เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ - ตอนที่ 392 หน้าแหก
“นี่มันไม่ใช่แล้ว——ซุปตาร์ฉินนายรอเดี๋ยว” ผู้จัดการยกมือขึ้น เขาตกใจกับคำว่า “อันดับหนึ่ง” จากนั้นก็เปิดเวยป๋อ “ดูเหมือนว่าไม่ต้องฉายตอนที่สองก่อนกำหนดแล้ว”
ผู้จัดการตกตะลึงพรึงเพริดไปกับเนื้อหาในฮอตเสิร์ช
สามอันดับแรกในการค้นหายอดนิยมเห็นได้ว่า “ระเบิด” ในเวลาต่อมา——
(ราชาหน้าใหม่ม.เมืองหลวง)
(ฉินหร่าน อันดับหนึ่งสอบเข้ามหาวิทยาลัย)
(เวยป๋อออฟฟิเชียลมหาวิทยาลัยเมืองหลวง)
ผู้จัดการไม่ได้อ่านคำค้นหาแรก
เขากดเข้าไปที่หัวข้อที่สองที่มีชื่อฉินหร่านพ่วงมาด้วย
ฮอตเสิร์ชหัวข้อที่สองมีต้นฉบับมาจากเจ้าของเวยป๋อคนหนึ่งที่อยู่ในวงการบันเทิง——
(เจ้าของเวยป๋อไม่สืบคงไม่รู้ แต่พอสืบก็ถึงได้รู้ว่าอันดับหนึ่งของการสอบเข้ามหาวิทยาลัยปีนี้น่ากลัวมากขนาดไหน ไม่ต้องพูดอะไรมาก พวกเธอดูรูปกันเอาเอง ปีนี้เป็นฝันร้ายของผู้เข้าสอบเข้ามหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นข้อสอบคณิตศาสตร์ของโหวเต๋อหลงหรือจะเป็นกลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์ ผู้สอบเข้ามหาวิทยาลัยน่าจะจำได้ว่ามีคนที่เหิมเกริมโดยการทำคะแนนเต็มหมดทุกวิชา… (รูปภาพ)(รูปภาพ)(รูปภาพ))
รูปแรกคือคะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัยของฉินหร่าน
รูปที่สองคือคะแนนสอบเฉลี่ยของทั้งประเทศ
รูปที่สามคือผู้ที่สอบได้อันดับหนึ่งของการสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ถูกกล่าวถึงในเวยป๋อเมื่อเดือนมิถุนายน
ผู้จัดการไม่ได้อ่านความคิดเห็น เขาจ้องรูปพวกนี้ตาค้าง
พลันนึกไปถึงเรื่องที่พนักงานในสตูดิโอพูด จากนั้นก็กดเข้าไปที่ฮอตเสิร์ชหัวข้อที่หนึ่งกับที่สาม
ราชาหน้าใหม่ม.เมืองหลวง
วีรกรรมอันยิ่งใหญ่ของฉินหร่านในมหาวิทยาลัยเมืองหลวง
นอกจากนี้ยังมีใบรับรองที่พวกเด็กเรียนมหาวิทยาลัยเมืองหลวงเอาออกมาโชว์
“มันเป็นยังไงกันแน่ครับ?” พ่อบ้านฉินที่อยู่อีกด้านร้อนใจจะแย่อยู่แล้ว
ผู้จัดการร้อง “เอ๊ะ” จากนั้นก็สูดหายใจเข้าลึกๆ มองไปทางฉินซิวเฉิน ในที่สุดก็ผ่อนคลายลง “ซุปตาร์ฉิน คำชี้แจงไม่ต้องแล้ว รายการก็ไม่ต้องลงแล้ว ดูเหมือนเรื่องจะคลี่คลายได้แล้ว ก็แค่…ดังไปหน่อย”
“หลานสาวนาย…นายดูในเวยป๋อเองเถอะ…”
ไม่จำเป็นต้องให้ผู้จัดการเตือน ฉินซิวเฉินหยิบโทรศัพท์ออกมาตั้งนานแล้ว
พ่อบ้านฉินได้ยินดังนั้นก็ก้มหน้าหยิบโทรศัพท์ออกมา เปิดเวยป๋อ
ส่วนฉินฮั่นชิวกำลังยุ่งอยู่กับการทำอาหารอยู่ในห้องครัวตลอด
ตอนที่เขาเดินออกมาเอาต้นหอม
ก็เห็นทั้งสามคนทั้งยืนทั้งนั่งอยู่ริมโต๊ะราวกับก้อนหิน
ฉินฮั่นชิวถือต้นหอมโบกมือให้ผู้จัดการ “ตอนเที่ยงอยู่ทานข้าวด้วยกันสิ คุณกินเผ็ดไหม?”
ผู้จัดการพยักหน้าทื่อๆ โดยไม่รู้ตัว
ฉินฮั่นชิวจึงรีบเดินไปที่ครัวเพื่อเตรียมทำอาหารเพิ่มอีกหนึ่งอย่าง ดูเหมือนจะมีความสุขมาก
“คุณฉิน” ผู้จัดการได้สติภายในเวลาไม่กี่นาที เขามองไปทางฉินฮั่นชิวอย่างเงียบๆ “หลานสาวคุณสอบเข้ามหาวิทยาลัยด้วยคะแนนอันดับหนึ่งของประเทศหรอ?”
ฉินฮั่นชิวได้ยินดังนั้นก็ยังคงหัวเราะด้วยท่าทางซื่อๆ ไม่ได้มีท่าทีแปลกใจเลย “ใช่แล้ว ทำไมเหรอ? ปีนี้ผู้ว่าการเมืองหนิงไห่ได้มอบเงินรางวัลให้ตั้งสองหมื่นหยวน เธอยังสอบเข้ามหาวิทยาลัยเมืองหลวงได้ด้วยแน่ะ”
ผู้จัดการ “…” ตอนนี้เขาหมดปัญญาจะมองหน้าตาใสซื่อของฉินฮั่นชิวแล้ว
ส่วนคำสำคัญคือเงินสองหมื่นกับมหาวิทยาลัยเมืองหลวงงั้นเหรอ?
ใช่ ไม่ผิด เธอสอบเข้ามหาวิทยาลัยเมืองหลวงได้ แต่คุณช่วยเพิ่มคำว่า “อันดับหนึ่งในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย”หน่อยไหม?
พ่อบ้านฉินถือโทรศัพท์ด้วยนิ้วที่สั่นระริกพลางเงยหน้ามองฉินฮั่นชิวด้วยความตกใจ อ้าปากพะงาบ
พ่อบ้านฉินสายตายาวเล็กน้อย แต่เขาอ่านเวยป๋อได้อย่างชัดเจน
เดิมทีเขายังคิดว่าคนที่ฉลาดที่สุดในสายเลือดตระกูลฉินรุ่นนี้คือฉินหลิงผู้มีความสามารถพิเศษด้านคอมพิวเตอร์ แต่เมื่ออ่านเวยป๋อเสร็จ เขาก็เพิ่งค้นพบว่าคนที่ฉลาดที่สุดในตระกูลฉินน่าจะเป็นฉินหร่านที่เรียนภาควิชาฟิสิกส์มหาวิทยาลัยเมืองหลวงถึงจะถูก…
ตราบใดที่เธอยินยอม การที่เธอจะได้เข้าสถาบันวิจัยภายใต้สถานการณ์นี้ก็มีปัญหาแค่เรื่องเวลาเท่านั้น…
ตอนนี้ฉินฮั่นชิวไม่สามารถเข้าใจอารมณ์ของผู้จัดการและคนอื่นๆ ได้เลย ทันใดนั้นเขาก็ยืนตัวตรงด้วยความเคร่งเครียด “แย่แล้ว! ฉันลืมใส่เก๋ากี้ลงไปในซุป!”
ขณะที่พูดก็ไม่ได้สนใจคนในห้องโถง รีบถือต้นหอมวิ่งเข้าไปในครัวและเติมเก๋ากี้ลงไปในซุป
เมื่อมองไปที่ด้านหลังของฉินฮั่นชิว พ่อบ้านฉินก็เข้าใจแล้วว่าทำไมตอนที่ดูทีวีเมื่อคืน ฉินฮั่นชิวถึงได้ดูนิ่งเงียบเมื่อฉินซิวเฉินบอกว่าไม่มีการสร้างภาพ
“นายยังโอเคไหม?” หลังจากนั้นไม่นาน ผู้จัดการก็หันไปมองฉินซิวเฉิน
แน่นอนว่าฉินซิวเฉินอาการไม่ค่อยดี...
เขาขยับโทรศัพท์แล้วตอบ “อือ” เมื่อได้ยินที่ผู้จัดการถาม
ล็อกอินเข้าเวยป๋อตัวเองและยังไล่กดไลค์ออฟฟิเชียลมหาวิทยาลัยเมืองหลวงรวมไปถึงเด็กเรียนมหาวิทยาลัยเมืองหลวงทีละคน
เวยป๋อเหล่านี้โผล่มาที่หน้าแรกของเวยป๋อเขาทันที
หลังจากทำเรื่องพวกนี้เสร็จ ฉินซิวเฉินก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ เขาเปิดเวยป๋อไป๋เทียนเทียนแล้วยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา “จัดการไป๋เทียนเทียนหน่อย”
ก่อนหน้านี้ไป๋เทียนเทียนทำเรื่องที่น่าหัวเราะในรายการไม่น้อย แน่นอนว่าซุปตาร์ฉินกับควีนจิ่งและคนอื่นๆ ไม่ได้ถือสาหาความกับเธอ หลังจากกลับมาแล้วไป๋เทียนเทียนก็ถูกยกเลิกสัญญา งานก็ได้รับผลกระทบไปด้วย
ตอนนี้ไป๋เทียนเทียนยังใจกล้ามาก เกาะกระแสยังไม่พอ เธอยังเหยียบตำแหน่งฉินหร่าน
จุดนี้ทำให้ซุปตาร์ฉินโมโหอย่างถึงที่สุด
**
ทางด้านไป๋เทียนเทียน
ทันทีที่เธอโพสต์เวยป๋อ ความนิยมก็สูงขึ้น ตอนแรกล้วนเป็นความคิดเห็นปลอบใจเธอ
แต่พอผ่านไปครึ่งชั่วโมง ไป๋เทียนเทียนก็พบว่าความคิดเห็นเริ่มไม่ปกติ
ลักษณะความคิดเห็นเปลี่ยนไป
ประโยคนั้นที่เธอโพสต์ : (ขอบคุณทุกคน)
ชาวเน็ตเดากันว่าเธอถูกทีมรายการบังคับสร้างภาพให้ฉินหร่าน ก่อนหน้านี้มีหลายคนที่คับแค้นใจและสงสารเธอเพราะโพสต์นี้ในเวยป๋อ แต่ตอนนี้พวกเขากลับโมโหที่โดนปั่นหัว
ไป๋เทียนเทียนเห็นจำนวนผู้ติดตามลดลงอย่างรวดเร็ว เธอจึงถือโอกาสเปิดดูฮอตเสิร์ช
เริ่มกระวนกระวายใจ
ขณะนี้ โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นมากะทันหัน
พอเห็นว่าเป็นผู้จัดการก็รีบรับสาย
ทางฝั่งผู้จัดการตะคอกออกมาว่า “ฉันเคยบอกเธอแล้วไม่ใช่เหรอว่าเกาะกระแสพอหอมปากหอมคอก็พอ เธอเห็นว่าซุปตาร์ฉินกับทีมรายการเป็นคนใจดีหรือไง? เธอทำตัวเองจนกลายมาเป็นสภาพแบบนี้ก็พอแล้ว ทำไมต้องลากพวกเราไปด้วย? พวกชาวเน็ตก็แค่โจมตีเธอ แต่ซุปตาร์ฉินกับบริษัทตระกูลเจียงยังรอจัดการเธออยู่ข้างหลัง เราเล่นเกมกันจบแล้ว ตอนนี้ก็ดีแล้วนี่ บรรลุเป้าหมายเธอแล้ว เธอดังแล้ว ดังได้สำเร็จแล้ว พอใจหรือยัง ? !”