เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ - ตอนที่ 434 คุณชายเจวี้ยน : ผู้หญิงขี้อ่อย หยอกแล้วหนี
เฉิงเจวี้ยนยังนึกถึงเรื่องอื่นอยู่ในหัว
แต่ที่แปลกคือคำพูดของฉินหร่านได้แทรกซึมเข้าไปในหัวของเขาอย่างน่าประหลาด
เขาหยุดฝีเท้าที่เชื่องช้า ห่างจากฉินหร่านประมาณสามถึงสี่ขั้นบันได เขาที่สุขุมมาโดยตลอดกลับทำตัวไม่ถูก เงยหน้าขึ้นถามด้วยเสียงที่ดังเล็กน้อย “หือ?”
“ไม่มีอะไร” ฉินหร่านละสายตากลับพลางถือเอกสารเดินไปที่ห้องตัวเองช้าๆ
เฉิงเจวี้ยนนิ่งไปได้ไม่กี่วินาทีก็รู้สึกตัว ร่างสูงขายาวเดินตามฉินหร่านทัน ยิ้มและจับมือเธอจากด้านหลัง “ไม่มีอะไร ไม่มีใครเป็นเหมือนเธอหรอก”
ฉินหร่านเอียงหน้า พูดนิ่งๆ “มีสิ ฉันเองไง”
“โอเค เธอพูดถูก” เฉิงเจวี้ยนหมดอารมณ์
ฉินหร่านยกเท้าเตะประตูห้องตัวเองแล้วเดินเข้าไป ก่อนจะปิดประตูก็เอียงตัวมองมาทางเฉิงเจวี้ยนในขณะที่ถือกองเอกสาร คางสวยเชิดขึ้นเล็กน้อย น้ำเสียงไม่ต่างไปจากเดิม “ตั้งวันนี้เป็นต้นไป คุณมีแฟนเพิ่มได้”
เธอเดินถอยหลัง ยกมือปิดประตู
แต่ประตูกลับปิดไม่ได้
“พลังหมัดของฉันยังไม่เคยทดสอบจริงๆ จังๆ เลย แต่ก็น่าจะมีสัก1800มั้ง?” เขากอดเธอจากด้านหลัง หัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “หยอกเสร็จแล้วจะปิดประตู เธอเป็นผู้หญิงขี้อ่อยหรือไง?”
**
วันศุกร์
คำร้องเครื่องปฏิกรณ์ชั้นใต้ดินที่นักวิจัยเลี่ยวยื่นไปผ่านแล้ว จั่วชิวหรงขึ้นไปเอาชุดป้องกันพิเศษที่ชั้นบนลงมาสี่ชุด
เวลาเก้าโมง
นักวิจัยเลี่ยวได้พาทั้งสามคนมาถึงเครื่องปฏิกรณ์ชั้นใต้ดิน
อุณหภูมิเครื่องปรับอากาศของเครื่องปฏิกรณ์ชั้นใต้ดินค่อนข้างต่ำ แต่อากาศยังรู้สึกร้อนอบอ้าว
ทางเดินแนวยาวเงียบสงัด รุ่นพี่เยี่ยกับจั่วชิวหรงเคยมาที่นี่แล้ว มีแค่ฉินหร่านคนเดียวที่ไม่คุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้
เดินไปได้สิบนาทีก็ถึงที่หมาย
บรรยากาศโดยรอบเงียบมาก
เครื่องปฏิกรณ์เป็นรูปวงกลม มีรัศมีประมาณเจ็ดเมตร มีฝาครอบแก้วสุญญากาศทรงกระบอกที่สูงกว่าสี่เมตรอยู่ด้านนอก
นักวิจัยเลี่ยวหยิบการ์ดขึ้นมาแล้วหันกลับไปมองทั้งสามคน น้ำเสียงที่ดังผ่านหน้ากากป้องกันฟังดูห่างไกลเล็กน้อย “เข้าไปแล้วอย่าชนอะไรเข้าล่ะ ตั้งใจสำรวจ”
หลังจากพูดจบก็เปิดประตูกระจกด้วยการ์ดแม่เหล็ก เดินนำเข้าไปก่อน
ฉินหร่านยืนอยู่หน้าประตู ยังไม่ได้เข้าไป
หลังจากรุ่นพี่เยี่ยเข้าไปก็คิดจะชวนฉินหร่านคุย แต่กลับพบว่าเธอยังไม่ได้ตามเข้ามา เขาเดินถอยไปไม่กี่ก้าวก็เห็นฉินหร่านยืนอยู่หน้าคำชี้แนะเครื่องปฏิกรณ์ที่หน้าประตู
“รุ่นน้อง เธอกำลังอ่านคำชี้แนะของผู้อาวุโสอยู่เหรอ?” รุ่นพี่เยี่ยมองไปตามสายตาฉินหร่าน ตัวอักษรที่แกะสลักบนก้อนหินแถวแรกค่อนข้างใหญ่——
(ผู้ค้นพบเครื่องปฏิกรณ์ : หนิงเอ่อร์)
รุ่นพี่เยี่ยเคยอ่านคำชี้แนะช่วงท้ายแล้วจึงไม่ได้อ่านต่อ
“คราวก่อนนักวิจัยเลี่ยวเคยแนะนำแล้ว” น้ำเสียงของรุ่นพี่เยี่ยเต็มไปด้วยความเคารพยกย่อง “ได้ยินว่าเขาเป็นนักวิจัยขั้นหนึ่งที่มีอำนาจมากของสถาบันวิจัย มีคุณสมบัติและประสบการณ์สูงมาก และยังเป็นอาจารย์ของนักวิจัยเลี่ยวอีกด้วย…”
เป็นนักวิจัยขั้นหนึ่งเหมือนกัน แต่คุณสมบัติและประสบการณ์ยังต่างกัน
นักวิจัยเลี่ยวเป็นผู้อาวุโสที่มีคุณสมบัติและประสบการณ์สูงกว่าบรรดานักวิจัยขั้นหนึ่ง
ฉินหร่านรู้สึกตัว เธอตอบเพียง “อืม” และไม่ได้พูดอะไร
บริเวณโดยรอบเงียบมาก ฉินหร่านก็เป็นคนเงียบขรึมมาโดยตลอด รุ่นพี่เยี่ยจึงไม่ได้สังเกตเห็นว่าเธอมีท่าทีแปลกไป
ฉินหร่านเดินตามรุ่นพี่เยี่ยเข้าไปข้างใน ตรงกลางเครื่องปฏิกรณ์มีสสารสีม่วง-ดำ คล้ายโลหะ แต่ไม่มีความเงาของโลหะแม้แต่น้อย นี่คือสสารพิเศษที่ทุกคนในเครื่องปฏิกรณ์ศึกษามาจนถึงปัจจุบันและยังไม่ได้ทำการวิจัยออกมา
ที่ศูนย์กลางยังมีการทดลองเพื่อจำลองปฏิกิริยา
นักวิจัยเลี่ยวพาพวกเขาสำรวจหนึ่งรอบก่อนจะพาพวกเขาออกไป
สามชั่วโมงต่อมา ทั้งสี่คนก็กลับไปถึงห้องปฏิบัติการ นักวิจัยเลี่ยวไม่ได้แสดงออกผ่านทางสีหน้า เขาพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ หันข้างไปกำชับฉินหร่าน “ครั้งก่อนพวกรุ่นพี่เยี่ยของเธอเขียนแรงผลักดันไปแล้ว ในนั้นมีข้อมูลเบื้องต้นหลายอย่าง ฉันจะไม่อธิบายทีละอย่าง เธอลองไปดูเนื้อหาที่พวกรุ่นพี่เยี่ยเขาเขียนเองนะ ครั้งนี้เธอเป็นคนนำเขียนแทน”
หลังจากพูดจบ เขาก็กลับไปที่ชั้นในสุดอย่างเงียบๆ และทำการทดลองต่อ
“รุ่นพี่เยี่ย คุณมีแบบฟอร์มบันทึกไหม?” ฉินหร่านมองรุ่นพี่เยี่ยในห้องรับรอง
รุ่นพี่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว เขาพยักหน้า “มีสิ ครั้งนี้ต้องเขียนแรงผลักดันด้วยเหรอ? เธอรอเดี๋ยวนะ ฉันจะส่งให้เธอในวีแชท”
“ขอบคุณค่ะ” ฉินหร่านหรี่ตา นัยน์ตาเป็นสีจางๆ
ปกติเธอเป็นคนที่ทำอะไรค่อนข้างเร็ว แต่วันนี้กลับช้ามาก รุ่นพี่เยี่ยกับจั่วชิวหรงเปลี่ยนชุดป้องกันพิเศษเสร็จนานแล้ว แต่เธอยังเปลี่ยนไม่เสร็จ ได้แต่นั่งบนม้านั่งในห้องรับรอง หลังจากนั่งอยู่นานก็ก้มหน้าลง แกะกระดุมชุดป้องกันอย่างเชื่องช้า
ภายในห้องปฏิบัติการ รุ่นพี่เยี่ยกับจั่วชิวหรงต่างก็นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ของตัวเอง
รุ่นพี่เยี่ยเปิดดูบันทึกครั้งก่อน หาอยู่นานก็ลดเสียงลง หันไปด้านข้าง “รุ่นน้อง เธอยังมีแบบฟอร์มโลหะที่นักวิจัยเลี่ยวพูดตอนที่ไปเครื่องปฏิกรณ์ครั้งล่าสุดอยู่ไหม?”
คราวที่แล้วนักวิจัยเลี่ยวอธิบายเนื้อหามากมายไว้เร็วมาก รุ่นพี่เยี่ยกับจั่วชิวหรงจึงแบ่งกันบันทึก
“ยังอยู่” จั่วชิวหรงปิดหน้าบทความ “คุณจะเอาเหรอ?”
เธอหันไปมองรุ่นพี่เยี่ยและเปิดแบบฟอร์มบันทึกของตัวเองออกมา
รุ่นพี่เยี่ยพยักหน้า “เธอส่งให้ฉันชุดนึง รุ่นน้องต้องเขียนแรงผลักดันที่มีต่อเครื่องปฏิกรณ์ชั้นใต้ดิน”
มือที่เปิดแบบฟอร์มบันทึกชะงัก เธอเม้มริมฝีปากโดยไม่พูดอะไรต่อ
ขณะเดียวกัน ฉินหร่านก็ถือคอมพิวเตอร์ของตัวเองเข้ามาพอดี รุ่นพี่เยี่ยเหลือบมองจั่วชิวหรง ทำหน้าขรึม
“นักวิจัยเลี่ยวบอกให้ฉันรับผิดชอบเขียนแรงผลักดันการวิจัยเครื่องปฏิกรณ์ครั้งนี้” ฉินหร่านถือบันทึกรายงานข้างหนึ่ง มืออีกข้างถือปากกา เธอค่อยๆ พูดว่า “รุ่นพี่เยี่ย รุ่นพี่จั่ว เดี๋ยวฉันจะเอารายชื่อไปส่งนักวิจัยเลี่ยว…”
“ไม่ต้อง ฉันยุ่งกับบทความSCI ไม่มีเวลามาทำเรื่องพวกนี้” จั่วชิวหรงปฏิเสธเด็ดขาด เรื่องแรงผลักดันพวกนี้เธอเคยเขียนมาแล้ว เธอไม่ได้เขียนอะไรที่สำคัญเลย เครื่องปฏิกรณ์ชั้นใต้ดินอยู่มานานมากแล้ว แม้กระทั่งศาสตราจารย์ยังไม่ได้วิจัยออกมา
จั่วชิวหรงไม่อยากเสียเวลากับเรื่องพวกนี้
ฉินหร่านกรอกรายชื่อเสร็จก็เงยหน้ามองจั่วชิวหรง
จั่วชิวหรงหรี่ตา “เธอกรอกไม่เป็นหรือไง?”
เธอดึงแบบฟอร์มบันทึกมาจากมือฉินหร่านโดยตรง เห็นชื่อตัวเองกับรุ่นพี่เยี่ยอยู่ด้านล่างสุด หยิบปากกาสีดำบนโต๊ะมาขีดชื่อของเธอออกก่อนจะเงยหน้ามองฉินหร่าน ทำหน้าคล้ายจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “รุ่นน้อง เธอเพิ่งเข้าห้องปฏิบัติการมาได้ไม่เท่าไหร่ อาจจะยังไม่รู้ว่าเครื่องปฏิกรณ์ชั้นใต้ดินคืออะไร นี่คือปริศนาที่ผู้อาวุโสผู้ทรงคุณวุฒิของสถาบันวิจัยได้ทิ้งเอาไว้ มัวมาเสียเวลากับเรื่องนี้ เธอไม่สู้ใช้เวลาไปกับบทความSCIไม่ดีกว่าเหรอ”