เป็นมหาเศรษฐีระดับพระเจ้าด้วยระบบลงชื่อ - 147 : ผู้ชนะที่ถูกกําหนดไว้แล้วคือฉัน?
ตอนที่ 147 : ผู้ชนะที่ถูกกําหนดไว้แล้วคือฉัน?
เมื่อมองผ่านกระจกหลังไปซูเสียวเสี่ยวก็ได้เห็นหญิงสาวที่เพิ่งทะเลาะกับเธอไปโดนแฟนหนุ่มของตัวเองเขี่ยทิ้งในใจเธอก็รู้สึกมีความสุขทันที
ซูเสี่ยวเสี่ยวถามด้วยความแปลกใจ “ว้าว สามีของฉันเก่งขนาดนี้เลยหรอ? เพียงแค่ประโยคเดียวของนายก็ทําให้เพื่อนของนายที่ขับ McLaren ทิ้งแฟนของตัวเองทันที!”
เธอรู้สาเจียงเฉินนั้นมีอํานาจมากแต่เธอคิดไม่ถึงว่าเพียงคําพูดเดียวของเขาจะส่งผลกระทบขนาดนี้!
มันจะไม่เกินไปหน่อยหรอ?!
เจียงเฉิน “บางทีเขาอาจจะคิดว่าสิ่งที่ฉันพูดไปมันสมเหตุสมผลก็ได้นะยังไงซะฉันก็มักจะใช้คุณธรรมเกลี้ยกล่อมคนอยู่แล้ว”
“อา~”
ซูเสี่ยวเสียวคิด “ตอนแรกฉันคิดว่าเขาอาจจะเป็นหมอในโรงพยาบาลของนายซะอีก แต่ไม่รู้ทําไมพอคิดอย่างนั้นแล้วมันรู้สึกแปลกๆ”
เจียงเฉินยิ้ม “โลกมันกว้างใหญ่นะมันยังมีเรื่องน่าประหลาดใจอีกเยอะ”
ทั้งสองมาถึงเมืองต้าเผ่าก่อนจะเริ่มหาร้านอาหารเพื่อนั่งกินกัน
ซูเสี่ยวเสี่ยวขมวดคิ้วของเธอแม้แต่อาหารจานโปรดของเธอตอนนี้เธอก็แทบจะกินไม่ลง
เจียงเฉินเองก็รับรู้ได้ว่าเธอนั้นมีบางอย่างในใจ “เสี่ยวเสี่ยวพูดออกมาเถอะเก็บเอาไว้ข้างในไม่ดีหรอกนะ”
“อืม สามีมันเป็นแบบนี้…”
ซูเสี่ยวเสี่ยวพยักหน้าก่อนจะเริ่มเล่าถึงปัญหาที่พ่อของเธอกําลังเผชิญ
เธอนั้นเพียงแค่ต้องการคุยกับสามีของเธอและระบายอารมณ์ที่อยู่ในใจออกมาแต่เธอกลับไม่รู้เลยว่าในตอนนี้ ตาของเจียงเฉินนั้นเต็มไปด้วยประกายแสงมากมาย
“เราจะเอาผิดพวกเขายังไงได้บ้างพ่อของฉันก็ลาหยุดแล้ว แต่พวกนั้นกลับโยนความผิดมาให้พวกเรา?”
เจียงเฉินเองก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มันมากเกินไปเหมือนกัน
คนเราไม่ใช่นักปราชญ์ที่จะทํางานไปตลอดชีวิตซะหน่อยมันก็ควรจะมีบ้างที่คนเราจะลาหยุดพักผ่อนกันบ้าง
นอกจากนี้เขานั้นก็ขอลางานไปแล้วและทางบริษัทเองก็ ไม่ใช่ว่ามีทนายมือดีคนเดียวแต่พวกเขาก็แพ้ด้วยตัวเองอยู่ดีครอบครัวของลูกค้าก็มาตามรังควาญสร้างปัญหาให้บริษัทสุดท้ายก็โยนความผิดทั้งหมดมาลงที่ซูยี่ไห่เอาดื้อๆซะงั้น
และที่มากไปกว่านั้นตัวของลูกความเองก็ไปทําความผิดที่เรียกได้ว่าหนักมากทีเดียวและเอาจริงๆแล้วมันก็โชคดีมากแค่ไหนแล้วที่ไม่โดนตัดสินประหารชีวิตไป!
และมันก็ไม่ได้เข้าท่าเลยแม้แต่น้อยที่มาตามสร้างปัญหาให้กับบริษัทกฎหมาย
เพราะมันไม่ได้มีการรับประกันซะหน่อยว่าฝ่ายเราจะชนะคดีส่วนอีกฝ่ายก็จะแพ้
และในครั้งนี้อีกฝ่ายที่ว่าก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากบริษัทกฎหมายเทียนกวน
และที่สําคัญวันนั้นซูยี่ไห่ก็ลาหยุดไปแล้ว!
ซึ่งเหตุการณ์นี้ก็ไม่ควรที่จะมาเกี่ยวข้องอะไรกับพ่อของซูเสี่ยวเสี่ยวแม้แต่น้อยแต่เขากลับต้องมาโดนใส่ความว่า “หยุดงานโดยไม่ได้รับอนุญาติและยังขาดความเป็นมืออาชีพ?”
มันจะมากเกินไปแล้ว!
เจียงเฉินที่ค่อยๆได้ยินเรื่องราวใบหน้าของเขาก็ค่อยๆดํามืดลงเรื่อยๆ
ซูเสี่ยวเสี่ยวเงยหน้าขึ้นมามองเจียงเฉินเธอพบว่าเจียงเฉินในตอนนี้ไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่ เธอคิดว่าเขาอาจจะกําลังลําบากใจเธอจึงรีบพูดออกมาอย่างรวดเร็ว “ที่รักฉันขอโทษฉันไม่ควรพูดเรื่องนี้กับนายอีกอย่าง พ่อของฉันเองก็แก่แล้ว บางทีมันอาจจะดีกว่าถ้าเขาไม่ต้องเป็นทนายต่อไปที่รักนายไม่ต้องลําบากใจไปหรอกนะ ไม่งั้นฉันคงจะเสียใจแทน”
ซูเสี่ยวเสี่ยวกัดริมฝีปากพูดออกมาพร้อมกับน้ำตาที่กําลังคลอเบ้า
เจียงเฉินลูบหัวของเธอ “มันไม่เป็นอะไรหรอกตราบใดที่ ยังมีฉันอยู่ตรงนี้”
เจียงเฉินยังถามซูเสียวเสี่ยวถึงสถานการณ์ของซูยี่ไห่ในตอนนี้ต่อไป
ในเมืองหลวงนั้นมีบริษัทกฎหมาย King&Wood Mallesos เป็นบริษัทกฎหมายอันดับที่สามและมีทนายความชั้นยอดอยู่ถึง 7 คน
ซูยี่ไห่อยู่ในวงการนี้มากกว่า 16 ปีเขานั้นเป็นที่รู้จักดีในวงการนี้มีผลงานที่ยอดเยี่ยมและได้รับความเคารพมากมาย 4
ด้วยความสามารถระดับนี้เป็นกได้ว่าเขานั้นเป็นหนึ่งในคนที่สุดยอดจริงๆ!
เจียงเฉินคิดอยู่ซักพักถ้าพ่อตาของเขามีความสามารถจริงๆการแนะนําเขาให้บริษัทกฎหมายเทียนกวนก็ไม่ใช่เรื่องแย่!
เพราะคนเก่งๆแบบนี้ก็หาได้ยาก!
นอกจากนี้เขาและจางเทียนเหิงก็สนิทกันมากอยู่แล้ว!
เจียงเฉินเดินออกไปนอกร้านก่อนจะโทรหาจางเทียนเหิง
“คุณเจียง?”
ตั้งแต่ที่จางเทียนเพิ่งโดนเจียงเฉินพาไปจับอาชญากรระดับ A+ ครั้งก่อนเขาก็ยิ่งเคารพเจียงเฉินมากขึ้นไปอีกเขาพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม “โทรมาหาผมแสดงว่ามี เรื่องให้ผมช่วยใช่ไหม ว่ามาได้เลยผมจะทําให้ดีที่สุด”
“พี่เทียนเหิงมันไม่ขนาดนั้นหรอก”
เจียงเฉินยิ้ม “พอดีว่ามีทนายความคนหนึ่งที่ชื่อซูยี่ไห่จาก King&Wood Maltesons เขาโดนบริษัทเดิมยัดความผิดแล้วไล่ออกมา นายพอจะรู้จักคนๆนี้ไหม?”
“ซูยี่ไห่หรอ?”
ตาของจางเทียนเหิงเป็นประกาย “ผมรู้จักคนๆนี้เขาเป็นคู่แข่งเก่าของผมค่อนข้างดีเลยทีเดียวมีความสามารถมากเป็นทนายความที่ดีคนหนึ่งและยังมีชื่อเสียงในวงการ นี้เลยทีเดียว!”
เจียงเฉิน “แล้วสามารถรับเขาเข้าไปทํางานได้ไหม?”
จางเทียนเพิ่งคิดก่อนจะพูดออกมาอย่างไม่ลังเล “แน่นอน! บริษัทกฎหมายของเราย่อมต้อนรับทนายที่มีฝีมืออยู่ แล้วแต่ยังไงก็ตามเขาก็ต้องผ่านการสัมภาษณ์อยู่ดีส่วน เรื่องเงินเดือนผมจะเป็นคนกําหนดให้เอง!”
“กําหนดเองงั้นหรอ? งั้นก็ดีขอบคุณมากพี่เทียนเหิง”
เจียงเฉินพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
“ได้ที่ไหรกัน นายจะสุภาพเกินไปแล้ว”
จางเทียนเพิ่งหัวเราะออกมาเสียงดัง “ผมรู้จักซูยี่ไห่คนนั้นอยู่แล้ว แถมสัมยหนุ่มๆพวกเราก็ยังเคยเล่นด้วยกันไปก็หลายรอบ เขานั้นถือว่าเป็นคนที่มีความชํานาญสูงมากคนหนึ่งตอนที่ผมเปิดบริษัทผมก็เคยลองพยายามดึงตัวเขามาแต่เขาก็ปฏิเสธ! ครั้งนี้ได้นายเข้ามาช่วยดึงเขาอีกครั้งก็นับว่าเป็นโอกาสดีของเราแล้ว!”
เจียงเฉินกลับเข้ามาในร้านอาหารเพื่อบอกข่าวกับซูเสี่ยวเสี่ยว
“เสี่ยวเสี่ยวเรื่องานของคุณลุงฉันจัดการให้เรียบร้อยแล้ว เขาจะได้เข้าไปทํางานในฐานะของทนายมือดีของบริษัทกฎหมายเทียนกวน”
“บริษัทกฎหมายเทียนกวน? ทนายมือดี?”
ดวงตาของซูเสียวเสี่ยวเบิกกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ
เธอนั้นรู้ดีกว่าสถานการณ์ของพ่อเธอเป็นยังไง
ด้วยจุดด่างพร้อยทั้งสองนั้นทําให้พ่อของเธอนั้นไม่อาจจะเข้าบริษัทกฎหมายไหนได้อีกแล้ว!
แต่สามีของเธอกลับสามารถพาพ่อของเธอเข้าไปทํางานในบริษัทกฎหมายเทียนกวนได้ ด้วยระดับสูงที่สุด?!
ถ้าพ่อของเธอเป็นหมอ เธอก็ยังจะพอเข้าใจได้หากเขาจะพาพ่อของเธอเข้าไปทํางานในโรงพยาบาลหมิงเต่อ!
แต่พ่อของเธอนั้นเป็นทนายไม่ใช่รียังไงกัน?!
สามีของเธอออกไปโทรศัพท์ไม่นานพอกลับมาเขาก็หางานให้พ่อของเธอได้แล้วงั้นหรอ?
สามีของเธอจะทรงพลังเกินไปแล้ว!
ซูเสี่ยวเสี่ยวตกใจและไม่อยากจะเชื่อแต่หินที่อยู่ในใจของเธอก็ได้วางลงไปแล้ว
“ขอบคุณมากนะสามี~~”
ซูเสี่ยวเสี่ยวจูบเจียงเฉินด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ~
มั๊ว~~
เจียงเฉินยิ้มออกมา “ยังไงก็ตามอย่าเพิ่งบอกคุณลุงเรื่องนี้นะ”
“ทําไมกัน?”
ซูเสี่ยวเสี่ยวที่กําลังเอาโทรศัพท์ออกมาโทรบอกข่าวดีกับพ่อของเธอก็ชะงักไปทันที
เจียงเฉินพูดออกมา “ฉันคิดว่ามันจะดีกว่าถ้าคุณลุงจะ คิดว่าตัวเองนั้นเข้าไปทํางานที่นั่นด้วยความสามารถของตัวเอง ถ้าเราบอกเขาไปฉันเป็นคนจัดการให้มันจะส่งผลต่อจิตใจของเขาในระยะยาวนะ”
“อืม มันก็สมเหตุสมผลดีนะ!”
ซูเสียวเสียวที่ถูกความรอบคอบของเจียงเฉินเตือนสติไว้ก็หน้าแดงออกมา “แต่ยังไงก็ตามนายคงต้องจ่ายเงินไป มากใช่ไหมมันจะไม่ยุติธรรมกับนายหรอ?”
“เธอเป็นของฉันแล้วไม่ใช่รึไง? เธอยังต้องกังวลเรื่องพวกนี้อยู่อีกหรอ?” เจียงเฉินพูดออกมา “พ่อของเธอน่ะมีความสามารถนะ การที่พ่อของเธอได้เข้าไปทํางานในที่ๆเหมาะสมและได้แสดงความสามารถของตัวเองออกมาอย่างเต็มที่แค่นี้ฉันก็พอใจแล้ว แต่ถ้าจะแสดงความขอบคุณล่ะก็…”
เจียงเฉินยิ้มออกมาอย่างชั่วร้ายก่อนจะพูดออกมา “ก็คงต้องให้ลูกสาวมาชดใช้แล้วล่ะ”
ใบหน้าของซูเสี่ยวเสี่ยวแดง…เธอเข้าไปกอดคอของเจียงเฉิน
“ฮี่ฮี่~ สามีนายแย่มากเลยนะ!”
เจียงเฉินหัวเราะออกมา
บริษัทกฎหมายเทียนกวน
ห้องสัมภาษณ์
ในเวลานี้เองพ่อของซูเสี่ยวเสี่ยว ซูยี่ไห่ก็กําลังเข้ามาสัมภาษณ์ที่บริษัทกฎหมายเทียนกวน
ซึ่งเอาจริงแล้วเขานั้นไม่ได้หวังอะไรกับการสัมภาษณ์ครั้งนี้เลย
เขานั้นไปสัมภาษณ์งานมา 7 บริษัทแล้วแม้ว่าจะอธิบายยังไงเขาก็โดนปฏิเสธอยู่ดีจนตอนนี้เขารู้สึกท้อแท้จนไม่อยากทําอะไรต่ออีกแล้ว
จุดด่างพร้อยนี้คงจะต้องติดตัวเขาไปตลอดชีวิต
บริษัททั้ง 7 ก่อนหน้านี้ต่างก็ให้ความเห็นเหมือนๆกัน
“หยุดงานโดยไม่ได้รับอนุญาติ!”
“ไม่มีความรับผิดชอบ!”
“แก่เกินไปอีกไม่กี่ปีก็ทํางานไม่ได้แล้ว”
ซูยี่ไห่นั่งรออยู่ที่เก้าอี้หน้าห้องสัมภาษณ์เขาหลับตาอย่างอ่อนเพลีย
ความโชคร้ายนี้มันอะไรกัน!
เขาแค่ต้องการออกไปเที่ยวอย่างมีความสุข
แต่เมื่อกลับมาก็ต้องถูกไล่ออกงั้นหรอ?
นี่มันโยนความรับผิดชอบกันชัดๆ!
แต่ซูยี่ไห่ก็ยังพยายามปกปิดเรื่องนี้เอาไว้ เขาไม่อยากให้ภรรยาและลูกของเขาต้องมากังวลเรื่องนี้
ซูเสียวเสี่ยวถ้สเธอได้รับรู้เรื่องนี้เธอก็คงไม่มีความสุขแน่ๆ
“ไม่ว่าการสัมภาษณ์ครั้งนี้จะสําเร็จหรือไม่ เมื่อกลับไปฉันก็ต้องยิ้มออกมาให้ได้!”
ซูยี่ไห่ปลุกกําลังใจของตัวเองขึ้นมา
แต่ถึงอย่างนั้นความจริงที่โหดร้ายก็กําลังรออยู่ตรงหน้าของเขา
ในห้องสัมภาษณ์
“คุณคือทนายฝีมือดีซูยี่ไห่ใช่ไหม?”
น้ําเสียงของผู้สัมภาษณ์เต็มไปด้วยความสุภาพแต่ก็แฝงไว้ด้วยความเย็นชา เขาถือประวัติของซูยี่ไห่ไว้ในมือแล้วอ่านไปเรื่อยๆ
ก่อนหน้านี้ไปสัมภาษณ์มาแล้วถึง 7 ที่แต่ก็โดนปฏิเสธ ด้วยเหตุผลคล้ายๆกัน
“โอ้ ประวัติของคุณค่อนข้างดีเลยนะ แต่น่าเสียดายที่การหยุดงานโดยไม่ได้รับอนุญาติมันขัดต่อจริยธรรมของวิชาชีพร้ายแรงเกินไป!”
“คุณถูกเรียกให้ไปทําคดีแต่คุณกลับไปเที่ยวงั้นหรอ?”
ผู้สัมภาษณ์ถามออกมา
“ความจริงมันไม่ได้เป็นอย่างนั้นครับ”
ซูยี่ไห่ “ผมนั้นได้ทําการขอลาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และคดีนั้นทางบริษัทเองก็ให้ทนายอีกคนรับงานไปแล้ว”
“แต่บริษัทของคุณไม่ได้พูดแบบนั้น”
ผู้สัมภาษณ์ยักไหล่ “คุณดูตัวเองสิบนประวัติของคุณมัน เขียนไว้อย่างชัดเจนว่า ทนายความซูยีไห่ปฏิเสธคําแนะนําของบริษัทแล้วยืนกรานที่จะไปเที่ยวและได้ทําการหยุดงานโดยไม่ได้รับอนุญาติเป็นผลให้คดีต้องพ่ายแพ้! ดังนั้น เขาจึงถูกไล่ออก!”
ซูยี่ไห่ “…”
เขานั้นอยากจะพูดออกไปแต่ก็พูดไม่ได้
เพื่อชื่อเสียงของตัวพวกเขาพวกเขาจึงทําการขายซูยี่ไห่ออกไป
เพราะตอนนั้นถ้าซูยี่ไห่เป็นคนรับคดีนี้ไปผลมันก็คงไม่ออกมาแย่ขนาดนี้!
“นอกจากนี้แล้ว ถึงแม้ว่าคุณจะมีประสบการณ์ที่มากแต่ คุณก็ยังแก่เกินไป”
ผู้สัมภาษณ์ยังเอาทุกจุดอ่อนออกมาพูดทั้งหมด “มันคงจะน่าเกลียดเกินไปหน่อยถ้าเราส่งคุณไปขึ้นศาลตอนนี้ ผมกลัวถึงตอนนั้นคุณจะพูดได้ไม่ชัดแล้วด้วยซ้ําถูกต้อง ไหมล่ะ? อาชีพทนายน่ะต้องการความชัดเจนและอารมณ์คมคาย!”
ผู้สัมภาษณ์พูดต่อ “และยังมีเรื่องตําแหน่งและระดับของทนายอีก พวกเรานั้นก็มีทนายระดับเดียวกับคุณถึง 8 คนแล้วและเรายังมีหวังกวนที่เป็นทนายความที่เก่งที่สุดอีก! น่ากลัวว่าที่นี่จะไม่มีที่สําหรับคุณแล้ว”
ซูยีไห่ถอนหายใจ
เขารู้อยู่แล้วว่ามันจะต้องเป็นแบบนี้
ความล้มเหลวครั้งยิ่งใหญ่!
ในเวลานี้เองก็มีโทรศัพท์ดังเข้ามาผู้สัมภาษณ์ดูเบอร์ที่โทร เข้ามาก่อนที่ใบหน้าเขาจะเปลี่ยนไปทันทีที่ได้เห็น
เขายืนขึ้นด้วยความเคารพ “คุณจาง มีอะไรให้ผมช่วยหรอครับ?”
เขาเดินออกไปพร้อมกับรับโทรศัพท์ทันที
หลังจากที่ผู้สัมภาษณ์ออกไปตอนนี้ก็ผ่านไป 10 นาทีแล้ว
สําหรับ 10 นาทีนี้ซูยี่ไห่กลับรู้สึกหนักใจในทุกๆวินาที
10 นาที่ผ่านไปผู้สัมภาษณ์ก็กลับเข้ามา
พร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา
และทัศนคติที่เปลี่ยนไปแบบ 360 องศา!
“ฮ่าฮ่าฮ่า~ ทนายซู คุณนั้นเป็นที่รู้จักดีในวงการกฎหมาย ชื่องเสียงของคุรนั้นกว้างไกลผมคนหนึ่งที่ชื่นชมคุณ!”
ซูยี่ไห่ “??”
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?