เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ - ตอนที่ 290 เรื่องวุ่นวาย
วันนี้เป็นนิทรรศการงานแข่งขันของเดือนแปด
ในการแข่งขันนี้ผู้มีส่วนร่วมของสมาคมไวโอลินมีคุณเอินเก๋ออยู่ด้วย
ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณเอินเก๋อมา ฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับสมาคมไวโอลิน และไต้หรานก็ไม่ได้พาเขาไปเยี่ยมชมสมาคมไวโอลิน
มุ่งหน้านำเขามาที่ห้องจัดแสดงทันที
ที่นอกประตูห้องจัดแสดง เขามองฉินอวี่ “อาจารย์”
“คุณเอินเก๋อ นี่คือลูกศิษย์ของฉัน ฉินอวี่” ไต้หรานแนะนำฉินอวี่ให้เอินเก๋อ เชิดคางขึ้นเล็กน้อย “นักเรียนระดับหกเพียงคนเดียวของครั้งนี้”
เพราะว่าฉินอวี่ก้าวขึ้นไประดับหกได้อย่างรวดเร็ว หลังผ่านระดับหก ตำแหน่งของไต้หรานในสมาคมก็เปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นงานต้อนรับดูแลคุณเอินเก๋อจึงตกเป็นของไต้หรานทันที
ได้เรียนรู้อย่างหนึ่งตอนต้อนรับคุณเอินเก๋อ ว่าอาจารย์ส่วนใหญ่ในสมาคมแข่งขันแก่งแย่งกันเพื่อทำสิ่งนี้
นั่นเพราะเอินเก๋อเป็นรองประธานสมาคมไวโอลินรัฐ M ซึ่งเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในสมาคมไวโอลิน และเป็นคนของรัฐ M ได้รับการชี้แนะจากเขาสองสามคำหรือเป็นคนคุ้นเคย ก็ล้วนเป็นที่น่าแปลกใจ
ที่ผ่านมาอาจารย์เว่ยต้อนรับเขาเป็นการส่วนตัว เพราะอาจารย์เว่ยกับคุณเอินเก๋อสนิทคุ้นเคยกัน
“นักเรียนระดับหก” คุณเอินเก๋อได้ยินประโยคนี้ รู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก “มีนักเรียนระดับหกปรากฏตัวขึ้น เธอเข้ามาในสมาคมนานเท่าไหร่แล้ว”
“ไม่ถึงปี” ไต้หรานยิ้ม
ได้ยินประโยคนี้ คุณเอินเก๋อเพ่งมองฉินอวี่ ก้มหัวลงเล็กน้อยเป็นการชื่นชม “ปีนี้สมาคมของพวกคุณยอดเยี่ยมจริงๆ”
ไต้หรานกับฉินอวี่มองหน้ากัน เข้าใจถึงความประหลาดใจลึกๆ ซึ่งกันและกัน
ฉินอวี่ไม่ได้พูด แม้แต่ไต้หรานก็ยังแปลกใจ
คุณเอินเก๋อเดินเข้าไปข้างในต่อ เดินไปสองก้าว จู่ๆ ก็นึกอะไรบางอย่างออก มองไปที่ไต้หราน “จริงด้วย ฉินหร่านสมาชิกใหม่ปีนี้ของพวกคุณเป็นอย่างไรบ้าง”
นี่คือลูกศิษย์ของอาจารย์เว่ย อาจารย์เว่ยพาเธอมาพบเขาเป็นการส่วนตัว คุณเอินเก๋อประใจฉินหร่านเป็นอย่างมาก
“เธอ?” ไต้หรานได้ยินคุณเอินเก๋อถามถึงฉินหร่าน เขายิ้มบาง “เธอไม่ค่อยปรากฏตัวในสมาคมไวโอลิน”
ฉินหร่านหายเงียบไปในช่วงสองเดือนนี้
นักเรียนคนอื่นหลังจากได้ยินว่าฉินอวี่สอบผ่านระดับหก พวกเขาต่างได้รับแรงผลักดันให้ไปที่ห้องสอบของชั้นสอง มีคนลองไปทดสอบอยู่เกือบทุกวัน
โดยเฉพาะนักเรียนใหม่จอมหยิ่งผยองอย่างพวกเถียนอี้อวิ๋นกับหลี่เสวี่ย แม้จะยังสอบไม่ผ่าน แต่อาจารย์เหล่านั้นต่างคาดหวังในความก้าวหน้าของพวกเถียนอี้อวิ๋นกับหลี่เสวี่ย
มีแต่กลุ่มพวกสามคนของฉินหร่าน ไม่เคยมาห้องสอบสักครั้ง ราวกับหายตัวไปอย่างไรอย่างนั้น
“จริงเหรอ” คุณเอินเก๋อพยักหน้า สงสัยนิดหน่อย
ไต้หรานให้อาจารย์คนข้างๆ พาคุณเอินเก๋อเข้าไป และเขาหยุดพูดคุยกับฉินอวี่อยู่ที่เดิม
“คุณหนูอวี่ โอกาสนี้หายากมาก เธอต้องตั้งใจคว้าเอาไว้ คุณเอินเก๋อประทับใจเธอมาก เธอจะต้องแสดงประสิทธิภาพฝีมือของเธอออกมาให้เด่นชัด ครั้งนี้ทุกอย่างพร้อมแล้ว เธอต้องทำให้ตัวเองเป็นที่จดจำของคุณเอินเก๋อให้ได้”
ฟังที่ไต้หรานพูด ฉินอวี่มองตรงไปด้านหน้า เธอพยักหน้า “ค่ะ”
พูดจบประโยค เธอมองตามหลังคุณเอินเก๋อที่ไกลออกไปด้วยสายตาหม่นมัวแล้วหันกลับ
**
ด้านหลังห้องจัดแสดง เป็นการสุ่มหมายเลข
ครู่หนึ่งฉินอวี่จับได้หมายเลข 11 ซึ่งเป็นเลขตรงกลาง ไม่ถือว่าเร็วไป และก็ไม่ถือว่าช้าไป
“รุ่นพี่ คุณได้ 11 เหรอ ฉันโชคไม่ดีเลย ที่ได้ลำดับหลังจากคุณ” เถียนอี้อวิ๋นเหลือบมองแผ่นหมายเลขในมือตัวเอง
คนอื่นๆ มองดูตามและเห็นด้วย
เห็นว่าตัวเองอยู่ลำดับหลังหมายเลข 11 นักเรียนระดับห้าคนหนึ่งที่อายุมากกว่าฉินอวี่หดหู่ยิ่งกว่า “ฉินอวี่ ทำไมเธอไปได้ไกลจัง”
เธอรับผิดชอบแผ่นหมายเลขของคนเก่าในครั้งนี้ และลำดับนี้ก็เป็นหมายเลขชั่วคราวของเธอเช่นกัน
ช่องว่างระดับห้าและระดับหกต่างกันค่อนข้างมาก นิทรรศการงานแข่งขันนี้ยังคงอิงจากคะแนน บังเอิญว่าฉินอวี่อยู่ตรงกลาง เห็นการแสดงของเธอแล้ว ในสายตาของกลุ่มพวกอาจารย์ การแสดงของนักเรียนกลุ่มหลังก็ค่อนข้างจืดชืดไม่น่าสนใจ
นักเรียนเก่าคนนี้จะไม่หดหู่ได้ไง
โดยเฉพาะเถียนอี้อวิ๋น ที่ตามติดอยู่ด้านหลังฉินอวี่
เธอเพิ่งถึงระดับสี่ ห่างจากฉินอวี่ไปสองระดับ แบบนี้เหมือนเอาเธอมาประณามต่อหน้าสาธารณะ
ใกล้ถึงเวลานิทรรศการงานแข่งขันแล้ว ฉินอวี่เหลือบมองหมายเลขสามลำดับข้างหน้า แบ่งเป็น 5,7,20 เธอมองถึงหมายเลข 20
“คนนี้ใคร” ฉินอวี่กลอกตา
คนที่ขึ้นเวทีเป็นคนสุดท้ายทำให้คุณเอินเก๋อประทับใจมากที่สุด แตกต่างจากการแสดง 19 อันดับก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง
ฉินอวี่ไตร่ตรองอย่างรอบคอบมากๆ
แม้ว่านักเรียนเก่าจะเป็นผู้รับผิดชอบแผ่นหมายเลขของนักเรียน 20 คน แต่ก็ไม่ได้จำชื่อของทุกคนได้หมด หมายเลข 5กับ 7 เขาจึงไม่รู้ แต่เขารู้หมายเลข 20 ศิษย์คนนั้นของอาจารย์เว่ย ที่ครั้งนี้อาจเป็นรองจากนักเรียนฉินอวี่ ‘ฉินหร่าน’
“ฉินหร่าน?” ฉินอวี่ยิ้ม เธอม้วนผมที่ปรกอยู่ข้างใบหน้าไปไว้ที่หลังใบหู “ฉันสามารถเปลี่ยนแผ่นหมายเลขกับเธอได้ไหม”
นักเรียนเก่าผงะไปครู่หนึ่ง ก่อนที่ในใจจะท่วมท้นไปด้วยความสุขที่ซ่อนเร้น เขากลั้นไว้ไม่ได้ หันหน้าไปมองคนอื่นๆ ในสนาม “พวกเธอมีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง”
พูดประโยคนี้ออกไป นักเรียนคนอื่นที่สนามต่างก็มองหน้ากัน ไม่มีใครคัดค้าน
โดยเฉพาะกลุ่มที่อยู่ลำดับหลังจาก 11 เป็นต้นไป แม้ว่าฉินหร่านเองก็เก่งกาจ แต่ก็ยังไม่ถึงระดับหก จึงไม่มีความแตกต่างทางคุณภาพไปจากพวกเขา ดีกว่านิดหน่อยถ้าเทียบกับฉินอวี่
การแสดงจะดูน่าเบื่อหน่าย ไม่มีความโดดเด่นหลังจากฉินอวี่ แต่การแสดงจะดีขึ้นมากหลังจากการแสดงของฉินหร่าน
ผู้คนในนิทรรศการงานแข่งขันต่างก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน ดังนั้นจึงคิดตามใจตัวเอง แต่ก็ได้ยินมาว่ามีคนที่ยอดเยี่ยมมาก จึงไม่มีใครไม่อยากทำให้ดีขึ้นไปกว่านี้
สถานการณ์นี้ก็ถูกคาดหวังจากนักเรียนเก่าเช่นกัน
เขาก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ช่วยฉินอวี่สลับเปลี่ยนแผ่นหมายเลข
**
พวกฉินหร่านยังคงยืนอยู่กับที่
วังจือเฟิงเดินไปด้านหน้าสุด ใบหน้าแสดงออกอย่างชัดเจน หนึ่งเดือนที่ไม่ได้ปรากฏตัวออกมา ราวกับว่าตัวเขามีการเปลี่ยนแปลงทางคุณภาพอารมณ์อย่างลึกซึ้งมากกว่าเมื่อก่อนมาก
เขามองเห็นแผ่นหมายเลขสามแผ่นสุดท้ายที่เหลือไว้บนโต๊ะ และเป็นคนแรกที่หยิบมันขึ้นมา
“นี่คือแผ่นหมายเลขของฉินหร่าน?” วังจือเฟิงหยิบหมายเลข 11 ถามประโยคหนึ่งกับนักเรียนเก่า
นักเรียนเก่าเหลือบมอง สีหน้าไม่เปลี่ยน ที่ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้ม “ใช่”
นักเรียนคนอื่นต่างไม่มีใครพูดอะไร
“ใช่เหรอ” วังจือเฟิงรับแผ่นหมายเลขทั้งสามมาด้วยความสงสัย
แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
“ฉินหร่าน ทำไมเธอถึงเป็นหมายเลข 11” วังจือเฟิงเดินไปหาทั้งสองคน ยื่นแผ่นหมายเลขให้ฉินหร่าน พูดเสียงเบา ค่อนข้างงง “อาจารย์เว่ยไม่ได้บอกว่าหมายเลขของเธอคือ 20 เหรอ”
ฉินหร่านดึงปีกหมวกทรงแหลมลงมา แล้วยื่นมือรับแผ่นหมายเลขเอาไว้ที่เอวอย่างไม่ใส่ใจนัก “ไม่รู้ แต่ก็ไม่ต่างกัน”
เถียนเซียวเซียวถอดแว่นกันแดดที่อยู่ระหว่างจมูกออก นั่งลงบนเก้าอี้ และรับเอาหมายเลขห้าของตัวเองมา “ยังดีที่ฉันหมายเลขห้า อยู่หน้านาย”
“อือ” วังจือเฟิงพยักหน้า
หลังจากฝึกฝนมาเป็นเวลาเดือนกว่านี้ วังจือเฟิงก็พบว่า ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจนสุดทาง แค่เพียงเปลี่ยนแปลงไปมากขึ้น พูดถึงระดับความตั้งใจกับไวโอลิน เขามั่นใจว่าไม่มีใครมากไปกว่าเขา
จนกระทั่งเขาพบกับฉินหร่าน…
**
ทั้งสามคนอยู่กับที่ และในไม่ช้าคนลำดับแรกก็หยิบไวโอลินของตัวเองขึ้นเวทีไป
ที่ห้องจัดแสดง มีการบันทึกถ่ายภาพอยู่อย่างครบวงจร
ที่แถวแรกยังคงเป็นเหล่าอาจารย์ที่ให้คะแนน
อาจารย์เว่ย คุณเอินเก๋อ เหวินอิน ไต้หราน…คนระดับใหญ่โตทั้งเจ็ด
คนที่ได้รับเลือกให้เข้าร่วมเป็นผู้ประเมินการคัดเลือกสมาชิกของรัฐ M ล้วนไม่ใช่คนอ่อนแอ คนแรกที่ปรากฏตัวในสนามคือคนเก่าแก่ของสมาคม ซึ่งอยู่ระดับสี่มาเป็นเวลาสองปี
มีฝีมือด้านการใช้ทักษะ แต่จืดชืดไปหน่อย
อาจารย์ที่นั่งอยู่ที่สนามแห่งนี้ล้วนแต่เป็นคนที่เข้มงวดมาก
โดยเฉพาะอาจารย์เว่ยและคุณเอินเก๋อ แม้ว่าทั้งสองคนไม่ได้ตรงตามมาตรฐานของรัฐ M แต่ก็สามารถรับรู้ได้ว่าเทียบเท่าด้วยตัวเอง ในตอนท้ายอาจารย์เว่ยให้ 60 คุณเอินเก๋อให้ 60 ไม่มีมากกว่านี้
เหล่านี้เป็นมาตรฐานของสมาคมนิทรรศการงานแข่งขันในทุกปี อาจารย์คนอื่นให้ประมาณ 70 80 อย่างใจเย็น
ผ่านไปแล้วสี่คน ไม่นานก็ถึง เถียนเซียวเซียว
ได้ยินชื่อของเธอ ไต้หรานอดยิ้มไม่ได้ เขามองไปทางอาจารย์เว่ย “คราวนี้เหมือนว่าจะเป็นนักเรียนระดับสามเพียงคนเดียว”
นิทรรศการงานแข่งขันนี้นอกจากอันดับหนึ่งจะได้ไปศึกษาต่อที่รัฐ M แล้ว อีกอย่างก็เพื่อแสดงความอัจฉริยะในนิทรรศการแก่สมาคมเมืองหลวงในรัฐ M ด้วย
นักเรียนระดับสี่คือระดับต่ำสุด
มีเพียงอาจารย์เว่ย ที่นำนักเรียนระดับสามเพิ่มเข้ามา
เมื่ออาจารย์ท่านอื่นได้ยิน ไม่มีใครกล้าพูดอะไร ถึงอย่างไรก็เป็นนักเรียนที่อาจารย์เว่ยเลือกมา
อาจารย์เว่ยหยิบปากกาและกระดาษจดคะแนน มองไปยังเวทีอย่างใจเย็น ไม่พูดอะไร
ไต้หรานเอนหลังพิงเก้าอี้ เหลือบมองดูอาจารย์เว่ยอย่างผู้มีชัย
“อาจารย์ไต้ ได้ยินว่าเดือนกว่าที่ผ่านมา พวกเถียนเซียวเซียวกับฉินหร่าน ทั้งสามคนแอบฝึกกันอย่างลับๆ…” อาจารย์ที่อยู่ข้างไต้หรานพูดเสียงเบา เดือนนี้สถานะของไต้หรานก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างเงียบๆ เช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าหลังจากนี้ลูกศิษย์ของไต้หรานจะเข้าไปยังรัฐ M
“หนึ่งเดือนจะไปเรียนรู้อะไรได้” ไต้หรานพูดเบาๆ อย่างไม่ใส่ใจ “เอานักเรียนระดับสามมาหาคุณเอินเก๋อ ช่างน่าอับอาย”
เพราะที่สมาคมรัฐ M มาตรฐานต่ำสุดที่เข้าร่วมได้คือระดับสี่
ในสายตาไต้หราน อาจารย์เว่ยเหมือนคนเสียสติ และควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรักษา ฉินหร่านกับวังจือเฟิงยังนับว่าอยู่ในระดับสี่หรือสูงกว่า แต่เถียนเซียวเซียว…
ขณะที่ทั้งสองพูดคุย เถียนเซียวเซียวก็หยิบไวโอลินขึ้นมา