เป็นมหาเศรษฐีระดับพระเจ้าด้วยระบบลงชื่อ - 210 : การอําลาบนทางด่วน
เป็นมหาเศรษฐีระดับพระเจ้าด้วยระบบลงชื่อ
ตอนที่ 210 : การอําลาบนทางด่วน
ทุกคนต่างก็ได้ยินกันอย่างชัดเจน
ลู่เหวินซูนั้นกล่าวว่าการจัดตั้งมูลนิธิการกุศลระดับชาตินั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก
และเจียงเฉินนั้นก็มีมูลนิธิระดับชาติเป็นของตัวเอง!
สิ่งนี้หมายความว่ายังไงกัน?
แค่คิดก็น่ากลัวแล้ว!!
ทุกคนมองไปที่เจียงเฉินที่กําลังสวมหน้ากากแต่เขาก็ยังคงดูโดดเด่น หล่อ และอ่อนโยน
ชื่นชม!
คิดไม่ถึงเลยว่าเจียงเฉินนั้นจะเป็นคนใหญ่คนโตตัวจริงเป็นยักษ์ใหญ่ที่น่ากลัว!
เฉินหงตกตะลึง!
หลี่รุ่ยจื่อเริ่มรู้สึกกลัว!
ลู่เหวินซูนั้นรู้สึกว่ากําลังมีมากว่า 10,000 ตัววิ่งอยู่ในใจของเขา เขานั้นไม่คอดเลยว่าแท้จริงแล้วเจียงเฉินจะเป็นคนใหญ่คนโต แถมยังเป็นคนที่ทรงพลังมากกว่าเขาเสียอีก!
หยานเค่อมองไปที่เจียงเฉินด้วยดวงตาที่สวยงามของเธอ เธอเต็มไปด้วยความสงสัยเธอนั้นรู้สึกว่าความลับอันยิ่งใหญ่ของเจียงเฉินนั้นดึงดูดใจของเธอเป็นอย่างมาก!
นักข่าวที่กําลังถ่ายทําข่าวก็พากันตื่นเต้น!
นี่คือข่าวใหญ่!
พวกเขาหันกล้องไปที่เจียงเฉินกันอย่างรวดเร็ว!
เจียงเฉิน “หลิวเต่ออันนายประเมิณค่าใช้จ่ายมาแล้วใช่ไหม?”
หลิวเต๋ออันพูดออกมาด้วยความเคารพ “เจ้านาย มูลนิธิได้ทําการตรวจสอบและประเมิณข้อมูลของสถานเลี้ยงเด็กกําพร้าแล้ว พวกเราจะทําการบริจาคเงิน 80 ล้านเพื่อสนับสนุนการสร้างสถานเลี้ยงเด็กกําพร้าขึ้นมาใหม่อย่างเต็มที่ นอกจากนี้พวกเราจะยังบริจาคอีก 20 ล้านภายในปีนี้เพื่อให้สถานเลี้ยงเด็กกําพร้าสามารถตั้งตัวได้อย่างเต็มที่!”
เจียงเฉิน “เอาล่ะ งั้นก็ตามนั้นแล้วก็บริจาคเงินเพิ่มให้อีกปีละ 10 ล้านเพื่อให้เด็กๆได้มีชีวิตที่ดีขึ้น…”
หลิวเต๋ออันรีบตอบรับทันที “เจ้านาย โปรดวางใจ ผมจะจัดการให้เรียบร้อยอย่างแน่นอนครับ!”
เจียงเฉินยังคงสั่งงานต่อ “นอกจากนี้ ที่พักชั่วคราวสําหรับเด็กๆในตอนนี้”
“ฉันจัดการเอง!”
ในเวลานี้เองหลี่ฟานเพื่อนร่วมชั้นที่เป็นคนรวยรุ่นที่สองของเจียงเฉินก็ก้าวออกมาและพูดออกมาด้วยเสียงอันดัง “บ้านของฉันมีโรงแรมอยู่ไม่กี่แห่งก็จริง แต่ก็มากพอที่จะให้ที่พักกับเด็กๆได้ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายคือฟรี! อย่างไรก็ตามครอบครัวของฉันยังมีทีมวิศวกรก่อสร้างอีกด้วยดังนั้นหากจะสร้างอาคารขึ้นมาใหม่ ฉันสามารถรับประกัณความเร็วและคุณภาพให้ได้!”
เจียงเฉินพยักหน้า “โอเค งั้นนายจัดการไปก็แล้วกัน!”
หลี่ปู่ฟานหัวเราะออกมา “ตราบใดที่พี่เฉินพูดออกมา มันก็ไม่สําคัญแล้ว!”
ด้วยการตัดสินใจของเจียงเฉินทําให้ปัญหาทุกอย่างของสถานเลี้ยงเด็กกําพร้าจบลงอย่างรวดเร็ว
ครูใหญ่เข้ามาจับมือของเจียงเฉินและพูดด้วยน้ําเสียงที่ตื่นเต้น “เด็กดี เด็กดี!”
ในช่วงเวลาเย็นสถานีโทรทัศน์ยี่โจว(สถานีโทรทัศน์ท้องถิ่น)ก็ได้ทําการรายงานข่าวของสถานเลี้ยงเด็กกําพร้า
เจียงเฉินก็ได้กลายเป็นตัวหลักของข่าวนี้ไปโดยอัตโนมัติ เมื่อข่าวออกมามันก็ทําให้เกิดคลื่นกระจายไปทั่วเมืองซานเหอ
บนอินเทอร์เน็ตนั้นก็มีคริปวีดีโอของเจียงเฉินกับลู่เหวินซูแพรกระจายออกไปและลู่เหวินซูก็ยังได้รับฉายาใหม่ว่า [บุคคลที่ไม่สามารถบริจาคเงินได้ แต่เรื่องการโอ้อวดเป็นที่หนึ่ง!]
เมื่อลู่เหวินซูได้รู้ว่าตัวเองได้รับฉายาดังกล่าวมาเขาก็กระอักเลือดออกมาทันที!
ฉายา [นายน้อยแห่งมณฑลเฮย์หลงเจียง] ก็ถูกทําลายอย่างสมบูรณ์!
และในตอนนี้เจียงเฉินนั้นเรียกได้ว่ากําลังเป็นที่นิยมแบบสุดๆ!
คนจํานวนนับไม่ถ้วนกดไลค์คริปของเขาอย่างบ้าคลั่ง! : แบบอย่างของคนรุ่นใหม่!
สาวๆนับไม่ถ้วนพากันตะโกนออกมา “เทพบุตร เทพบุตร!”
แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครได้เห็นใบหน้าใต้หน้ากากของเขา และก็ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าเขานั้นเป็นใคร
หลังจากที่เจียงเฉินจัดการเรื่องทุกอย่างเสร็จในวันนั้นเขาก็ตัดสินใจกลับเมืองหลวงทันที
และในเวลานี้เองครูใหญ่ก็เดินมาหาเขา
ครูใหญ่พูดอย่างตรงไปตรงมา “เธอเจอพ่อแม่แท้ๆของนายแล้ว
หรอ?”
เจียงเฉินตกตะลึงไปครู่หนึ่ง “เอ๊ะ?”
ถ้าให้พูดตรงๆเขานั้นไม่มีความรู้สึกอะไรกับพ่อแม่ของเขาเลย
ครูใหญ่พูดออกมา “ฉันก็คิดว่าเธอได้พบพ่อแม่ของตัวเองไปแล้ว ตอนที่เธอไปโรงเรียนมัธยมกับมหาลัยช่วงนั้นเธอไม่ค่อยได้เข้าสังคมสักเท่าไหร่ ฉันก็เลยไม่ได้เล่าเรื่องของเธอให้ฟัง แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เธอก็โตขึ้นแล้ว ฉันคิดว่าฉันสมควรเล่าเรื่องของเธอให้เธอฟังได้แล้ว…เธอน่ะถูกส่งตัวมาจากสถานีตํารวจตั้งแต่อายุ 1 ขวบ ไม่มีข้อมูลประจําตัวอะไรติดตัวมาเลย แต่ในมือของเธอนั้นถือลูกเต๋าหยกเอาไว้อยู่ในมือ และฉันก็เอาไปให้ผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งประเมิณดูปรากฏว่ามันอาจจะเป็นเศษอุกกาบาต ซึ่งเขียนเอาไว้ว่า คนที่จะเป็นผู้พิชิตสวรรค์…”
เจียงเฉิน “…”
นี่มันข้อมูลแบบไหนกัน?
อีกอย่างหยกมันควรเอาไปทําเป็นจี้หรืออะไรอย่างอื่นสิ…
ทําไมถึงกลายมาเป็นลูกเต๋า!
ชั่งมันเถอะ ยังไงซะ หนุ่มหล่อคนนี้ก็ได้อยากตามหาพ่อแม่ตัวเองอยู่แล้ว!
วันถัดมา
หลังจากแก้ปัญหาของสถานเลี้ยงเด็กกําพร้าเสร็จแล้ว เจียงเฉินก็ขับรถพาหยานเค่อกลับ
ในตอนนี้หยานเค่อนั้นทํางานเป็นครูอยู่ในโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในเมืองจี้โจว
เตียงเฉินนั้นจะไปส่งเธอระหว่างที่เขานั้นกําลังกลับเมืองหลวง
“เจียงเฉิน นายนี้ใจดีจริงๆนะ!”
โลลิสาวถูกกฎหมายที่นั่งอยู่ข้างคนขับก็ยิ้มออกมาให้เจียงเฉิน
“ดีตรงไหนหรอ?”
เจียงเฉินหยอกล้อเธอ
“ดูนายมีเรื่องให้คิดอยู่นะ”
หยานเค่อกระพริบตา
เจียงเฉินยิ้มตอบแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“ฉันคิดว่านายน่าจะมีเรื่องในใจอยู่นะ”
หยานเค่อนั้นรับรู้ได้ว่าหลังจากที่เจียงเฉินได้คุยกับครูใหญ่เขานั้นก็รู้สึกไม่สบายใจมาตั้งแต่นั้น
“เปล่าหรอก”
เจียงเฉินส่ายหัว
“ฉันเห็นว่าครูใหญ่ให้อะไรบางอย่างกับนาย ดูเหมือนมันจะเป็นลูกเต๋าใช่ไหม?” หยานเค่อกระซิบออกมา “มันเกี่ยวข้องกับเรื่องในอดีตของนายใช่ไหม?”
“อืม แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจจะไล่ตามหาความจริงหรอก อดีตมันก็ผ่านไปแล้ว ปล่อยมันไปดีกว่า ตอนนี้ฉันก็มีชีวิตอยู่ดีเป็นอิสระและเรียบง่าย ฉันชอบชีวิตแบบนี้มากกว่า
หยานเค่อเอนหัวของเธอซบลงบนไหล่ของเจียงเฉิน “งั้นฉันจะเล่าเรื่องของฉันให้นายฟังบ้างก็แล้วกัน ครั้งหนึ่งที่โรงพยาบาลประชาชนเมืองซานเหอ พวกเขาได้รับเคสเด็กหญิงอายุ 2 ขวบมา แต่น่าเสียดายที่ว่าเด็กหญิงอายุ 2 ขวบคนนี้เป็นหวัดและมีไข้ขึ้นสูง โดยที่พ่อแม่ของเธอไม่รู้เรื่องเลยจนกระทั้งเกิดโรคไข้สมองอักเสบ!”
“โรคไข้สมองอักเสบนั้นเป็นโรคที่ร้ายแรงมาก เมื่อมีเด็กปวยเป็นโรคนี้ก็อาจจะต้องกลายเป็นคนปัญญาอ่อนตลอดชีวิต หรือกลายเป็นคนพิการเลยก็ได้เ”
“เมื่อพ่อแม่ของเธอได้ยินว่าเธอนั้นปวยเป็นโรคไข้สมองอักเสบ พวกเขาก็สอบถามเกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาลก็จะแอบหนีออกไปในชั่วข้ามคืนด้วยความตกใจ”
“และเด็กหญิง 2 ขวบคนนั้นก็ถูกพ่อแม่ทอดทิ้งอย่างโดดเดี่ยว”
“และเด็กหญิง 2 ขวบที่ป่วยเป็นโรคไข้สมองอักเสบคนนั้นก็คือฉันเอง!”
“หมอที่ดูแลฉันก็คือ ดร.หยาน เธอทนไม่ได้กับสิ่งที่เธอนั้นเห็นเธอนั้นใช้เงินเก็บของเธอทั้งหมดเพื่อจ่ายค่ารักษาพยาบาลของฉัน และเตรียมการผ่าตัดผู้ช่วยชีวิตฉันจากความตาย”
“หลังจากนั้นเธอก็พาฉันไปหาตํารวจและพยายามตามหาพ่อแม่ของฉันไปทุกที่”
“แต่ทั้งสองนั้นก็จะไปแล้ว และข้อมูลที่หลงเหลือไว้นั้นก็เป็นข้อมูลปลอม ซึ่งจะตามหาพวกเขาจากภาพถ่ายนั้นก็ยากเกินไป”
“แต่เพราะหมอหยาน แม่ของฉันนั้นเป็นผู้หญิงโสด ดังนั้นขั้นตอนกําลังเลี้ยงบุตรบุญธรรมนั้นจึงเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมาก และก็ล่าช้าออกไปหลายปีจนกระทั่งถึงวัยที่ฉันต้องไปโรงเรียน แต่ทางเทศบาลเมืองก็ยังดําเนินเรื่องไม่เสร็จสิ้นสักที”
“แต่อย่างไรก็ตามตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาฉันก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข และแม่ของฉันก็รักฉันมาก”
หยานเค่อเล่าออกมาอย่างมีความสุขก่อนจะถอนหายใจออกมา “ฉันดูมีความสุขมากกว่านายมากนะ อย่างน้อยก็ยังเจอคนดีๆมาเป็นแม่ของฉัน แต่นายนั้นต้องแบกทุกอย่างด้วยตัวเอง”
เธอพูดกับเจียงเฉินอย่างจริงจัง “ดังนั้นฉันจึงทนไม่ได้หรอกที่เห็นนายเป็นแบบนี้! ฉันนั้นต้องการที่จะช่วยนายตามหาพ่อแม่ของนาย!”
เจียงเฉินยักไหล่
แม้ว่าเรื่องราวของหยานเค่อจะทําให้เขาประทับใจ แต่เจียงเฉินนั้นก็ยังไม่สนใจที่จะตามหาพ่อแม่ของเขาจริงๆนะ
สําหรับเฉินในตอนนี้ด้วยความพยายามและความสามารถของเขาที่มุ่งมั่นที่จะไปฉีดท้องฟ้าเท่านั้นก็ได้รับทั้งความมั่งคั่ง สถานะที่มั่นคง และความสําเร็จในทุกวันนี้ –
ซึ่งมันก็ทําให้เขามีความสุขมากแล้ว –
(ระบบที่กําลังโมโห : ใช่นายพูดถูก!)
และในเวลานี้เองก็มีรถสองคันขับมาข้างหน้าและเกือบจะชนกัน!
ความสนใจของเจียงเฉินมาที่ถนนทันที!
คันแรกนั้นเป็นรถ Range Rover ส่วนอีกคันเป็นรถ Maybach S เมื่อดูจากรถของทั้งคู่แล้วทั้งคู่นั้นจะต้องเป็นคนที่รวยแน่ –
และดูแล้วทั้งคู่ก็คงเป็นคนรวยหรือไม่ก็คนใหญ่คนโตที่มีความแค้นกันมาก่อนแน่
และทางข้างหน้านั้นก็เป็นทางที่ถูกบีบลง จากถนนที่มีทั้งหมดสามเลนตอนนี้เหลือเพียงแค่สองเลนเท่านั้น และรถทั้งสองนั้นก็วิ่งมาด้วยความเร็วสูง
ไม่นานรถทั้งสองก็เกือบที่จะชนกันทั้งสองหยุดรถลงทันที
“แม่งเอ๊ย! แกปวยร์ยังไงกัน?”
ชายคนหนึ่งลงมาจากรถ Range Rover ก่อนจะตะโกนใส่รถ Maybach S และชายเจ้าของรถก็ไม่ใช่ตะเกียงที่ไร้น้ํามัน เขานั้นตะโกนกลับจากหลังกระจกรถของเขาทันที
ความรุนแรงของทั้งสองเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และดูเหมือนว่าทั้งสองฝ่ายต่างก็มั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเองเป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเจ้าของรถ Maybach S ที่ลงมาจากรถทันทีหลังจากที่ตะโกนออกไป
แต่คนใหญ่คนโตที่เป็นเจ้าของรถ Range Rover ก็ตะโกนกลับด้วยเสียงที่ดัง
“เจ้าขี้หมา! ฉันหวังซิงฟาจากเมืองจี้โจว แกเกือบทําให้รถของฉันพัง เชื่อไหมว่าฉันสามารถทําให้แกไม่มีวันออกไปจากจี้โจวได้”
เจียงเฉินหยุดรถ
พวกนายสองคนทะเลาะกันก็ไม่เป็นไร
แต่ช่วยขยับรถแล้วให้ฉันผ่านไปก่อนได้ไหม
รถ Range Rover กับ Maybach S ทั้งสองคันจอดขวางบนถนนที่ไม่กว้างนักซึ่งแน่นอนว่ามันจะต้องทําให้รถที่กําลังตามมาข้างหลังต้องหยุดลง
และแน่นอนว่าเจียงเฉินนั้นเป็นคนที่ไม่ชอบความวุ่นวายอะไรแบบนี้ เขานั้นไม่ต้องการที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยว ดังนั้นทุกครั้งที่เขาเจอความขัดแย้งบนท้องถนนแบบนี้ และยิ่งเป็นคนใหญ่คนโตที่พยายามสู้กัน เขานั้นก็จะพยายามเหยียบคันเร่งเพื่อออกไปทันที
แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่า รถทั้งสองคันนั้นจะขวางถนนไว้ จนเขาไม่อาจจะขับผ่านไปได้
เมื่อดูการทะเลาะวิวาทกันระหว่างเจ้าของรถ Maybach S กับ รถ Range Rover ที่กําลังดําเนินไปกันอย่างดุเดือด แต่ก็ยังไม่มีการลงไม้ลงมือกัน เจียงเฉินก็ได้แต่นั่งเหงื่อตกอยู่ในรถ เพราะรถข้างหลังก็เริ่มบีบแตรไล่ตามหลังเขามาแล้ว
ทําไมพวกนายถึงได้ใช้แต่ปากกัน นี่ฉันโดนบีบแตรใส่มาตั้งนานแล้วนะ ทําไมยังไม่ขยับซักที?
และดูจากสถานการณ์ตอนนี้แล้วคงต้องมีอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงกว่าๆตํารวจถึงจะเข้ามา
เจียงเฉินลงจากรถและเดินไปหาทั้งสองทันที
เจียงเฉินไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้ดังนั้นเขาจึงเข้าไปไกล่เกลี่ยกับทั้งสองทันที
เขานั้นตรงไปหาชายที่ชื่อว่าหวังซิงฟาคนที่อ้างว่าตัวเองนั้นมีอํานาจมากในเมืองจี้โจวแห่งนี้
“พี่ชายยังไงรถก็ไม่ได้ชนกันอยู่แล้ว ดังนั้นช่วยขยับรถไปอยู่ข้างๆได้ไหมครับ?”
เจียงเฉินถอนหายใจออกมา
เพราะหลังจากเกิดเหตุไม่นานข้างหลังรถของเขานั้นก็มีลดจํานวนมากมาต่อแถวยาวกันหลายร้อยเมตรและบีบแตรออกมาตลอดเวลา
หวังซิงฟาโมโหมา “ขยับรถงั้นหรอ? ไม่มีทาง! เจ้านี่เกือบทําให้รถของฉันพัง วันนี้ฉันไม่มีวันยอมให้มันออกจากจี้โจวได้เป็นอันขาด!”
เจ้าของรถ Range Rover ยังคงดื้อดึง
เจียงเฉินพูดออกมา “ทุกคนเวลาที่กําลังขับรถอยู่บนถนนนั้นก็ควรใส่ใจเรื่องความปลอดภัยไม่ใช่เรื่องความอาฆาตพยาบาทกัน ซึ่งมันเห็นได้ชัดว่าพวกคุณนั้นทําผิด แล้วถ้าคุณยังไม่เต็มใจที่จะย้ายรถของคุณที่กําลังปิดกั้นการจราจรออก เมื่อตํารวจมาถึง พวกคุณก็คงไม่ได้เจอกับสิ่งดีๆแน่ ดังนั้นเชื่อผมเถอะนะ ?
เจียงเฉินยื่นนามบัตรสีทองที่มีตัวอักษรขนาดเล็กของเขาออกมา
หนึ่งโดยบนนามบัตรใบนี้มีการเขียนมากเกินไป ดังนั้นตัวอักษรที่ถูกพิมพ์จึงมีขนาดที่ค่อนข้างเล็กมาก
ตําแหน่งงาน :
“ผู้ถือหุ้นของโรงแรมผางภู่ ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทกฎหมาย เทียนกวน…”
ใช่คนนั้นมองลงไปที่บรรทัดที่อยู่ข้างใต้ต่อ “ผู้ถือหุ้นของโรงพยาบาลหมิงเต๋อ เจ้าของบาร์เทียนนุ่…”
หวังชิงฟาตกตะลึง!
นี่มันอะไรกัน!
ชายหนุ่มรูปงามคนนี้เขาเป็นคนใหญ่โตขนาดนี้เลยหรอ?
เขานั้นเป็นเจ้าของบริษัทมากมายขนาดนี้จริงเหรอ? แถมแต่ละที่นั้นยังเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงทั้งนั้น!
หญิงชิงฟาเองก็เป็นนักธุรกิจรายใหญ่ แน่นอนว่าเขานั้นย่อมต้องมีความเฉลียวฉลาดและเมื่อเขาดูจากบุคลิกของเจียงเฉินแล้ว การพูดคุยของเจียงเฉินนั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจและยังไม่อ่อนน้อมถ่อมตนมากจนเกินไป นี่เป็นลักษณะของคนใหญ่คนโตตัวจริง!
เขานั้นมั่นใจว่าเฉินไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน!
ทันใดนั้นใบหน้าอ้วนของหวังซิงฟาก็มีรอยยิ้มออกมาทันที
“โอ้ กลายเป็นว่าเป็นเถ้าแก่เจียงนี่เอง!”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เถ้าแก่เจียง ไม่คิดเลยว่าเราจะมีโอกาสได้พบกันที่นี่
เขาจับมือเจียงเฉินด้วยมือใหญ่ของเขาด้วยความกระตือรือร้น
เจียงเฉินพูดออกมา “พูดได้ดี! ถือว่าเป็นโชคดีก็แล้วกัน แต่ตอนนี้ช่วยขยับรถออกไปก่อนได้มั้ย? คนจํานวนมากอยู่ที่อยู่ด้านหลังพวกเขากําลังรอเดินทางต่อกันอยู่”
“ใช่แล้วๆ”
ในเวลาไม่นานหวังซิงฟาก็เปลี่ยนจากคนใหญ่คนโตผู้หยิ่งยโสกลายเป็นสุภาพบุรุษที่อ่อนโยน เขาดุคนขับรถของเขาทันที “นายขับรถยังไงถึงได้สร้างปัญหาได้มากขนาดนี้?”
คนขับ
ก็ได้ งั้นมาขับเองเลยแล้วกัน–
หวังซิงฟาโบกมือส่งสัญญาณให้กับคนขับรถ Maybach S ของเขาให้ขับไปข้างถนนก่อนจะยอมขอโทษเจ้าของรถ Range Rover “น้องชาย ก่อนหน้านี้ฉันอารมณ์ไม่ดี ฉันก็เลยทําอะไรผิดไป ดังนั้นขอโทษละกัน!”
เมื่อเห็นว่าหวังซิงฟายื่นทางออกให้เขาก็เปลี่ยนทัศนคติของตัวเองทันที ก่อนจะยิ้มแล้วพูดซ้ําๆออกมาว่าเขานั้นเป็นฝ่ายผิดเอง และไม่ควรโกรธหวังซิงฟาที่ขับรถด้วยความเร็วสูง
หลังจากพูดจบทั้งสองยิ้มให้กันอย่างโศกเศร้าก่อนจะจากกันไป
การจราจรกลับมาเป็นปกติ
รถทุกคันพากันขับต่อไปทันที
เจียงเฉินจับมือกับหวังซิงฟาก่อนจะอําลากัน
หวังซิงฟาจับมือกับเจียงเฉินอย่างกระตือรือร้นก่อนจะพูดออกมา “ในเมื่อน้องชายมาถึงที่นี่แล้ว จะไม่ให้ฉันเลี้ยงอาหารได้ยังไงกัน? ไม่ได้เลยนะยังไงก็ต้องตามฉันไปทานอาหารกันก่อน!”
เจียงเฉินยิ้มออกมาเล็กน้อย “บอสหวังผมมีเรื่องที่จะต้องรีบกลับไปจัดการที่เมืองหลวงดังนั้นในเมื่อคุณมีนามบัตรของผมแล้ วดังนั้นคุณสามารถไปหาผมที่เมืองหลวงได้ ไม่งั้นครั้งหน้าที่ผมกลับมาจี้โจว เราก็ค่อยนัดเจอกันใหม่ แล้วไปทานอาหารกันก็ยังไม่สาย”
ยิ่งหวังซิงฟามองไปที่เจียงเฉินมากเท่าไหร่ ความรู้สึกของเขาก็บ่งบอกว่าตัวตนของเจียงเฉินนั้นไม่อาจหยั่งลึกได้มากเท่านั้น!
หนุ่มหล่อขับรถสปอร์ตและยังมีนางฟ้า(หยานเค่อ)นั่งมาด้วยในรถ แม้แต่นามบัตรที่เขาเอาออกมาก็ยังมีชื่อบริษัทของเขามากกว่า 10 แห่ง และแต่ละแห่งนั้นก็มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก
ถ้าเขานั้นไม่คบกับคนแบบนี้แล้วเขาจะไปคบกับคนแบบไหน?
เขานั้นค่อนข้างรู้สึกเสียใจแต่ก็ตอบกลับด้วยน้ําเสียงที่หนักแน่น “งั้นก็ได้! ในเมื่อเรามีชะตาให้พบเจอกันแล้ว ครั้งหน้าเราก็ต้องกลับมาเจอกันได้แน่! นายเป็นเพื่อนของฉันแล้ว ตกลงนะ!”
ดี
เจียงเฉินนั้นรู้สึกว่าหญิงซิงฟาคนนี้ดูกล้าหาญพอสมควร ซึ่งการจะคบเอาไว้ก็ไม่เสียหายอะไร
ดังนั้นทั้งสองจึงอําลากันก่อนที่เจียงเฉินจะเดินกลับไปขึ้นรถ
หวังซิงฟาโบกมือลาจากบนท้องถนน
หยานเค่อมองไปที่เจียงเฉินด้วยความประหลาดใจ “หวังซิงฟางคนนี้เป็นคนใหญ่คนโตที่มีชื่อเสียงมากในจี้โจว เขานั้นเป็นผู้ให้ทุนสนับสนุนกับโรงเรียนหลายแห่งและก็ยังก่อตั้งโรงเรียนขึ้นมาอีกหลายแห่งด้วย แต่ทําไมนายถึงพูดกับเขาไม่กี่ประโยคเขาถึงกับเปลี่ยนจากคนที่กําลังโกรธกลายมาเป็นคนที่มีความสุขได้กัน?”
ในใจของหยานเค่อเธอนั้นเริ่มประเมิณให้เจียงเฉินนั้นขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง!
เจียงเฉินยิ้ม ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขานั้นคงไม่สามารถบอกกับหยานเค่อได้หมด
อย่างไรก็ตามเขานั้นเคยชินกับการทําตัวติดดินมากกว่าอยู่แล้ว
เวลา 18.00 ในที่สุดเจียงเฉินก็มาส่งหยานเค่อกลับถึงบ้านของเธอ
แต่อย่างไรก็ตามเวลานี้ก็เริ่มมืดแล้ว
หยานเค่อมองไปบนท้องฟ้า ใบหน้าของเธอแดง…เธอพูดออกมา “คืนนี้ฉันมีเพื่อนร่วมงานประมาณเจ็ดถึงแปดคนจะไปทานอาหารเย็นด้วย นายอยากจะอยู่ด้วยไหม?”
หยานเค่อคิดอย่างรอบคอบ : คืนนี้ให้เขากินข้าวที่นี่ไปก่อนดีกว่า เพราะยังไงเขานั้นก็พาฉันกลับมาส่งถึงบ้านจนตอนนี้เริ่มดึกแล้ว– จะให้เขารีบกลับไปก็ดูไม่ดีดังนั้นให้เขาพักที่นี่สักคืนดีกว่า
ฮี่ฮี่ฮี่–(???)
เจียงเฉินที่ไม่ได้คิดอะไรมากก็พยักหน้าตกลง
เดิมที่เขานั้นก็ไม่ได้รีบร้อนที่จะกลับเมืองหลวงอยู่แล้ว ดังนั้นการพักอยู่ที่จี้โจวสักคืนก็ไม่มีอะไรเสียหายอยู่แล้ว
ครึ่งชั่วโมงต่อมาเจียงเฉินกับหยานเค่อก็มาถึง [ร้านอาหาร เทียนซุ่ยเหลียน]
ร้านอาหารระดับไฮเอนด์ในจี้โจว เป็นร้านที่ทีชื่อเสียงมาก
เพื่อนร่วมงานของหยานเค่อที่โรงเรียนประถมมนั้นจะมาทานอาหารกันที่นี่
เพื่อลดช่องว่างระหว่างวัยระหว่างครูกับเด็ก ดังนั้นโรงเรียนประถมจึงมักจะทําการจ้างครูหนุ่มสาวมาเพื่อทําการสอน
และแน่นอนว่าพวกเขานั้นยังเป็นหนุ่มสาวกันอยู่ ดังนั้นพวกเขาจึงชอบหาอะไรมาเปรียบเทียบกันเองอย่างเช่น
แฟนของเธอหล่อไหม?
แฟนของเธอรวยรึเปล่า?
เมื่อเพื่อนร่วมงานของหยานเค่อนั้นได้เห็นว่าเธอนั้นมาพร้อมกับชายหนุ่มรูปงานและรถสปอร์ตหรู
พวกเขานั้นก็พากันตกตะลึง!