เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ - ตอนที่ 441 ชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือระดับสากล
ภาพยนตร์ที่รัฐ M ยังอยู่ระหว่างการถ่ายทำ ฉินซิวเฉินรีบกลับมาจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด
เมื่อได้ยินที่อาเหวินพูด เขาชะงักไปโดยไม่รู้ตัว หรี่ตาลง “กองสืบสวนอาชญากรรม? นายแน่ใจนะว่าเป็นคนของพวกเขา?”
ฉินซิวเฉินไม่ใช่คนในวงการนี้ แต่มีครั้งหนึ่งที่เขาเคยช่วยนักข่าวปาปารัสซี่โดยไม่ได้ตั้งใจ อีกฝ่ายก็เหมือนจะเป็นคนของ129 และยังเปิดอนุญาตสิทธิ์ให้เขาโดยไม่พูดอะไรสักคำ ถึงขนาดรู้จักวงการนี้มากกว่าคนทั่วไป
ไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ กองสืบสวนอาชญากรรมมักจะดูแลคดีสำคัญที่เป็นความลับขั้นสุดยอดเสียส่วนใหญ่ คดีที่ส่งมอบถึงมือพวกเขานั้นล้วนมีการจัดตั้งทีมปฏิบัติการพิเศษ
มีชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือระดับสากลในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่เมื่อสองปีที่แล้วนับตั้งแต่คนที่อยู่เบื้องหลังกองสืบสวนอาชญากรรมถอนตัวไป ชื่อเสียงของกองสืบสวนอาชญากรรมก็ไม่เหมือนเดิม…
ถึงอย่างไรคนในวงการต่างก็รู้ดีว่ากองสืบสวนอาชญากรรมมีคนอยู่เบื้องหลัง
ถึงแม้จะไม่ดีดังเดิม แต่กองสืบสวนอาชญากรรมอื่นก็ใช่ว่าจะมาเทียบกับกองสืบสวนอาชญากรรมเมืองหลวงได้ง่ายๆ พวกเขายังคงรับผิดชอบรับช่วงต่อคดีสำคัญทั้งในและต่างประเทศ
แล้วมายุ่งกับอุบัติเหตุทางรถยนต์ตั้งแต่เมื่อไหร่?
“เป็นผู้กองห่าวคนนั้น ที่คุณเคยพูดกับพวกเราเมื่อก่อน” สายตาอาเหวินมองมาทางฉินซิวเฉิน คิดได้สักพักก็พูดต่อ
ก่อนที่จะตามฉินหลิงกับฉินฮั่นชิวกลับมา ฉินซิวเฉินก็ตามหาข่าวคราวของพวกเขามาโดยตลอด ไปหาถึงกองสืบสวนอาชญากรรมและเคยพบกับเจ้าหน้าที่กองสืบสวนมาด้วย ตอนนั้นเขายังเคยพูดถึงหัวหน้าคนปัจจุบันของกองสืบสวนอาชญากรรมกับอาเหวินและคนอื่นๆ มาแล้ว
มอบหมายภารกิจให้129ก็เคยมาแล้ว ต่อมาปาปารัสซี่คนนั้นก็อนุญาตสิทธิ์ให้เขาเข้าถึงข้อมูล ภารกิจของเขาจึงมีคนรับไปจัดการ
หลังจากนั้นก็เจอกับฉินฮั่นชิว
“ผู้กองห่าวด้วยเหรอ?” ฉินซิวเฉินงุนงง “เขามาดูแลเรื่องนี้ได้ยังไง?”
เขายกมือขึ้น ไม่เข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันเท่าไหร่
ตอนนี้หัวหน้ากองสืบสวนอาชญากรรมว่างขนาดนั้นเลย?
คราวนี้อาเหวินไม่ได้พูดอะไร เพียงมองไปทางฉินฮั่นชิว
ฉินฮั่นชิวเงียบผิดปกติตั้งแต่เมื่อวานมาจนถึงวันนี้ พอเห็นอาเหวินมองมาที่เขา เขาก็รินชาให้ฉินซิวเฉินแล้วลดเสียงอธิบายว่า “เหมือนจะเป็นเพื่อนหร่านหร่านน่ะ หร่านหร่านบอกฉันว่าไม่มีอะไรแล้ว นายกลับไปถ่ายหนังเถอะ”
ฉินฮั่นชิวไม่เชื่อคนอื่น แต่เขาเชื่อฉินหร่านมาก
เพื่อนฉินหร่าน?
ฉินซิวเฉินมองฉินฮั่นชิว แม้เขาจะนิ่งแต่ท่าทางก็ยังดูทึ่มๆ ฉินซิวเฉินจึงอดกดหน้าผากไม่ได้
ฉินหลิงยังสลบอยู่ ฉินซิวเฉินเหลือบมองอาเหวินกับพ่อบ้านฉินเพื่อส่งสัญญาณให้พวกเขาสองคนออกมา
ผู้จัดการมองฉินหลิงแล้วตามพวกเขาออกไป
ทั้งสี่คนยืนอยู่บริเวณทางเดิน
ยังไม่ทันได้พูดอะไร คณะแพทย์และพยาบาลก็ยกโขยงเดินมาจากบริเวณสุดทางเดิน ในมือแต่ละคนยังถือสมุดบันทึกเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วยฉินหลิง
ฉินซิวเฉินที่ยืนอยู่อีกด้านเห็นอย่างชัดเจน คณะแพทย์กลุ่มนี้ล้วนมีป้ายนักวิจัยเงาวับแขวนอยู่บนหน้าอกกันทุกคน ยกเว้นพยาบาลสองคนนั้น
ฉินซิวเฉินทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย
“อ้อ คือแบบนี้ครับ ทุกๆ ครึ่งชั่วโมงจะมีทีมหัวหน้าแพทย์มาดูอาการเสี่ยวหลิงน่ะครับ” พ่อบ้านฉินและพวกอาเหวินนิ่งลงแล้วเมื่อเผชิญกับสถานการณ์แบบนี้
โรงพยาบาลในเครือสถาบันวิจัยมีการบริการที่สะพรึงขนาดนี้เลย ??
ฉินซิวเฉินเงียบไปครู่หนึ่งอีกครั้งโดยยังคงถือแก้วน้ำด้วยปลายนิ้ว “…คุณว่ามา”
เขาจำได้ว่าตอนที่เขาโทรศัพท์เมื่อคืน เขายังกำชับพ่อบ้านฉินอยู่เลยว่าอย่าเพิ่งให้ฉินหร่านรู้
พ่อบ้านฉินกับอาเหวินสบตากัน ความจริงแล้วตอนนี้พวกเขาสองคนก็ยังไม่ได้ผ่อนคลายอะไร ตั้งแต่ฉินหร่านโผล่มากะทันหันตั้งแต่เช้า ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะไม่อยู่ในขอบเขตที่พวกเขาคาดการณ์เอาไว้
ทั้งสองเล่าเรื่องเฉิงเว่ยผิง ลู่จ้าวอิ่ง และผู้กองห่าวโดยละเอียด
ส่วนเรื่องกู้ซีฉือ ทั้งสองยังไม่เคยเห็นหน้าค่าตาของอีกฝ่าย แค่ได้ยินเรื่องของเขาผ่านปากหัวหน้าพยาบาลที่มาดูอาการฉินหลิงมาบางส่วน
แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้ทั้งสองรู้ว่าอะไรเป็นอะไร
**
ฉินซิวเฉินสับสนวุ่นวายอยู่ทางนี้
ส่วนทางด้านฉินหร่านก็จับต้นชนปลายเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“รายงานการสืบสวนออกมาแล้ว” ผู้กองห่าวยื่นรายงานให้เฉิงเจวี้ยน “คนขับรถคนนั้นกินยาก่อนรถชน ก็เลยทำให้เกิดอาการลมบ้าหมูฉับพลัน แต่กล้องวงจรปิดตรงทางแยกถูกทำให้ใช้การไม่ได้…”
เห็นได้ชัดว่าผู้กระทำผิดเป็นนักโทษที่กระทำผิดจนเป็นนิสัย ข้อหาอาการลมบ้าหมูกำเริบเพียงอย่างเดียวจึงทำให้คนส่วนใหญ่หาหลักฐานไม่พบ
น้อยคนนักที่จะตรวจสอบว่ามียาอะไรอยู่ในเลือดเมื่อผู้ป่วยเป็นลมบ้าหมู
พอมีใจคิดที่จะตรวจ ยานี้ก็ถูกขับออกไปหมดแล้ว อุบัติเหตุทางรถยนต์ก็เป็นได้แค่อุบัติเหตุเท่านั้น
แต่อย่างไรก็ตาม…
ถ้าหากตรวจสอบยาออกมาได้ ทุกอย่างก็จะต่างกันออกไป
เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้เฉิงเจวี้ยนกับฉินหร่านเข้ามาจัดการ ผู้กองห่าวได้รวบรวมหลักฐานทั้งหมดที่คนขับรถซื้อยามาได้หมดแล้ว
การเคลื่อนไหวทางการเงินของบัตรนิรนามรวมไปถึงบุคคลที่อยู่ต้นทางการโอนอย่างฉินเจาก็ด้วย
นอกจากนี้ยังพบบันทึกกล้องวงจรปิดของถนนช่วงนี้และบันทึกการติดต่อทางโทรศัพท์ของทั้งสอง แม้จะไม่มีเสียงบันทึก
แต่เมื่อพยานฟื้นและมีการบันทึกคำให้การ การบงการของฉินเจาก็จะถูกตัดสินว่ามีความผิดทันที
ส่วนพยานจะให้ความร่วมมือหรือไม่นั้น…
นอกจากพ่อค้ายาปากแข็งเหล่านั้น กองสืบสวนอาชญากรรมก็แทบจะไม่เคยพลาดเลย
ตั้งแต่ลู่จ้าวอิ่งตามผู้กองห่าวมาจนถึงตอนนี้ยังไม่ถึงแปดชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ สืบสวนทุกอย่างตามลำดับขั้นตอน
ถึงอย่างไรผู้กองห่าวก็เป็นถึงหัวหน้ากองสืบสวนอาชญากรรม มีอำนาจมากในเมืองหลวง ดังนั้นเขาแทบจะไม่ต้องใช้หมายค้นในการสืบคดีทั่วไปเลย
ขณะที่ผู้กองห่าวกับเฉิงเจวี้ยนคุยกันอยู่ เจ้าหน้าที่กองสืบสวนอาชญากรรมที่อยู่ถนนอีกฝั่งที่กำลังถือปากกาก็มองมาทางเฉิงมู่ที่กำลังถอนสิ่งกีดขวางจราจรอยู่ เขากระซิบ “ผมนึกว่าผู้กองห่าวจะส่งผมมาสืบคดีอะไรเสียอีก ที่แท้แล้วก็เป็นคดีง่ายๆ ไม่มีพ่อค้ายาเลยสักคน คิดไม่ถึงว่าเขาจะลงมาทำเอง…”
เจ้าหน้าที่มองไปทางผู้กองห่าวด้วยหน้าตาจริงจังในขณะที่พูด มีประโยคหนึ่งในใจที่ไม่กล้าพูดออกมา…
นี่มันไม่ดูเป็นการ…ขี่ช้างจับตั๊กแตนไปหน่อยเหรอ?
เฉิงเจวี้ยนรับรายงานมา เขาอ่านคร่าวๆ แล้วยื่นให้ฉินหร่านที่อยู่ข้างๆ พูดสบายๆ “เธอกลับไปโรงพยาบาลก่อน เอาเอกสารพวกนี้กลับไปด้วย”
เขายื่นมือกวักลู่จ้าวอิ่งให้ไปส่งฉินหร่าน
ฉินหร่านก้มหน้าเปิดเอกสารที่อยู่ในมือ สีหน้าไร้ความรู้สึก
จนกระทั่งลู่จ้าวอิ่งขับรถไป เฉิงเจวี้ยนจึงควานหาบุหรี่
นัยน์ตาดำขลับมองไปทางกล้องวงจรปิดตรงทางแยก พูดด้วยน้ำเสียงเฉยชาอย่างเห็นได้ชัด “คุณชายสี่ตระกูลฉินนั่นค่อนข้างมีฝีมือ ไม่เข้ามายุ่งตลอดทั้งกระบวนการ เขาควบคุมทั้งหมดไว้ในกำมือ”
ยืมมีดฆ่าคนได้ยอดเยี่ยมจริงๆ
ถ้าเขากับฉินหร่านไม่สอดมือเข้ามายุ่ง ฉินซิวเฉินกับฉินเจาที่เป็นคนแข็งกันทั้งคู่ก็จะบาดเจ็บกันทั้งสองฝ่าย
คุณชายสี่ตระกูลฉินคิดอยู่เสมอว่าฉินซิวเฉินคือที่พึ่งของฉินหลิง การที่ฉินซิวเฉินถูกปลดออกจากตำแหน่ง พวกพ่อบ้านฉินกับฉินหลิงก็ไม่มีเส้นสายพอที่จะให้พึ่งได้
ส่วนฉินเจาก็คงไม่ดีไปกว่านี้แล้ว
คุณชายสี่ตระกูลฉินเลี้ยงดูฉินเจาเพียงเพื่อจัดการฉินซิวเฉินในยามวิกฤติ วิธีนี้…
“พอพูดถึงเรื่องนี้ ตอนแรกที่ทายาทสายตรงของตระกูลฉินหายสาบสูญไปกันหมดก็มีจุดที่น่าสงสัยอยู่มาก” ผู้กองห่าวพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ คุณชายสี่ตระกูลฉินถือว่าเป็นคนมีฝีมือในกลุ่มคนตระกูลฉิน แต่ถ้ามาอยู่กับพวกเขาแล้ว ยังไม่พอที่จะชายตามองเลยด้วยซ้ำ
เฉิงมู่ถอดเทปปิดถนนเสร็จก็เดินมาหาทั้งสอง พอได้ยินที่พวกเขาคุยกันก็ทำหน้าเฉยชาเล็กน้อย ทำใครไม่ทำ แต่ทำกับฉินหลิง
กลัวก็แต่ว่ายังไม่เคยเจอหัวหน้าทหารรับจ้างนั่นเสียแล้ว…
**
ที่โรงพยาบาล
มีตรวจสอบอาการทุกครึ่งชั่วโมง
หลังจากกุลีกุจอรีบกลับมาด้วยความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า กลับพบว่าพอกลับมาฉินซิวเฉินก็เหมือนจะได้แต่นั่งนิ่ง เกิดอาการสับสนวุ่นวายใจอย่างมากในเวลานี้
ตั้งแต่ตามหาฉินฮั่นชิวและฉินหลิงเจอในตอนแรก ฉินซิวเฉินก็รู้สึกดีอกดีใจอย่างควบคุมไม่ได้ ไปจนถึงค้นพบความอีนุงตุงนังของฉินหร่านและพรสวรรค์อันน่าทึ่งของฉินหลิงในตอนท้าย และมาถึงตอนนี้…
ฉินซิวเฉินถือบุหรี่ไว้ในมือ เขาพิงอยู่ที่ทางเดิน โรงพยาบาลสูบบุหรี่ไม่ได้ เขาจึงไม่ได้จุด นิ่งเงียบไปเล็กน้อย
โทรศัพท์ในกระเป๋าดังขึ้น เขาหยิบออกมาดูก็พบว่าเป็นหัวหน้ากองบังคับการตำรวจ
ฉินซิวเฉินยืนตัวตรงและรับสาย
ปลายสายเป็นเสียงของหัวหน้ากองบังคับการตำรวจ “เมื่อคืนที่คุณให้ผมสืบเรื่องคุณชายสี่ตระกูลฉิน ผมสืบมาได้นิดหน่อย คุณกลับประเทศมาหรือยัง ออกมาคุยกันหน่อยสิ…”
หัวหน้ากองบังคับการตำรวจก็เป็นบุคคลหนึ่งที่ผ่านมาแล้วหลายคดี และเป็นเส้นสายที่ฉินซิวเฉินสั่งสมไว้
“เพิ่งกลับมาครับ” ฉินซิวเฉินดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือ “เรื่องนี้ทางกองสืบสวนอาชญากรรมรับไปจัดการแล้ว คุณวางมือเลยก็ได้ พรุ่งนี้เจอกันที่เดิมแล้วเราค่อยคุยกัน”
“คุณเชิญกองสืบสวนอาชญากรรมมาได้ด้วยเหรอ?”หัวหน้ากองบังคับการตำรวจลุกขึ้นจากเก้าอี้ แต่ก็พอรู้สถานการณ์ตอนนี้ เขาไม่ได้พูดอะไรมาก “เราค่อยมาคุยกันพรุ่งนี้”
ทั้งสองวางสายไป พ่อบ้านฉินเดินออกมาจากห้องผู้ป่วย
“คุณชายหก”
“มีอะไร?” ฉินซิวเฉินปรายตามองเขา
พ่อบ้านฉินมองไปทางห้องผู้ป่วย “โดยทั่วไป การฟื้นฟูจากการผ่าตัดเปิดกะโหลกจะส่งผลต่อระบบประสาท แม้คุณหมอจะเคยบอกว่าอาการของคุณชายน้อยจะต่างออกไป ไม่ทิ้งผลข้างเคียงหลังจากฟื้นขึ้นมา แต่ยังไงก็ใช้สมองภายในระยะเวลาสั้นๆ นี้ไม่ได้แน่นอน…”
พอพูดถึงตรงนี้ แววตาฉินซิวเฉินก็ดูอึมครึม บีบบุหรี่ในมือแน่น
ฉินหลิงยิ่งมาได้รับบาดเจ็บในช่วงเวลาแบบนี้…
พ่อบ้านฉินละสายตา เม้มปากบอกถึงความกังวลที่อยู่ภายในใจ “คุณสมบัติผู้สืบทอดของคุณชายน้อยในสัปดาห์หน้าจะทำยังไงดีครับ?”
ถ้าหากฉินหลิงไม่ผ่านคุณสมบัติผู้สืบทอดก็ไม่เป็นไร แต่นี่…
คุคเคยบอกว่าฉินหลิงมีความมั่นใจมาก…
ขณะที่พ่อบ้านฉินกำลังพูดอยู่นั้น เขาก็พบว่าฉินซิวเฉินมองไปทางข้างหลังเขา ดูเหมือนเขาจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างจึงมองไปข้างหลัง
ฉินหร่านเดินมาจากทางเลี้ยวพร้อมกับถือกองเอกสาร เธอไม่ได้ติดกระดุมเสื้อโค้ต พกพาลมและหิมะปกคลุมบนตัว เส้นผมสีดำพาดบนโหนกคิ้ว สายตาเย็นยะเยือก