เป็นมหาเศรษฐีระดับพระเจ้าด้วยระบบลงชื่อ - 79 คนที่นิสัยต่างกันมักอยู่ด้วยกันไม่ได้
ตอนที่ 79 : คนที่นิสัยต่างกันมักอยู่ด้วยกันไม่ได้!
หลินซีหลานอยากจะร้องไห้
ทําไมวันนี้เธอถึงต้องมาเจออะไรแบบนี้
ฮือ ฮือTT
หลินซีหลานรู้สึกผิดในใจ แต่ยังไงเด็กคนนี้ก็เป็นผู้บริสุทธิ์
เธอช่วยเด็กคนนั้นให้ลุกขึ้นยืนก่อนจะยิ้มออกมา “เด็กน้อย เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
เด็กชายตัวน้อยเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะพบว่าคนที่อยู่ข้างหน้าเขาคือพี่สาวแสนสวยคนหนึ่ง เขาก็หยุดร้องไห้ทันที!
เด็กชายพูดออกมา “พี่สาวนางฟ้า พี่สวยจังเลย ผมไม่เป็นอะไรครับ ผมทนได้”
หลินซีหลานลูบหัวของเขาเบาๆ “เก่งมากจ้ะ”
ชายวัยกลางคนที่เห็นก็พูดออกมาอย่างเย็นชา “เขาไม่เป็นอะไรแล้ว แต่เสื้อของฉันล่ะ? มันเสื้อสูท LV ที่ฉันต้องซื้อมาด้วยราคา 50,000 หยวนนะ!”
เมื่อแขกที่อยู่รอบๆเห็น พวกเขาต่างก็เข้าใจได้เลยทันทีว่า ชายวัยกลางคนคนนี้ไม่ได้ต้องการการชดใช้หรืออะไร เขาแค่ต้องการรังแกคนอื่นเท่านั้น
บรรดาแขกรอบๆเริ่มกระซิบคุยกัน
“เสื้อของเขายังดีอยู่เลย เห็นได้ชัดเลยว่าเขาแค่ต้องการทําให้ผู้หญิงคนนั้นอับอาย!”
“เมื่อกี้ฉันยังเห็นเขาแอบดูเธออยู่เลย แถมเป็นเขานั่นแหละที่แอบเดินเข้าไปใกล้เธอ!”
“ใช่ๆ ฉันก็เห็นเหมือนกัน”
“เมื่อไหร่กันนะที่หัวใจของคนตกต่ําถึงขนาดนี้ ไม่เหมือนกับคนสมัยก่อนเลย!”
หลินซีหลาน “งั้นนายจะให้ฉันทํายังไง?”
ชายวัยกลางคนยิ้มออกมา “ทํายังไงหรอ? จะเป็นอะไรไปได้อีกถ้าไม่ใช่การชดใช้? 50,000 หยวน! เอาเงินมาให้ฉันทันทีด้วย ไม่งั้นวันนี้เธอก็อย่าหวังจะได้ออกไปจากร้านนี้!”
หลินซีหลานเธอก็ไม่ได้อยากจะทําให้เดตของเธอในวันนี้ต้องพัง เธอกัดฟันของตัวเองเพราะเธอไม่มีทางเลือกได้แต่ยอมรับมัน
และในเวลานี้เอง
เจียงเฉินก็เพิ่งจะรู้ว่าบริเวณที่หลินซีหลานอยู่นั้นกําลังมีอะไรผิดปกติ ดังนั้นเขาจึงรีบเดินออกไปดูทันที สุดท้ายเขาก็เดินไปชนกับหลินซีหลานที่กําลังเดินกลับมาเอากระเป๋าของตัวเอง
หลินซีหลานที่ไม่รู้ว่าเธอนั้นเดินไปชนกับใครก็รีบขอโทษทันที “ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ”
วันนี้ทําไมโชคเธอถึงไม่ดีเลย
“เกิดอะไรขึ้นหรอ?” เจียงเฉินคว้าไหล่ของให้เธอได้เห็นหน้าเขาชัดๆ
“อา- นายนี่เอง”
หลินซีหลานถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
เมื่อชายวัยกลางคนได้เห็นเจียงเฉินใบหน้าของเขาก็ยิ่งแสดงความเย่อหยิ่งออกมา “แกเป็นผู้ชายของเธอใช่ไหม? ผู้หญิงของแกเพิ่งจะทําน้ําหกบนเสื้อของฉัน พวกแกก็ต้องจ่ายเงินชดใช้ด้วยเร็วๆด้วย ฉันกับลูกชายยังต้องไปนั่งกินอาหารกันอยู่”
ในเวลานี้เองเด็กชายตัวน้อยก็เดินมาและมองเจียงเฉิน “พี่ชาย ผู้ชายคนนี้เขาผลักพี่สาวมาโดนผมจนล้ม เขารังแกคนอื่น”
ชายวัยกลางคนที่ได้ยินก็หงุดหงิดจากความอับอาย “พูดอะไรไร้สาระไอ้เด็กน่ารังเกียจ! ลูกใครกันวะไม่สั่งไม่สอนเลยรึไง?”
แม่ของเด็กชายก็ตกใจทันทีที่เธอเห็นว่าลูกชายของเธออยู่ตรงนั้น เธอรีบเข้าไปก่อนจะดึงลูกของเธอออกมาทันที!
แน่นอนว่าเจียงเฉินเข้าใจสถานการณ์ดีและเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแค่ยิ้มออกมา “แค่นี้หรอ งั้นถ้าแกอยากได้เงิน ก็ขอโทษแฟนของฉันกับน้องชายคนนั้นก่อนสิ”
“ขอโทษหรอ? แกกล้าบอกให้บิดาขอโทษผู้หญิงกับเด็กหรอ? แกคิดว่าแกฝันอยู่รึไง?”
ชายวัยกลางคนพูดเยาะเย้ยออกมา
ถ้าฉันไม่ขอโทษแล้วแกจะทําอะไรฉันได้?
ตราบใดที่ฐานะของฉันสูงกว่า ฉันก็สามารถทําให้พวกแกทั้งคู่ตายทั้งเป็นได้ทุกๆนาที!
เขาคิดว่าเจียงเฉินคงโดนเขากินได้ไม่ยาก
ต่อให้แกเห็นว่าฉันรังแกพวกแกจริงๆ แล้วแกจะทําอะไรฉันได้?
ในเวลานี้เองก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งจากอีกฝั่งวิ่งเข้ามาและใบหน้าของเขาดูน่าสงสารไม่น้อย
เขาสามารถจําเจียงเฉินได้ผ่านการมองผ่านๆแค่ครั้งเดียว เขารีบวิ่งไปหาชายวัยกลางคนก่อนจะกระซิบ “พ่อ ผู้ชายคนนี้เขาเป็นตํารวจอาชญากรรม! เขานี่แหละที่ตบผมที่โรงพยาบาลวันนี้!”
เมื่อชายวัยกลางคนได้ยิน ใบหน้าเขาก็ยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่
“ก็ถึงว่าทําไมแกถึงดื้อดึงขนาดนี้! ที่แท้ก็เป็นตํารวจอาชญากรรมเลยทําให้แกคิดว่าจะจัดการกับใครก็ได้งั้นสินะ? งั้นวันนี้ฉันจะสั่งสอนแกเองว่าตํารวจอาชญากรรมควรเป็นยังไง?”
เมื่อพูดจบชายวัยกลางคนก็เอามือไปตบบ่าของลูกชาย เบาๆก่อนจะพูดต่อว่า “หลงเอ๋อร์ พ่อจะคอยช่วยลูกเอง ไม่ต้องไปกลัวพวกมัน! พวกมันก็แค่เจ้าหน้าที่ตัวเล็กๆเท่านั้นไม่ใช่รึไง?”
เจียงเฉินไม่พูดอะไรเขาทําเพียงยิ้มออกมา
คําพูดที่ว่าถ้าคนที่ไม่มีนิสัยแบบเดียวกันคงจะอยู่ด้วยกันไม่ได้คงจะจริง!
นิสียของทั้งสองพ่อลูกไม่ต่างกันเลยจริงๆ!
หลังจากนั้น ชายวัยกลางคนก็หยิบนามบัตรของเขาขึ้นมา “แกไอ้ตํารวจมาดูนี่สิ! ฉันเป็นผู้จัดการบริษัทที่มีชชื่อเสียง รายได้ต่อปีมากกว่า 1 ล้าน! แล้วตํารวจอาชญากรรมอย่างแกยังกล้าสู้กับฉันอีกไหม?”
เจียงเฉินหยิบนามบัตรของเขามาอ่าน
[อู๋จุน บริษัทเทคโนโลยีออิเล็กทรอนิกส์ ตําแหน่งผู้จัดการ ที่อยู่บริษัท : ชั้น 18 อาคารพาณิชย์หัวกัว ถนนศูนย์กลางทางการเงิน เบอร์โทรศัพท์ : xXxXxx]
เจียงเฉินยิ้มออกมา “ก็ไม่เห็นจะเท่าไหร่นี่”
“ไอ้หนุ่มตาของแกมีปัญหายังไง”
อู๋จุนชี้นิ้วไปทางเจียงเฉินด้วยความโกรธ “ฉันเป็นผู้จัดการที่มีอํานาจสูงกว่าคนนับหมื่นคน! วันนี้แกทําร้ายลูกชายฉันและแฟนของแกยังมาทําให้เสื้อของฉันเลอะอีก แล้ถ้าตอนนี้แกจ่ายมา 150,000 ฉันจะปล่อยพวกแกทั้งสองไป! ไม่งั้นทีมทนายของบริษัทฉันจะฟ้องร้องพวกแกให้ล้มละลายจนไม่มีแม้แต่เงินกินข้าวแน่!”
อู๋เหลียงเหลียงที่อยู่หลังพ่อของตัวเองก็รู้สึกฮึกเหิมขึ้นมา ทันที “หึ เด็กน้อย รู้รึยังว่าฉันคนนี้มีดีแค่ไหน? เพราะฉะนั้นเชื่อฟังพ่อของฉันดีๆซะเถอะมอบเงิน 150,000 มาให้พวกเราซะแล้วก็มาขอโทษฉันด้วย ฉันจะได้ปล่อยให้พวกแกได้มีวันแก่ตายโดยไม่โดนฟ้องร้องซะก่อน!”
บรรดาแขกที่มาทานอาหารรอบๆต่างส่ายหัวไปมาทีละคนๆ
“มันจบแล้ว อํานาจของตํารวจอาชญากรรมมันไม่พอหรอก เพราะอีกฝั่งก็น่าจะมีเบื้องหลังที่ใหญ่กว่า”
“ใช่ๆ อีกฝั่งเป็นถึงคนมีอํานาจในบริษัทใหญ่เชียว คนตั้ง เท่าไหร่ไม่รู้กําลังรอเกาะแข้งเกาะขาเขาอยู่”
“น่าเสียดาย พ่อหนุ่มคนนั้นอุตส่าห์พาแฟนมาทานอาหารเย็นแต่กลับกลายเป็นว่าเขาไปขึ้นหลังเสือแทนแล้ว”
เจียงเฉินยิ้มออกมาบางๆ “ผมเจียงเฉินมักจะให้โอกาศคนอื่นอยู่เสมอ ถ้าพวกคุณตบหน้าตัวเองคนละสิบครั้ง เรี่องครั้งนี้ผมก็จะปล่อยผ่านไปละกัน”
สองพ่อลูกที่ได้ยินก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที “แกไม่กลัวตายเลยรียังไง? ใครมันจะยังมาให้ความเมตตากับคนอื่นตอนนี้กัน? ฉันจะโทรหาทีมทนายเดี๋ยวนี้ล่ะแกรอรับหมายศาลได้เลย!”
อู๋จุนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกําลังจะเตียมกดโทรออก แต่ก็มีสายโทรเข้ามายังมือถือของเขาเสียก่อน
อู๋จุนพ่นลมหายใจเย็นชาออกมาก่อนจะยืนโทรศัพท์ให้เจียงเฉินดู “แกเห็นไหม? พี่เขยของฉันเขาเป็นประธานบริษัท ไท่เว่ยเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์!”
ทันทีที่พูดจบคนรอบๆต่างแตกตื่นทันที ลู่เว่ยประธานบริษัทไท่เว่ยเทนโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์
นั่นมันมหาเศรษฐีเลยนะ!
พระเจ้า!
ปรากฏว่าพี่เขยของเขาเป็นประธานบริษัท!
อู๋จุนกดรับโทรศัพท์ด้วยความยินดี
ไม่นานเสียงก่นด่าก็ดังออกมาจากโทรศัพท์ “อู๋จุน! แกอยู่ที่ไหน? คืนนี้บริษัทมีการประชุมแล้วแกที่เป็นผู้จัดการหายไปไหน? แกทําอะไรของแกอยู่ห้ะ?”
อู๋จุนตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม “พี่เขย ผมไม่รู้จริงๆพี่ ก่อนหน้านี้พี่ก็ไม่ได้เตือนผมนิ แล้วก็ตอนนี้ผมออกมาทานอาหารเย็นกับลูกชายอยู่”
ลู่เว่ยโบกมือ “งั้นลืมมันไปเถอะ! การประชุมจบไปแล้ว แล้วก็มีเรื่องสําคัญที่นายต้องไปทําอีกอย่างหนึ่ง บริษัทของเรากําลังหมดสัญญาเช่าภายในเดือนพฤษภาคม และอา คารที่เราเช่าอยู่ก็เพิ่งจะเปลี่ยนเจ้าของใหม่ไป เจ้าของใหม่คนนี้เขาแซ่เจียง นายจะต้องติดต่อกับเขาและขอต่อสัญญาให้ได้ ไม่งั้นคนของเราต้องเก็บของออกไปจากที่นี่แน่!”
“ซู้ด”
อู๋จุนสูดหายใจเข้า เรื่องที่เขาต้องทํามันสําคัญมากจริงๆ!
ในถนนศูนย์กลางทางการเงินทุกๆตารางนิ้วมีค่าดั่งทองคํา เพราะฉะนั้นอาคารแค่หลังเดียวย่อมมีมูลค่ากว่า 8 พันล้านหยวน!
และสถานะของคุณเจียงที่ว่าคงไม่อาจหยั่งถึงจริงๆ เมื่อเทียบกับคนแซ่เจียงเบื้องหน้าเขา!!
และถ้าการต่อสัญญาไม่สําเร็จ นั้นก็จะกลายเป็นจุดเปลี่ยนของบริษัททันที อิทธิพลของบริษัทจะลดลงอย่างมหาศาล
มูลค่าของหุ้นบริษัทก็จะดิ่งลง!
อู๋จุนมองไปที่เจียงเฉิน ก่อนจะโทรไปตามเบอร์ที่พี่เขย ให้เขาโทรไปติดต่อเพื่อต่อสัญญาเช่าอาคาร
ตรัดตรัด—
โทรศัพท์ของเจียงเฉินดังขึ้น!
เจียงเฉินหยิบมันขึ้นมา เขาไม่ได้กดรับหรือวางสายทั้งนั้น
อู๋จุนที่กําลังรีบก็ไม่เข้าใจว่าทําไมถึงยังไม่มีการตอบรับซักที!
เจียงเฉินวางสาย
อู๋จุนจ้องไปที่เจียงเฉิน “ไอ้เด็กเวร! อย่ามากวนฉันตอนกําลังคุยธุระกับคุณเจียงสิวะ!”
พูดจบเขาก็หันไปด้านข้าง และพยายามจินตนาการภาพใบหน้าของเจียงเฉิน
และเขาก็โดนตัดสายอีกครั้ง
ในตอนนี้เอง คิ้วของเหลียงเหลียงก็ขมวดเข้าหากัน “ พ่อ ดูเหมือนจะมีอะไรแปลกๆนะพ่อ ทันทีที่พ่อโทรออกไป โทรศัพท์ของหมอนั่นก็จะดัง นั่นไม่ได้หมายความว่า…”
อู๋เหลียงเหลียงยังพูดไม่ทันจบดี
อู๋จุนก็ตระหนักอะไรบางอย่างได้ทันที เขาชี้นิ้วไปที่เจียงเฉินด้วยความโกรธ “ทําไมโทรศัพท์ของคุณเจียงถึงมาอยู่ในมือแกได้!”