เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ - ตอนที่ 436 ข่าวใหญ่ในวงการฟิสิกส์
ฉินหร่านเอื้อมมือไปรับมาเปิด
เธอเปิดซองจดหมายอย่างเชื่องช้า ในนั้นมีกระดาษอยู่หลายแผ่น เธอดึงกระดาษออกมาอ่านแผ่นหนึ่งตั้งแต่บนลงล่าง ซึ่งนั่นก็คือบทความต้นฉบับของเธอ
รุ่นพี่เยี่ยที่ยืนอยู่ข้างๆ ทนไม่ไหวที่เห็นเธอเคลื่อนไหวชักช้ายืดยาด
ยังมีใครที่ได้จดหมายจากบทความSCIแล้วยังสงบนิ่งแบบนี้บ้าง?
เขาหยิบกระดาษที่เหลือที่ฉินหร่านวางไว้บนโต๊ะอย่างลวกๆ ขึ้นมาดู ดึงกระดาษที่แบ่งประเภทบทความออกมาจากตรงกลาง “รุ่นน้อง ฉันช่วยเธอดูเองว่าบทความเธอได้ประเภท…”
รุ่นพี่เยี่ยค่อนข้างตื่นเต้น เขาพูดได้เพียงครึ่งก็หยุดชะงักกะทันหัน
แม้จั่วชิวหรงกำลังจัดอุปกรณ์การทดลองอยู่ด้านข้าง แต่หูของเธอกลับฟังความเคลื่อนไหวทางฝั่งฉินหร่านตลอดเวลา รุ่นพี่เยี่ยเงียบไปนาน เธอจึงอดหันมาไม่ได้
“รุ่นน้อง” รุ่นพี่เยี่ยชูจดหมาย พูดด้วยเสียงอันแผ่วเบา “เธอรู้ไหมว่าเธอได้ประเภทไหน?”
ฉินหร่านกำลังนั่งบนเก้าอี้ตัวเอง เธอเปิดคอมพิวเตอร์อีกครั้งแล้วเงยหน้ามองรุ่นพี่เยี่ยด้วยสายตาเยือกเย็น
“ประเภทที่หนึ่ง!” คนที่ทำวิจัยมักจะเคร่งขรึม ไม่ว่าพบเจออะไรก็ไม่สะทกสะท้านง่ายๆ ทว่ารุ่นพี่เยี่ยในเวลานี้กลับระงับความตื่นเต้นไม่ไหว เขาเดินมาหาฉินหร่านที่หน้าโต๊ะ ฟาดกระดาษลงบนโต๊ะฉินหร่าน “ไหนเธอบอกว่านี่เป็นบทความแรกของเธอไง? ทำไมถึงได้ประเภทที่หนึ่งซะงั้นล่ะ ? !”
ปัจจุบันนี้วงการฟิสิกส์ตกอยู่ในภาวะวิกฤติ พูดไปพูดมาบทความวิจัยแต่ละปีก็เป็นอย่างบทความประดิษฐ์คำเหล่านั้น รายงานการวิจัยที่มีคุณภาพก็น้อยลงเรื่อยๆ
บทความประเภทที่หนึ่งยิ่งกลายเป็นของล้ำค่าหายาก
การที่สามารถช่วงชิงทรัพยากรห้องปฏิบัติการทางฟิสิกส์มาได้นั้น รุ่นพี่เยี่ยก็คิดอยู่แล้วว่าบทความวิจัยแรกของรุ่นน้องคนนี้จะต้องไม่ธรรมดา แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะถูกจัดให้อยู่ประเภทที่หนึ่ง
จั่วชิวหรงที่อยู่ไม่ไกลออกไปตกตะลึงจนหัวแทบระเบิด
รุ่นพี่เยี่ยยังคงคุยกับฉินหร่านด้วยความตื่นเต้น แต่จั่วชิวหรงกลับทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้ว ฉินหร่านไม่เพียงแค่เขียนบทความSCIออกมา แต่ยังเป็นบทความประเภทที่หนึ่ง นึกถึงก่อนหน้านี้เธอยังภูมิอกภูมิใจที่นักวิจัยเลี่ยวชมบทความของเธออยู่เลย…
จั่วชิวหรงเม้มปาก ถืออุปกรณ์ทดลองเข้าไปข้างใน
ห้องปฏิบัติการเงียบมาตลอด รุ่นพี่เยี่ยไม่ได้คุมเสียงตัวเอง
แน่นอนว่านักวิจัยเลี่ยวที่อยู่ชั้นในสุดก็ได้ยิน
เขารู้ว่าบทความฉินหร่านได้รับการคัดเลือก แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร นักวิจัยเลี่ยวมีคอลัมน์ในวารสารSCI บทความของเขาได้รับปัจจัยกระทบสูงถึง10 ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่น้อยๆ
ตอนนี้พอมาได้ยินรุ่นพี่เยี่ยบอกว่าประเภทที่หนึ่ง เขาก็ถึงกับอึ้ง
บทความประเภทที่หนึ่ง อย่างน้อยปัจจัยกระทบต้องได้ถึง9 ฟิสิกส์เป็นวิชาเชิงปฏิบัติ การที่สามารถทำให้กองบรรณาธิการโปรโมทลงหน้าวารสารได้ อย่างน้อยบทความนี้จะต้องมีอะไรใหม่ๆ
ถ้าเป็นเมื่อก่อน นักวิจัยเลี่ยวอาจจะออกมาดูเสียหน่อย
แต่ขณะนี้เขากลับไม่ว่าง
คอมพิวเตอร์ของเขาแสดงหน้าแชท
นักวิจัยเลี่ยว : (52% คุณแน่ใจนะ?)
เขาเอื้อมมือดันกรอบแว่นตาสีทองของตัวเอง แต่เดิมใบหน้าเยือกเย็นก็ยากที่จะแสดงอารมณ์อยู่แล้ว
อีกฝ่ายตอบกลับอย่างรวดเร็ว : (ผมจะส่งเนื้อหาการทดลองให้คุณรวมถึงภาพองค์ประกอบด้วย คนคนนี้ดูเหมือนจะเป็นคนของประเทศพวกคุณ ผมเพิ่งพบงานวิจัยจากสถาบันวิจัยแห่งรัฐ M )
(ดีจริงๆ เพราะพวกคุณ วงการฟิสิกส์ถึงได้มีข่าวใหญ่รอบใหม่ออกมา)
หลังจากตอบกลับ เขาก็รีบส่งกระบวนการทดลองมาอย่างรวดเร็ว
นักวิจัยเลี่ยวกดแว่นตาไปพร้อมกับอ่านเนื้อหาการทดลอง
บนเอกสารใช้คำเฉพาะทางเป็นส่วนใหญ่ เขาอ่านได้อย่างคล่องแคล่ว ในไม่ช้าก็เห็นผลยืนยันการทดลองในตอนท้าย——
52%
“อัตราการแปลง 50%…” นักวิจัยเลี่ยวอ่านตั้งแต่ต้นอีกครั้ง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นทันที เขาพิมพ์เอกสารชุดนี้ออกมาและเพิ่มการทดลองบนเครื่องปฏิกรณ์อีกครั้ง
ด้านนอก รุ่นพี่เยี่ยถอนหายใจหลังจากอ่านบทความฉินหร่าน “รุ่นน้อง มาเขียนข้อสรุปการวิจัยเครื่องปฏิกรณ์ให้เสร็จเช้านี้กันเถอะ”
ในห้องปฏิบัติการแบ่งออกเป็นสองส่วน
ฉินหร่านกับรุ่นพี่เยี่ยกำลังทำสรุปผลการวิจัย ส่วนนักวิจัยเลี่ยวกำลังทดลองอัตราการใช้ประโยชน์พลังงานของเครื่องปฏิกรณ์52%อยู่ด้านใน
เวลาสี่ทุ่มครึ่ง
รุ่นพี่เยี่ยส่งฐานข้อมูลฉบับสุดท้ายให้ฉินหร่าน “รุ่นน้อง ฉันจำได้ว่าเธอพักอยู่นอกมหาวิทยาลัยใช่ไหม?”
เขาก้มหน้าดูเวลาในโทรศัพท์ “สี่ทุ่มครึ่งแล้ว เธอกลับก่อนเถอะ”
ฉินหร่านปิดคอมพิวเตอร์ เธอเงยหน้าขึ้นมองเพดานห้องปฏิบัติการด้วยสีหน้าหงุดหงิด จากนั้นก็รูดซิปขึ้น สะพายกระเป๋าเป้ด้วยความว่องไว เธอลารุ่นพี่เยี่ยอย่างสุภาพ “ผลการวิจัยยังเหลืออีกนิดหน่อย ฉันจะทำให้เสร็จพรุ่งนี้แล้วค่อยให้รุ่นพี่วันจันทร์”
ทั้งสองแยกทางกัน
รุ่นพี่เยี่ยไม่ได้ออกไปในทันที เขานั่งพิงเก้าอี้ตัวเองพลางมองออกไปนอกกระจก ฉินหร่านเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไปแล้ว
แผ่นหลังที่บอบบางของเธอดูออกว่ากำลังหงุดหงิด
เพราะก่อนหน้านี้เธอวุ่นวายกับแบบฟอร์มที่ยุ่งเหยิงมา
ถ้าไม่ใช่เพราะตั้งใจดูฉินหร่านค่อยๆ เรียบเรียงข้อมูลทีละนิดๆ จนเสร็จ รุ่นพี่เยี่ยก็ไม่มีทางเชื่อว่าเธอจะอดทนได้ขนาดนี้
รุ่นพี่เยี่ยละสายตากลับมา บีบข้อมือตัวเองก่อนจะออกจากห้องปฏิบัติการ
จั่วชิวหรงกับนักวิจัยเลี่ยวยังคงกำลังศึกษาการทดลองอยู่ที่ห้องปฏิบัติการชั้นในสุด
สีหน้าของทั้งคู่ดูตื่นเต้น
“นักวิจัยเลี่ยว ห้องปฏิบัติการมีความก้าวหน้าใหม่แล้วหรอ?” จั่วชิวหรงมองนักวิจัยเลี่ยว
ในห้องปฏิบัติการที่เงียบสงบ นักวิจัยเลี่ยวยิ้มมุมปาก “ไม่ผิด คนที่เขียนงานวิจัยนี้…ฉันจะไปถามพวกก่อนว่ามีช่องทางการติดต่อของอีกฝ่ายหรือไม่”
นักวิจัยเลี่ยวเดินไปที่โต๊ะตัวเองและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
จั่วชิวหรงอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองรุ่นพี่เยี่ย “รุ่นพี่เยี่ย คุณเขียนข้อสรุปการวิจัยกับรุ่นน้องทั้งวันทั้งคืนคงไม่รู้ว่าวงการฟิสิกส์ได้ออกสถิติใหม่ของอัตราการใช้ประโยชน์เครื่องปฏิกรณ์แล้ว อัตราการใช้ประโยชน์อยู่ที่52% ช่องว่างการบีบอัดของอุปกรณ์ได้รับการแก้ไขแล้ว…รุ่นพี่เยี่ย คุณพลาดกระบวนการทดลองของนักวิจัยเลี่ยวในช่วงบ่ายไปแล้ว น่าเสียดายจริงๆ ”
น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความปลาบปลื้ม
หลังจากพูดจบก็มองรุ่นพี่เยี่ยอย่างเงียบๆ
ไม่มีใครในห้องปฏิบัติการที่อยากพลาดการวิจัยเชิงทดลองรูปแบบใหม่ของนักวิจัยขั้นหนึ่ง
แต่อย่างไรก็ตาม จั่วชิวหรงกลับไม่เห็นรุ่นพี่เยี่ยมีสีหน้าหม่นหมองเลยสักนิด
ยิ่งรุ่นพี่เยี่ยฟังก็ยิ่งรู้สึกว่าเนื้อหาที่จั่วชิวหรงพูดถึงฟังคุ้นหูอยู่หน่อยๆ หลังจากที่เขาประมวลข้อมูลนานกว่าสิบชั่วโมง ตอนนี้จึงเวียนหัวเล็กน้อย เขาขมวดคิ้วก่อนตอบกลับว่า “รุ่นน้อง เธอเอาการทดลองนั้นให้ฉันดูหน่อยได้ไหม?”