เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ - ตอนที่ 296 คุณเจวี้ยนทำได้จริงๆ! โลโก้อวิ๋นกวงกรุ๊ป!
มู่เสี่ยวอวี๋อวี๋เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยคนหนึ่ง ปีที่แล้วเธอให้ความสนใจกับบล็อกเกอร์ฉินอวี่เพราะวิดีโอไวโอลินยอดนิยมอันหนึ่ง
เธอเรียนด้านดนตรี น้อยมากที่จะมีผู้เชี่ยวชาญด้านไวโอลินระดับฉินอวี่มาเป็นบล็อกเกอร์เวยป๋อและยังเรียนรู้ทักษะแต่ละประเภทของไวโอลินได้
หน้าตาดี เล่นไวโอลินเก่ง และยังเป็นนักเรียนมหาวิทยาลัยเมืองหลวง ใครกันจะไม่ติดตามได้ล่ะ
มู่เสี่ยวอวี๋อวี๋คือหนึ่งในแฟนคลับที่ภักดีสุดๆ ปีที่แล้วการแสดงไวโอลินของฉินอวี่เป็นเพลงโปรดของเธอ จึงจำได้อย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตามความคิดเห็นของเธอถูกฝังอยู่ใต้ความคิดเห็นจำนวนมาก ไม่มีแฟนคลับคนไหนโผล่ออกมา
เดิมทีเธอต้องการจะส่งต่อ แต่โดยปกติแล้ว ทุกครั้งเธอสามารถเป็นความคิดเห็นยอดนิยมของฉินอวี่ได้ และนับเป็นแฟนคลับตัวยงของฉินอวี่ สถานการณ์ที่ไม่มีหลักฐานใดแม้แต่น้อยไม่สามารถทำให้ฉินอวี่แปดเปื้อนได้ คิดแล้ว มู่เสี่ยวอวี๋อวี๋ก็บันทึกวิดีโอไวโอลินของบล็อกเกอร์คนนี้ไว้ แล้วเริ่มรวบรวมสถิติ
ทำหลักฐานเปรียบเทียบ
**
ทางฝั่งนี้ ฉินหร่านกลับมาที่ถิงหลานแล้วตรงไปที่ด้านบนเพื่อเอาวิดีโอจากพานหมิงเย่ว์
เธอยังมีพานหมิงเย่ว์ เฉียวเซิง หลินซือหราน ทั้งสี่คนต่างสอบติดมหาวิทยาลัยเมืองหลวง โรงเรียนมัธยมเหิงชวนตั้งฉายาให้พวกเขาทั้งสี่คนว่าสี่ผู้นำของมหาวิทยาลัยเมืองหลวง
หลินซือหรานมาเมื่อเดือนที่แล้ว พานหมิงเย่ว์กับเฉียวเซิงจะมาในวันพรุ่งนี้ มะรืนถึงเป็นวันลงทะเบียน
ไวโอลินของฉินหร่านสามารถหยุดพักชั่วคราวได้ จึงตกลงเวลาที่จะมาถึงในวันพรุ่งนี้พร้อมกับพวกเขา
“พรุ่งนี้ฉันจะมาด้วยกันกับพวกคุณอาเฟิง ถึงตอนบ่ายสี่โมงกว่า” ทั้งสี่คนเปิดวิดีโอแชทกลุ่ม พานหมิงเย่ว์ยังคงสวมแว่นกรอบดำ เธอกดแว่น พูดเสียงเบามาก
เที่ยวบินจากเมืองอวิ๋นมาเมืองหลวงมีเพียงไม่กี่เที่ยวในทุกวัน
ดูเหมือนฝั่งทางเฉียวเซิงจะอยู่ที่โซฟาด้านล่างของตึก เขาแตะที่หัวแล้วขยับเข้าไปใกล้กล้อง “ฉันอาจไปถึงพรุ่งนี้ตอนบ่าย”
“ฉันไปรับพวกเธอเอง” หลินซือหรานเห็นว่าเธอมีการ์ดเทพสามใบก็ค่อนข้างได้ใจ ทุกวันนอกจากเล่นเกมเธอก็ยังเอาแต่เล่นเกม เธอพูดอย่างตื่นเต้น “มาสิ พวกเรามาสู้กันตัวต่อตัว!”
รู้ว่าพรุ่งนี้พวกเขาจะมาถึง ฉินหร่านอารมณ์ค่อนข้างดี เธอนั่งอยู่ข้างโต๊ะ เอนหลังพิงเก้าอี้ พลางเปิดคอมพิวเตอร์ ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ยังไม่มีไอคอนใด
เธอใช้มือกดไม่กี่ปุ่ม แฟ้มข้อมูลอันหนึ่งก็ปรากฏขึ้น ภายในแฟ้มข้อมูลแสดงข้อมูลที่ฉังหนิงให้เธอไว้ในครั้งก่อน
คนที่ตรวจสอบอิทธิพลบางส่วนของเธอส่วนมากเป็นตระกูลโอวหยางและสถาบันวิจัยเมืองหลวงแห่งแรก
ฉินหร่านใช้ปลายนิ้วเคาะโต๊ะ สายตาจ้องไปที่สถาบันวิจัยเมืองหลวงแห่งแรก หรี่ตาลงเล็กน้อย ต้องหาเวลาไปสำนักงานใหญ่ 129 สักครั้ง
**
ด้านล่าง เฉิงมู่กำลังเตรียมยกหญ้ากระถางหนึ่งขึ้นไปด้านบน
เสียงออดดังขึ้น
เขาจึงวางกระถางดอกไม้ลง ออกไปเปิดประตู เหมือนจะมีแขกมาที่ถิงหลานเยอะเลย นายท่านมักจะมาดื่มชาอยู่บ่อยๆ เฉิงเวินหรูไม่มีธุระก็มาเดินเล่นรอบๆ…
คืนนี้เฉิงจินบอกจะกลับมาประมาณนี้
เฉิงมู่เปิดประตู คิดว่าเป็นพวกเฉิงจินกลับมา
ไม่คิดว่าเปิดประตูออกมา จะเป็นใบหน้าที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน
อีกฝ่ายร่างกายสูงโปร่ง สวมใส่ชุดนุ่มสบาย ในมือยังถือถุงใบสวย มองดูเฉิงมู่ เขายิ้มราวกับดีใจ ไร้ซึ่งพิษภัย “ไม่ทราบว่าฉินหร่านหลับรึยัง”
ข้อแรก ไม่ได้เรียกฉินหร่านว่าคุณ
ข้อสอง ถามแค่ฉินหร่านหลับรึยัง มั่นใจมากว่าฉินหร่านอาศัยอยู่ที่นี่
เฉิงมู่รับรู้สองสัญญาณนี้ สมองส่งสัญญาณตอบสนองดังขึ้น “คุณฉินซ้อมไวโอลินอยู่ด้านบน”
“ฉันรู้แล้ว” อีกฝ่ายไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงยิ้ม สีหน้าเหมือนน้ำแข็งราวกับละลายลง เขายื่นมือที่มีถุงให้เฉิงมู่ “ถ้างั้นเธอช่วยฉันส่งสิ่งนี้ไปให้เธอได้ไหม”
ไม่ได้พูดว่าต้องการเข้าไปหาฉินหร่าน น้ำเสียงนุ่มนวล
เฉิงมู่รู้สึกว่ามีท่าทีดีกว่าเยอะเมื่อเทียบกับโจรหน้ามึนอย่างนายท่านเจวี้ยน
“ถ้างั้นคุณคือ…” เฉิงมู่รับถุงมา ยังไงก็เป็นของฉินหร่าน เขาไม่กล้าไม่รับไว้
“ไม่จำเป็น เธอรู้ว่าฉันเป็นใคร” ชายคนนั้นพูดเสร็จ ก็หันหลังกลับออกไป เขาไปในลิฟต์
รอตัวเขาลับสายตาไปหมดแล้ว เฉิงมู่จึงค่อยถือถุง เดินเข้าไปด้านในด้วยท่าทีสงสัย
สายตามองไปเห็นเฉิงเจวี้ยนที่กำลังลงมาจากด้านบน
“นายท่านเจวี้ยน” เฉิงมู่ยืนตรง
“อือ” เมื่อคืนเฉิงเจวี้ยนดื่มเหล้า หนักหัว ที่ตัวมีกลิ่นเหล้าหึ่ง อาบน้ำก่อนจึงลงมา บนร่างกายสวมชุดนอนอยู่บ้านทำจากผ้าฝ้าย ไม่เนี้ยบเหมือนที่ผ่านมา “ใครมา”
เขารินน้ำแก้วหนึ่งออกมาจากในห้องครัว สังเกตเห็นถุงใบสวยที่มือเฉิงมู่
ถุงโล่งมาก มีเพียงที่มุมด้านซ้าย มีโลโก้คล้ายกับดอกไม้บางชนิดที่ไม่ค่อยชัดเจน
เขาพิงบันได เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
เฉิงมู่ประหม่ามาก “เป็นชายคนหนึ่ง ผมถามว่าเขาเป็นใคร เขาก็ไม่ตอบ พูดแค่คุณฉินเห็นสิ่งของก็รู้แล้วว่าเขาเป็นใคร น่าจะเป็นคนที่คุณฉินคุ้นเคย”
อยู่ข้างฉินหร่านนานขนาดนี้ เฉิงมู่ยิ่งรู้สึกปกติมากขึ้น
ถึงจะพบเจอคนมามาก แต่ก็ไม่เท่ารุ่นใหญ่อย่างเฉิงเจวี้ยน
เขาพูดจบ ไม่ได้ยินเฉิงเจวี้ยนพูดตอบ บรรยากาศราวกับตกอยู่ในความเงียบสงัดแปลกๆ
เฉิงมู่แตะศีรษะ “นายท่าน…เจวี้ยน”
“เอาของให้ฉัน” เฉิงเจวี้ยนเอื้อมมือออกไปช้าๆ
เฉิงมู่เอาถุงในมือให้เฉิงเจวี้ยนทันที
เฉิงเจวี้ยนรับมาแล้วมอง ในถุงน่าจะมีของบางอย่างที่น้ำหนักเบา น้ำหนักประมาณกับถ้วยชาใบเล็กใบหนึ่ง
เขาไม่ได้เปิด แค่ก้มหน้าดูถุงนั่น จากนั้นจึงดื่มน้ำในแก้ว แล้วจึงเดินขึ้นไปด้านบนอย่างเชื่องช้า
หยุดอยู่นอกประตูของฉินหร่าน
เคาะประตู
ฉินหร่านเพิ่งวางสายวิดีโอจากพวกเฉียวเซิง ไปหยิบเอาของในกระเป๋าเป้ ค่อยมาเปิดประตู
เฉิงเจวี้ยนเอนพิงขอบประตู มือเรียวยาวผอมบางเล่นถุงในมือด้วยท่าทางขี้เกียจ
ฉินหร่านมองเห็นถุงเพียงแวบแรกก็รู้แล้วว่านั่นคืออะไร เธอหันตัวกลับไปหากระเป๋าเป้สีดำของเธอต่อ
จากนั้นจึงนั่งลงหน้าคอมพิวเตอร์ อย่างไม่ค่อยใส่ใจนัก
“เธอไม่แปลกใจหน่อยเหรอว่านี่เป็นของขวัญอะไร” เฉิงเจวี้ยนเดินเข้าไปด้านใน อารมณ์ดีขึ้นนิดหน่อย ที่มือยังบีบถุงไปมา ก่อนยื่นให้เธอ มือข้างหนึ่งวางลงที่โต๊ะข้างเธออย่างไม่ใส่ใจ
ฉินหร่านหยิบสมุดบันทึกในกระเป๋าเป้ออกมา
เงยหน้ามองเขา จึงเอื้อมมือไปเอาถุง เธอรู้ว่าข้างในมีของอะไร และไม่ได้นึกสงสัย
เมื่อเอื้อมมือออกไป เฉิงเจวี้ยนยกมือขึ้นสูงโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า
ตอนแรกฉินหร่านนั่งอยู่บนเก้าอี้ เขาพิงอยู่โต๊ะ สูงไม่เท่าเขา มือที่ยกขึ้น ฉินหร่านยืดมือไปแค่ไหนก็ไม่สูงพอ
เธอพยักหน้า “โอเค เจ้านาย เอาไปเลย”
เธอยังไม่ต้องการมันอีกเหรอ
“ใครเป็นเจ้านายเธอ” เฉิงเจวี้ยนก้มมอง ฟังที่เธอพูด เขาก็เดาออกว่าคืออะไร จึงก้มหน้ามอง ในถุงมีโทรศัพท์สีดำ
“อ่า” ฉินหร่านปิดไฟล์ในคอมพิวเตอร์ และกดปุ่มบางอย่างเพื่อเปิดแอปพลิเคชันโซเชียล พูดไปเรื่อย “พี่ชาย ลูกพี่ เอาไปเลย โอเคยัง”
เฉิงเจวี้ยนก้มลงมองเธอ คิ้วของเธอราบเรียบ พูดน้ำเสียงไม่ใส่ใจ
เฉิงเจวี้ยนยิ้มทันที “ใช่ เดี๋ยวนะ เมื่อกี้เธอเรียกฉันว่าอะไร”
“ลูกพี่?” ฉินหร่านไม่ได้เงยหน้าขึ้น
“ก่อนหน้านั้น” คิ้วสวยทั้งสองข้างของเขาต่ำลง
ฉินหร่านครุ่นคิด เอียงศีรษะ มือวางที่คาง “พี่ชาย?”
เฉิงเจวี้ยนยิ้มอ่อน ขอบตามีรอยยิ้มซ่อนอยู่ เขาเอื้อมมือเอาถุงใบเล็กนั่นยื่นให้ฉินหร่าน “เอาไปเถอะ”
“คุณไม่เอาแล้วเหรอ” ฉินหร่านรับมา “โทรศัพท์นี้น่าจะใช้งานดี”
“ไม่ล่ะ” เฉิงเจวี้ยนยืนขึ้น “ฉันได้ยินเสียงพวกเฉิงจิน ลงไปก่อนนะ”
**
ด้านล่าง
เฉิงมู่พยุงกระถางดอกไม้ เพื่อความอยู่รอดเขาไม่กล้าแอบตามเฉิงเจวี้ยนขึ้นไปด้านบน
เพียงแค่พยุงกระถางดอกไม้อยู่บนโซฟาด้านล่างเหมือนเดิม ส่งข้อความให้หลินซือหรานเพื่อรายงานสถานะของดอกไม้กระถางนี้ก่อน
จากนั้นจึงค่อยส่งให้คุณคนสวน
ก่อนหน้านี้คุณคนสวนเคยพูดอย่างเย็นชา “อือ” ในที่สุดวันนี้ก็ตอบกลับเป็นประโยค…
[ฉันพบว่าเธอมีศักยภาพดีที่จะปลูกดอกไม้]
เฉิงมู่มองจ้องประโยคนี้อยู่ครู่ใหญ่ ไม่ค่อยเข้าใจความหมาย
มีเสียงดังขึ้นหน้าประตู ครั้งนี้เป็นเฉิงจินกลับมาจริงๆ เขาทั้งถอดเสื้อสูท ทั้งจะเดินขึ้นไปข้างบน “นายท่านเจวี้ยนล่ะ”
ยังมีเฉิงเวินหรูอยู่ด้านหลัง
“น่าจะไปหาฉินหร่าน” เฉิงมู่ตอบกลับไป
เฉิงเวินหรูลงมาทันที ไม่กล้าเดินขึ้นไปข้างบน เธอนั่งตรงข้ามเฉิงมู่
เอากระเป๋าเอกสารวางไว้บนโต๊ะ ไขว่ห้าง
เฉิงมู่มองกระเป๋าเอกสารของเฉิงเวินหรู มุมล่างซ้ายของถุงก็มีโลโก้ดอกไม้อันหนึ่ง ดอกไม้รูปร่างแปลกประหลาด เฉิงมู่ไม่ได้สนใจเรื่องของเฉิงจิน ช่วงครึ่งปีนี้ล้วนเกี่ยวกับดอกไม้ เขาให้ความสนใจกับดอกไม้มาก ดอกไม้บนถุงของเฉิงเวินหรูดูคุ้นมาก
“ดอกไม้นี้ของคุณผมเคยเห็นเมื่อกี้” เขายื่นมือไปชี้ถุงเอกสารของเฉิงเวินหรูแล้วพูดขึ้น