เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ - ตอนที่ 322 เจ๊หร่านลงมือเขียนโปรแกรม
“ฉันรู้อยู่แล้ว” หัวหน้าอวี๋ยิ้มขำ “ฉันไปหาเธอที่หอแล้วสามครั้ง ให้เธอเข้าร่วมสมาพันธ์นักเรียน เธอไม่สนใจฉันเลย ทำไมถึงได้คิดจะมาหาฉัน”
จางเซี่ยงเกอสงสัยหนักขึ้น “คุณไปหาเธอมาแล้วสามครั้ง เพราะเธอหน้าตาดี?”
แผนกการต่างประเทศต้องดูที่รูปลักษณ์ รูปลักษณ์แบบฉินหร่าน จางเซี่ยงเกอไม่ได้รู้สึกเข้าใจอะไรยากเป็นพิเศษ
“หน้าตาดีแล้วยังไง สมาพันธ์นักเรียนของพวกเราต้องหน้าตาดีขนาดนั้นเพื่อมาเข้าสมาพันธ์นักศึกษามหาวิทยาลัยเมืองหลวงอย่างนั้นเหรอ” หัวหน้าอวี๋ถอนหายใจ “คุณไม่รู้เหรอ ปีนี้ฉินหร่านคนนั้นเป็นราชาน้องใหม่ของมหาวิทยาลัยเมืองหลวง จอหงวนการสอบเข้า อาจารย์ใหญ่ของพวกเราเชิญเข้ามาไม่ได้ง่ายดาย ก่อนและหลังล้วนมีคณบดีเจียงของแผนกฟิสิกส์วางแผนให้ ทำไมต้องเข้าองค์กรสมาพันธ์นักเรียนด้วย”
นักเรียนแบบนี้ไม่จำเป็นต้องพึ่งสมาพันธ์นักเรียนเพื่อหาเครือข่ายไปเข้าห้องปฏิบัติการ
พวกเขาเพียงแค่มุ่งมั่นในการเรียน คณบดีศาสตราจารย์หรือมหาวิทยาลัยอื่นต่างแก้ไขให้ได้
ก่อนหน้านี้หัวหน้าอวี๋ยังไปหาฉินหร่านสองครั้ง ต่อมาจางเซี่ยงเกอโทรศัพท์หาหัวหน้าอวี๋อีก หัวหน้าอวี๋ยอมแพ้ด้วยความเสียใจ
“คุณจาง ถ้าคุณไม่มีเรื่องอื่นจะพูด ฉันจะวางสายแล้ว” หัวหน้าอวี๋พูด
จางเซี่ยงเกอเงียบไปครู่หนึ่ง “ขอโทษที่ทำให้ลำบาก”
ในมือของเขายังถือแก้วเหล้า วางโทรศัพท์ลง จิบไวน์ในแก้ว
“เกิดอะไรขึ้น” สามคนในห้องที่เหลือบมองจางเซี่ยงเกอ อดไม่ได้ที่จะถาม “ปัญหาไม่ราบรื่น?”
จางเซี่ยงเกอส่ายหน้า จากนั้นวางแก้วเหล้าบนโต๊ะ “พวกคุณรู้ไหมว่าคุณฉินอยู่ที่มหาวิทยาลัยเมืองหลวง”
“ฉันรู้ วงในลือกันว่านายท่านเจวี้ยนหมดเงินไปเยอะมาก” คนหนึ่งพูดขึ้น
เรื่องนี้เริ่มแพร่กระจายตอนต้นเดือนมิถุนายน และไม่รู้ว่าแพร่กระจายมาจากปากของใคร พูดได้ว่าแม้แต่นายท่านเฉิงก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
“เป็นข่าวลือทั้งหมด” จางเซี่ยงเกอมองทั้งสามคน ทั้งท้ายไว้ประโยคหนึ่ง “คุณฉินเป็นจอหงวนการสอบเข้าปีนี้”
**
เขตอวิ๋นจิ่น
วันนี้ฉินหลิงหยุดเรียน เอาแต่เล่นเกมอยู่ในห้อง กระทั่งได้รับคำตอบยืนยันจากฉินหร่าน ดวงตาของเขาจึงเป็นประกาย
เปิดประตูออกมา ฉินฮั่นชิวยังนั่งอยู่ที่โต๊ะ คุณลุงฉินท่านนั้นนั่งอยู่ตรงข้ามเขา
“ยังอ่านไม่จบเหรอ” ลุงฉินหยิบข้อมูลบนโต๊ะ พูดเสียงหนักแน่น
ฉินฮั่นชิวก้มหน้าละอาย “ยัง ลุงฉิน”
“คอมพิวเตอร์ล่ะ” ลุงฉินกดที่หน้าผากแล้วถาม
ฉินฮั่นชิวกลับห้องอ่านหนังสือทันที เขาย้ายคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กของตัวเองมา
ลุงฉินเหลือบมองชายวัยกลางคนด้านหลัง ชายวัยกลางคนหยิบแฟลชไดรฟ์คัดลอกข้อมูลด้านในเข้าไป “วันไหว้พระจันทร์สามวัน อ่านข้อมูลให้จบ จัดเรียงรหัสในคอมพิวเตอร์นี้เรียบร้อยค่อยเอามาให้ฉัน”
ฉินฮั่นชิวหัวแทบระเบิด แต่ก็พยักหน้า “ได้ ลุงฉิน”
สั่งการเสร็จ ลุงฉินจึงจากไปพร้อมกับชายวัยกลางคน
ชายวัยกลางคนกดลิฟต์ “พ่อบ้านฉิน นายน้อยคนที่สองไม่ได้รับการศึกษาอย่างเป็นระบบ ตอนนี้อ่านข้อมูลได้เข้าใจ นี่ครึ่งเดือนกว่า มีการปรับปรุงเยอะมากแล้ว”
ครึ่งเดือนกว่านี้ ลุงฉินหาการเรียนส่วนตัวให้เขาไม่น้อย ล้วนแต่เป็นการศึกษาแบบท่องจำ
แม้ว่าฉินฮั่นชิวจะซื่อบื้อ แต่สมองของเขากลับค่อนข้างเฉลียวฉลาด
“ฉันรู้ แต่ยังไม่พอ” ลุงฉินขมวดคิ้ว “ธุรกิจตระกูลใหญ่ขนาดนี้ ยังมีนายน้อยคนที่สี่และตระกูลโอวหยางคอยจับตามอง เขาต้านไว้ไม่ได้”
ตอนนี้ตระกูลฉินไม่ดีเหมือนแต่ก่อน คนใช้ของตระกูลก็ไปร่วมงานกับโอวหยางเวยทีละคน
สองคนลงมาด้านล่าง คนขับก็มารอแล้ว
เปิดประตูรถด้านหลัง
ลุงฉินนั่งลงเรียบร้อย รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ข้างมือ เขาให้คนขับรถเปิดไฟด้านหลังรถแล้วดู จึงมองเห็นแฟลชไดรฟ์อันหนึ่ง
“นี่…” ลุงฉินชะงัก
ชายวัยกลางคนได้ยินเสียงลุงฉิน จึงหันหลังมามอง “นี่ไม่ใช่แฟลชไดรฟ์ที่ให้นายน้อยสองหรอกเหรอ”
“เป็นกระบวนการระหว่างการผลิตที่ฝ่ายเทคนิคส่งมาวันนี้ สับสนกันกับแฟลชไดรฟ์ของนายน้อยสองแล้ว” ลุงฉินกดเข้าที่ขมับ
ชายวัยกลางคนชะงัก “ถ้าอย่างนั้นกลับรถกลับไปเปลี่ยนกลับมาไหม”
รถออกมาจากชุมชนอวิ๋นจิ่นแล้ว ขับมาถึงถนนใหญ่ ลุงฉินครุ่นคิด ส่ายหน้า “ช่างเถอะ นายน้อยสองอาจจะอ่านข้อมูลไม่จบ ให้เขาผ่อนคลายในวันไหว้พระจันทร์สักหน่อย ครั้งต่อไปค่อยให้เขา”
ได้ยินลุงฉินพูดเช่นนั้น ชายวัยกลางคนพยักหน้า และไม่ได้พูดอะไรอีก
รถขับออกไป
801
รอลุงฉินและคนอื่นๆ กลับไป ฉินหลิงจึงออกมาจากด้านใน
ฉินฮั่นชิวเปิดกองเอกสารอย่างปวดหัว มองเห็นฉินหลิงจึงถามออกไป “เสี่ยวหลิง เธอออกมาทำไม หิวเหรอ”
“ไม่ใช่” ฉินหลิงส่ายหัว เขาถือโทรศัพท์ มองฉินฮั่นชิว ใบหน้าไร้อารมณ์ แต่ดวงตาดูเป็นประกาย “พรุ่งนี้ตอนบ่ายพี่สาวจะมากินข้าวด้วย”
พี่สาวที่เขาพูดถึง มีเพียงฉินหร่าน
ฉินฮั่นชิวฟังจบ ดวงตาเป็นประกาย “จริงเหรอ ถ้างั้นพรุ่งนี้เช้าฉันจะตื่นเช้าไปซื้อกับข้าว”
เขาทำกับข้าวเก่ง ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่กับหนิงฉิง ส่วนมากก็เป็นเขาที่ทำกับข้าว
ฝีมือดี อาศัยอยู่ชุมชนอวิ๋นจิ่น แม้ว่าลุงฉินมักจะพูดว่าเขาไม่จำเป็นต้องทำกับข้าว แต่ฉินฮั่นชิวก็มักจะแก้ปัญหานี้ไม่ได้
“เสี่ยวเฉิงก็มารึเปล่า” ฉินฮั่นชิวถามอีกครั้ง
อันนี้ฉินหลิงไม่ได้ถาม แต่ครุ่นคิด แล้วตอบ “พี่เฉิงไม่มีทางไม่มา”
“โอเค” สีหน้าของฉินฮั่นชิวเผยรอยยิ้มออกมาชัดเจนมาก จากนั้นจึงหยิบใบรายการออกมาเขียนเมนูอาหารของพรุ่งนี้ ส่วนคอมพิวเตอร์เขาวางมันไว้บนโต๊ะ
**
วันถัดมา
ฉินหร่านตื่นสาย ตอนที่เธอลงมาด้านล่าง เฉิงเจวี้ยนไปจ๊อกกิ้งเสร็จ อาบน้ำเรียบร้อยแล้วและเพิ่งกินข้าวไป
เฉิงเวินหรูกอดอก นั่งบนเก้าอี้ตัวตรง เต็มไปด้วยพลัง
เห็นฉินหร่านลงมา สีหน้าของเธอผ่อนคลายลง “หร่านหร่าน วันนี้วันไหว้พระจันทร์ เธอมีกิจกรรมแล้วหรือยัง พี่สาวพาเธอออกไปเที่ยว ตอนค่ำค่อยพาเธอไปกินข้าว”
ฉินหร่านเดินมาถึงฝั่งโต๊ะกินข้าวแล้วนั่งลง หยิบตะเกียบ พูดอย่างเสียใจสุด “วันนี้ฉันต้องไปหาน้องชาย”
“น้องชายเธอ?” เฉิงเวินหรูชะงัก ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยได้ยินฉินหร่านพูดถึงคนในครอบครัว
แค่เคยได้ยินมาจากลู่จ้าวอิ่งว่ายายของฉินหร่านล่วงลับไปแล้ว
ดังนั้นจึงไม่กล้าเอ่ยถึงญาติของฉินหร่านต่อหน้า ตอนนี้ได้ยินว่าเธอยังมีน้องชาย แต่ก็ไม่ควรถามอะไรอีก รู้สึกเพียงแค่เสียดายมาก แต่ไม่แสดงสีหน้าอะไรออกมา “ไม่เป็นไร เธอไปสนุกกับน้องชายเถอะ”
เธอก้มหน้า ส่งวีแชทหานายท่านเฉิง
ครุ่นคิด จึงถามอายุฉินหลิงและความสนใจ พลางขอให้เลขาส่งของขวัญมา
เครื่องเล่นเกมสุดหรูรุ่นลิมิเตดเอดิชัน
เรื่องนี้เฉิงเจวี้ยนรู้นานแล้ว สองคนกินข้าวเสร็จ อยู่ด้านล่างคุยกับเฉิงเวินหรูประมาณหนึ่งชั่วโมง จึงออกเดินทางไปชุมชนอวิ๋นจิ่น
ชุมชนอวิ๋นจิ่นไม่ได้อยู่รอบเขตโรงเรียน แต่ทำเลดี วันนี้วันเทศกาล ผู้คนเยอะมาก เฉิงเจวี้ยนขับรถไปชั่วโมงกว่าจึงถึงชุมชนอวิ๋นจิ่น
ที่นั่งด้านหลังรถมีถุงของขวัญสามถุงวางอยู่ อันหนึ่งเป็นของเฉิงเวินหรูให้ฉินหลิง อีกสองอันเป็นของเฉิงเจวี้ยนให้เฉิงจินเตรียมไว้
ฉินหร่านมองดู ดูไม่ออกว่าถุงของขวัญมีอะไร ส่วนมากก็เป็นพวกอาหารเสริม
เฉิงเจวี้ยนยื่นกุญแจรถให้ฉินหร่าน ส่วนตัวเองนำถุงสามใบเข้าไปในลิฟต์อย่างสบายใจ
ตอนที่ถึง 801 ฉินฮั่นชิวถือไม้พายมาเปิดประตู
ตอนนี้ภาพลักษณ์ของเขาเปลี่ยนไปมาก สวมเสื้อผ้าแบรนด์เนม เพราะสรีระดีแม้จะอายุสี่สิบปีแล้ว ครึ่งเดือนนี้ไม่ได้ออกไปข้างนอก และไม่ได้ทำงาน ใบหน้าไม่แสดงออกถึงความยากลำบาก ออกมาด้านนอกก็ยังทำออกมาได้ดี
“พวกเธอทั้งสองนั่งก่อน ฉันยังมีอาหารอีกสองอย่าง” เขาให้ฉินหลิงชงชาให้ทั้งสองคน และไปทำอาหารต่อที่ห้องครัว
หลังจากเฉิงเจวี้ยนวางถุงของขวัญ จึงถอดแจ็คเก็ต และจัดเสื้อเชิ้ตสองสามครั้ง
มองพี่น้องสองคนนั่งอยู่ที่โต๊ะ เขาจึงไปช่วยที่ห้องครัว
“กำลังเขียนโปรแกรม?” ฉินหร่านลากเก้าอี้ตัวหนึ่งมานั่งข้างฉินหลิง เขากำลังทำการขึ้นรูปโปรแกรม “เก่งจังเลย”
ฉินหลิงเพิ่งได้ใกล้ชิดอะไรแบบนี้ ฉินหร่านเตรียมรายชื่อหนังสือให้เขา เขายังอ่านจบไม่หมด เพียงเขียนโค้ดที่รันอยู่นิดหน่อย แล้วหยุดลง
ฟังคำชมของฉินหร่านจบ ฉินหลิงเกาหัว “นี่คืองานที่ปู่ฉินให้คุณพ่อ ในเทศกาลไหว้พระจันทร์ให้คุณพ่อทำให้เสร็จ”
“เขา?” ฉินหร่านไขว่ห้าง “เธอแน่ใจเหรอ”
คนเหล่านั้นของตระกูลฉินบ้าไปแล้วเหรอ ฉินหลิงรับมือได้ไม่หมด ยังส่งให้ฉินฮั่นชิวอีก?
ชักจะป่วยหนักแล้ว
ฉินหร่านเท้าคาง ครุ่นคิดเล็กน้อย
ก็ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ พาฉินฮั่นชิวกลับมาจากเมืองหนิงไห่ได้ เรื่องนี้ก็อธิบายให้คนเข้าใจได้ยาก
“ไม่ผิดแน่” ฉินหลิงพยักหน้า
“มา” ฉินหร่านยื่นมือ นำเอาคอมพิวเตอร์มา พูดอย่างเป็นกันเอง “ฉันเอง”
ฉินหลิงตาเป็นประกาย และไม่นั่งบนเก้าอี้แล้ว ปีนลงมาจากเก้าอี้ ยืนอยู่ข้างฉินหร่าน
ฉินหร่านหยิบเอาเมาส์ลากเล็กน้อย จึงเห็นเป็นรหัสโปรแกรมหลัก
นี่เป็นเพียงการขึ้นรูป ยังต้องการลิงก์รหัสซอร์ฟแวร์อีกอัน
ไม่ทันได้คิด ฉินหร่านเปิดโปรแกรมแก้ไข ป้อนชุดรหัสที่น่าเบื่อ
ฉินหลิงมองตาไม่ขยับ
“พวกเธอกำลังทำอะไร” ยี่สิบนาทีต่อมา ฉินฮั่นชิวนำอาหารออกมาก่อนหนึ่งชาม เห็นฉินหร่านและฉินหลิงจ้องมองไปที่คอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊กไม่ได้ส่งเสียงดังขนาด ตู้มต้าม แต่เสียงก็ไม่เบาเช่นกัน
เหมือนกับกำลังเล่นเกม