เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ - ตอนที่ 293 คุณพ่อฉินมาเมืองหลวง ลูกรักคนโตเอกแผนกฟิสิกส์!
เวลารายงานตัวของนักเรียนใหม่มหาวิทยาลัยเมืองหลวงเร็วกว่าของมหาวิทยาลัยอื่นเล็กน้อย
วันนี้ยังไม่ใช่วันลงทะเบียนอย่างเป็นทางการ แต่นักเรียนใหม่จำนวนมากมาเยี่ยมโรงเรียนล่วงหน้าสองวัน
วันนี้ฉินหร่านก็ไม่ได้มาเพื่อลงทะเบียน
ดวงอาทิตย์เหนือศีรษะใหญ่มาก เธอหยุดเดินสองก้าวแล้วมองเฉิงเจวี้ยน ชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง “ทางนี้?”
เฉิงเจวี้ยนเงยหน้ามอง ยิ้มนิ่งๆ “ใช่”
“คุณหนูฉิน คุณเคยมามหาวิทยาลัยเมืองหลวงเหรอ” เฉิงมู่เดินตามมา
เขาถือร่มกันแดด อันที่จริงเขานำมันมาให้ฉินหร่าน ก่อนหน้านี้แม่บ้านยังปรับแต่งให้เหมาะสำหรับเด็กผู้หญิงเล็กน้อยด้วย วงรอบนอกของร่มมีขอบลูกไม้สีขาวอยู่
แต่ฉินหร่านรัดหมวกปีกแหลมเข้า ไม่ใช้ร่มกันแดด
เฉิงเจวี้ยนล้วงมือสองข้างไว้ในกระเป๋า ท่าทางเอื่อยเฉื่อยหมายความว่าไม่ต้องการร่มกันแดดเช่นกัน
เฉิงมู่ถือร่มกันแดดลูกไม้เดินตามหลังทั้งสองคนอย่างแข็งทื่อ
เขาคนที่มีภาพลักษณ์แข็งแกร่งสูง 183 ระหว่างทางผู้คนที่เดินผ่านทักทายด้วยสายตาแปลกๆ
แน่นอน ฉินหร่านและเฉิงเจวี้ยนยังคงเป็นที่จับตามองมากที่สุด
ฉินหร่านเงยหน้าขึ้นมองทางข้างหน้า กดหมวกปีกแหลมลงแล้วหันกลับมามองเขาอย่างใจเย็น “เมื่อคืนฉันตรวจดูแผนที่มหาวิทยาลัยเมืองหลวงมานิดหน่อย”
เฉิงมู่อ้าปาก อยากพูดมากว่าเมื่อคืนเธอไม่ได้เอาแต่ฝึกไวโอลินอย่างบ้าคลั่งหรอกเหรอ
แน่นอน ไม่กล้าพูดออกไป
วันนี้ฉินหร่านมาเพื่อแก้วิชาเอกที่สอง เธอตั้งใจกรอกใบสมัครวิศวกรรมอัตโนมัติ ที่เรียกว่าระบบอัตโนมัติหมายถึงสามารถให้หุ่นยนต์มาแทนที่เครื่องจักร หรือชุดระบบอัจฉริยะ
ฉินหร่านมาเพื่อสมัครเอกวิชานี้ เธอเริ่มเรียนตั้งแต่ตอนอายุเก้าขวบ ตอนที่อยู่กับลู่จือสิงเธออ่านหนังสือหลายเล่มอย่างต่อเนื่อง ลู่จือสิงยังสอนเนื้อหาเธอมากมายด้วย ฟังลู่จือสิงพูดเรื่องหนึ่ง ตอนแรกเขาก็เป็นนักเรียนเอกวิศวกรรมอัตโนมัติของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงเช่นกัน
เพราะรู้สึกได้ถึงพรสวรรค์ในด้านนี้ของฉินหร่าน ลู่จือสิงจึงตั้งใจมากในการสอนเธอ
และเธอยังเรียนรู้เนื้อหามากมายด้วยตัวเอง ดังนั้นฉินหร่านจึงไม่ได้กังวลกับเรื่องนี้
ฉินหร่านต้องการประกาศนียบัตรของวิศวกรรมอัตโนมัติ
แต่วันนี้เธอมาเพื่อขอรับวิชาเอกที่สอง
โดยพื้นฐานของมหาวิทยาลัยต้องขึ้นปีสองก่อนจึงจะสามารถเพิ่มวิชาเอกที่สองได้ แต่ฉินหร่านไม่อยากเสียเวลาหนึ่งปี จึงมาหาคณบดีภาคฟิสิกส์
โทรศัพท์ในกระเป๋าดังขึ้น ฉินหร่านก้มหน้าลง เป็นข้อความจากฉินหลิง…
[พี่สาว พวกเราถึงแล้ว]
“พวกน้องชายเธอเหรอ” เฉิงเจวี้ยนหลุบตาลงครึ่งหนึ่ง
ฉินหร่านพยักหน้า ใช้ปลายนิ้วหมุนโทรศัพท์อย่างสบายๆ ตอบอย่างใจเย็น “อยู่นอกประตูโรงเรียน”
เฉิงเจวี้ยนยิ้ม หันหน้าไปทางเฉิงมู่ “นายไปรับ”
**
สำนักวิชาภาคฟิสิกส์
ช่วงนี้ยังเป็นเวลาปิดเทอมฤดูร้อน นักเรียนในโรงเรียนมีไม่มาก คณบดีภาคฟิสิกส์กำลังจัดการข้อมูลของนักเรียนใหม่ ตรงข้ามเขามีชายวัยกลางคนคนหนึ่งนั่งอยู่
มีคนเคาะประตูจากด้านนอก
คณบดีพยักหน้า “เข้ามา”
เฉิงเจวี้ยนเปิดประตู ให้ฉินหร่านเข้าไปก่อน
แสงสะท้อนบางอย่าง คณบดีมองเห็นหน้าฉินหร่านไม่ค่อยชัด รอฉินหร่านกับเฉิงเจวี้ยนเข้ามากันหมดแล้วจึงค่อยเห็นชัด “นายน้อยเฉิง?”
แล้วยังหันไปทางฉินหร่าน ครุ่นคิดอยู่สักพักแล้วจึงนึกออก “เธอคือฉินหร่าน?”
ข้อมูลของฉินหร่านถูกบันทึกไว้ในมหาวิทยาลัยเมืองหลวงนานแล้ว ขณะนั้นเมื่อรู้ว่าฉินหร่านเลือกเอกวิชาวิศวกรรมอัตโนมัติสาขาภาคฟิสิกส์ คณบดีเคยถูกคณบดีจากบางสาขาอื่นโจมตี
จอหงวนคะแนน 747 ระดับประเทศ และยังเป็นผู้หญิง แถมยังเป็นผู้หญิงที่โตมาสวยมาก เป็นที่รักของภาคฟิสิกส์ เขาจึงรู้จักฉินหร่านโดยปริยาย
เขาวางมือไว้บนโต๊ะแล้วยิ้ม “ทั้งสองคนนั่งลง”
รู้สึกแปลกใจในความสัมพันธ์ของสองคนนี้
“ท่านนี้คือคณบดีเจียง” เฉิงเจวี้ยนแนะนำให้กับฉินหร่าน
ฉินหร่านทักทายคณบดีเจียงอย่างสุภาพ “สวัสดีค่ะ คณบดีเจียง”
“ใช่แล้ว” คณบดีเจียงที่นั่งอยู่ตอบกลับ ยิ้มมองที่ฉินหร่าน สำหรับที่โปรดปรานคนใหม่ของภาคฟิสิกส์ เขายิ้มออกมาอย่างเต็มที่ และยังชี้ไปที่ชายวัยกลางคนฝั่งตรงข้าม “นี่คือด็อกเตอร์โจวอิ่งประจำเอกวิชาระบบวิศวกรรมอัตโนมัติของพวกเธอ”
หลังจากกลุ่มคนพูดอยู่สักพัก ฉินหร่านก็พูดถึงจุดประสงค์ที่มา
“เดี๋ยวนะ” โจวอิ่งฟังจบ เงียบลงพักหนึ่ง จากนั้นมองไปที่ฉินหร่านแล้วพูดขึ้น “เธอพูดว่าตอนนี้เธออยากเรียนเสริมเอกวิชาอะไร”
“วิศวกรรมนิวเคลียร์” ฉินหร่านพูดซ้ำ
โจวอิ่งเงียบลงพักหนึ่ง ไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงเผลอขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว
คณบดีเจียงก็ผงะไปเช่นกัน ผ่านไปสักพักจึงพูดขึ้น “ปีสองพวกเราถึงจะเปิดเอกวิชาที่สอง อีกอย่าง…นักเรียนฉินหร่าน ฉันแนะนำว่าเธอควรจดจ่อกับวิชาเอกวิชาเดียว”
เพราะถ้าโลภมาก ก็จะฟุ้งซ่านตั้งแต่เริ่ม จะอยู่สนามไหนก็ไปไม่ถึงจุดสูงสุด
ฉินหร่านเป็นจุดสนใจของโรงเรียน
ขณะนี้ที่เธอตัดสินใจที่จะทำแบบนี้ ทำให้คณบดีเจียงรู้สึกยากที่จะรับมือ เขารู้ว่าอัจฉริยะส่วนมากต่างชอบอวดดี อาจเป็นเพราะถนนด้านหน้าเรียบมาก ทำให้เธอมั่นใจมากเกินไป
คณบดีเจียงพูดจบ เหลือบมองเฉิงเจวี้ยน
เฉิงเจวี้ยนเพียงนั่งบนเก้าอี้ท่าทางสบายๆ จิบชาเชื่องช้า ตอนที่คณบดีเจียงมองมา เขาเพียงเลิกคิ้วขึ้น
ไม่ได้โต้ตอบอะไร
โจวอิ่งยังคงขมวดคิ้ว
“เริ่มเรียนเสริมวิชาเอกที่สองในปีแรก เธอเตรียมจัดสรรเวลายังไง” คณบดีเจียงนั่งตัวตรง น้ำเสียงจริงจัง
ยากมากที่โจวซาน จะปล้นเอาตัวฉินหร่านจากมหาวิทยาลัย A ได้ และยังเป็นผู้มีพรสวรรค์ทางด้านฟิสิกส์ที่จะถูกปลูกฝังในอนาคต คณบดีเจียงไม่ต้องการให้เธอเดินผิดทางจริงๆ
ฉินหร่านยังคงมีท่าทางเหมือนก่อนหน้า ตอบกลับอย่างมั่นใจเป็นพิเศษ “จดจ่อกับวิศวกรรมนิวเคลียร์”
คณบดีเจียง “…” ถ้าอย่างนั้นทำไมเธอถึงเลือกระบบวิศวกรรมอัตโนมัติกันล่ะ!
ในเวลานี้ เฉิงมู่พาฉินหลิงและฉินฮั่นชิวเข้ามา
คณบดีเจียงรู้จักเฉิงมู่แต่ไม่รู้จักฉินฮั่นชิว มองเห็นเฉิงมู่ยืนอยู่ข้างหลังเฉิงเจวี้ยน เขาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ตอนนี้ที่สนใจที่สุดคือเรื่องของฉินหร่าน
“คณบดีเจียง การทดสอบกลางภาคและปลายภาคของวิศวกรรมอัตโนมัติทุกปีฉันทำได้หมด” ฉินหร่านคิดแล้วคิดอีกจึงพูดขึ้น “ถ้าครั้งไหนฉันสอบไม่ได้ที่หนึ่ง ฉันจะถอนเอกวิชาวิศวกรรมอัตโนมัติ มาจดจ่อกับวิศวกรรมนิวเคลียร์”
โจวอิ่ง “…” ทำไมเธอเลือกวิศวกรรมอัตโนมัติแล้วยังคิดที่จะถอนออกอีก
ประโยคนี้ค่อนข้างมั่นใจในตัวเองสูง โจวอิ่งฟังดูแล้ว จึงยิ้มอย่างโมโหฉินหร่าน เขาแทบจะเอาไม้เรียวมาเคาะฉินหร่านให้ตื่น “นักเรียนฉินหร่าน เธอคิดว่าวิศวกรรมอัตโนมัติของพวกเราเรียนง่ายเหรอ ไม่เข้าเรียนก็ยังสามารถสอบได้คะแนนเต็มสินะ”
ฉินหร่านถูจมูกไปมา คิดในใจ ใช่
แต่เธอไม่ได้พูดอะไรออกไป
วันนี้ถ้าฉินหร่านมาคนเดียว คณบดีเจียงต้องปิดประตูไม่สนใจเรื่องวุ่นวายของเธอ แต่ในทางกลับกัน มีเฉิงเจวี้ยนที่นั่งจิบชาอยู่ที่ด้านข้าง
ลูกชายตระกูลเฉิงโด่งดังมากในเมืองเมืองหลวง
แต่คณบดีเจียงก็ยังมีมาตรการรับมือ เขาครุ่นคิด มองไปที่โจวอิ่ง “ด็อกเตอร์โจวอิ่ง ที่เอกของพวกคุณยังมีเอกสารการสอบปลายภาคเทอมที่แล้วของเอกวิชาอยู่ไหม”
เอกสารการสอบกลางภาคและปลายภาคในทุกปีของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงนั้นยากมาก
ไม่กี่ปีที่ผ่านมาถูกจัดให้อยู่ในห้าสิบอันดับนานาชาติ ถ้าไม่มีความเป็นมืออาชีพก็ไม่กล้ามาสมัคร
ได้ยินคณบดีเจียงพูด โจวอิ่งรู้ว่าคณบดีเจียงหมายถึงอะไร เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาสั่งให้ผู้สอนใต้บังคับบัญชาส่งเอกสารการสอบปลายภาคของปีที่แล้วให้เขา
แล้วพิมพ์เอกสารในเครื่องพิมพ์ของสำนักงานคณบดีเจียง
คณบดีเจียงมองไปที่ฉินหร่าน “นี่คือเอกสารข้อสอบปลายภาคปีหนึ่งปีนี้ของสาขาวิศวกรรมอัตโนมัติ ถ้าเธอทำผ่าน ฉันจะอนุมัติเอกวิชาที่สองให้เธอ”
ฉินหร่านเงียบไปครู่หนึ่ง “…คุณแน่ใจเหรอ”
คณบดีเจียงถอนหายใจ “แน่นอน”
ระหว่างที่รอ ตอนแรกฉินฮั่นชิวเก็บอาการ ตอนหลังเมื่อพบว่าโจวอิ่งกำลังโมโห ก็อดไม่ได้ที่จะถามเฉิงมู่เสียงเบา ในน้ำเสียงมีความกังวล
เฉิงมู่รู้ว่าวันนี้ฉินหร่านมาทำอะไร แต่เขาก็รู้ด้วยว่าฉินหร่านเป็นคนในฝ่ายปัญญาประดิษฐ์ของอวิ๋นกวงกรุ๊ป ดังนั้นอธิบายเสียงเบาอย่างสงบเป็นพิเศษให้ฉินฮั่นชิว
ฉินฮั่นชิวฟัง ก็ไม่ได้สงบนิ่งเหมือนเฉิงมู่ เขาตอบอย่างกังวล “แล้วยังไง หร่านหร่านจะทิ้งความรู้สึกแย่ๆ ไว้กับอาจารย์ของเธองั้นเหรอ”
เฉิงมู่ส่ายหัว พูดเสียงเบา “คุณวางใจได้”
ไม่นาน โจวอิ่งนำเอกสารสี่แผ่นออกมา
ทุกแผ่นล้วนเป็นเอกสารของปีหนึ่ง
โจวอิ่งรู้ว่าคะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัยวิชาคณิตศาสตร์ของฉินหร่านได้ 150 ดังนั้นเขาไม่กล้าที่จะนำเอาเอกสารการสอบปลายภาควิชาคณิตศาสตร์ขั้นสูงมา เพราะกลัวว่าถึงเวลาคณบดีภาคคณิตศาสตร์จะไม่ตัดใจ
วิชาพื้นฐานเบ็ดเตล็ดอื่นๆ เขาก็ไม่ได้พิมพ์ ท้ายสุดพิมพ์สี่วิชาหลักออกมา
…
ฟิสิกส์มหาวิทยาลัย
วิศวกรรมระบบไฟฟ้า
การควบคุมอันชาญฉลาด
โปรแกรมคอมพิวเตอร์
โจวอิ่งนำเอกสารการสอบสี่ฉบับที่พิมพ์ออกมาให้ฉินหร่าน
ฉินหร่านรับมาแล้วมองดู
คณบดีเจียงเดินไปอีกทาง ปล่อยโต๊ะทำงานว่างไว้ ให้ฉินหร่านเขียนเอกสารข้อสอบ
โจวอิ่งเหลือบมองฉินหร่าน เขารู้ว่าทฤษฎีของฉินหร่านดีมาก โจวอิ่งคาดว่าเอกสารข้อสอบฟิสิกส์มหาวิทยาลัยของฉินหร่านจะออกมาไม่เลวนัก เพราะฟิสิกส์มัธยมปลายมีการขยายความ ที่มหาวิทยาลัยเองก็มีเนื้อหาของมัธยมปลายอยู่มาก
แต่อีกสามวิชาอื่น โดยเฉพาะโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ปีหนึ่งเทอมหน้าจึงค่อยได้เรียน มัธยมปลายยังไม่มีการขยายความใดๆ นักเรียนส่วนใหญ่ที่เพิ่งได้สัมผัสกับวิศวกรรมอัตโนมัติของคอมพิวเตอร์ บางรหัสโปรแกรมก็สามารถทำให้เขาหัวแทบล้านได้
สำคัญที่สุด รู้รึเปล่าว่าคำถามข้อสอบปลายภาคของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงยากแค่ไหน ล้วนแต่เป็นข้อสอบที่ศาสตราจารย์ใหญ่ตั้งใจออกทั้งนั้น!
และเขายังหาเอกสารข้อสอบทั้งสี่วิชาที่คนสอบตกเยอะมากที่สุดเป็นพิเศษ!
โจวอิ่งรินชา ส่งเสียง ‘ฮึ’ ออกมาเบาๆ ยัยหนูคนนี้!