เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ - ตอนที่ 379 NO.1
“คณบดีเก๋อ ขอแสดงความยินดีกับนักศึกษามหาวิทยาลัยของคุณล่วงหน้าด้วยนะครับที่ได้ที่…”
ทันทีที่มีการรีเฟรชก็มีเจ้าหน้าที่มาแสดงความยินดีล่วงหน้ากับคณบดีเก๋อ
คนอื่นที่อยู่ข้างๆ ก็คล้อยตามกันไป
ขณะที่พูด พวกเขาก็มองไปที่กลางหน้าจอใหญ่ รายชื่อรีเฟรชเรียบร้อยแล้ว สักพักพวกเขาก็เห็นรายชื่ออย่างชัดเจน
ทันใดนั้นคนที่แสดงความยินดีกับคณบดีเก๋อก็เงียบไปชั่วขณะ
รอยยิ้มพึงพอใจกับชัยชนะบนปากคณบดีเก๋อหายไปในทันที
คนอื่นๆ ที่กำลังโห่ร้องแสดงความยินดีกันก็เงียบลงโดยพลัน
ห้องโถงที่ชั้นหนึ่งของห้องปฏิบัติการทางฟิสิกส์ตกสู่ภวังค์ความเงียบอย่างน่าประหลาด
คณบดีเจียง โจวอิ่ง และคนอื่นๆ กำลังเดินออกจากประตู สภาพจิตใจทั้งสองต่างก็ตกอยู่ในสภาวะหดหู่
อาจารย์ที่อยู่ข้างๆ สัมผัสได้ว่าความเงียบที่อยู่ข้างหลังเหมือนไม่ค่อยปกติ เขาหยุดฝีเท้าแล้วเหลือบมองไปทางข้างหลัง ตัวแข็งทื่อไปทั้งตัวไปโดยปริยาย “คะ คณบดี เจียง…ดู…ดูเหมือนว่า…นักศึกษา…ฉินหร่าน…จะเข้ารอบแล้ว”
ทันทีที่ได้ยินประโยคนี้ คณบดีเจียงก็ถึงกับชะงัก ดูเหมือนว่าเขาจะนึกถึงอะไรบางอย่าง หันกลับมาพร้อมกับโจวอิ่ง
มองมาที่กลางหน้าจออย่างรวดเร็ว
รายชื่อหยุดอยู่ที่อันดับ1ถึง10 ไม่มีการขยับ
คณบดีเจียงกับโจวอิ่งสามารถมองเห็นตัวอักษรหนาดำบนนั้นได้อย่างชัดเจน
NO.1 ฉินหร่าน มหาวิทยาลัยเมืองหลวง 300
NO.2 สวีหว่านเฉิน มหาวิทยาลัยA 287
……
สายตาของทุกคนหยุดอยู่ที่ตัวอักษรบรรทัดแรก
NO.1 ฉินหร่าน มหาวิทยาลัยเมืองหลวง 300
“ด็อกเตอร์โจว” คณบดีเจียงสั่นไปทั้งตัว “ผม…ผมไม่ได้ดูผิดไปใช่ไหม…อันดับที่หนึ่ง อันดับที่หนึ่งเป็นใคร? กี่คะแนน?”
คณบดีเจียงคิดว่าตัวเองอาจจะตาลาย
มิฉะนั้นเขาจะเห็นฉินหร่านได้ที่หนึ่งแล้วยังได้คะแนนเต็มได้อย่างไร
ซ่งลี่ว์ถิงยังทำได้แค่296คะแนนในรอบเดือนมีนาคม
ตอนนั้นยังปั่นป่วนกันมาก
ตอนนี้ คะแนนยังกำแหงยิ่งกว่าซ่งลี่ว์ถิงเสียอีก…
“ฉินหร่าน” สายตาโจวอิ่งยังคงจับจ้องไปที่ชื่อและคะแนนของฉินหร่าน เขาตอบทีละคำทีละประโยค “คะแนนเต็ม300”
พอพูดถึงตรงนี้ โจวอิ่งกับคณบดีเจียงก็มองหน้ากัน
ก่อนหน้านี้ทั้งสองยังพูดกันเป็นมั่นเป็นเหมาะ—— ‘นักศึกษาฉินหร่านคงไม่มีปัญหากับการสอบข้อเขียน สามารถเข้ารอบสี่สิบคนได้’
ทว่าตอนนี้
เข้ารอบก็เข้ารอบแล้ว ชื่อก็ติดห้าสิบอันดับแรกจริงๆ แต่กลับเป็นอันดับที่หนึ่ง และยังเป็นคนแรกที่ได้คะแนนเต็มเป็นประวัติการณ์
ดูเหมือนเรื่องนี้จะเกินขอบเขตไปหน่อย…
ในเวลาเดียวกัน คนอื่นในห้องโถงก็กลับมามีสติอีกครั้ง
เจ้าหน้าที่ของห้องปฏิบัติการทางฟิสิกส์และอาจารย์จากมหาวิทยาลัยหลายแห่งกำลังมองการจัดอันดับ ตกตะลึงจนตาค้าง
โดยเฉพาะคณบดีเก๋อที่กำลังมองไปที่300คะแนนท้ายแถวที่หนึ่ง
ตัวหนังสือสีดำแต่ละตัวชัดเจนอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
หลังจากผ่านความเงียบที่น่าประหลาดไปแล้ว ภายในห้องโถงก็เหมือนน้ำเดือดที่ซัดกระหน่ำเข้ามาทันที
“เป็นไปได้ยังไง?”
“คิดคะแนนผิดหรือเปล่า?”
“……”
ทุกคนรวมถึงคณบดีเก๋อต่างก็เดากันในลักษณะนี้ แต่คนเหล่านี้รู้กันดีว่าการคิดคะแนนผิดนั้นแทบจะ…เป็นไปไม่ได้เลย
ทุกคนต่างมองหน้ากัน
“เกิดอะไรขึ้นกับนักศึกษาใหม่มหาวิทยาลัยเมืองหลวงปีนี้? เพี้ยนเกินไปแล้วมั้ง?” เจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการที่รู้จักกับซ่งลี่ว์ถิงอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา “ดีร้ายยังไงซ่งลี่ว์ถิงก็ยังเคยเข้าร่วมการฝึกอบรมมาแล้วสองสามเดือน เธอเพิ่งเข้ามหาวิทยาลัยไม่นานไม่ใช่เหรอ?”
ทันทีที่คะแนนออกมา ก็ทิ้งระเบิดให้เหล่าศิษย์เก่าทั้งหมดที่อยู่ห้องปฏิบัติการทางฟิสิกส์
เพื่อที่จะฟื้นฟูชื่อเสียงของรอบเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แม้มหาวิทยาลัยAจะดึงตัวสวีหว่านเฉินที่ไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมการประเมินมาได้ แต่พวกเขาก็ยังถูกราชาหน้าใหม่ของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงเหยียบจมดิน!
**
หน้าคณบดีเก๋อดำคล้ำเมื่อผลออกมาเป็นแบบนี้
เขาเดินออกจากห้องปฏิบัติการโดยไม่พูดอะไรสักคำ กลุ่มด็อกเตอร์ต่างมองหน้ากันแล้วเดินตามหลังเขาไป มีคนพูดด้วยความรอบคอบว่า “ตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัย ฉินหร่านนั่นได้คะแนนรวมวิชาวิทยาศาสตร์เต็ม คะแนนภาคทฤษฎีเธอทำได้ดีมาโดยตลอด แต่การประเมินห้องปฏิบัติการนั้นไม่เหมือนกัน ภาคทฤษฎีเป็นแค่การคัดเลือกวิธีหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้สำคัญอะไรมาก ที่พวกเราต้องจับตาดูก็คือการทดลองวันพรุ่งนี้ นักศึกษาสวีหว่านเฉินศึกษาการทดลองมาแล้วสองปี นอกจากนี้มหาวิทยาลัยพวกเรายังครองแหล่งทรัพยากรอย่างกว้างขวางมานาน เราจะต้องพลิกเกมได้แน่”
“อีกอย่าง…ผมได้ยินมาว่าฉินหร่านไม่เคยเข้าห้องทดลองเลย…การทดลองพรุ่งนี้จะต้องยากสำหรับเธออย่างแน่นอน”
คนอื่นก็พยักหน้าคล้อยตาม
เรื่องนี้ไม่ได้พูดเล่น
การสอบภาคทฤษฎีเป็นแค่ใบผ่านทางในการเข้าประเมินภาคปฏิบัติ ที่เรียกห้องปฏิบัติการทางฟิสิกส์ว่าห้องปฏิบัติการก็เพราะต้องลงมือปฏิบัติจริง
นักศึกษาจำนวนห้าสิบคนของปีนี้จะต้องถูกคัดออกอย่างน้อยสามสิบคนตามอัตราความเป็นไปได้จากที่ผ่านมา
แน่นอนว่าที่บอกว่าเป็นเรื่องยากสำหรับฉินหร่านไปก็เท่านั้น เพราะการสอบข้อเขียนได้ที่หนึ่งก็แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในตัวเธอแล้ว
คณบดีเก๋อย่อมคิดถึงประเด็นนี้ สีหน้าค่อยๆ ผ่อนคลาย
เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาสวีหว่านเฉิน
ทางด้านสวีหว่านเฉินก็กำลังอยู่ในห้องทดลองของมหาวิทยาลัยA เขากำลังทำการทดลองของตัวเองอยู่ เมื่อเห็นว่าเป็นคณบดีเก๋อ เขาก็รับสาย “คณบดีเก๋อ?”
“พรุ่งนี้เตรียมตัวทดสอบภาคปฏิบัติให้ดี ทำอย่างสุดความสามารถ” คณบดีเก๋อนั่งอยู่ในรถพลางมองออกไปนอกหน้าต่าง
มหาวิทยาลัยAตั้งใจดึงตัวสวีหว่านเฉินมาโดยเฉพาะ ถ้าภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติถูกฉินหร่านเหยียบจมดิน นั่นก็เท่ากับขายหน้าไปถึงสถาบันวิจัย
อย่างน้อยๆ หนึ่งในสองต้องดึงกลับมาคนหนึ่ง…
สวีหว่านเฉินกำลังหมกมุ่นอยู่กับการทดลอง ตอนเข้าร่วมการประเมินเขาก็ไม่ค่อยได้สนใจอะไรมากนัก ตอนนี้พอมาได้ยินที่คณบดีเก๋อพูดก็เริ่มรู้สึกกระหายชัยชนะขึ้นมาแล้ว “ครับ คณบดีเก๋อ ผมกำลังศึกษาการทดลองกับอาจารย์อีกท่านอยู่พอดี ทีแรกก็ไม่ได้คิดจะเอามาใช้กับการประเมินเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้…”
เมื่อได้ยินคำพูดของสวีหว่านเฉิน คณบดีเก๋อก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ทำการทดลองได้ถึงระดับไหนแล้ว?”
“พรุ่งนี้คุณก็รู้” สวีหว่านเฉินโยนบอร์ดแผงวงจรไปอีกด้านหนึ่ง พูดด้วยความมั่นใจ “จะไม่ให้คุณผิดหวัง”
**
ทางด้านนี้
หลังจากโจวอิ่งและคณบดีเจียงได้รับเซอร์ไพรส์ที่ไม่คาดคิด ทั้งสองก็กลับมาที่ห้องทำงานมหาวิทยาลัยเมืองหลวง
ข่าวที่ฉินหร่านได้ที่หนึ่งได้แพร่สะพัดไปทั่วภาควิชาฟิสิกส์เรียบร้อยแล้ว
เหล่าอาจารย์ภาควิชาฟิสิกส์ไม่คาดคิดว่าจะได้ผลลัพธ์เช่นนี้
ประชุมกันข้ามคืน
“คราวนี้มหาวิทยาลัยเมืองหลวงของเราได้รับชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ในการสอบข้อเขียน โดยเฉพาะฉินหร่าน” คนที่พูดคือคณบดีเจียง เขายิ้มด้วยแววตาที่ทำให้คนรู้สึกตื้นตันใจ
ช่วยไม่ได้ ฉินหร่านได้สร้างเซอร์ไพรส์ที่ยิ่งใหญ่เกินไปให้พวกเขา
โจวอิ่งหมุนปากกา แววตาเคร่งเครียด “การสอบข้อเขียนผ่านไปแล้ว พวกเราจะหยุดอยู่ตรงนี้ไม่ได้ การทดลองวันพรุ่งนี้สิถึงจะสำคัญ ไม่รู้ว่าฉินหร่านศึกษาการทดลองเป็นยังไงบ้าง…”
เมื่อพูดถึงการทดลอง ด็อกเตอร์จากภาควิชาวิศวกรรมนิวเคลียร์ก็พูดขึ้นมาว่า “ฉินหร่านเหมือนจะทำการทดลองระดับCได้ครับ”
“การทดลองระดับC?” โจวอิ่งนั่งตัวตรง “คุณแน่ใจ?”
“ครับ ดูเหมือนเธอจะเคยถามผมเกี่ยวกับการทดลองระดับC” ด็อกเตอร์กดแว่นตาลงพลางหรี่ตา “ส่วนรายละเอียดผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน…”
ทันทีที่ด็อกเตอร์เปิดประเด็นนี้ ด็อกเตอร์คนอื่นๆ ในวิศวกรรมนิวเคลียร์อีกหลายคนต่างก็ยกมือขึ้นเพื่อบอกให้แน่ใจว่าฉินหร่านเคยถามคำถามเกี่ยวกับวิศวกรรมนิวเคลียร์กับพวกเขาจริงๆ
โจวอิ่งกับคณบดีเจียงสบตากัน
“ถ้าเป็นอย่างที่พูด งั้นนักศึกษาฉินหร่านก็คงไม่มีปัญหากับการเข้าห้องทดลอง” คณบดีเจียงถอนหายใจด้วยความโล่งอก การทดลองระดับCเป็นเพียงเกณฑ์ต่ำสุดสำหรับการประเมิน
ตอนนี้คณบดีเจียงไม่ได้หวังว่าเธอจะสามารถคว้าที่หนึ่งมาได้ และไม่สนว่าคะแนนของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงจะแซงหน้ามหาวิทยาลัยAหรือไม่ เขาเพียงหวังว่าฉินหร่านจะได้เข้าห้องปฏิบัติการ
อย่างอื่นล้วนไม่สำคัญ
**
ถิงหลาน
พรุ่งนี้เป็นการทดสอบภาคปฏิบัติ ฉินหร่านไม่ได้พะว้าพะวังอยู่กับการทดลอง เธอนั่งที่โซฟาก้มหน้าเล่นเกมในโทรศัพท์ เฉิงเจวี้ยนก็พิงอยู่ข้างๆ เธอ ในมือถือหมอนโดยที่มืออีกข้างเปิดโทรศัพท์ไปที่หน้าเกม พูดคุยกับฉินหลิง
คนหนึ่งเล่นเกม คนหนึ่งกำลังคุยเล่นกันอยู่ ใจเย็นกันมาก
ฝั่งตรงข้าม นายท่านเฉิงกับเฉิงเวินหรูกำลังนั่งไม่ติดกับที่ อยู่ในอาการกระสับกระส่าย
“สองทุ่มแล้วมั้ง?” นายท่านเฉิงดูเวลาในโทรศัพท์ เร่งเฉิงเวินหรู “รีบไปถามคะแนนสอบกับพวกเขาเร็วเข้า หร่านหร่านผ่านไหม?”
“รู้แล้วค่ะ” เฉิงเวินหรูนั่งขาชิดกันในท่าที่เรียบร้อย
เธอหยิบโทรศัพท์ออกมา ปัดหมายเลขโทรศัพท์ด้วยความว่องไว หลังจากดูเวลาตรงแล้วก็ต่อสายออกไป
ตอนเช้าเฉิงมู่บอกนายท่านเฉิงว่าฉินหร่านไปเข้าร่วมการทดสอบก่อนสอบภาคปฏิบัติ อีกนิดเดียวก็เกือบจะทำให้นายท่านเฉิงตกใจจนโรคหัวใจกำเริบแล้ว
เนื่องจากตระกูลเฉิงมีอำนาจมาก นายท่านเฉิงจึงสั่งให้พ่อบ้านไปสอบถามกับทางฝั่งห้องปฏิบัติการ ตอนบ่ายถึงได้รู้ว่าชื่อของฉินหร่านที่ส่งไปเป็นการปล่อยไก่
นายท่านเฉิงโมโหจนโทรไปหาโจวซานและด่าโจวซานเจ็บๆ แสบๆ ไปแล้วหนึ่งยก
โจวซานพูดคลุมเครือว่าฉินหร่านจะต้องสอบผ่านอย่างแน่นอน นี่จึงทำให้นายท่านเฉิงหายโมโหไปบ้าง
อันที่จริงโจวซานก็ไม่ได้พูดอะไรมาก แม้จะได้คำตอบที่มั่นอกมั่นใจของโจวซานแล้ว แต่นายท่านเฉิงก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี
เขาอยู่ที่บ้านเฉิงเจวี้ยนตลอดทั้งวันไม่ไปไหน ตอนเย็นก็ไม่ทานข้าวสักคำ
หลังจากเฉิงเวินหรูรู้เรื่องนี้แล้ว เธอก็วางธุระที่อยู่ในมือและมาที่ถิงหลาน
การประเมินเข้าห้องปฏิบัติการอะไรพวกนี้ ในสายตาของบรรดาตระกูลใหญ่ๆ เรียกได้ว่าสำคัญยิ่งกว่าสอบเข้ามหาวิทยาลัยเสียอีก เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับอนาคตของคนคนหนึ่งเลยก็ว่าได้
ตอนนั้นเฉิงเวินหรูพลาดการเข้าห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ด้วยคะแนน168 คะแนน แม้แต่นายท่านเฉิงก็กู้สถานการณ์มาไม่ได้
พอต่อสายติด เฉิงเวินหรูก็รีบถามสถานการณ์การสอบข้อเขียนห้องปฏิบัติการทางฟิสิกส์ของฉินหร่านทันที
เมื่อได้ยินชื่อที่เธอรายงาน ทางฝั่งนั้นก็เงียบไปสักพัก จากนั้นก็มีเสียงเอะอะดังขึ้นมา “ผ่านแล้ว ผ่านแล้วแน่นอน แค่เกินคาดไปหน่อย”
“เกินคาดอะไรคะ?” เฉิงเวินหรูกระชับนิ้วพลางขมวดคิ้ว