เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ - ตอนที่ 444 การคัดเลือกผู้สืบทอด
แม้จะเป็นยุครุ่งเรืองของตระกูลฉินก็ไม่อาจนำมาเทียบเคียงกับตระกูลเฉิงได้
ถ้าหากได้ยินเรื่องนี้ในเวลาอื่น พ่อบ้านฉินคงตกใจจนหัวใจวาย…
แต่วันนี้ได้ผ่านประสบการณ์มามากมายตลอดทั้งวัน
ไม่ว่าจะเป็นคณะแพทย์เหล่านั้นและพวกผู้กองห่าว หรือจะเป็นกู้ซีฉือจากสถาบันวิจัย พ่อบ้านฉินก็โดนคลื่นซัดเป็นระลอกๆ จนเกิดอาการเลอะเลือนไปแล้ว และผลลัพธ์ที่ได้รับในตอนนี้คือเฉิงเจวี้ยน แม้เรื่องนี้จะเกินความคาดหมายแต่กลับสมเหตุสมผล
เพราะถึงอย่างไร คนอื่นๆ รวมไปถึงนายท่านเฉิงก็ไม่ทำพวกเรื่องปิดถนนอะไรแบบนี้
ทั้งเมืองหลวงก็คงมีแค่เฉิงเจวี้ยนเท่านั้นที่กล้าหยิ่งผยองถึงเพียงนี้
แต่ถึงกระนั้น พ่อบ้านฉินกับฉินซิวเฉินก็ยังเงียบไปนานมากในสายโทรศัพท์
“คุณหนู เธอ…” หลังจากนั้นพ่อบ้านฉินก็พูดขึ้นมา เขามองไปที่แสงไฟด้านนอกอันเลือนราง คำพูดถัดมากลับพูดไม่ออก
ตอนที่รู้จักฉินหร่านแรกๆ นั้น พ่อบ้านฉินยังคิดอยู่เลยว่าเธอเป็นแค่นักศึกษาของมหาวิทยาลัยเมืองหลวง…
ฉินซิวเฉินหยิบเสื้อคลุมที่วางไว้ข้างๆ “พรุ่งนี้คุณไปหาคุณชายสี่ตระกูลฉิน”
“เข้าใจแล้วครับ” พ่อบ้านฉินเก็บความคิดเรื่องฉินหร่านไว้ สายตาเข้มขึ้น
สภาพฉินหลิงในเวลานี้คงไม่มีทางเข้าร่วมการแข่งขันผู้สืบทอดสัปดาห์หน้าได้แน่
ทั้งสองวางสาย พ่อบ้านฉินต่อสายออกไปอีกครั้ง
ตอนนี้ฉินหลิงไม่มีปัญหาอะไรแล้ว แต่ตระกูลฉินยังมีการต่อสู้ที่ดุเดือดที่จำต้องสู้ในลำดับต่อไป
**
ในขณะเดียวกัน
บ้านตระกูลลู่
คุณแม่ลู่กำลังนั่งถืออัลบั้มรูปอยู่บนโซฟา
พอเห็นลู่จ้าวอิ่งกลับมา เธอก็เงยหน้าขึ้น วางขาที่นั่งไขว่ห้างลงพร้อมกับสอบถามสถานการณ์จากลู่จ้าวอิ่ง
“เสี่ยวหลิงประสบอุบัติเหตุน่ะ” ลู่จ้าวอิ่งนอนบนโซฟาอย่างหมดท่า เอาหัวซุกหมอนและอธิบายสถานการณ์คร่าวๆ
“พรึ่บ” คุณแม่ลู่ลุกขึ้นทันที “คงไม่เป็นไรหรอกนะ ? !”
“มีคุณชายเจวี้ยนอยู่จะเป็นอะไรได้ยังไง” ลู่จ้าวอิ่งเงยหน้า ขมวดคิ้ว “แต่ก็ได้รับบาดเจ็บไม่น้อย ยังไม่ฟื้น”
“แล้วอีกอย่าง” ลู่จ้าวอิ่งมองคุณแม่ลู่ “ฉินเสี่ยวหร่านเปลี่ยนเวลานัดเป็นวันพรุ่งนี้ตอนบ่าย แม่ ทำไมแม่ถึงต้องเจอเธอให้ได้?”
คุณแม่ลู่ปิดอัลบั้มรูปวางไว้บนโต๊ะเกิดเสียงดัง “ปึง” เมื่อได้ยินที่ลู่จ้าวอิ่งถาม เธอก็กลับมานั่งที่โซฟาดังเดิม เม้มปาก “…เพื่อยืนยันเรื่องบางเรื่อง”
**
วันรุ่งขึ้น
โรงพยาบาล
เฉิงเจวี้ยนจอดรถไว้ที่ลานจอดรถ หลังจากทั้งสองไปเยี่ยมฉินหลิงเสร็จ เฉิงเจวี้ยนก็ออกจากห้องผู้ป่วยภายในเวลาไม่ถึงยี่สิบนาที เขายังต้องไปที่พิพิธภัณฑ์ต่อ
ช่วงนี้ลิฟต์ของแผนกผู้ป่วยในมีผู้คนพลุกพล่าน ลิฟต์ยังอยู่ที่ชั้น28
เฉิงเจวี้ยนเอื้อมมือกดลิฟต์ ลดสายตาลงแล้วค่อยๆ พูดออกมาว่า “ดูเหมือนว่าเสี่ยวหลิงจะต้องเข้าร่วมการคัดเลือกผู้สืบทอดตระกูลฉินในสัปดาห์หน้า”
น้ำเสียงยังคงสบายๆ
คุณชายสี่ตระกูลฉินเลือกลงมือในเวลานี้ย่อมมีเหตุผล เฉิงเจวี้ยนให้ผู้กองห่าวสืบมาแล้ว
การที่ทายาทสายตรงของตระกูลฉินกลับมาเข้าร่วมการคัดเลือกไม่มีทางปิดบังพวกเขาได้
ฉินหร่านเหลือบมองเขา เธอพยักหน้าอย่างครุ่นคิด “ฉันรู้แล้ว”
ลิฟต์มาถึงแล้ว เฉิงเจวี้ยนเข้าไปในลิฟต์และกดไปที่ชั้นหนึ่ง
ฉินหร่านกลับไปที่ห้องผู้ป่วยหลังจากที่เห็นลิฟต์ลงไปถึงชั้นหนึ่ง
เนื่องจากตอนบ่ายมีนัดกับลู่จ้าวอิ่งอีกรอบ เธอจึงไม่คิดจะกลับไป หยิบคอมพิวเตอร์ในกระเป๋าเป้นั่งบนโซฟา
เมื่อเข้าไปที่บันทึกการโทร.ก็พบว่าเมื่อวานรุ่นพี่เยี่ยส่งข้อความมาให้เธอหลายข้อความ และยังมีคนเพิ่มเธอเป็นเพื่อน
นั่นก็คือนักวิจัยเลี่ยว ฉินหร่านคลิกเข้าไปทันที
ฉินหลิงยังไม่ฟื้น
เมื่อคืนฉินซิวเฉินกลับไปอาบน้ำเสร็จก็เฝ้าอยู่ในห้องผู้ป่วยทั้งคืน เพิ่งกลับไปตอนเช้านี้
ช่วงเวลานี้พ่อบ้านฉินกับฉินฮั่นชิวเป็นคนเฝ้า
ช่วงสายๆ เวลาเก้าโมง
พ่อบ้านฉินลุกจากม้านั่งข้างเตียง เขาดูเวลาแล้วกระซิบบอกฉินฮั่นชิวว่าจะออกไป
ขณะที่กำลังจะไป พ่อบ้านฉินก็รู้สึกได้ว่าข้างหลังมีเงามืด
พอหันกลับไปก็เห็นว่าเงาร่างนั้นคือฉินหร่าน เขาเอ่ยขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ “คุณหนู มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
“ไม่มีอะไร คุณจะไปไหน ฉันไปส่ง” ฉินหร่านถือโทรศัพท์
พ่อบ้านฉินรีบโบกไม้โบกมือ “ไม่ต้องหรอกครับ จะให้คุณหนูไปส่งได้ยังไง อาเหวินมารับก็พอแล้วครับ”
พอพูดเสร็จ โทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้น
เป็นอาเหวิน
รถที่จอดอยู่ชั้นล่างพังกะทันหัน
ฉินหร่านยัดโทรศัพท์ใส่ในกระเป๋า เชิดคางเล็กน้อยด้วยหน้าตาเฉยเมย “ฉันบอกแล้วไงว่าจะไปส่ง”
ออร่าฉินหร่านทรงพลังเกินไป พ่อบ้านฉินปฏิเสธไม่ออก
ได้แต่ตามฉินหร่านลงไปข้างล่าง
ด้านล่าง รถเฉิงมู่จอดสนิทอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าของโรงพยาบาล
ฉินหร่านเปิดประตูฝั่งข้างคนขับให้พ่อบ้านฉินเข้าไป
เฉิงมู่ที่นั่งฝั่งคนขับเอียงหน้าทักทายอย่างสุภาพ แนะนำตัวเอง “ผมคือเฉิงมู่”
พ่อบ้านฉินนั่งลงด้วยความงุนงง “สะ สวัสดีครับ”
**
สำนักงานใหญ่ตระกูลฉิน
คุณชายสี่ตระกูลฉินกำลังถือพู่กันขนหมาป่ายืนอยู่ที่หน้าโต๊ะ โน้มตัวลงเพื่อฝึกเขียนตัวอักษร
ลูกน้องที่อยู่ด้านนอกเคาะประตูสามทีด้วยความเคารพ
คุณชายสี่ตระกูลฉินไม่ได้เงยหน้าขึ้น ยังคงเขียนตัวอักษร “ฉิน”( 秦)อย่างใจเย็น คล้ายจะอารมณ์ดี ลายมือพลิ้วไหวเป็นอย่างมาก “ฉินซิวเฉินมีความเคลื่อนไหวแล้ว?”
“แผนคุณชายฉินเจาเมื่อคืนพังไปแล้วครับ เพิ่งถูกนำตัวไปสอบปากคำที่สถานีตำรวจเมื่อสักครู่นี้” ลูกน้องคิ้วกระตุก พูดเสียงเข้ม
แม้จะคาดการณ์เอาไว้แล้วว่าฉินซิวเฉินจะลงมือ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้
คุณชายสี่ตระกูลฉินมือชะงัก หมึกดำจุดป้ายที่ตัวอักษร “ฉิน”
คุณชายสี่ตระกูลฉินไม่สนใจ เขาวางพู่กันลงข้างๆ ดวงตาเฉียบแหลมหรี่ลง “พังแล้ว? ถึงฉินเจาจะแย่แค่ไหนก็คงไม่เผยรอยเท้าเร็วขนาดนี้หรอกมั้ง”
เขาหรี่ตาลง ฉินซิวเฉินไม่ปล่อยฉินเจาไปอย่างแน่นอน แต่ก็ไม่ถึงกับสืบได้เร็วขนาดนี้
ที่แท้แล้วมันมีปัญหาตรงไหนกันแน่?
คุณชายสี่ตระกูลฉินเม้มปาก หรือว่าตอนนี้ฉินซิวเฉินจะ…ขยายอำนาจออกไปมากแล้ว?
ถ้าเป็นอย่างหลัง…
ขณะที่เขากำลังใช้ความคิด โทรศัพท์บนโต๊ะทำงานก็ดังขึ้น เป็นแผนกเลขา “ประธานฉิน พ่อบ้านฉินและหุ้นส่วนทุกท่านมาถึงแล้ว”
คุณชายสี่ตระกูลฉินหัวเราะแล้ววางสาย จัดแจงเสื้อตัวนอกพลางยิ้มมุมปาก
ไม่ว่าฉินซิวเฉินจะขยายอำนาจสักแค่ไหน เขาก็บรรลุเป้าหมายแล้ว
เขาดึงกระดาษมาเช็ดปลายนิ้วที่เปื้อนอย่างลวกๆ
ตรงไปที่ห้องประชุม
ภายในห้องประชุม
ผู้ถือหุ้นของสำนักใหญ่ตระกูลฉินและพ่อบ้านฉินมาถึงกันหมดแล้ว
คุณชายสี่ตระกูลฉินกวาดตามองไปที่โต๊ะ สายตาหยุดอยู่ที่ตัวฉินหร่าน พูดด้วยความสนิทสนม “หลานสาวคนโตก็มาด้วย”
ฉินหร่านนั่งก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ ไม่ตอบเขา
คิ้วและดวงตาเต็มไปด้วยความเย็นชา
เธอได้ทำความเข้าใจเรื่องทั้งหมดระหว่างทางที่มาที่นี่แล้ว บวกกับคำพูดที่พ่อบ้านฉินและคนอื่นๆ หวาดกลัวคุณชายสี่ตระกูลฉินก่อนหน้านี้ อุบัติเหตุฉินหลิงมีคุณชายสี่ตระกูลฉินคอยบงการอยู่ไม่มากก็น้อย
พ่อบ้านฉินพยายามทำให้จบลงด้วยดี เขาลุกจากเก้าอี้ กวาดตามองไปทั่วทั้งห้องประชุม
“วันนี้ที่ผมมาพบพวกท่านก็เพราะต้องการหารือเรื่องเลื่อนเวลาการคัดเลือกผู้สืบทอดออกไป” พ่อบ้านฉินโน้มตัวเล็กน้อย “คุณชายน้อยประสบอุบัติเหตุ ไม่สะดวกเข้าร่วมการคัดเลือกชั่วคราว พวกเราและคุณหมอคุยกันแล้วว่าต้องรอผ่านระยะพักฟื้นไปอีกสามเดือน…”
ทันทีที่คำพูดนี้ถ่ายทอดออกมา ห้องประชุมที่เงียบสงบก็มีเสียงพูดคุยกันเบาๆ
ผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่มองไปทางคุณชายสี่ตระกูลฉิน
คุณชายสี่ตระกูลฉินนั่งแถวหน้าสุด เขาถือถ้วยชาด้วยท่าทางสบายๆ พลางเป่าฟองชา แววตาคลุมเครือ “ช่างบังเอิญเสียจริง กำลังจะคัดเลือกผู้สืบทอด หลานชายคนเล็กก็ได้รับบาดเจ็บซะแล้ว พวกคุณจงใจยื้อเวลาออกไปใช่ไหม ช่วงเวลาพักฟื้นสามเดือน ใครจะไปรู้ว่าพวกคุณจะแอบหาคนมาทำลายกระบวนการคัดเลือกของพวกเรา…”
เหล่าผู้ถือหุ้นต่างพยักหน้าทันทีที่พูดออกไป “ตารางงานผมว่างวันศุกร์”
คุณชายสี่ตระกูลฉินรวบอำนาจสำนักงานใหญ่ตระกูลฉินไว้แล้ว ผู้บริหารระดับสูงล้วนเห็นแก่ผลประโยชน์ ที่พวกเขาสนับสนุนคุณชายสี่ตระกูลฉินก็เพราะต้องการแสวงหาผลประโยชน์
ตระกูลฉินจะให้ใครมาเป็นผู้นำตระกูลก็ได้ทั้งนั้น ขอแค่สามารถให้ผลประโยชน์แก่พวกเขาได้
เห็นได้ชัดว่าคนส่วนใหญ่สนับสนุนคุณชายสี่ตระกูลฉิน
“จะจงใจยื้อเวลาได้ยังไง ตอนนี้คุณชายน้อยกำลังอยู่โรงพยาบาลในเครือ พวกคุณไปดูเอาเองก็ได้ สภาพเขาในตอนนี้ไม่สามารถเข้าร่วมการคัดเลือกได้เลย” พ่อบ้านฉินโมโหหน้าอกกระเพื่อม สายตาแค้นเคือง
เขาไม่เชื่อว่าคุณชายสี่ตระกูลฉินไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุทางรถยนต์ของฉินหลิง ที่เขามาวันนี้ก็เพื่อช่วงชิงเวลาให้ฉินหลิงไปสักระยะหนึ่ง
“นั่นเป็นเรื่องที่พวกคุณต้องหาทางแก้” คุณชายสี่ตระกูลฉินดื่มชามองพ่อบ้านฉิน ยิ้มอ่อนๆ “พ่อบ้านฉิน สนามการค้าก็เหมือนสนามรบ เรื่องเล็กๆ แค่นี้ยังแก้ไขไม่ได้ คุณจะให้ผู้ถือหุ้นทุกท่านพอใจได้ยังไง”
ฉินหร่านที่นั่งข้างพ่อบ้านฉินคอยฟังที่พวกเขาคุยกันมาตลอด ฟังมาจนถึงตรงนี้ก็เงยหน้าขึ้น
เธอเก็บโทรศัพท์ เงยหน้าเหลือบมองคนในห้องประชุมและมองคุณชายสี่ตระกูลฉินด้วยสายตาล้ำลึก เธอขบริมฝีปาก ละสายตา พูดด้วยเสียงราบเรียบ “พ่อบ้านฉิน ที่พวกเขาพูดมาก็ถูก ในเมื่อตกลงกันแล้วว่าสัปดาห์หน้าก็สัปดาห์หน้าเถอะ”
พอพูดจบเธอก็หยิบโทรศัพท์ลุกขึ้น เดินตรงออกไปนอกห้องประชุม
คุณชายสี่ตระกูลฉินอึ้งแล้วหัวเราะเบาๆ “ยังดีที่หลานสาวคนโตรู้ว่าอะไรเป็นอะไร”
พ่อบ้านฉินยังยืนเอามือยันโต๊ะ
การมาวันนี้เขาก็คาดการณ์เอาไว้แล้วว่าศึกครั้งนี้แทบจะไม่มีทางชนะ
เขารู้ดีว่าตามสไตล์คุณชายสี่ตระกูลฉิน คงไม่ปล่อยให้พวกเขาได้หายใจ แต่เขาก็ยังอยากมาดูผู้ถือหุ้น ทว่า…
พ่อบ้านฉินเม้มปากพลางหลับตา เดินตามฉินหร่านออกไปด้วยความไม่พอใจ
“เป็นพวกเราเองที่ไม่ได้เรื่อง” พ่อบ้านฉินพูดด้วยความละอายใจขณะที่เดินตามหลังฉินหร่าน “ถ้าเข้าร่วมพิธีการคัดเลือกในสัปดาห์หน้าไม่ได้ คุณชายน้อยพลาดครั้งนี้ไปแล้ว คุณชายสี่ไม่มีทางให้โอกาสเขาอีกแน่ๆ ”
ฉินหร่านหยุดอยู่หน้าลิฟต์และยื่นมือไปกดลิฟต์ เธอยืนตัวตรง เมื่อได้ยินคำพูดของพ่อบ้านฉิน ใบหน้าที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวก็ค่อยๆ หายไป ใบหน้าบอบบางปกคลุมไปด้วยน้ำค้างแข็ง
เธอเอื้อมมือออกไปดึงผ้าพันคอตาข่าย มองพ่อบ้านฉินพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่แยแส “ใครบอกว่าไม่เข้าร่วมล่ะ?”