เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ - ตอนที่ 414 คุณหนูฉินผู้น่าทึ่งเกินปกติ กันซีนซือลี่หมิง
พูดจบ พ่อบ้านตระกูลเฉิงทักทายกับคนดูแลหลายคนแล้ว เดินออกไปนอกประตู
ผ่านทางเดินสองข้างทางพ่อบ้านตระกูลเฉิงก็เห็นคนที่เข้ามาจากประตูทางเข้า เขาเก็บสมุดเล่มเล็กลงในกระเป๋าหน้าอก จากนั้นจึงเดินยิ้มไปด้านหน้า คิ้วเลิกขึ้น “คุณหนูฉิน”
จากนั้นจึงทักทายเฉิงเวินหรูกับเฉิงเจวี้ยน
“พวกคุณมาพอดี ฉันจะพาพวกคุณไปพบนายท่านที่ส่วนกลางก่อน เขาพูดถึงพวกคุณตลอดช่วงเช้าเลย” พ่อบ้านตระกูลเฉิงเอียงตัว เดินนำทางด้านหน้า
วันนี้เป็นวันสำคัญวันหนึ่ง คนในระดับผู้ดูแลของตระกูลเฉิงขึ้นไปต่างกลับมาฉลองวันเกิดนายท่าน
ทุกครั้งแปดโมงเช้านายท่านเฉิงจะแต่งตัวเสร็จแล้ว รอคอยผู้นำผู้ดูแลอีกทั้งคนผู้น้อยของตระกูลเฉิงอยู่ด้านในกลางบ้าน
สองวันที่ครึกครื้นที่สุดของตระกูลเฉิงในทุกปี นอกจากวันขึ้นปีใหม่แล้ว ก็คือวันเกิดของนายท่านเฉิง ทั่วทั้งตระกูลเฉิงต่างสนุกสนานร่าเริง
พ่อบ้านตระกูลเฉิงนำทางอยู่ด้านหน้า ฉินหร่านเดินอยู่ข้างเฉิงเจวี้ยน มองที่กำแพงทาสีที่ทางเดิน มีกลิ่นอายหนักแน่นและเรียบง่าย
ตระกูลเฉิงเปิดแค่เพียงส่วนครึ่งด้านหน้าของเรือนสี่ประสาน ด้านหลังเพียงตกแต่งไว้ ใช้รองรับแขกในบางครั้ง แต่ไม่มีคนอยู่อาศัย
ผ่านไปห้านาที พ่อบ้านตระกูลเฉิงทยอยพาทุกคนที่อยู่รอบๆ ทางเดิน มายังสวนหลักของนายท่านเฉิง
วันนี้นายท่านสวมใส่เสื้อคลุมยาวสีฟ้าอ่อนที่มีตัวอักษร ‘ฝู(福)’กระดุมถักติดถึงคอเสื้ออย่างทรงพลัง ผมหวีอย่างพิถีพิถัน ผมหงอกขาวกระจายแซมเส้นผมสีดำ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยลึกบ่งบอกถึงความแก่ชรา แต่ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนกลับแหลมคม กระฉับกระเฉง
นั่งอยู่ที่เก้าอี้ไม้จันทน์สีดำ พูดคุยกับหัวหน้าสถานที่ด้วยใบหน้าน่าเกรงขาม
นายท่านแก่แล้ว แต่ความสง่างามยังอยู่
ทรงพลังอย่างน่าทึ่ง หัวหน้าสถานที่ต้องพิจารณาอย่างระมัดระวังทุกคำ
ดูเหมือนว่านายท่านไม่ได้ฟัง มือข้างหนึ่งของเขาถือถ้วยชาลายครามสีขาว มืออีกข้างแกว่งใบชาเบาๆ ดวงตามองออกไปนอกประตูเป็นครั้งคราว
ไม่ไกลนัก เสียงพูดคุยแผ่วเบาดังเขามา
“ท่าน…” หัวหน้าสถานที่วางถ้วยชาลง กำลังคิดจะออกไป เห็นนายท่านยืนขึ้น พรึ่บ มองไปนอกประตูทางเข้า
แม้ว่าใบหน้าจะยังสง่างามอยู่ แต่ดวงตาอันดุดันทั้งสองข้างกลับอ่อนโยนขึ้น
หัวหน้าสถานที่ตะลึง
เขาจึงลุกขึ้นทันที มองทางนอกประตู ใครกันที่ทำให้ท่าทีของนายท่านเปลี่ยนไปมากขนาดนี้?
ขณะที่กำลังคิด พ่อบ้านตระกูลเฉิงที่อยู่นอกประตูเข้ามา โค้งตัวเล็กน้อย “นายท่านเฉิงครับ คุณหนูใหญ่ นายน้อยคนที่สามกับคุณฉินมาถึงแล้ว”
พูดพลางเอียงตัวไปอีกข้างให้ทั้งสามคนเข้ามา
“ดี” นายท่านยิ้ม ใบหน้าตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด “รีบนั่งลง”
หัวหน้าสถานที่ทักทายเฉิงเวินหรูกับเฉิงเจวี้ยนทันที
ไม่กล้ามองคนอื่นอีก
**
ในอีกด้านหนึ่ง หลังจากพ่อบ้านตระกูลเฉิงออกไป คนดูแลหลายคนมองหน้ากัน
“นายน้อย คุณฉินท่านนั้น…” มีคนหนึ่งหยุดลง มองที่เฉิงเหราฮั่น ดวงตาสงสัย
ทำไมพ่อบ้านตระกูลเฉิงประหม่าขนาดนี้ ออกไปพบด้วยตัวเองน่ะเหรอ
เฉิงเหราฮั่นหยิบถ้วยชา พูดขึ้นอย่างสบายๆ “ผู้หญิงที่น้องชายคนที่สามของฉันรู้จักอยู่ด้านนอก พวกคุณก็รู้ว่าพ่อของฉันค่อนข้างหลงน้องชายคนที่สาม เขาตามใจไปเรื่อย วันนี้วันเกิดพ่อของฉัน เขาพาคนกลับมาด้วย”
ฟังคำพูดของเฉิงเหราฮั่น คนดูแลอีกหลายคนมองหน้ากัน
ในวันธรรมดาก็ได้ยินข่าวลืออยู่บ้าง แต่ทุกคนในนี้ไม่เคยใส่ใจเรื่องรักใคร่ยิบย่อยนี้เลย
ความวุ่นวายเหล่านี้ของวัยรุ่นเป็นเรื่องปกติ รอถึงเวลาก็จะรู้เองว่าอะไรเหมาะสมกับตัวเองที่สุด จึงค่อยฟังที่คนในตระกูลจัดเตรียมไว้ให้อย่างจริงใจ
ขณะนี้…
เฉิงเจวี้ยนกลับยังพาคนกลับมาอีกเหรอ
ข่าวลือบางอย่างแพร่สะพัดเฉพาะในตระกูลเฉิง ได้ยินว่าผู้หญิงคนนั้นแม้แต่หนังสือยังอ่านไม่คล่อง…แบบนี้จะคู่ควรได้อย่างไร
เป็นภรรยาสาวของตระกูลเฉิง อย่างน้อยต้องเหมือนกับเฉิงเหราฮั่น แต่งงานกับใครสักคนที่คู่ควรเหมาะสมกัน ผู้หญิงที่คุมอำนาจพื้นที่ไว้ได้
ถ้านำผู้หญิงที่ไปเรื่อยเปื่อยไม่มีความทรงพลังทั้งยังตระหนี่ถี่เหนียวมา…แบบนี้จะไม่ทำให้คนทั่วทั้งเมืองหัวเราะเยาะหรอกเหรอ
สำหรับ ‘คุณฉิน’ ท่านนั้นที่อยู่ข้างเฉิงเจวี้ยน ไม่มีใครเข้าใจไปกว่าเฉิงเหราฮั่น เพราะเขาเป็นเพื่อนที่ดีกับโอวหยางเวย ถามมาจากโอวหยางเวยแล้วนิดหน่อย รู้ข้อมูลที่เชื่อถือได้มากขึ้น ข่าวลือล่าสุดคือเธอมากจากเขตบรรเทาความยากจน
คนประเภทนี้ไม่เคยได้รับการอบรมแบบลูกหลานคนชั้นสูง ไม่เคยได้รับการฝึกฝนมารยาทอย่างเชี่ยวชาญอย่างเฉิงเวินหรู ยึดอำนาจใดไว้ไม่ได้…
มีคนเข้ามาจากด้านนอก
เฉิงเหราฮั่นไม่สนใจผู้หญิงที่เฉิงเจวี้ยนพามา เขาแค่เอียงตัวเล็กน้อย ลดเสียงเบา ถือถ้วยชาจรดปิดมุมปาก ลดเสียงลงถามลูกมือที่เพิ่งเข้ามา “คุณซือลี่หมิงมารึยัง”
เขารอตั้งแต่เมื่อเช้าจนถึงตอนนี้ รู้ว่าซือลี่หมิงและคนอื่นๆ ต้องมาฉลองวันเกิดนายท่านแน่นอน
รอมาชั่วโมงกว่าก็ไม่มีวี่แววของคนหลัก
“ยังไม่มา” คนใต้บังคับบัญชาก้มหน้า “แต่ใกล้แล้ว”
เฉิงเหราฮั่นละสายตากลับ พยักหน้าเล็กน้อย
ในเมื่อซือลี่หมิงยังไม่มา เฉิงเหราฮั่นจึงไม่รีบ เขาวางถ้วยชา ยืนขึ้น มองไปทางคนดูแลหลายคนอย่างสบายๆ “เด็กหนุ่มกี่คนที่จะไปเยี่ยมชมสนามฝึกกับฉัน”
คนหนึ่งยืนขึ้น พูดอย่างนับถือ “พวกเราอยากไปเยี่ยมคุณหนูใหญ่กับนายน้อยสามที่ลานกลางสักหน่อย นายน้อยอยากไปด้วยกันกับพวกเราไหม”
เฉิงเวินหรูกับเฉิงเจวี้ยนไม่อยู่ในบ้าน ปีหนึ่งคนดูแลหลายคนจึงพบเจอแค่ไม่กี่ครั้ง
ทั้งสองคนกลับมา แน่นอนว่าคนดูแลอยากไปเยี่ยมเยียน
อีกอย่าง…พวกนี้ก็อยากเห็นว่าเฉิงเจวี้ยนพาคนแบบไหนกลับมา
ข่าวของ ‘คุณหนูฉิน’ ท่านนี้แพร่ลอยมาจากปากของทุกคนมานานขนาดนี้ กลับไม่มีใครเคยเห็นหน้า ก่อนหน้านี้ท่าทีของพ่อบ้านตระกูลเฉิงก็ดึงความสนใจของพวกเขาไว้ด้วย ตอนนี้มีโอกาส คนดูแลกลุ่มนี้จึงอยากรู้อยากเห็นเล็กน้อย
เห็นว่าพวกเขาทุกคนจะไปด้วยกันหมด เฉิงเหราฮั่นส่ายหน้า ยิ้มบาง “ทุกท่านไปก่อนเลย ฉันจะไปสนามฝึก”
ลูกมือเดินออกไปนอกประตูกับเฉิงเหราฮั่น “นายน้อย พวกเราไม่ไปลานหลักเยี่ยมดูคุณหนูใหญ่กับนายน้อยสามและคนอื่นเหรอ”
“ไม่มีอะไรน่าดู” เฉิงเหราฮั่นพูดเบา “ไปเถอะ”
เขาเดินผ่านห้องด้านข้าง เดินตรงไปสนามฝึกด้านหลัง
เฉิงเหราฮั่นกระตือรือร้นเฉพาะกับซือลี่หมิง ไม่สนใจจะดูผู้หญิงที่พากลับมาจากไหนก็ไม่รู้ของเฉิงเจวี้ยน
หลังจากคนดูแลหลายคนในห้องพักรอเฉิงเหราฮั่นออกมาจึงไปที่ลานหลักก่อน “นายน้อยสามมักมีพฤติกรรมที่แปลกประหลาด ฉันสงสัยจริงๆ ว่าเขาพาผู้หญิงแบบไหนกลับมา…”
ผู้ดูแลหลายคนพูด พลางเดินไปหานายท่าน
ไม่ถึงสามนาที ทุกคนก็ถึงลานหลักของนายท่าน
“นายท่าน คุณหนูใหญ่ นายน้อยสาม” กลุ่มผู้ดูแลโค้งตัว มองไปที่แต่ละคน
ผู้ดูแลหลายคนทำความเคารพแล้วจึงยืนขึ้น นั่งลงทางคนของหัวหน้าสถานที่
เมื่อนั่งลง จึงเห็นผู้หญิงฝั่งตรงข้ามที่นั่งอยู่ข้างเฉิงเจวี้ยน มือที่ถือถ้วยชาอยู่ของผู้ดูแลหลายคนหยุดลง
ผู้หญิงคนนั้นกำลังพูดคุยกับนายท่าน น้ำเสียงเบา ไม่รีบร้อน
แม้ว่าทั่วทั้งภายในห้องพักจะเป็นคนระดับสูงของตระกูลเฉิง เธอก็ไม่ได้แสดงท่าทีแตกตื่นแม้แต่น้อย ท่านั่งหยิ่งผยองเช่นนั้น ขาทั้งสองไขว่ห้าง นิ้วเรียวยาวขาวใส ถือถ้วยชา ราวกับหยก
ก้มศีรษะลงครึ่งหนึ่ง คิ้วเลิกขึ้นเล็กน้อย ท่าทีเปิดเผยและเฉียบคม
ตอนที่อยู่ข้างนอกเมื่อกี้ได้ยินเฉิงเหราฮั่นพูดถึงผู้หญิงที่เฉิงเจวี้ยนพากลับมา คำพูดรังเกียจเธอสุดๆ…
แต่…หลังจากผู้ดูแลหลายคนนั่งอยู่ตรงข้ามคุณหนูฉินท่านนี้ ภาพลักษณ์ในใจที่มีต่อคุณหนูฉินมีท่าทีเปลี่ยนไประดับหนึ่ง ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ความเฉียบคมที่น่าทึ่งอย่างพอดิบพอดีตรงนี้ที่อยู่ต่อหน้านายท่านเฉิง ต่อหน้าคนของหัวหน้าสถานที่…
ในแวดวงสตรีผู้ดีทั่วทั้งเมืองหลวงมีเพียงไม่กี่คนที่มีลักษณะนี้
ไม่เหมือนคำอธิบายของนายน้อย…
“คุณพ่อไปรับแขกก่อน ฉันจะพาหร่านหร่านไปชมปีกห้องของฉัน” เฉิงเวินหรูดื่มชาหนึ่งถ้วย เธอกลัวว่าฉินหร่านจะทนฟังการทักทายของเหล่าคนเกี่ยวข้องของหัวหน้าสถานที่ไม่ได้ วางถ้วยชาลงบนโต๊ะ พูดขึ้น
วันนี้นายท่านเฉิงมีความสุข อิ่มอกอิ่มใจ เขาโบกมือ “ได้ พวกคุณสองคนพาหร่านหร่านไปเที่ยว ใช่แล้ว พ่อบ้านตระกูลเฉิง คุณเตรียมเตาอุ่นมือ[1] ให้หร่านหร่านอันหนึ่ง เอาเสื้อคลุมในโกดังของฉันออกมาด้วย เวินหรู พาหร่านหร่านไปชมสนามฝึกพวกนั้นด้วย…”
เฉิงเวินหรูกังวลว่าฉินหร่านจะไม่ชิน นายท่านเฉิงเองก็กังวล
พวกเขาต่างรู้ว่าฉินหร่านเป็นคนมีความคิดด้านการวิจัย เฉิงเจวี้ยนก็เคยบอกพวกเขา เธอไม่ค่อยชอบพบเจอความสัมพันธ์ที่วุ่นวาย
เขากำชับพ่อบ้านตระกูลเฉิงหลายประโยคไม่ขาดตอน จึงปล่อยให้พวกเขาออกไป
ในห้องโถง สีหน้าของคนดูแลหลายคนแปลกไปเล็กน้อย เมื่อเห็นว่านายท่านชอบคุณหนูฉินท่านนี้
**
เฉิงเวินหรูพาฉินหร่านไปที่ปีกห้องของเธอ พลางอธิบายกับฉินหร่าน
“อย่าไปฟังเธอเลย” เฉิงเจวี้ยนรับเอาเสื้อคลุมขนสุนัขจิ้งจอกที่พ่อบ้านตระกูลเฉิงให้มา เขายื่นให้ฉินหร่านจากด้านหลัง นิ้วเรียวยาวรัดเข็มขัดอย่างเชื่องช้า “มีประวัติศาสตร์เยอะขนาดนี้ที่ไหนกัน ไม่รู้ว่าห้องถูกปรับปรุงไปแล้วกี่ครั้ง”
เฉิงเวินหรูอยากจะโต้เถียงกับเขา โทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้น
เธอหยิบออกมาดู มีข่าวส่งมาหาเธอ
ดูเสร็จ เฉิงเวินหรูขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอเอียงตัว มองทางเฉิงเจวี้ยน และไม่ทำให้ฉินหร่านเป็นคนนอก เธอลดเสียงลง น้ำเสียงจริงจัง “น้องชายสาม ซือลี่หมิงคนนั้นมาถึงแล้ว พี่ใหญ่ต้อนรับเขาอยู่ที่สนามฝึก คุณไม่เตรียมตัวไปพบเขาจริงเหรอ”
[1] เตาอุ่นมือหรือโส่วหลู (手炉) คือเตาสร้างความอุ่น มีขนาดตั้งแต่เท่าผลส้มไปจนถึงขนาดเท่าลูกแตง มีฝาปิดและบางอันมีหูหิ้ว สามารถพกติดตัวหรือซุกใส่แขนเสื้อเพื่อให้ความอบอุ่น