เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ - ตอนที่ 350 อาจเป็นเพราะเธอเรียนสาขาฟิสิกส์ที่มหาวิทยาลัยเมืองหลวงมั้ง
- Home
- เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ
- ตอนที่ 350 อาจเป็นเพราะเธอเรียนสาขาฟิสิกส์ที่มหาวิทยาลัยเมืองหลวงมั้ง
ทางรายการตั้งใจดันชื่อเสียงของไป๋เทียนเทียนอย่างแท้จริง ในเมื่อตระกูลเจียงให้เงินทุนมหาศาล ซึ่งรายการนี้โด่งดังเป็นทุนเดิม ยิ่งมีฉินซิวเฉินที่มีชื่อเสียงในวงการบันเทิงและเป็นที่รู้จักกันดีเกือบครึ่งประเทศแล้ว สุดท้ายแล้วก็จะมีบริษัทมากมายแย่งตัวแขกรับเชิญคนไป
ในหมู่ของพวกเขาไม่ขาดแคลนศิลปินดังหน้าใหม่อยู่แล้ว
ทั้งบริษัทและศิลปินมากมาย สำหรับน้องใหม่อย่างไป๋เทียนเทียนก็มีความสามารถมากพอที่จะผ่านจุดนี้ไปได้ ทั้งหมดเพราะอำนาจในวงการบันเทิงอย่างตระกูลเจียงทั้งสิ้น
ผู้มีอำนาจในวงการบันเทิงไม่สนใจบุคคลที่ไร้ชื่อเสียง ในเมื่อไม่มีใครหน้าไหนในวงการบันเทิงไม่กล้าหักหน้าตระกูลเจียง คนในกองต่างให้ไป๋เทียนเทียนขึ้นกล้องและแสดงความสามารถอย่างเต็มที่ คำถามข้อนี้จะทำให้แฟนคลับเพิ่มขึ้นไปอีก
ไม่กี่วันก่อนที่อัดรายการก็ทำตามรูปแบบเช่นนี้
เมื่อวานตอนเย็น ผู้ช่วยผู้กำกับนำคำถามและคำตอบให้ไป๋เทียนเทียนก่อนหน้านั้นแล้ว เพื่อให้เธอเตรียมพร้อม
เพื่อให้เห็นภูมิหลังของไป๋เทียนเทียนได้ชัดเจนขึ้น นี่เป็นคำถามทางฟิสิกส์ที่สุดแสนซับซ้อนที่ทางกองถ่ายหามาจากในเน็ต
จิ่งเหวินและฉินซิวเฉินที่ลื่นไหลไปกับวงการบันเทิงแห่งนี้ก็รู้อยู่แก่ใจว่าเป็นแผนของทางรายการ
ทว่าน้องชายของจิ่งเหวินไม่รู้
เมื่อพวกเขากำลังชื่นชมไป๋เทียนเทียนด้วยสีหน้าชื่นชมอยู่นั้น จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงขัดจังหวะแทรกขึ้น
ไป๋เทียนเทียนหยุดพูด น้องชายจิ่งเหวินก็มองมาทางนี้เดิมทีเขาก็ไม่ชอบฉินหร่านอยู่แล้ว เมื่อนึกถึงภาพเมื่อครู่ที่แบกท่อนไม้น้ำหนักร้อยกิโลด้วยท่าทางสบายอารมณ์ เขาก็ข่มความคิดที่ว่า “จะทำเรื่องบ้าไรอีกละ”ไว้ เพียงพูดแค่ว่า: “ผิดตรงไหนเหรอ?”
ทั้งฉินซิวเฉินและจิ่งเหวินก็มองมาทางเดียวกัน
จิ่งเหวินไม่รู้ว่าฉินหร่านจะทำอะไร เจ้าตัวเป็นคนแบบไหน ทว่าฉินซิวเฉินกลับรู้ว่าหลานสาวของตนคือนักศึกษาสาขาฟิสิกส์ของมหาวิทยาลัยเมืองหลวง……
สามารถสอบเข้าสาขาฟิสิกส์ของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงได้……ทั้งประเทศหนึ่งปีจะมีไม่กี่ร้อยคนเท่านั้น
เมื่อฉินซิวเฉินได้ยินคำว่า “ผิดแล้ว” จากปากของฉินหร่าน จึงมั่นใจได้เลยว่าโจทย์ฟิสิกส์มีปัญหาแน่นอน
“คำตอบผิดเหรอ?” เมื่อครู่ฉินซิวเฉินกับน้องชายจิ่งเหวินเพิ่งแบกไม้ขึ้นมา กำลังใช้กระดาษเช็ดหน้าซับเหงื่อ เมื่อได้ยินฉินหร่านพูด เขาก็โยนกระดาษเช็ดหน้าลงถังขยะที่อยู่ด้านข้าง ก่อนหันมามองฉินหร่าน
มือของฉินหร่านยังคงยันคางไว้ พลางหัวเราะเบา ๆ: “เปล่า ฉันหมายถึงคำถามน่ะผิดแล้ว ตามโจทย์ข้อนี้ คำตอบทั้งสี่ข้อนั้นก็ผิดหมด”
ทุกคนต่างเงียบไปสักพัก
ผู้กำกับที่กำลังถ่ายฉากนี้อยู่ เขาไม่ใช่คนหาคำถาม
เขายื่นมือกดปุ่มหูฟัง ขมวดคิ้วถามผู้ช่วยผู้กำกับที่อยู่ในห้องสตูดิโอที่กำลังดูกล้องอยู่: “คำถามข้อนี้ผิดเหรอ?”
หากผิดจริงๆ แล้วรายการของเขาเผยแพร่ออกไปคงเป็นที่น่าขบขันของนักวิชาการเป็นแน่
ผู้ช่วยผู้กำกับเป็นคนรับผิดชอบคำถามนี้ เขาจับหูฟัง: “นี่เป็นคำถามที่พวกเราดาวน์โหลดมาจากในเน็ตครับ ด้านล่างคำตอบก็มีคำอธิบายออกมาอย่างชัดเจน ไม่ผิดแน่นอน”
เจ้าหน้าที่ในกองรายการต่างทำงานมากันหลายปี
คำถามฟิสิกส์ประเภทนี้แม้จะไม่เข้าใจ แต่คิดอยากจะใช้ปัญหาข้อยากๆ มาหลอกผู้ชม จากนั้นให้ไป๋เทียนเทียนแสดงความสามารถ
เมื่อได้ยินดังนั้น ผู้กำกับก็วางใจ เขารีบชูป้ายบอกฉินซิวเฉิน ด้านบนเขียนเอาไว้ว่า “ไม่มีปัญหา”
“ฉันคิดในใจอยู่หลายรอบ ไม่น่าผิดนะคะ” เมื่อเห็นผู้กำกับชูป้าย ไป๋เทียนเทียนก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เธอมองฉินหร่าน ราวกับไม่ใส่ใจ ทั้งไม่เอาความกับคำพูดของฉินหร่าน: “อาจเป็นเพราะพี่สาวท่านนี้ดูคำถามผิดรึเปล่าคะ คุณลุง คุณเอากุญแจให้ฉันได้รึยังคะ?”
ช่างกล้องที่ถ่ายติดตามไป๋เทียนเทียนย้ายเลนส์กล้องออกไปอย่างนอบน้อมยิ่ง
คุณลุงมาดนิ่งหยิบกุญแจออกมาส่งให้ไป๋เทียนเทียน
จิ่งเหวินได้สติกลับมาก่อนรีบไปที่สนามกลม “คำถามแปลกๆ บนกระดานดำยากเกินไปแล้ว เสี่ยวหร่านหร่านต้องดูผิดแน่”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น คุณลุงมาดขรึมก็เงยหน้ามองจิ่งเหวินแวบหนึ่ง: “……”
ไป๋เทียนเทียนรับกุญแจมา ก่อนกวาดตามองรอบด้าน เม้มปากหัวเราะ: “พี่จิ่งเหวินคะ คุณมาเปิดเลย”
ฉินหร่านยันหินยืนขึ้น วางมือไว้บนท้ายทอย ทั้งไม่พูดอะไร เพียงเลิกคิ้ว พร้อมยิ้มอย่างโอหังและกวนประสาท
จิ่งเหวินเปิดกล่อง หยิบการ์ดภารกิจด้านในออกมา ก่อนอ่านเนื้อความด้านใน “ซุปตาร์ฉิน พวกเราต้องขึ้นยอดเขา เดี๋ยวเก็บของแล้วพวกเรา……”
เธอยังพูดไม่จบ ฉินซิวเฉินก็เดินไปหาผู้กำกับ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเล็กน้อย: “ผู้กำกับ ผมว่าคุณหาคนตรวจสอบคำถามข้อนี้หน่อยดีกว่านะครับ”
ผู้กำกับขมวดคิ้ว เมื่อคืนเขาได้ยินผู้จัดการบอกแล้วว่าซุปตาร์ฉินชื่นชอบหลานสาวคนนี้มาก ดูจากสถานการณ์ตอนนี้แล้วคงไม่ใช่ความชื่นชอบธรรมดา
“คุณซุปตาร์ฉิน ผมบอกแล้ว คำถามข้อนี้ไม่มีปัญหา” เดิมทีเขารู้สึกพึงพอใจกับหน้าตาของฉินหร่านและผลลัพธ์ของรายการมาก เมื่อเห็นซุปตาร์ฉินเป็นแบบนี้ เขาจึงพลันปวดหัวขึ้นมา
เมื่อพิจารณาอยู่เงียบๆ สถานะของซุปตาร์ฉินค่อนข้างสำคัญกว่าตระกูเจียงเล็กน้อย
ความจริงแล้วเขาก็มองออก ถึงเวลานั้นหากใช้ความขัดแย้งนี้เป็นสีสันให้รายการคงพลุแตกแน่นอน ถึงแม้ว่าหลานสาวของซุปตาร์ฉินจะโดนชาวเน็ดวิจารณ์ยับก็ตาม……
ในตอนแรกผู้กำกับเกรงกลัวซุปตาร์ฉินอย่างมาก ทว่าหากตระกูลเจียงยืนอยู่ฝั่งเดียวกับเขาเล่า……
ยังไงซะตอนนี้ตระกูลเจียงก็เป็นของสกุลเฉิง ไม่เหมือนกับที่ผ่านมา……
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขามองไปยังฉินหร่าน “เธอบอกว่าคำถามมีปัญหา งั้นบอกฉันได้ไหมว่า ปัญหาของคำถามข้อนี้อยู่ตรงไหน?”
น้องชายของจิ่งเหวินที่กำลังเตรียมตัวออกเดินทางแล้ว ไม่คิดว่าตอนนี้จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก
“รุ่นพี่ครับ คุณอย่าฟังคำพูดไร้สาระของผู้หญิงคนนี้เลย! เธอก็เป็นคนธรรมดาที่มีแขนขา มีสมองที่พัฒนาแล้วเหมือนคนทั่วไปนั่นแหละ!” หัวคิ้วของน้องชายจิ่งเหวินมุ่ยเข้าหากัน เขามองฉินหร่าน พูดอย่างหมดความอดทน: “เทียนเทียนก็หาคำตอบได้แล้ว ทั้งยังคิดในใจตั้งหลายรอบนี่? เธอยังไม่เห็นคำถามก็บอกว่าโจทย์ผิดแล้วเหรอ เธออ่านโจทย์จบแล้วงั้น? แล้วเธอรู้ไหมว่าคำถามถามว่าอะไร? !”
ฉินหร่านแบกท่อนไม้ท่อนหนึ่งขึ้นมา ความรู้สึกของน้องชายจิ่งเหวินที่มีต่อฉินหร่านเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาระมัดระวังเธอมาโดยตลอด
ย่อมรู้ว่าฉินหร่านอ่านโจทย์ตั้งแต่บรรทัดแรกถึงบรรทัดสุดท้ายโดยใช้เวลาไม่เกินห้าวินาที จากนั้นก็หันมองทิวทัศน์รอบข้างโดยไม่สนใจอะไร แสดงให้เห็นว่าเธอไม่แม้แต่อ่านคำถามจนจบแต่แรกแล้วน่ะสิ? !
ฉินหร่านหมุนตัวกลับมาช้า ๆ: “ความต่างศักย์ไฟฟ้าของจุดcdและจุดefสลับกัน คำถามนี้คำนวณออกมาแล้วคำตอบก็คือติดลบ30โวลท์ แต่คำตอบที่ให้ล้วนเป็นเลขจำนวนเต็มบวก”
เธอแสดงออกอย่างมั่นใจมาก ผู้กำกับมองเธอคราหนึ่ง ไม่รู้ว่าในใจคิดอะไรอยู่ ก่อนหยิบโทรศัพท์ เปิดวิดีโอคอลขึ้นมา
เป็นอาจารย์สอยฟิสิกส์ระดับมัธยมปลาย
ผู้กำกับกับเขาเป็นนักเรียนห้องเดียวกันสมัยมัธยมปลาย ก่อนถามอย่างตรงประเด็น “ตอนนี้นายอย่าเพิ่งพูดอะไร ช่วยฉันดูโจทย์ฟิสิกส์ข้อนี้หน่อยว่ามีปัญหาอะไรรึเปล่า”
เขาพูดพลางส่งรูปกลับไป
ผ่านไปห้านาที
ผู้กำกับเปิดลำโพง ให้อาจารย์ฟิสิกส์ตอบกลับโดยนักแสดงทุกคนที่อยู่ในพื้นที่นี้ได้ยินอย่างชัดเจน“โจทย์ไม่ได้มีปัญหาใหญ่อะไรมากหรอก นอกจากยากนิดหน่อย”
เมื่อได้ยินประโยคนี้น้องชายของจิ่งเหวินก็หันมามองฉินหร่านพลางหัวเราะ
ไป๋เทียนเทียนถอนหายใจอย่างโล่งอก ก็ยิ้มขึ้น
ทว่าไม่กี่วิหลังจากนั้น
“แต่ว่าความต่างศักย์สองจุดตรงcdกับefมันเขียนกลับกัน แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร ปกติคนที่แก้ปัญหาข้อนี้ได้ก็รู้ทั้งนั้นแหละว่าสองจุดนี้เขียนสลับกัน……” อาจารย์ฟิสิกส์ที่พูดอยู่ในวิดีโอกล่าวอย่างไม่เร็วเกินไปไม่ช้าเกินไป
อย่าว่าแต่ผู้กำกับที่กำลังถือโทรศัพท์หรือเจ้าหน้าที่คนอื่นที่ช็อกอยู่ แม้แต่จิ่งเหวินที่ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องความต่างไฟฟ้าอะไรนั่นก็แข็งค้างอยู่ที่เดิม
เธอมองโทรศัพท์ของผู้กำกับ ก่อนมองฉินหร่านที่ยืนอย่างไม่ทุกข์ร้อนอีกฝั่งโดยไม่ละสายตา
เมื่ออาจารย์ฟิสิกส์พูดจบแล้ว เห็นว่าผู้กำกับเอาแต่นิ่งเงียบ จึงพูดขึ้น “ฉันว่านะผู้กำกับ นายวิดีโอคอลหาฉันเพราะให้ดูโจทย์ข้อนึงเนี่ยนะ?”
ผู้กำกับได้สติ ตอนนี้เองเขารู้สึกขายขี้หน้ายิ่ง ทำให้ใบหน้าเปลี่ยนสีค่อนข้างดำแทบมองไม่เห็นผิวสีแดง: “กลับไปฉันจะเลี้ยงข้าวนายเอง วางก่อนนะ”
เขาวางสายโทรศัพท์กับอาจารย์ฟิสิกส์ ก่อนมองไปยังฉินหร่านและฉินซิวเฉินทั้งสองคน
“คุณซุปตาร์ฉิน ครั้งนี้ต้องขอบคุณหลานสาวคุณแล้ว”
ปัญหาใหญ่ขนาดนี้ ทุกคนในกองถ่ายไม่มีใครตรวจสอบได้ ทั้งยังถูกผู้หญิงตัวเล็กๆ พูดออกมากลางรายการ
แม้แต่ผู้กำกับยังรู้สึกอับอาย
ทว่าก็รู้สึกโล่งใจ ดีที่ฉินซิวเฉินยืนยันจนถึงท้ายที่สุด มิเช่นนั้นเมื่อรายการถ่ายทอดออกไป คงกลายเป็นเรื่องขบขันของนักวิชาการเป็นแน่……รายการของพวกเขาที่มีความเป็นมืออาชีพคงสูญสิ้นความเชื่ออย่างมาก ทั้งภาพลักษณ์ของตัวบุคคลคงพังทลายกันให้วุ่น
ในเมื่อ……คำตอบผิดยังพอเข้าใจได้ ทว่าโจทย์ผิดแล้วไป๋เทียนเทียนยังสามารถแก้ออกมาได้ นี่ไม่ใช่การปล่อยให้ผู้ชมเห็นอย่างชัดเจนว่าเตี้ยมกันมาหรอกหรือ?
“พูดได้ดี พูดได้ดี” ฉินหร่านยิ้มพลางหรี่ตามองผู้กำกับ
เมื่อผู้กำกับเห็นรอยยิ้มของเธอก็รู้สึกว่าช่างน่ากลัวนัก พลางลูบแขนของตน
นี่เป็นตัวBUGพิเศษรึ!
เจ้าหน้าที่ที่ดูอยู่รอบฉากก็ได้สติกลับมาแล้ว……โจทย์ผิดรึ? ?
คำตอบก็ไม่ถูกต้อง? ?
ถ้าเป็นแบบนี้ งั้นไป๋เทียนเทียนที่คิดคำตอบออกได้ภายในหนึ่งนาทีก็…..
ทุกคนต่างพร้อมใจกันมองไปยังไป๋เทียนเทียน
น้องชายจิ่งเหวินที่เหลือสมองอันน้อยนิด ก็พูดอย่างตะลึง “โจทย์มีปัญหาจริงๆ เทียนเทียน งั้นเธอคิดออกมาได้ยังไง? ทั้งเธอยังคิดในใจตั้งหลายรอบนี่?”
ทันใดนั้นสีหน้าของไป๋เทียนเทียนก็ดำจนกลายเป็นก้นหม้อ
เธอกัดปาก นิ้วมือพันไปมาอย่างใจร้อน พูดอย่างเคอะเขินเล็กน้อย: “ฉันดูผิดไปแล้วละ”
เมื่อเรื่องโจทย์จบไป รายการยังคงดำเนินต่อ
จิ่งเหวินกลับแปลกใจอย่างอดไม่ได้ เธอตบไหล่ฉินซิวเฉิน พลางถาม “เกิดอะไรขึ้นกับกับหลานสาวคุณ? ฉันเห็นว่าเธอไม่ได้อ่านโจทย์เลยด้วยซ้ำ? เธอก็เป็นพวกเด็กเรียนเหรอ?”
เธอสงสัยจริงๆ
ทางทีมงานและผู้กำกับก็สงสัยเช่นเดียวกัน
ช่างกล้องต่างหันเลนส์มายังฉินซิวเฉิน
เมื่ออยู่ท่ามกลางกล้องจำนวนมาก แต่ดูเหมือนว่าฉินซิวเฉินก็ไม่ได้ใส่ใจแต่อย่างใด ก่อนตอบอย่างไม่แยแสว่า: “อ้อ อาจเป็นเพราะเธอเรียนสาขาฟิสิกส์ที่มหาวิทยาลัยเมืองหลวงมั้ง”