เป็นมหาเศรษฐีระดับพระเจ้าด้วยระบบลงชื่อ - 141 : เจียงเฉินถือหุ้นรายใหญ่อันดับสามหันมาขับตี้ตี้จริงหรอ?
- Home
- เป็นมหาเศรษฐีระดับพระเจ้าด้วยระบบลงชื่อ
- 141 : เจียงเฉินถือหุ้นรายใหญ่อันดับสามหันมาขับตี้ตี้จริงหรอ?
เป็นมหาเศรษฐีระดับพระเจ้าด้วยระบบลงชื่อ ตอนที่ 141 : เจียงเฉินถือหุ้นรายใหญ่อันดับสามหันมาขับตี้ตี้จริงหรอ?
พระเจ้า!
นี่ไม่ใช่คนขับคนนั้นงั้นหรอ?
นี่เขายังมีหน้ามาอีกหรอ?
โจวไห่ฉางตกตะลึงทันทีที่เขาเห็นเจียงเฉิน!
“พี่เขย!”
โจวไห่ฉางชี้ไปที่เจียงเฉินก่อนจะหัวเราะออกมา “ดูที่คนขับตีตี้คนนี้สิพี่เขาคงจะชอบการแสดงจริงๆชอบจนถึงขั้นที่กล้ามาสถานที่จริงๆซะด้วย เขาแสดงอย่างกับตัวเองได้รับบัตรเชิญมาจริงๆเลย!”
โจวไห่ฉางคิดว่าหลิวโบเหวินนั้นจะหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินที่เขาพูด
แต่…
มีแต่ความเงียบ!
“พี่เขยา”
โจวไห่ฉางมองไปที่หลิวโบเหวิน
เขาก็ต้องพบกับใบหน้าที่กําลังแสดงถึงความกลัวออกมา
แทนที่ใบหน้าของหลิวโบเหวินจะมีแต่รอยยิ้มแต่บนใบหน้านั้นกลับไม่มีริยยิ้มเลยแม้แต่น้อย!
“นั่นคนข้างๆที่เขาคุยแล้วหัวเราะด้วยคือผู้ถือหุ้นอันดับสองหลิวหยุนเทา”
“อะไรนะ!”
โจวไห่ฉางตกตะลึง
“ใช่แล้ว!”
หลิวโบเหวินเองก็ตกตะลึงเขาพูดออกมาอย่างเคร่งขรึม “ถึงฉันจะไม่รู้จักผู้ชายหนุ่มคนนั้นแต่ฉันรู้จักผู้ถือหุ้นอันดับสองคนนี้ดีเขานั้นเป็นรองประธานของบรัทจีหยวนกรุ๊ป!”
“ได้ยังไงกัน?”
รอยยิ้มบนหน้าของโจวไห่ฉางหายไปโดยสมบูรณ์
หลิวหยุนเทาที่เป็นถึงผู้ถือหุ้นอันดับสองเดินมากับคนแบบนี้จริงๆหรอ!
คนแบบนี้ควรจะถือตัวไม่ใช่รึไง?!
ต้องเป็นผู้ถือหุ้นอันดับสามสิถึงจะเหมาะสม!
“พี่เขย….ตอนนั้นผมโอ้อวดธุรกิจลับๆของเราบนรถของเขา เขาน่าจะรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว”
โจวไห่เฉิงพุดกับหลิวโบเหวิน
หลิวโบเหวิน “???”
เขาหันหัวมาช้าๆก่อนจะจ้องไปที่โจวไห่เฉิง
“ให้ตายสิ! แกจะฆ่าตัวตายรึยังไงกัน?!”
โจวไห่ฉางหลั่งน้ำตาออกมา “ผมไม่ได้อยากซะหน่อย แต่ใครจะไปรู้กันว่าเขาที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่จะไปขับตีตี้! นี่มันไม่ใช่การหลอกลวงรึยังไง?”
หลิวโบเหวินเองก็ตื่นตระหนก
ความจริงแล้วการทุจริตของโจวไห่ฉางนั้นส่วนใหญ่แล้วเป็นคําสั่งมาจากเขา!
พวกเขามักจะยักยอกเงินได้ประมาณ 2 ล้านต่อเดือนและโจวไห่ฉางจะได้รับเพียงแค่ 400,000 หยวนต่อเดือนเท่านั้นส่วนที่เหลือก็จะเป็นหลิวโบเหวินที่รับไป!
หลิวโบเหวินมองไปที่โจวไห่ฉางอย่างชั่วน้าย “แกไอ้เด็กน้อย แกคงไม่ได้พูดอะไรมากเกินไปในรถนั่นใช่ไหม?”
ขาของโจวไห่ฉางอ่อนแรงเขาเริ่มตัวสั่น “พี่เขย ตอนนั้นฉันอยู่บนรถกับแฟนสาวคนใหม่ผมก็เลยคุยโวโอ้อวดไปโดยไม่รู้ตัวแล้วก็หลุดพูดเรื่องการทุจริตของเราไป”
หลิวโบเหวินโมโหเขาจบไปที่หน้าของโจวไห่ฉาง “แกมันโง่! ได้เงินแล้วก็พูดไปทั่วแทนที่จะกลัวคนอื่นรู้แต่แกกลับเอาไปบอกกับโต้งๆแบบนี้เนี่ยนะ?”
“ถ้าเขาเป็นผู้ถือหุ้นอันดับสามขึ้นมาจริงๆจะทํายังไง?”
หลิวโบเหวินตัวสั่นเพราะความโกรธเขาตบหน้าของโจวไห่ฉางอีกครั้งด้วยหลังมือ!
โจวไห่ฉางเอามือมาปิดหน้าของตัวเอง เขาไม่กล้าที่จะขัดขืนเขาพูดออกมาอย่างไม่พอใจ “พี่เขน แล้วเราจะทํายังไงกันดี?”
“ออกไป! ออกไปจากที่นี่!”
หลิวโบเหวินตะโกนใส่โจวไห่ฉาง “ตอนนี้แกออกไปให้ไกลๆฉันเดี๋ยวนี้ อย่าได้เข้ามาให้ฉันเห็นอีก! ถ้าแกโดนคุรเจียงเห็นปัญหาต่างๆนาๆจะตามมาแน่!”
โจวไห่ฉางพยักหน้าก่อนจะตอบตกลง “โอเคครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้! ผมจะไปเดี๋ยวนี้!”
เขารีบออกไปทันที!
เขาออกไปอย่างลับๆล่อใช้ประโยชน์ตอนที่เจียงเฉินและหลิวหยุนเทายังไม่สังเกตเห็นเขา!
แอบหนีออกไป!
โจวไห่เฉิงเดินออกไปจากโรงแรมด้วยความกังวลในใจก่อนจะถอนหายใจออกด้วยความโล่งอก
โชคดีที่เขายังมีไหวพริบและหนีจากเจียงเฉินออกมาได้สําเร็จ!
ฉันนี่มันฉลาดจริงๆ!
ไม่งั้นคงจะน่าอายมากแน่ๆถ้าต้องเผชิญหน้ากับผู้ถือหุ้นระดับสูงที่ปลอมตัวมาขับที่
โชคดีจริงๆ!
เดี๋ยวก่อนทําไมถึงรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ?!
ทําไมฉันถึงได้รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้อยู่คนเดียว ดูเหมือนฉันพาแฟนมาด้วยไม่ใช่รึไง!
แฟนสาวของเขาก็อยู่บนรถแล้วก็เคยพบเจียงเฉินมาแล้วเหมือนกัน!
แล้วเธอก็ยังอยู่ข้างใน!
ไม่ ฉันต้องรีบไปเอาตัวเธอออกมา
เขาวิ่งกลับเข้าไปอย่างรวดเร็วเพื่อพาเธอออกมา
ในเวลานี้เอง
แฟนสาวของเขาเองเพิ่งจะไปหาอะไรกินมาแต่เมื่อเธอกลับมาเธอก็ไม่เห็นโจวไห่ฉางแล้ว
แต่เธอกับพบกับเจียงเฉินแทน!
ไม่มีทางที่เจียงเฉินที่หล่อมากๆจะไม่โดดเด่นอยู่ท่ามกลางฝูงชน!
แฟนสาวที่ไม่ได้ทํางานในบริษัทนี้ย่อมไม่รู้จักหลิวหยุนเทาที่เป็นผู้ถือหุ้นอันดับสอง
แต่เธอนั้นจําเจียงเฉินได้ดีเมื่อเธอเห็นเธอก็ร้องตะโกนออกมาทันที
“นายมันคนขับที่ไม่ใช่รึไง? ทําไมนายถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”
เมื่อเสียงจบลงคนทั้งงานต่างก็หันมามอง
ทุกคนพูดคุยกัน
“หมายความว่ายังไง? คนขับตี้ตี้เข้ามา?”
* งานฉลองที่ใหญ่ขนาดนี้คนเองก็ไม่น้อยก็คงปกติที่คนจะหลุดรอดเข้ามา!”
“พระเจ้า นี่เขาแอบเข้ามากินของในงานงั้นหรอ?”
“เร็วเข้าเรียกยามมาไล่เขาออกไปเร็ว!”
หญิงสาวคนนั้นมองไปรอบๆเธอด้วยความภาคภูมิใจ
เธอชี้นิ้วไปทางเจียงเฉินอย่างตั้งใจแล้วกรีดร้องออกมา “ฉันจํานายได้นายเป็นคนขับตีตี้!”
ในเวลานี้เองโจวไห่ฉางเองก็กลับมาเห็นฉากนี้พอดี….
ช้าไปก้าว!!
แม่งเอ้ย ยัยผู้หญิงขยะ!
กลัวว่าฉันจะตายอย่างไม่ทุกข์ทรมาณรียังไงกัน?
ปิดหน้าตัวเองแล้วออกไปเถอะ!
ผู้ถือหุ้นอันดับสองหลิวหยุนเทามองดูด้วยความแปลกใจและสนุกเล็กน้อยก่อนจะเริ่มชี้แจงแนะนําตัวเจียงเฉินทันที “เป็นไปไม่ได้ นี่คือผู้ถือหุ้นอันดับสามของเรา เขาจะไปเป็นคนขับได้ยังไง?”
หลิวหยุนเทาที่เป็นถึงรองประธานทุกคนย่อมรู้จักเขาดีอยู่แล้ว
ทุกคนต่างตกตะลึง!
นี่คือผู้ถือหุ้นอันดับสามของพวกเขา?
การที่รองประธานออกมาพูดเองย่อมถูกต้องแน่นอน!
ในเวลานี้เองจางห้าวก็วิ่งเข้ามาอย่างเหนื่อหอบเขาเห็นเจียงเฉินแล้วเขาก็พูดออกมาอย่างเคารพทันที “คุณเจียง คุณมาถึงแล้วผมก็ไปรอที่หน้าประตูตั้งนาน”
หลังจากนั้นเขาก็ทําการแนะนําเจียงเฉินทันที “ทุกคน นี่คือแขกคนพิเศษที่ถูกเชิญมาโดยท่านประธานจางและเขาก็คือผู้ถือหุ้นอันดับสามของพวกเรา คุรเจียงเฉิน!”
เมื่อได้ยินทั้งหลิวหยุนเทาและจางห้าวยืนยันแบบนี้ทุกคนก็พยักหน้าปละปรบมือกันทันที!
มีเพียงแฟนสาวที่โง่งมของโจวไห่ฉางเท่านั้นที่ไม่เชื่อ “เป็นไปไม่ได้! เขาหล่อขนาดนี้ฉันไม่มีวันลืมเขาได้หรอก ฉันยังจําได้อยู่เลยว่าฉันนั่งบนรถตตี้ของเขา…”
ก่อนที่เธอจะพูดจบ เธอก็ตระหนักอะไรบางอย่างได้จนเธอต้องเอามือมาปิดปากตัวเอง
เดี๋ยวสิ!
“ถ้าเขาเป็นผู้ถือหุ้นอันดับสามจริงๆ ไม่ใช่ว่าเขาจะต้องรู้เรื่องการทุจริตของแฟนเธอแล้วหรอ?”
ใช่แล้ว!
ปัญหาใหญ่เลย!
ในที่สุดหญิงสาวก็ต้องตกตะลึง
โจวไห่ฉางและหลิวโบเหวินแทบจะเป็นลม
เวรเอ้ย!
ทั้งหมดแล้ว!
ยัยผู้หญิงไร้สมองคนนี้เข้าไปกล่าวหาเขาว่าเป็นแค่คนขับตี้ตี้ไปแล้ว!
ทุกคนรอบมองดูอย่างตกตะลึง
“พระเจ้า ผู้ถือหุ้นอันดับสามขับตี้ตี้งั้นหรอ?”
“โลกนี้บ้าไปแล้วหรอ?!”
“แม่งเอ้ย แค่เขานั่งอยู่บ้านรอเงินปันผลปีๆหนึ่งก็ได้เป็นสิบล้านแล้วไม่ใช่รึยังไง?”
“ผู้ถือหุ้นหลักของพวกเราจะทําตัวติดดินเกินไปแล้ว?”
ผู้ถือหุ้นอันดับสองอย่างหลิวหยุนเทาเองก็ไม่อยากจะเชื่อเขาถามเจียงเฉิน “นายเป็นคนขับที่ที่จริงหรอ?”
เจียงเฉินพยักหน้าและอธิบาย “โอ้ยจะเอะอะกันไปทําไมส่งพัสดุผมก็ทํามาแล้ว”
เมื่อพวกเขาได้ยินก็แทบล้มทั้งยืนกันทั้งงาน!
“พระเจ้า! ขาใหญ่ขาใหญ่แน่ๆเลย!”
“นี่แหละเส้นทางของการสัมผัสประสบการณ์ชีวิต!”
“ติดดินเข้าไว้ไม่เพียงแต่ส่งพัสดุแต่ขับตีตี้ก็ทํา นี่แหละเส้นทางแห่งความสุขของชีวิต!”
“น้องชาย ฉันยกนิ้วให้เลย!”
โลกแห่งความเป็นจริงตอนนี้ คนรวยนั้นทํางานส่งพัสดุขับตี้ตี้ แต่คนทั่วไปกลับมีดีแต่โอ้อวด
สุดท้ายก็ไม่มีแม้แต่เงิน!
ในเมื่อพวกนายไม่อยากให้ฉันเจียงเฉินเป็นคนดีงั้นฉันจะเผยด้านโหดร้ายออกมาก็แล้วกัน!
เจียงเฉินหลิวหยุนเถาผู้ถือหุ้นอันดับสองไว้ก่อนจะบอกเรื่องโจวไห่ฉางกับเขา “ผมจะให้คุณโทรหาตํารวจเอาเขาเข้าคุก คุณคิดยังไง?”
หลิวหยุนเทาแสดงสีหน้าวาววับราวกับไม่แปลกใจเลย เขาเห็นด้วยทันที “ใช่ ฉันไม่คิดว่าบริษัทของเรายังมีไอ้โง่แบบนี้อยู่ สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือการที่พวกเขาเอาของคุณภาพต่ำมาให้พวกเราครั้งนี้ผมจะตรวจสอบอย่างแน่นอนแล้วหลังจากนั้นผมจะเอาคําอธิบายเรื่องนี้ไปส่งให้ถึงมือด้วยตัวเองเลย!”
ความจริงแล้วหลิวโบเหวินนั้นก็เป็นลูกพี่ลูกน้องห่างๆของเขาและโจวไห่ฉางก็เป็นน้องเขาของหลิวโบเหวิน เขากับหลิยโบเหวินเองก็พอสนิทสนมกันอยู่บ้าง!
สําหรับเจียงเฉินแล้วในเวลาปกติเขาคงจะไม่มาสนใจคนกลุ่มนี้แน่!
แต่ใครจะรู้กันว่าเขานั้นก็เป็นตํารวจคนหนึ่ง!
ด้วยความเข้าใจที่เฉียบแหลมของเขาก็ทําให้เขานั้นคาดเดาได้ทุกอย่างแล้ว!
หึ
เจียงเฉินหัวเราะออกมาในใจ
ดูเหมือนว่าในใจของหลิวหยุนเทานั้นตําแหน่งผู้ถือหุ้นอันดับสามของเขามันไม่ได้สูงอะไรมาก
แต่เจียงเฉินนั้นก็ไม่ยอมเพียงแต่เท่านี้
มุมปากของเจียงเฉินค่อยๆยกยิ้ม
มาดูกันเถอะใครจะได้หัวเราะเป็นคนสุดท้าย
โจวไห่ฉางและหลิวโบเหวินถอานหายใจออกมาด้วยความโล่งอกจากระยะไกลเมื่อพวกเขานั้นเห็นว่าหลิวหยุนเทานั้นพักเรื่องนี้เอาไว้ก่อน
หลิวโบเหวินหัวเราะออกมาอย่างภาคภูมิใจ “ฮ่าฮ่า แกเจียงเฉินเป็นผู้ถือหุ้นดันดับสามแล้วยังไง? ลูกพี่ลูกน้องของฉันเป็นผู้ถือหุ้นอันดับสอง เขานั้นมีอํานาจมากกว่าแก แกอยากจะสู้กับพวกเราหรอ? แกยังอ่อนไป!”
โจวไห่ฉางรู้สึกดีขึ้นเขาเยาะเย้ยตามออกมา “ใช่แล้ว! ไม่รู้หรอว่ารองประธานน่ะเป็นลูกพี่ลูกน้องของพี่เขยฉัน? พวกเราสามคนเป็นญาติกันแกจะทําอะไรพวกเราได้?”
เจียงเฉินสังเกตการแสดงออกของคนพวกนี้ที่ค่อยๆอาละวาด
ฉันน่ะมีวิธีนับพันเลยนะที่จะเอามาใช้บี้มดจนตาย
ในเวลานี้เอง!
ชายวัย 50 ปีที่มีใบหน้ามั่นคงไม่มีความโกรธแต่ทรงพลังกําลังเดินเข้ามาเขาเดินผ่านเข้ามาในประตูของงานครบรอบ 40 ปีทันที
คนๆนี้มีชื่อว่าฉินกั๋วต่ง!
รองประธานอีกคนหนึ่งและเป็นผู้ที่ถือหุ้นอันดับสองเช่นกัน!
เบื้องหลังเขาตามมาด้วยเลขาชายคนหนึ่ง
เขาเดินผ่านประตูแล้วมองไปรอบๆ
เขานั้นมาราวกับว่าตัวเองพร้อมที่จะจากไปโดยไม่พูดอะไร
และอีกอย่างคือเขานั้นไม่เห็นใครในสายตา!
“คุณฉิน!”