เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ - ตอนที่ 431 วันนี้ก็ยังเป็นเจ๊หร่านที่กำแหง ไม่จำเป็นต้องกลัว
จากท่าทางเฉิงเจวี้ยน…
เฉิงเวินหรูมองไปที่ด้านหลังด้วยตัวที่แข็งทื่อ
เธอรีบหุบปากทันที
ฉินหร่านวางกุญแจไว้บนตู้และกำลังเปลี่ยนรองเท้าไปด้วย ท่าทางของเธอดูไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ค่อนข้างนิ่ง
เฉิงเจวี้ยนวางบุหรี่ลงอย่างเงียบๆ แล้วโยนไปด้านหลัง
บุหรี่หล่นลงถังขยะด้านหลังโซฟาอย่างแม่นยำ
เขาขยับมาด้านข้างเล็กน้อยเพื่อเว้นที่ให้ฉินหร่าน ยื่นมือไปรินชา เอียงตัวยื่นถ้วยชาให้เธอพลางเลิกคิ้วคมคาย “ทำไมไม่โทรหาฉัน?”
ปลายนิ้วที่โดนมือเธอค่อนข้างเย็น
“วุ่นวาย” ฉินหร่านพิงโซฟา เธอดื่มชาไปหนึ่งคำ “เมื่อกี้พวกคุณกำลังคุยอะไรกันอยู่?”
เฉิงเวินหรูก้มหน้าไม่พูดอะไร แค่ส่งสายตาไปทางเลขาหลี่
“พูดถึงคุณโอวหยางน่ะครับ” เลขาหลี่รีบตอบ “คุณหนูฉิน คุณยุ่งอยู่กับการทดลองตลอดเวลาน่าจะไม่รู้ว่าคุณโอวหยางเธอคือคนวงในเพียงคนเดียวที่เป็นสมาชิกระดับกลางของหน่วยสืบสวน129 ปีที่แล้ว129คัดเลือกมาแค่คนเดียว ได้ยินว่าข้อสอบยากจนเพี้ยนจึงมีแค่เธอที่สอบได้ ก่อนหน้านี้ยังเลื่อนขั้นเป็นถึงสมาชิกระดับกลาง เก่งมากเลยทีเดียว คุณชายเจวี้ยนมีงานพอดี ประธานเฉิงจึงให้คุณชายเจวี้ยนติดต่อกับคุณโอวหยาง…”
ตอนที่เลขาหลี่พูดถึงโอวหยางเวย เขาก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมความสามารถของอีกฝ่าย
อย่าว่าแต่เลขาหลี่เลย เพราะแม้แต่เฉิงเวินหรูก็ชื่นชมโอวหยางเวยคนนั้น
เมื่อได้ยินที่เลขาหลี่พูด ฉินหร่านก็นึกถึงโอวหยางเวยคนนี้ขึ้นมาได้ ตอนแรกที่อยู่อวิ๋นเฉิงก็เคยได้ยินพวกเฉิงมู่พูดถึงอยู่หลายครั้ง
ได้ยินมาเป็นระยะๆ
การคัดเลือกสมาชิกของฉังหนิงล้วนพิจารณาครอบคลุมทุกรอบด้าน การที่ทำให้ฉังหนิงและคนอื่นๆ เลือกเข้ามาได้และยังสามารถเลื่อนขั้นเป็นสมาชิกระดับกลางภายในระยะเวลาสั้นๆ นั้น แน่นอนว่าความสามารถของโอวหยางเวยย่อมไม่ธรรมดา ไม่น่าแปลกใจที่หลายคนชื่นชมเธอ
ฉินหร่านถือถ้วยชาพลางครุ่นคิด
เมื่อเฉิงเวินหรูที่นั่งฝั่งตรงข้ามเห็นฉินหร่านไม่พูดอะไร เธอจึงหันไปมองเลขาหลี่เพื่อส่งสัญญาณให้เขาหุบปาก
“หร่านหร่าน ไม่คิดเลยว่าเธอจะเป็นผู้เรียบเรียงเพลงของเหยียนซีด้วย” เดิมทีเฉิงเวินหรูคิดจะเปลี่ยนเรื่อง แต่พอพูดถึงเรื่องนี้ เธอก็คึกคักขึ้นมา “เธอทำได้ยังไง…”
ขณะที่ฉินหร่านกำลังรวบรวมความคิดก็ได้ยินเฉิงเวินหรูพูดถึงเรื่องนี้ เธออดไม่ได้ที่จะกุมขมับ หลังจากคุยกันไม่กี่ประโยค เธอก็กลับขึ้นไปชั้นบนทันที
ส่วนเฉิงเวินหรูยังคงพูดคุยหัวข้อนี้กับพวกเฉิงจินอยู่ชั้นล่างโดยไม่มีท่าทีจะหยุด
**
ชั้นบน
พอฉินหร่านเข้ามาในห้องก็แขวนเสื้อนอกไว้ในตู้แล้วเปิดคอมพิวเตอร์
หน้าหลักของคอมพิวเตอร์เป็นท้องฟ้าสีครามอันแสนเวิ้งว้าง
ฉินหร่านรินน้ำให้ตัวเอง ลากเก้าอี้มานั่งหน้าคอมพิวเตอร์ ยื่นมือกดปุ่มไม่กี่ปุ่ม บัญชีโซเชียลก็โผล่ขึ้นมา
เธอล็อกอินเข้าไปแล้วคลิกที่รายการประวัติที่ลู่จือสิงส่งให้เธอ
มีทั้งหมด 31 คน มีไม่กี่คนที่โดดเด่นเป็นพิเศษ นอกนั้นแทบจะไม่ต่างกันมาก
คัดเลือกสอบข้อเขียน 20 คน
ฉินหร่านอ่านข้อมูลทั้งหมดเสร็จก็เพ่งความสนใจไปที่คุคเล็กน้อย ประวัติส่วนตัวของเขาเป็นไปอย่างสวยงาม ส่วนใหญ่เป็นเสรีภาพส่วนบุคคล เขาได้เข้าร่วมโครงการระดับนานาชาติมากมายทั้งใหญ่และเล็ก ตอนที่ได้พบเขา ฉินหร่านก็แปลกใจเช่นกัน ฉินซิวเฉินฝีมือไม่ธรรมดา ไม่คิดว่าจะเชิญคุคมาจากรัฐ M ได้
หลังจากอ่านข้อมูลทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว สุดท้ายฉินหร่านก็ส่งรายชื่อ20คนนี้ให้ลู่จือสิงโดยตรง
พอส่งเสร็จเธอก็ออกจากบัญชีโซเชียล นั่งคิดอยู่ที่เก้าอี้แล้วกดแป้นพิมพ์อีกครั้ง
ท้องฟ้าสีครามบนหน้าจอหายไปในพริบตา หน้าโปรแกรมเท็กซ์อิดิเตอร์สีดำสนิทเข้ามาแทนที่อีกครั้ง
เธอดื่มน้ำไปครึ่งแก้วพลางมองไปที่จอแสดงผล ใช้ปลายนิ้วเรียวแตะบนแป้นพิมพ์และพิมพ์ชุดคำสั่ง
พื้นหลังสีดำ โค้ดสีขาว
แถบแสดงความคืบหน้าสีเขียวเด้งขึ้นที่มุมล่างขวาของคอมพิวเตอร์อย่างรวดเร็ว โดยแสดงว่า——
(29%)
ฉินหร่านป้อนคำสั่งทั้งหมดเสร็จก็หยุดมือ เธอเอนหลังพิงเก้าอี้แล้วค่อยๆ ถือถ้วยชาขึ้นมา หรี่ตามองแถบแสดงความคืบหน้า
แถบแสดงความคืบหน้าคลานไปอย่างช้าๆ และเริ่มช้าลงเมื่อมาถึงที่51%
ทันใดนั้นโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะก็ส่งเสียง
ฉินหร่านหันไปมองก็พบว่าเป็นสายจากฉังหนิง
เธอนิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะเอื้อมมือไปรับสาย
“เธอแฮกระบบเราอีกแล้วเหรอ?” ฉังหนิงยืนริมหน้าต่างพลางกดหน้าผากอยู่ปลายสาย เขาพูดอย่างปวดหัว
ฉินหร่าน “…”
เธอเป็นคนสร้างระบบป้องกัน129ด้วยตัวเอง เธอเองยังทำลายมันไม่ได้
เมื่อก่อนเธอมักจะให้ฉังหนิงสืบข้อมูลแทนเธอทุกครั้ง
ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือการเอาชนะตัวเอง ดังนั้นนี่จึงไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉินหรานแฮกระบบ129
ฉังหนิงเห็นเธอไม่พูดก็รู้แล้วว่าตัวเองเดาถูก ช่วงเวลาแบบนี้เขาไม่รู้ว่าควรจะร้องไห้หรือหัวเราะดี “เธอ…ลูกพี่หมาป่าเดียวดาย ได้โปรดช่วยเพลาๆ ลงหน่อย เด็กๆ ฝ่ายเทคนิคตกอกตกใจกันหมดแล้ว”
ทันทีที่ได้ยินว่า129โดนแฮกและยังมีการเพิ่มรอยปะ กลุ่มคนของฝ่ายเทคนิคก็ต่อสายหาฉังหนิงกันจ้าละหวั่น
“โทษที” ฉินหร่านถือถ้วยขึ้นมาพร้อมกับเอ่ยปากขอโทษ
“คราวหน้าก็แอบๆ หน่อย อย่าทำให้พวกเขาตกใจ” ฉังหนิงชินแล้ว เดิมทีระบบ129ก็ได้ฉินหร่านมาช่วยทำให้ฟรีๆ ไม่ต้องพูดถึงแฮกเกอร์คนอื่น เพราะแม้แต่ฉินหร่านเองก็แฮกเข้ามาไม่ได้ “สำเร็จเมื่อไหร่ก็อัพเกรดระบบอีกทีแล้วกัน”
แฮกเกอร์ที่พยายามจะแฮกระบบสำนักงานใหญ่129ในแต่ละวันไม่ได้มีแค่หนึ่งหรือสองคน
ได้ยินมาว่าการประชุมแบล็คแฮท[1] ในปีนี้มีกลุ่มนักแฮกเกอร์ที่แฮกระบบ129เป็นกลุ่มเป้าหมาย
ฉังหนิงก็เคยคุยกับฉินหร่านแล้ว ทักษะด้านการแฮกของฉินหร่านไม่จำเป็นต้องพูดถึง ที่เธอมักจะพยายามแฮกระบบอยู่บ่อยครั้งไม่ได้เป็นแค่การท้าทายตัวเอง แต่ยังเป็นการหาช่องโหว่ต่อหน้าแฮกเกอร์คนอื่นๆ เพื่ออัปเกรดระบบ
เพียงแต่ว่าการเคลื่อนไหวคราวนี้ดูจะเกินไปหน่อย…จึงทำให้คนที่มาใหม่ตกอกตกใจกัน
ฉินหร่านเปลี่ยนมาถือโทรศัพท์อีกข้างหนึ่ง มือขวาเคาะแป้นพิมพ์ ถอนตัวจากการแฮก “ที่จริงฉันแค่อยากจะลองสืบเรื่องคนคนนึงดูหน่อย”
“ใคร? ฉันช่วยเธอโอนข้อมูลได้นะ” ฉังหนิงเลิกคิ้ว เขาเดินไปข้างโต๊ะคอมพิวเตอร์ตัวเอง เปิดคอมพิวเตอร์
เป็นโอวหยางเวย
“ไม่มีอะไร ไม่อยากสืบแล้ว” ฉินหร่านเอนหลังพิงเก้าอี้ “ไม่มีอะไรจะวางแล้วนะ”
ทั้งสองวางสาย ฉังหนิงมองโทรศัพท์อยู่นานก็อดหัวเราะไม่ได้ จากนั้นก็ไปหยิบโทรศัพท์สำนักงานโทรหาฝ่ายเทคนิคโดยบอกพวกเขาว่าหมาป่าเดียวดายเป็นคนทำ กำลังทดสอบความปลอดภัยของระบบ
ความตั้งใจเดิมคือฉังหนิงต้องการทำให้ฝ่ายเทคนิคสบายใจ
แต่ไม่คิดว่าพอฟังจบ ฝ่ายเทคนิคก็…ยิ่งบ้าไปกันใหญ่
**
หลังจากฉินหร่านถอนตัวจากการแฮกได้ไม่นานก็เปิดโฟลเดอร์วิจัยICNE มีเสียงเคาะประตู
เป็นเสียงไม่หนักไม่เบาสามที
ฉินหร่านไม่ได้หันกลับไป เธอคลิกบันทึกการทดลองครั้งล่าสุด “เข้ามา”
เฉิงเจวี้ยนเดินเข้ามาพร้อมกับถือจานผลไม้ไว้ในมือ เขาวางจานผลไม้ไว้บนโต๊ะฉินหร่าน ไม่ได้รีบร้อนออกไปแต่มองไปที่ห้อง พิงโต๊ะฉินหร่านครึ่งตัว ดูบันทึกการทดลองบนคอมพิวเตอร์ของเธอครู่หนึ่งก่อนจะนิ่งไปสักพัก “ฉันไม่ได้สนิทกับโอวหยางเวย”
เขาพูดอย่างเอื่อยเฉื่อย
ฉินหร่านยังคงเปิดเอกสารต่อ เมาส์ที่อยู่ในมือก็ไม่ได้ชะงัก น้ำเสียงยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
“แล้วก็ไม่เคยคุยกัน” เฉิงเจวี้ยนก้มหน้ามองเธอ พูดด้วยความหนักแน่น “ไม่เหมือนเธอ คนนั้นที่ร้านกาแฟคราวก่อน…”
ในที่สุดฉินหร่านก็เงียบไปพักหนึ่ง เธอเงยหน้าพูดขัดเขา “ฉันก็ไม่ได้สนิทกับเขา”
เดิมทีเฉิงเจวี้ยนแค่พูดไปส่งๆ เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเธอก็นึกสนุกขึ้นมา “จริงเหรอ? คราวที่แล้วที่รัฐ M เฉิงสุ่ยยังเคยบอกฉันว่าใครคนนั้นยังลูบหัวเธอได้ด้วย…”
เขาตีหน้าขรึมนับนิ้วเรียวยาว หน้าตาดูเฉยเมย
ขายเฉิงสุ่ยโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
ฉินหร่าน “…”
ขณะที่เฉิงสุ่ยซึ่งอยู่ห่างไกลไปถึงรัฐ M กำลังเรียกดูอีเมลอยู่ ทันใดนั้นหน้าจอก็ดับ
ยี่สิบนาทีต่อมาก เฉิงหั่วที่เฉิงสุ่ยไปเรียกมาช่วยซ่อมคอมพิวเตอร์ก็ส่งรูปภาพมาที่กลุ่มจิน-มู่-สุ่ย-หั่ว-ทู่
เฉิงหั่ว: (รูปภาพ)
เฉิงหั่ว: คิดไม่ถึงเลยว่าเฉิงสุ่ยจะดูหนังลับ ! !”
เฉิงมู่ :? ??
เฉิงจิน:ประเภทไหน?
เฉิงถู่คลิกเปิดรูปใหญ่ หลังจากดูเสร็จก็อดไม่ได้ที่จะส่งรูป “เจ๋ง” ไปในกลุ่ม จากนั้นก็ตอบว่า:ดูไม่ออกเลยว่าคนเรียบร้อยอย่างเฉิงสุ่ยจะชอบหนังลับที่ร้อนแรงแบบนี้
เฉิงสุ่ย:….
**
สำนักงานใหญ่ตระกูลฉิน
คุณชายสี่ตระกูลฉินกำลังนั่งฟังรายงานอยู่ที่โต๊ะหนังสือ สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย “นายพูดจริงเหรอ ฉินหลิงนั่นมีพรสวรรค์แบบนั้นจริงเหรอ?”
“จริงแน่นอนครับ” ลูกน้องก้มหน้า
“มิน่าล่ะ…” คุณชายสี่ตระกูลฉินบีบเอกสารในมือ ดวงตาเฉียบคม “มิน่าล่ะช่วงนี้พ่อบ้านฉินถึงได้ดูแปลกๆ ฉันนึกว่าเขาจะยอมแพ้แล้วเสียอีก”
ลูกน้องเป็นกังวล “จะทำยังไงดีครับคุณชายสี่? ถ้าฉินหลิงคนนี้ทำสำเร็จ ตามกฎแล้วหุ้นของสำนักงานใหญ่ที่มีอยู่10%จะถูกโอนไปเป็นของเขา พวกเราจะยิ่งทำอะไรเขาได้ยากขึ้น”
คุณชายสี่ตระกูลฉินเคาะโต๊ะ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “นายไปเรียกฉินเจามา”
ฉินเจาคือทายาทสายรองอายุน้อยที่มีความสามารถโดดเด่น ซึ่งเก่งกว่าสายเลือดคุณชายสี่ตระกูลฉินมาก
“คุณหมายถึง…” ลูกน้องหยุดคิดสักพักก็เข้าใจเจตนารมณ์คุณชายสี่ตระกูลฉิน
คุณชายสี่ตระกูลฉินพยักหน้าด้วยหน้าตาที่เรียบเฉย
พอลูกน้องเข้าใจแล้วก็ออกไปตามฉินเจา
ภายในห้องหนังสือ คุณชายสี่ตระกูลฉินค่อยๆ เก็บเอกสาร เขาคาดเดาความสามารถฉินหลิงไม่ได้ ตอนนี้จึงทำได้เพียงแค่ใช้ประโยชน์จากฉินเจา…
ยิ่งปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
ถ้าทายาทสายตรงของพ่อบ้านฉินไม่มีฉินหลิง ก็ไม่จำเป็นต้องกลัวคนอื่น
[1] การประชุมแบล็คแฮท (Black Hat Briefings หรือ Black Hat) คืองานสัมมนาที่รวบรวมเนื้อและให้คำแนะนำเกี่ยวกับความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์ อีกทั้งมีเนื้อหาเกี่ยวกับอัปเดตเทคโนโลยี แนวโน้ม และเทคนิคใหม่ๆ รวมอยู่ด้วย