหาดูสิ!”
“ทายาทของมังกร?”
“พรุด
เหล่าเศรษฐีจีนหัวเราะจนล้มลงไปอีกครั้ง
เถ้ากี่เจียง แม้ว่าพวกบ้านี่จะไม่เข้าใจอารยธรรมจีนแต่คุณก็ไม่ควนไปรังแกคนพวกนี้ขนาดนี้ไหม?
พวกเขาโดนคุณหลอกจนหัวหมุนกันแล้ว!
แน่นอนว่าพอจอห์นได้ยินเขาก็รีบค้นหาข้อมูลของ “ทายาทมังกร” สายเลือดชนชั้นสูงของเจียงเฉินทันที
แล้วเขาก็พบว่า
มันเป็นเพลง!
หลังฟัง!
“ไอ้เวร!”
จอห์น
นี่มันล้อเล่นบ้าอะไรกัน?!
จอห์นและกาเบรียลมองหน้ากันก่อนจะถอนหายใจ!
การโอ้อวดของพวกเขาแพ้แล้ว!
เอเวลเองก็ไม่สามารถยืนหลังตัวได้เพราะเธอนั้นหัวเราะจนตัวข
องเธองอตลอด
ในเวลานี้เอง ขุนนางยุโรปคนหนึ่ง
ดยุคเฮลมุทที่ 2 ได้รับข้อความเข้ามาก่อนที่เขาจะเบิกตากว้างและตะโกนออกมา
“ไม่ดีแลว! ปราสาทนอยชวานสไตน์ที่ถูกสร้างโดยบรรพบุรุษของฉันถูกซื้อไปแล้ว! เขาเป็นลูกหลานชาวจีนที่เรียกตัวเองว่าลูกหลานของหยานหวงชื่อของเขาคือ…เจียงเฉิน?!!”
“อะไรนะ?!”
ข่าวนี้ทําให้ทุกคนต้องตกตะลึง!
หินก้อนเดียวสร้างคลื่นนับพัน!
ปราสาทนอยชวานสไตน์!
พวกเขาที่เป็นถึงเจ้าชาย หรือดยุคแต่พวกเขากลับยังไม่มีปราสาทเป็นของตัวเอง!
เพราะแท้จริงแล้วส่วนที่แพงที่สุดนั้นไม่มช่การซื้อตัวปราสาทแต่เป็นค่าบํารุงรักษา!
ในหลายๆประเทศของยุโรปนั้นมีกฎหมายที่ควบคุมอย่างเขมงวดอยู่เจ้าของปราสาทจึงต้องจ่ายเงินจํานวนมากทุกๆปีเพื่อทําการซ่อมแซมปราสาทและรับรองว่าปราสาทนั้นจะสามารถถู กส่งต่อไปในรุ่นลูกรุ่นหลานได้
แต่พวกเขาที่เป็นดยุดและเจ้าชายจะมีเงินมากขนาดนั้นหรอ?
เพราะสําหรับค่าบํารุงรักษาของปราสาทต่อปีนั้นสูงมากถึงหลักล้านดอลลาร์ต่อปี!
ซึ่งสําหรับเหล่าขุนนางผู้ยากไร้เหล่านี้นอกจากสายเลือดอันสูงส่งของพวกเขาที่ได้รับมาจากบรรพบุรุษและตําแหน่งขุนนางพวกเขาก็ไม่ต่างจากคนธรรมดาๆ
พวกเขาจะไปมีเงินมากมายเพื่อซื้อปราสาทได้ยังไงกัน?!
เหล่าขุนนางยุโรปมองไปที่เจียงเฉิน
ลูกหลานของหยานตี้และหวาง เจียงเฉิน?!
เขาพูดถูก!
ตอนนี้หลังจากที่พวกเขาได้ยินว่าเจียงเฉินได้เป็นเจ้าของปราสาทนอยชวานสไตน์ จิตใจของพวกเขาก็ได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง!
พูดตามตรงแม้ว่าเจียงเฉินจะเป็นเจ้าของวัตถุโบราณจากราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิงพวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกชื่นชมเจียงเฉินแม้แต่น้อย
เพราะสุดท้ายแล้วความเย่อหยิ่งของพวกเขานั้นมันมากเกินไป!
แต่ปราสาทนอยชวานสไตน์ที่เพิ่งจะกลายเป็นของเจียงเฉินนั้นมีผลต่อพวกเขาอย่างมาก!
เหล่าขุนนางเริ่มล้มลงที่ละคน
และดยุคเฮลมุทผู้ได้รับข่าวคนแรกก็นอนราบลงไปกับพื้นพร้อมกับแขนขาที่กระตุกะ
“ดยุคเฮลมุท! เป็นอะไรไปครับ?”
“มานี่เร็วมาช่วยเขาเร็ว!!”
จอห์นกับกาเบรียล สองลุงหลานหน้าซีดลงทันที
สงสัย!
เจียงเฉินคนนี้ร่ํารวยขนาดไหนกัน?!