เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ - ตอนที่ 410 ตำแหน่งของห้องปฏิบัติการเปลี่ยนไป ท่านหร่านยังคงเป็นท่านหร่าน
- Home
- เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ
- ตอนที่ 410 ตำแหน่งของห้องปฏิบัติการเปลี่ยนไป ท่านหร่านยังคงเป็นท่านหร่าน
เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ทดลองถูกปรับแต่งอย่างละเอียดโดยนักวิจัยเลี่ยวเมื่อตอนบ่าย
เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ต่างๆ คลาดเคลื่อนได้ไม่เกิน 0.001 นี่คือความคลาดเคลื่อนที่ทำได้โดยผู้มีความสามารถชำนาญด้านฝีมือ
โดยเฉพาะส่วนของความแรงและขนาดของสนามแม่เหล็ก จำเป็นต้องมีการคำนวณอย่างแม่นยำ
จั่วชิวหรงปรับสนามแม่เหล็กที่ตนคำนวณไว้แล้วเรียบร้อย มองไปที่เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์และเครื่องคำนวณพลังงานตาไม่กะพริบ ผ่านไปห้านาที ปฏิกิริยาตอบสนองเสร็จสมบูรณ์
เครื่องคำนวณพลังงานยังบันทึกข้อมูลมากที่สุดระหว่างเกิดปฏิกิริยา…
พลังงานปฏิกิริยา: 2.54 kw.
เห็นข้อมูลนี้ จั่วชิวหรงถอนหายใจโล่งอก
จากพลังงานครั้งก่อน 2.27 kw. เพิ่มขึ้นมา 0.27 kw. แม้ว่าเหตุผลส่วนใหญ่จะเป็นเพราะการจับคู่ของปฏิกิริยาและวัตถุดิบในครั้งนี้ของนักวิจัยเลี่ยวค่อนข้างประสบความสำเร็จ แต่ชัดเจนว่าข้อมูลนี้ของเธอก็ไม่มีปัญหา
เธอควบคุมความปีติยินดีที่อยู่ในใจ
อารมณ์สีหน้าของนักวิจัยเลี่ยวเปลี่ยนไปไม่มากนัก เขาเพียงพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นจึงหันข้างมองรุ่นพี่เยี่ย พูดขึ้นเสียงเบา “เสี่ยวเยี่ย คุณใช้สนามแม่เหล็กที่ฉินหร่านคิดมาในการคำนวณ”
จั่วชิวหรงปรายตาไปที่ข้อมูลในมือของรุ่นพี่เยี่ย หรี่ตาและไม่ได้พูดอะไร
เธอก้าวออกไปอีกด้าน ให้พื้นที่แก่รุ่นพี่เยี่ย
ไม่ได้สนใจข้อมูลนั้นในมือของรุ่นพี่เยี่ย
เธอกับรุ่นพี่เยี่ยตามติดนักวิจัยเลี่ยวอยู่เบื้องหลังมาสองปี แม้ว่าสองปีนี้นักวิจัยเลี่ยวจะจดจ่อกับการวิจัย แต่เธอก็ได้เรียนรู้หลายอย่างจากการตามติดเขาอยู่เบื้องหลัง
เธอจึงมีเนื้อหามากมายในส่วนของข้อมูลวันนี้
จั่วชิวหรงครุ่นคิดพลางมองรุ่นพี่เยี่ย
รุ่นพี่เยี่ยปรับแก้ข้อมูลสนามแม่เหล็กที่ฉินหร่านคำนวณขึ้นมาแล้ว จึงถอยก้าวหนึ่งออกมารอ
ผ่านไปห้านาที เครื่องบันทึกข้อมูลมีแสดงผลอัปเดต…
พลังงานปฏิกิริยา: 2.93 kw.
เกือบถึงจุดอิ่มตัว 3 kw.
จั่วชิวหรงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เธอพิงที่แท่นทดลอง มองดูข้อมูลในเครื่องคร่าวๆ หลังจากดูเสร็จ สีหน้าในตอนแรกที่ชะล่าใจก็ตกตะลึง ยืดตัวตรงขึ้นช้าๆ
อย่าว่าแต่จั่วชิวหรง แม้แต่รุ่นพี่เยี่ยก็ชะงักไปพักหนึ่ง เขาเอียงศีรษะมองเลี่ยวเกาอั๋งอย่างงุนงง “นักวิจัยเลี่ยว รุ่นน้องคำนวณเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ของคุณได้ถึงขีดสุด…”
เลี่ยวเกาอั๋งมองตัวเลข 2.93 ดวงตาที่มักจะเย็นชาและไร้การเคลื่อนไหวก็เป็นประกายขึ้นมาเล็กน้อย
“รุ่นน้องของคุณ พรสวรรค์ของเธอเยี่ยมมาก” สักพักหนึ่ง เลี่ยวเกาอั๋งพูดขึ้นประโยคหนึ่ง
จั่วชิวหรงกับรุ่นพี่เยี่ยช่วยงานที่ห้องปฏิบัติการของเลี่ยวเกาอั๋งมาสองปี ยังไม่เคยได้รับคำชมอย่างเป็นทางการเลย
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาชมคนในห้องปฏิบัติการ
จั่วชิวหรงกับรุ่นพี่เยี่ยมองหน้ากัน
ตกค่ำ ทั้งสองคนกลับหอเมื่อเสร็จงาน ตอนที่เปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ห้องเปลี่ยนเสื้อ รุ่นพี่เยี่ยอุทานอย่างอดไม่ได้ “รุ่นน้องเก่งมาก ฉันเห็นจริงๆ ว่าเธอใช้เวลาคำนวณข้อมูลในวันนี้ไปไม่ถึงสองชั่ว…”
เขายังพูดไม่ทันจบ จั่วชิวหรงก็สวมเสื้อคลุมของตน “กังวลเรื่องของตัวเองอยู่ล่ะสิ”
นักวิจัยเลี่ยวเคยพูดว่าเขารับลูกศิษย์ได้เพียงคนเดียว เดิมทีจั่วชิวหรงคิดว่าคู่แข่งฝ่ายตรงข้ามของเธอมีเพียงรุ่นพี่เยี่ย ใครจะไปรู้…
ยังมีฉินหร่านอยู่ด้วย…
**
ถิงหลาน
วันนี้ตอนค่ำเฉิงเวินหรูกับนายท่านเฉิงต่างไม่มา แต่เฉิงจินดันกลับมาแล้ว
ทุกคนกินข้าวเสร็จต่างนั่งอยู่โซฟาด้านล่าง
“วิธีการของคุณย่ำแย่อย่างสิ้นเชิง” เฉิงเจวี้ยนนั่งอยู่ข้างฉินหร่าน มือข้างหนึ่งวางพาดบนโซฟาด้านหลังเธอ ก้มหน้าเล็กน้อยมองเธอเล่นเกม ปลายนิ้วเรียวยาวชี้ที่หน้าด่านหนึ่งของเธอ “ไม่แปลกใจที่เธอเร็วกว่าฉัน 20 วินาที”
ได้ข้อสรุปและเหตุผลที่บันทึกการผ่านด่านของเขาเทียบฉินหร่านไม่เคยได้
เฉิงจินที่อยู่ตรงข้าม “…”
เทียบการเล่นเกมกับแฮกเกอร์ชั้นนำ…
นายท่านเจวี้ยน คุณบ้าไปแล้ว
“สำนักงานใหญ่ย้ายไปที่เมืองหลวงหมดแล้ว” เฉิงจินกระแอม จากนั้นจึงเปิดหน้าคอมพิวเตอร์ยื่นให้เฉิงเจวี้ยน “คุณดู”
เฉิงเจวี้ยนรับคอมพิวเตอร์มาตรวจสอบ
ฉินหร่านก็ปิดหน้าต่างเกม
จากนั้นจึงเปิดวีแชท ข้อความล่าสุดเป็นข่าวส่งมาจากจระเข้ยักษ์
จระเข้ยักษ์: [ของจัดส่งแล้ว คาดว่าจะถึงในวันศุกร์]
ภาพวาดในมือของจระเข้ยักษ์เป็นของโบราณ ผ่านแต่ละด่านล้วนยุ่งยาก ทั้งยังอยู่ชายแดน เขาจึงให้คนส่งมันมา
ฉินหร่านตอบกลับความเข้าใจ แล้วจึงกลับมาคลิกที่รูปของอาจารย์ใหญ่สวี…
[โครงการนั้นที่คุณให้ฉันศึกษา ฉันเลือกสมาชิกในทีมเองได้ไหม]
ผ่านไปสองสามนาที อาจารย์ใหญ่สวีตอบกลับเชื่องช้า: [ได้]
ฉินหร่านครุ่นคิด พูดไปตามตรง…
[เพื่อนร่วมชั้นปีหนึ่งของฉัน]
อาจารย์ใหญ่สวี: […]
เขาอยากถอนคำพูด ‘ได้’ นั้นของเขา
อาจารย์ใหญ่สวีไม่ได้ตอบกลับ แต่โทรศัพท์หาฉินหร่านแทน
เฉิงเจวี้ยนและทั้งสองคนยังคงพูดคุยเรื่องของบริษัท ฉินหร่านเดินไปรับโทรศัพท์ที่ระเบียง น้ำเสียงชัดเจนและเย็นชา “อาจารย์ใหญ่สวี”
“จะเรียกว่าอาจารย์ใหญ่สวีก็ได้” ท่านสวีที่อยู่อีกฝั่งหยุดลง พูดขึ้นอย่างจริงจัง “แน่ใจเหรอว่าต้องการนำนักเรียนใหม่ปีหนึ่งไปด้วย”
แม้ว่าฉินหร่านก็เป็นนักเรียนใหม่ แต่อาจารย์ใหญ่สวีรู้ว่าเธอไม่เหมือนนักเรียนใหม่คนอื่น ได้ยินว่าเธอต้องการหาเพื่อนนักเรียนใหม่ร่วมทีมจริง…
แม้แต่อาจารย์ใหญ่สวีก็อดไม่ได้ที่จะเบ้มุมปากลง
“ก็ได้ โครงการการศึกษานั้นที่เธอบอก ฉันได้ติดต่อไว้ล่วงหน้านานแล้ว” ฉินหร่านเอนหลบแดดที่ระเบียง มองออกไปยังเมืองมหาวิทยาลัย ขนตาลู่ลง ปิดบังดวงตาหม่นหมอง “อาจารย์ใหญ่สวี ก่อนหน้านี้ปู่ของฉันก็ศึกษาโครงการนี้”
อาจารย์ใหญ่สวีไม่ได้พูดอะไรอยู่สักพัก
ฉินหร่านรอสามนาที อาจารย์ใหญ่สวีจึงถอนหายใจเบาๆ “พอถึงเวลาเธอค่อยนำรายชื่อมาให้ฉัน”
“อา” ฉินหร่านพยักหน้า เธอเอนตัวครึ่งหนึ่งที่ระเบียง นิ้วเคาะระเบียงอย่างเกียจคร้าน “นักเรียนใหม่ปีหนึ่งเข้าร่วมการแข่งขันนานาชาตินั้นไม่น่ามีปัญหาสินะ ไม่รู้ว่าในใจพวกเขาแบกรับศักยภาพไว้มากน้อยแค่ไหน…”
อาจารย์ใหญ่สวีกดหน้าผาก ความเศร้าโศกก่อนหน้านี้ได้มลายหายไปหมดสิ้น เขาค่อนข้างกระอักกระอ่วน “ดังนั้นเพื่อนพวกนั้นของเธอต่างไม่รู้ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่งั้นเหรอ”
**
สามวันต่อมา วันศุกร์
ห้องปฏิบัติการฟิสิกส์
“ฉินหร่าน คุณมาผสมวัตถุดิบเรียบร้อยแล้ว” นักวิจัยเลี่ยวไปอีกทาง ให้ฉินหร่านลงมือ
จั่วชิวหรงยืนอยู่อีกฝั่ง เม้มปากแน่น
ในห้องปฏิบัติการ นักเรียนกับเด็กฝึกงานภายนอกไม่ต่างกัน ศาสตราจารย์ทุกคนในห้องปฏิบัติการและนักวิจัยต่างไม่ให้นักเรียนของห้องปฏิบัติการแตะต้องการทดลองที่สำคัญได้ง่ายๆ
ส่วนของวัตถุดิบการทำปฏิกิริยา…
ในที่นี้นักวิจัยเลี่ยว มีเพียงรุ่นพี่เยี่ยที่ได้แก้ไขหนึ่งรอบ จั่วชิวหรงมาได้สองปี เป็นได้เพียงลูกมือ
ฉินหร่านเพิ่งมาได้ไม่นาน
อย่าว่าแต่จั่วชิวหรง ตัวฉินหร่านก็ตระหนักได้ถึงการเปลี่ยนแปลงทัศนคติของนักวิจัยเลี่ยวที่มีต่อเธอ
โดยหลักวันนี้นักวิจัยเลี่ยวศึกษาด้านทฤษฎี เนื้อหาในมือไม่มาก จั่วชิวหรงกระสับกระส่าย จึงไม่ทนอยู่อีกต่อไป ถือคอมพิวเตอร์ของตนไปเขียนบทความวิจัย SCI ของตนต่อที่ชั้นนอกสุด
บทความวิจัยของเธอมาถึงส่วนท้ายสุดแล้ว รอให้นักวิจัยเลี่ยวมาดูอีกรอบ จึงจะสามารถส่งไปตีพิมพ์ได้
นึกถึงตรงนี้ จั่วชิวหรงระงับวุ่นวายในใจอย่างอิดออด
ด้านในของห้องปฏิบัติการ เห็นท่าทางชำนาญของฉินหร่าน รุ่นพี่เยี่ยยกย่องชื่นชมอย่างจริงใจ “รุ่นน้อง มือของเธอนิ่งมาก ถ้าหากเธอไม่ใช่นักเรียนใหม่ ฉันคงต้องสงสัยว่าเธออยู่ที่ห้องปฏิบัติการมาหลายปีแล้ว”
ฉินหร่านวางอุปกรณ์ในมือ ยิ้มอย่างเลี่ยงๆ “น่าจะมั้ง”
ห้องปฏิบัติการมักจะเงียบกริบ แม้แต่เสียงของวัตถุชนกันยังดังชัดเจน นักวิจัยเลี่ยวยืนมองข้างฉินหร่านที่กำลังจับคู่การทดลองอยู่สักพัก จู่ๆ ก็นึกอะไรขึ้นมา
เขามองทางรุ่นพี่เยี่ย “เสี่ยวเยี่ย ทีมของโครงการแข่งขันของคุณกับรุ่นน้องคุณมีกี่คน”
“สี่คน” รุ่นพี่เยี่ยตอบ
“งั้นก็ยังขาดอีกคน เพิ่มไปอีกได้ไหม” นักวิจัยเลี่ยวมองรุ่นพี่เยี่ย “นี่จะเป็นประโยชน์ต่อพวกคุณด้วย”
นักวิจัยเลี่ยวพูด รุ่นพี่เยี่ยไม่สามารถพูดออกมาว่าไม่ได้ เขายิ้ม “น่าจะไม่มีปัญหา ฉันกับรุ่นน้อง พวกเขาเองก็กำลังเตรียมตัว”
นักวิจัยเลี่ยวจึงหันตัว สายตาเงียบนิ่งทั้งสองข้างมองที่ฉินหร่าน “ฉินหร่าน เธอกับรุ่นพี่ของเธอเข้าร่วมโครงการนั้นด้วยกันสิ เป็นโครงการเครื่องยนต์อวกาศชั้นนำในประเทศ นำมาซึ่งประโยชน์ สำคัญสำหรับเธอมาก”
ไม่ว่าจะเข้าสถาบันวิจัย หรือประเมินผลเพื่อเป็นนักวิจัยอย่างเป็นทางการ การมีส่วนร่วมในงานวิจัยที่สำคัญเหล่านี้ล้วนสำคัญที่สุดต่อเนื้อหาโครงการความร่วมมือระหว่างประเทศ
นักวิจัยเลี่ยวจำข้อมูลนั้นของฉินหร่านเมื่อไม่กี่วันก่อนได้ เธอเรียนเอกวิชาวิศวกรรมอัตโนมัติ
เครื่องยนต์อวกาศสอดคล้องกันกับสาขาของเธอ
แต่เดิมฉินหร่านบอกว่าเธอมีโครงการระดับชาติแล้ว…
โครงการอวกาศภายในประเทศนี้เธอไม่เคยได้ยินอาจารย์ใหญ่สวีพูด แต่เธอคิดถึงความปรารถนาดีของนักวิจัยเลี่ยวกับรุ่นพี่เยี่ย จึงไม่ได้ปฏิเสธ สำหรับเธอแล้วเครื่องยนต์อวกาศง่ายกว่าโครงการนั้นของอาจารย์ใหญ่สวีมาก…
ถึงอย่างไรเธอก็เรียนวิศวกรรมอัตโนมัติกับลู่จือสิงจบแล้ว
อาจารย์ใหญ่สวีนำทรัพยากรชั้นนำมาให้เธอ ไม่ได้หมายความว่าทรัพยากรอื่นจะไม่สำคัญ
รุ่นพี่เยี่ยเก็บเอกสารในมือ “ตอนค่ำฉันกับคนอื่นอีกสามคนจะหารือกันสักหน่อย โครงการของพวกเราเริ่มมาได้หนึ่งเดือนแล้ว และจะส่งรายชื่อใหม่”
เขาเป็นหัวหน้าทีมของโครงการนี้ แม้ว่าโครงการจะเริ่มได้หนึ่งเดือน แต่นักวิจัยเลี่ยวพูดแล้วว่าฉินหร่านช่วยพวกเขาได้…ซึ่งไม่ผิดแน่นอน
ทานข้าวเที่ยง
รุ่นพี่เยี่ยพิมพ์แบบฟอร์มการลงทะเบียนใหม่วางไว้ด้านข้าง
ในทีมนอกจากจั่วชิวหรง คนอื่นอีกสองคนเป็นผู้ชาย
จั่วชิวหรงหยิบแบบฟอร์มการลงทะเบียนที่รุ่นพี่เยี่ยมพิมพ์ออกมา “พวกเราต้องลงชื่อใหม่เหรอ”
เธอเลื่อนสายตาลง ทันใดนั้นก็เห็นตัวอักษรสองตัวที่อยู่ด้านล่างสุด ฉินหร่าน
“ฉันอยากให้รุ่นน้องเข้าร่วมกับเรา…” รุ่นพี่เยี่ยยังพูดไม่ทันจบ
ดวงตาของจั่วชิวหรงเย็นยะเยือก เธอเหลือบมองรุ่นพี่เยี่ย ไม่พูดอะไร นอกจากฉีกครึ่งแบบฟอร์มลงทะเบียนนี้เป็นสองส่วน