เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ - ตอนที่ 449 ภารกิจของหมาป่าเดียวดาย เชิญรุ่นพี่เยี่ย
ข้างในเป็นเอกสารขั้นตอนการปฏิบัติจำนวนมาก ดูยุ่งยากซับซ้อน
ฉินหร่านอ่านหน้าแรกก็วางไว้ข้างๆ อย่างส่งๆ
“พ่อบ้านฉินบอกว่าให้คุณอ่านมันให้จบ เนื้อหาอาจจะซับซ้อนไปหน่อย” เฉิงมู่นั่งอยู่อีกด้าน เขาตั้งอกตั้งใจถ่ายทอดคำพูดพ่อบ้านฉินให้ฉินหร่านฟัง
ฉินหร่านพยักหน้าแบบขอไปที “เข้าใจแล้ว”
หลังจากกินเสร็จ เฉิงมู่ก็เก็บจานชามเข้าไปในครัว พอออกมาอีกทีฉินหร่านก็ยังนั่งบนโซฟาโดยมีคอมพิวเตอร์วางไว้บนตัก
เฉิงเจวี้ยนยังไม่กลับมา
“คุณหนูฉิน คุณเข้านอนเร็วๆ นะครับ” เฉิงมู่ทักทายฉินหร่านเสร็จก็ลงไปข้างล่าง
พรุ่งนี้เช้าเขามีนัดกับคนสวนเพื่อปรึกษาเรื่องพันธุ์ไม้ คืนนี้เฉิงมู่จึงตัดสินใจทำการบ้านมากขึ้นหน่อย
**
ช่วงดึก เวลาตีหนึ่ง
เฉิงเจวี้ยนเพิ่งถือกุญแจเปิดประตูโดยมีเฉิงจินตามมาด้านหลัง
ทางเดินด้านนอกมีแสงไฟสลัวๆ
แต่ด้านในกลับสว่าง
เฉิงจินถือโทรศัพท์พูดกับเฉิงเจวี้ยนว่า “โอวหยางเวยติดต่อผมมาแล้ว ดูเหมือนว่าเธอจะเห็นภารกิจของคุณใน129 คุณชายเจวี้ยน คุณ…”
เฉิงเจวี้ยนเปิดประตู
ไฟในห้องโถงยังไม่ปิด
ทันทีที่เฉิงเจวี้ยนเงยหน้าขึ้นก็เห็นคนนั่งอยู่บนโซฟา อีกฝ่ายสวมหูฟัง ในมือถือคอมพิวเตอร์หนักๆ สีดำเครื่องนั้น เธอกำลังนั่งจัดการข้อมูลบนโซฟา
ผมยาวดำสลวยสยายบนชุดนอนสีหิมะ
เขาเหลือบมองเฉิงจิน
เฉิงจินได้รับสัญญาณทันทีจึงไม่พูดถึงโอวหยางเวยอีก
แม้จะสวมหูฟัง แต่ฉินหร่านก็ได้ยินความเคลื่อนไหวด้านนอกประตู เธอถอดหูฟังลงข้างหนึ่งและมองไปที่หน้าประตู ก้มหน้าจัดการข้อมูลต่ออย่างใจเย็น
“คุณชายเจวี้ยน” เฉิงจินเปลี่ยนรองเท้าที่หน้าประตูพลางลดเสียงพูด
เฉิงเจวี้ยนตอบอย่างเกียจคร้าน “อืม”
เฉิงจินที่เปลี่ยนรองเท้าเสร็จ “คุณเปลี่ยนคอมพิวเตอร์ให้คุณหนูฉินเถอะ”
หลังจากพูดจบก็ไม่ได้รอให้เฉิงเจวี้ยนตอบกลับ เฉิงจินเดินไปตรงหน้าฉินหร่าน “คุณหนูฉิน ราตรีสวัสดิ์ครับ”
เขาทักทายฉินหร่านเสร็จก็เดินลงไปข้างล่างทันที
ส่วนเรื่องอื่นนั้น…
เฉิงจินไม่กล้าเอามารบกวนเฉิงเจวี้ยนต่อ
เฉิงเจวี้ยนยังยืนอยู่ริมประตู เขาเปลี่ยนรองเท้าเสร็จแล้วแต่ยังยืนมองลักษณะคอมพิวเตอร์ของฉินหร่าน
คอมพิวเตอร์ของฉินหร่านดูเหมือนจะต่างจากคนอื่นจริงๆ ค่อนข้างหนา ลักษณะภายนอกดูเก่าๆ เฉิงเจวี้ยนจำได้ว่าตอนที่เธอเรียนมัธยมปลายปีสามก็ใช้คอมพิวเตอร์เครื่องนี้
เขาเดินไปรินน้ำที่ตู้กดน้ำและกลับมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน เบียดอยู่ข้างฉินหร่าน มองเธอและหัวเราะเสียงทุ้ม
เขาคิดไม่ถึงว่าจะมีวันที่ตัวเองถูกคนค่อนแคะ
ฉินหร่านถอดหูฟังอีกข้างหนึ่งออกแล้วเหลือบมองเขา
“เปล่า เธอเปลี่ยนคอมพิวเตอร์เถอะ พี่สาวฉันกับเฉิงจินคิดว่าฉันใจร้ายกับเธอน่ะ” เฉิงเจวี้ยนเอื้อมมือคลิกบันทึกเอกสารของเธอ จากนั้นก็ปิดคอมพิวเตอร์
“นี่เป็นคอมพิวเตอร์ที่ฉันประกอบเอง” ฉินหร่านมองเฉิงเจวี้ยนเก็บคอมพิวเตอร์โดยไม่ได้ห้าม
แค่เลิกคิ้ว
ตอนนั้นอุปกรณ์ที่มีอยู่ในมือมีจำกัด แม้จะประกอบออกมาไม่ได้ดูดีมาก แต่ก็ดีกว่าคอมพิวเตอร์ของอวิ๋นกวงกรุ๊ปเป็นไหนๆ
เฉิงเจวี้ยนพยักหน้า เขาลุกขึ้นและยิ้มผ่านดวงตา “ฉันก็ว่าออกจะดูดี”
เจ้าของเครื่องไม่ได้มีรสนิยมแต่อย่างใด เขาก้มหน้ามองคอมพิวเตอร์ที่ถืออยู่ในมือ
“คืนพรุ่งนี้ไม่ต้องรอฉันกลับ” เฉิงเจวี้ยนวางคอมพิวเตอร์และกองเอกสารไว้บนโต๊ะของเธอ ขนตายาวลดต่ำ ใบหน้าที่สง่างามดูอ่อนละมุนภายใต้แสงไฟ ต่างจากความเฉลียวฉลาดที่แฝงไว้ในยามปกติ เอื้อมมือลูบเอวเธอ ขมวดคิ้วสวย “ผอมขนาดนี้เลยหรอเนี่ย”
ฉินหร่านไม่ตอบ เธอแค่อยากถามเรื่องภารกิจที่เฉิงเจวี้ยนสั่งการ129
แม้เธอจะสวมหูฟัง แต่ก็ชินแล้ว ในห้องโถงเงียบมากเพราะไม่มีใครอยู่ เธอจึงได้ยินที่เฉิงจินคุยกับเฉิงเจวี้ยน
“เจ๊หร่าน เธอได้ยินหรือยัง?” เฉิงเจวี้ยนลดศีรษะลง เอนตัวไปพร้อมกับลมหายใจที่แจ่มชัด
ฉินหร่านพูดไปตามอารมณ์แบบขอไปที “อือ”
จนกระทั่งเฉิงเจวี้ยนกลับไป ฉินหร่านถึงได้เปิดคอมพิวเตอร์
กดออกจากเว็บไซต์ หาหน้าเว็บ129และล็อกอินเข้าบัญชีตัวเอง
บัญชีปรากฏชื่อว่า “หมาป่าเดียวดาย”
ฉินหร่านมองคร่าวๆ กดเข้าหน้าหลักโดยตรง
หมาป่าเดียวดาย
สมาชิกระดับสูง
ขอบเขตอำนาจ (ไม่จำกัด)
ภารกิจที่รอดำเนินการ (1)
ฉังหนิงมอบหมายภารกิจของเขาไว้ในชื่อของเธอเรียบร้อยแล้ว
ฉินหร่านกดเปิดภารกิจด้วยการแสดงออกที่ซับซ้อน
ถ้าเป็นเรื่องอื่น แม้จะเป็นการตรวจสอบตัวตนเธอ เธอก็จะไม่ลังเลขนาดนี้
แต่เรื่องที่เฉิงเจวี้ยนต้องการสืบคือเหตุการณ์ระเบิด712ตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่เธอตั้งใจปกปิดตั้งแต่แรกอยู่แล้ว…
ฉินหร่านเอนหลัง ขนตาเป็นเงาดำบนเปลือกตา
คดี712ถูกปิดไปนานแล้ว แม้ว่าสิ่งที่ผู้บัญชาการเฉียนกับเฟิงโหลวเฉิงรู้จะไม่ใช่ความจริงทั้งหมด
แต่เฉิงเจวี้ยนก็ไม่น่าจะใช่คนขี้สงสัยอะไรขนาดนั้น
ฉินหร่านพอจะเดาได้บ้างว่าเขาอาจจะอยากรู้ว่าเธอสวมบทบาทอะไรในนี้…
ด้วยเหตุนี้เอง ฉินหร่านถึงได้ว้าวุ่นใจ เธอยื่นมือปิดตาตัวเอง
**
ไม่กี่วันต่อมา
รายงานการสำรวจที่ฉินหร่านส่งไปก็ได้ก่อให้เกิดความเคลื่อนไหวที่สถาบันวิจัยเป็นอย่างมาก
เนื่องจากคนที่ไปในวันนั้นคือรุ่นพี่เยี่ย เขาจึงเริ่มฉายแววในสถาบันวิจัย
“เสี่ยวเยี่ย ฉันส่งรายงานไปแล้วนะ” ในห้องปฏิบัติการทางฟิสิกส์ นักวิจัยเลี่ยวมองมาทางรุ่นพี่เยี่ยพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบดังเดิม “ในระยะเวลาหนึ่งเดือนหลังจากการประเมิน นายก็จะได้เป็นนักวิจัยอย่างเป็นทางการแล้ว จะมีห้องปฏิบัติการในสถาบันวิจัยเป็นของตัวเอง”
พอพูดถึงตรงนี้ นักวิจัยเลี่ยวที่ไม่ค่อยยิ้มก็เผยรอยยิ้มออกมา
รุ่นพี่เยี่ยเหลือบมองฉินหร่านที่กำลังทำการทดลองอยู่ชั้นสองพลางส่ายหน้า “รายงานการสำรวจนั่น ตั้งแต่ต้นจนจบล้วนเป็นเพราะรุ่นน้อง ผม…”
“ความโชคดีก็เป็นความสามารถอย่างหนึ่งเหมือนกัน” นักวิจัยเลี่ยวมองไปทางฉินหร่าน ชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “วันนี้ทำไมนายไม่ไปเข้าร่วมโครงการเครื่องยนต์อวกาศกับรุ่นน้องนายล่ะ?”
จั่วชิวหรงไม่ได้อยู่ห้องปฏิบัติการตั้งแต่เช้าแล้ว เมื่อคืนก่อนออกไปเธอได้บอกกับนักวิจัยเลี่ยวไว้แล้วว่าวันนี้เธอต้องไปเข้าร่วมโครงการนั้น
รุ่นพี่เยี่ยเงียบไปสักพัก จากนั้นก็เงยหน้ายิ้ม “ผมยังมีเรื่องอื่นที่ต้องทำ ทำหลายอย่างพร้อมกันไม่ไหว ก็เลยต้องถอนตัวออกจากโครงการเครื่องยนต์อวกาศของรุ่นน้องไปก่อนน่ะครับ”
ในหัวนักวิจัยเลี่ยวไม่ได้คิดอะไรมาก เขาแค่มองรุ่นพี่เยี่ยแล้วผงกหัว “ไม่ได้เข้าร่วมโครงการอวกาศนั่นก็น่าเสียดายอยู่บ้างจริงๆ แต่นายก็ได้เป็นนักวิจัยแน่ๆ แล้ว ต่อไปยังมีโอกาสอีกเยอะ”
ห้าโมงเย็น
จั่วชิวหรงกลับมาด้วยหน้าตาที่ยิ้มแย้มแจ่มใส
ดูจากท่าทางของเธอแล้ว อันดับที่ได้คงไม่ต่ำเกินไป
“นักวิจัยเลี่ยว” จั่วชิวหรงยื่นถ้วยรางวัลให้นักวิจัยเลี่ยว เสียงของเธอดังขึ้นเล็กน้อย “ทีมของพวกเราคว้ารางวัลระดับหนึ่งอันดับที่สามของประเทศ ”
การแข่งขันภายในประเทศแบ่งออกเป็นรางวัลระดับยอดเยี่ยมคือแชมป์ รางวัลระดับที่หนึ่งคือรองอันดับหนึ่ง รางวัลระดับที่สองคือรองอันดับสอง และรางวัลระดับที่สามคือรองอันดับสาม[1]
สิบอันดับแรกจะได้รับการจัดอันดับ
รางวัลระดับที่หนึ่งอันดับที่สามของประเทศและยังเป็นโครงการระดับชาติ นี่ถือว่าเป็นการจัดอันดับที่ดีมากจริงๆ
นักวิจัยเลี่ยวมองเธอด้วยความประหลาดใจเช่นกัน เกินคาดไปหน่อย “ระดับที่หนึ่งอันดับที่สาม ไม่เลวเลยจริงๆ ตอนนั้นฉันยังเดาว่าอย่างดีที่สุดพวกเธอน่าจะได้รางวัลระดับสองเสียอีก”
จั่วชิวหรงยิ้ม
อันที่จริงแล้วรางวัลระดับที่หนึ่งอันดับที่สามนี้ ส่วนใหญ่เป็นเพราะส่วนที่รุ่นพี่เยี่ยรับผิดชอบ
ผู้ตัดสินหลายคนเลือกเธอกับอีกสองทีมเป็นอันดับสามสี่ห้า แต่สุดท้ายพวกเขาก็คว้าอันดับที่สามมาได้เพราะส่วนของรุ่นพี่เยี่ย
อันดับที่สามกับอันดับที่สี่ห่างกันไม่มาก แต่รางวัลระดับที่หนึ่งกับระดับที่สองกลับต่างกันราวฟ้ากับเหว
แต่จั่วชิวหรงไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้
หลังจากนักวิจัยเลี่ยวชมเธอเสร็จ จั่วชิวหรงก็ถือถ้วยรางวัลกลับไปที่ข้างโต๊ะตัวเอง ตั้งใจสังเกตสีหน้ารุ่นพี่เยี่ย แต่ทว่า…สีหน้าท่าทางของเขากลับไม่ต่างไปจากเดิม
ขณะนี้ฉินหร่านกำลังทำการทดลองอยู่
โทรศัพท์ที่อยู่ข้างๆ ดังขึ้น เป็นอาจารย์ใหญ่สวี——
(ส่งชื่อไปแล้ว)
เวลาหกโมงเย็น
รุ่นพี่เยี่ยกำลังทานอาหารเย็นกับเพื่อนรูมเมทของเขาในโรงอาหาร
“นายโง่หรือไงเนี่ย วิจัยก็ทำเสร็จหมดแล้ว ทำไมถึงยอมให้จั่วชิวหรงเอาเปรียบได้” รูมเมทโมโหจนแทบทนไม่ไหว ถือตะเกียบไม่ยอมกินข้าว “นายไม่ชอบนิสัยเธอก็ยิ่งอย่าให้เธอเอาเปรียบได้สิ เอาวิจัยส่วนของตัวเองพารุ่นน้องสองคนนั้นหนีไปไม่ดีกว่าเหรอ ? ! ”
รุ่นพี่เยี่ยก้มหน้าก้มตาไม่พูดต่อ
เขาก็รู้สึกเสียใจอยู่บ้าง แบบแผนที่ฉินหร่านให้เขา แม้เขาจะไม่ได้ให้จั่วชิวหรงดู แต่ตอนที่เขาทำก็ได้อ้างอิงแบบแผนที่เธอวางไว้
บางส่วนที่เขาไม่ค่อยเข้าใจ ก็ละไว้และใช้ไปไม่ถึงหนึ่งในสามส่วนเท่านั้น
ตอนที่ส่งงานวิจัยเขาหุนหันพลันแล่นไปหน่อย น่าจะหักเนื้อหาส่วนใดส่วนหนึ่งของฉินหร่านไป
“โครงการนี้มีปีละครั้ง ทีมที่ได้สามอันดับแรกของแต่ละปีล้วนเป็นทีมที่ยอดเยี่ยม” รูมเมทเห็นสภาพเขาก็อดส่ายหน้าไม่ได้ “ปีนี้หมดโอกาสแล้ว นาย…”
รูมเมทยังอยากพูดต่อ
แต่ไม่ไกลออกไป มีร่างบางร่างหนึ่งเดินเข้ามา
“รุ่นพี่เยี่ย” ฉินหร่านดึงผ้าพันคอลง ขนตาหลุบลง พูดด้วยเสียงเนือยๆ “ฉันมีอยู่โครงการนึง คุณพอจะว่างเข้าร่วมไหม?”
เธอคิดได้สักพักก็อธิบาย “คนไม่พอน่ะ เดือนหน้าก็จะเริ่มแล้ว พวกเราก็เลยยุ่งกันหน่อย”
เดิมทีรุ่นพี่เยี่ยยังลังเลอยู่บ้าง เขาไม่อยากเอาเปรียบอีก แต่พอฉินหร่านบอกว่าคนไม่พอ เขาจึงพยักหน้าทันที “ตกลง”
ฉินหร่านยื่นใบรายการที่พิมพ์ไว้ให้เขา “ฉันยังมีธุระอื่นอีก คุณช่วยลานักวิจัยเลี่ยวให้ฉันหน่อย”
วันนี้เธอต้องไปสำนักงานใหญ่ตระกูลฉิน
[1] ระบบรางวัลในประเทศจีน รางวัลแต่ละระดับจะมีผู้ชนะกี่ทีมก็ได้