เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ - ตอนที่ 452 ในห้องประชุม เงียบกันทั้งแถบ!
“ผู้อำนวยการฉิน คุณชายยกระดับการประเมินแล้ว คุณคิดว่าคุณหนูจะทำได้ไหม?” ภายในห้องวิศวกรรม เจ้าหน้าที่ระดับสูงกระซิบกระซาบกันอยู่
ผู้อำนวยการฉินหรี่ตามองฉินหร่าน ปีนี้เขายังอายุไม่ถึงสามสิบ อยู่แผนกไอที ปกติเขาก็มักจะเล่นเวยป๋อและเล่นเกม
เรื่องฉินหร่านโด่งดังเป็นที่ฮือฮาอย่างมาก แน่นอนว่าเขาย่อมรู้ดี พอได้ยินดังนั้นก็ชะงัก “คุณหนูใหญ่เธอน่าจะทำออกมาได้เกินคาด…”
“จริงเหรอครับ?” ชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ เห็นผู้อำนวยการฉินพูดมาแบบนี้ก็นิ่งไป
ฉินหร่านนั่งเรียบร้อยแล้ว เธอกวาดตาอ่านเนื้อหาบนคอมพิวเตอร์ตั้งแต่บนลงล่าง
ส่วนใหญ่แล้วเนื้อหาการประเมินผู้สืบทอดจะเกี่ยวกับด้านซอฟต์แวร์
ในอดีต ตระกูลฉินก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของสี่ตระกูลใหญ่มาก่อน
ฉินหร่านเคยได้ยินเฉิงเจวี้ยนบอกว่าการจะเป็นผู้สืบทอดสี่ตระกูลใหญ่นั้น นอกจากต้องมีความสามารถเฉพาะทางตามข้อกำหนดแล้วยังต้องมีอีกสิ่ง นั่นก็คือการประกอบกิจการและการบริหารบริษัท
ซึ่งน้อยมากที่ฉินหร่านจะสัมผัสด้านนี้
เธอแค่รับผิดชอบเฉพาะเรื่องพัฒนาเทคโนโลยีในอวิ๋นกวงกรุ๊ป ไม่เคยมีส่วนร่วมในการดำเนินกิจการบริษัทมาก่อน คนอื่นๆ รวมถึงลู่จือสิงจึงไม่ได้เอาเรื่องพวกนี้มารบกวนเธอ
ดังนั้นในสัปดาห์นี้ เฉิงเจวี้ยนจึงถ่ายทอดความรู้การวางแผนกลยุทธ์ในการประกอบกิจการบริษัทให้เธอไปไม่น้อย
ฉินหร่านสอนง่ายกว่าฉินฮั่นชิวเยอะ พูดเพียงครั้งเดียวไม่จำเป็นต้องพูดซ้ำซาก
แต่อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะฉลาดแค่ไหน ก็ยังไม่มากพอที่จะเข้าใจกิจการบริษัทภายในระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ได้ กลยุทธ์ที่เฉิงเจวี้ยนสอนเธอค่อนข้างเป็นการข่มคน เขาเดาว่าคุณชายสี่ตระกูลฉินจะเอาเรื่องบริษัทตระกูลฉินมาทดสอบเธอ ดังนั้นจึงรวบรวมความเคลื่อนไหวของบริษัทตระกูลฉินที่เกิดขึ้นในช่วงนี้มาอธิบายให้เธอฟัง
เนื้อหาในเครื่องแรกนี้คือระบบการจัดการและการวางแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจ ตลอดไปจนถึงชุดการวิเคราะห์ว่าควรลงทุนหรือไม่
ฉินหร่านอ่านปราดเดียวก็พบว่าไม่ต่างจากเนื้อหาที่เฉิงเจวี้ยนวิเคราะห์ไว้
ไม่ว่าอย่างไรก็ตามนี่ก็ยังเป็นจุดอ่อนของเธอ ฉินหร่านใช้เวลาเรียนรู้เพียงหนึ่งสัปดาห์เท่านั้น ตอนที่ทำการวางแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจและระบบการจัดการเหล่านี้ จึงไม่ได้คล่องแคล่วว่องไวเท่าการทำฟิสิกส์
โดยเฉพาะคุณชายสี่ตระกูลฉินที่ไม่คิดจะปล่อยเธอไป อย่างน้อยๆ การวางแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจก็ต้องมีความขัดแย้งกันอยู่บ้าง
แต่เนื่องจากฉินหร่านมีความจำเป็นเลิศ เธอนั่งนิ่งและลองนึกดูว่าเฉิงเจวี้ยนเคยอธิบายอะไรกับเธอไปบ้าง การวิเคราะห์ของเฉิงเจวี้ยนยอดเยี่ยมมาก
ถ้าหากเขาอยู่ตรงนี้ เขาก็จะพบว่าฉินหร่านเขียนตัวอย่างที่เขาเคยอธิบายเอาไว้ออกมาทั้งหมดโดยไม่ตกหล่นเลยแม้แต่ตัวเดียว
อย่างไรก็ตามก็ยังมีส่วนที่เขาไม่ได้พูดถึง ฉินหร่านทำชุดการวางแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจไปเรื่อยๆ โดยใช้เวลาไปหนึ่งชั่วโมงครึ่ง
ระยะเวลาการประเมินผู้สืบทอดให้เวลาเพียงสองชั่วโมงครึ่งเท่านั้น
หากเป็นสถานการณ์ปกติ คอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงจึงจะเสร็จสมบูรณ์
คอมพิวเตอร์เครื่องแรกเป็นคำตอบในเชิงวางแผนทั้งหมด ครอบคลุมเพียง10% ระดับความยากต่ำสุด ส่วนคอมพิวเตอร์อีกหกเครื่องถัดไปคือปัญหาเกี่ยวกับระบบวิศวกรรมซอฟต์แวร์ ซึ่งระดับความยากของคอมพิวเตอร์เครื่องแรกยังเทียบไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
แค่คอมพิวเตอร์เครื่องแรก ฉินหร่านก็ใช้เวลาไปแล้วหนึ่งชั่วโมงครึ่ง…
สถานที่ทดสอบ ผู้อำนวยการฉินที่คอยสังเกตฉินหร่านอยู่ตลอดก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว
ในฐานะที่เป็นผู้เล่นเกมท่องยุทธภพ เขาค่อนข้างคาดหวังในตัวฉินหร่าน
ทว่าตอนนี้…ดูเหมือนผู้อำนวยการฉินจะผิดหวังเล็กน้อย
ชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ อดหันมาไม่ได้ เขามองผู้อำนวยการฉินแล้วส่ายหน้าเบาๆ “ผู้อำนวยการฉิน ผมว่าคุณหนูใหญ่ก็ไม่เท่าไรนะ…”
หนึ่งชั่วโมงครึ่งกว่าจะวางแผนกลยุทธ์เสร็จ ซึ่งธรรมดาเกินไปในหมู่คนหนุ่มสาวของตระกูลฉิน
ผู้อำนวยการฉินลุกขึ้น “ผมขอตัวออกไปก่อน ถึงเวลาแล้วเรียกผมด้วย”
เขาไม่อยากดูต่อแล้ว
**
บรรดาครูในห้องวิศวกรรมต่างก็พูดคุยกัน
คุณชายสี่ตระกูลฉินกับเหล่าผู้ถือหุ้นที่คอยดูกล้องวงจรปิดในห้องประชุมมาโดยตลอดก็เริ่มมีปฏิกิริยา
กล้องวงจรปิดทางด้านนี้มองไม่เห็นเนื้อหาในคอมพิวเตอร์ เห็นแค่แผนหลังฉินหร่านเท่านั้น แต่ถึงกระนั้น ทุกคนก็เห็นว่าฉินหร่านอยู่กับคอมพิวเตอร์เครื่องแรกเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่ง
เวลาเหลืออีกหนึ่งชั่วโมง แต่ยังมีคอมพิวเตอร์เหลืออีกหกเครื่องและยังเป็นปัญหาเชิงระบบโค้ด
ซึ่งยากยิ่งกว่าคอมพิวเตอร์เครื่องแรกไปมาก โดยเฉพาะเครื่องสุดท้ายที่เป็นการอุดช่องโหว่ไฟร์วอลล์ของบริษัท แม้จะเป็นเจ้าหน้าที่ทางเทคนิคของบริษัทก็ยังต้องใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วโมงถึงจะอุดช่องโหว่ทั้งหมดได้
การที่คุณชายสี่ตระกูลฉินกล้าให้พวกเขาเข้าร่วมการประเมินผู้สืบทอด นั่นก็เพราะว่าการคัดเลือกนี้ผิดแผกเกินไป คนธรรมดาไม่มีทางทำสำเร็จอยู่แล้ว
ความคลางแคลงใจสุดท้ายของคุณชายสี่ตระกูลฉินหายไปหมดแล้ว
เขาเอนหลังพิงเก้าอี้และมองไปทางฉินซิวเฉิน ยกถ้วยชาขึ้นแล้วยิ้ม
หลังจากผ่านไปได้สักพัก คุณชายสี่ตระกูลฉินก็ละสายตามองมาที่ผู้อำนวยการฉินบนหน้าจอที่กำลังเดินออกมา เขาหลุดหัวเราะ “นั่นไม่ใช่ผู้อำนวยการฉินที่อยู่แผนกไอทีหรอกเหรอ? เขากังวลไปทำไม หรือว่าหลานสาวจะแก้โปรแกรมเครื่องที่สองได้แล้ว”
บนโต๊ะประชุม กลุ่มผู้ถือหุ้นนั่งกร่อยมาแล้วหนึ่งชั่วโมงครึ่ง
มีบางคนในนั้นที่กำลังเฝ้าดูอยู่และนึกอยากจะยืนแทรกกลางระหว่างคุณชายสี่ตระกูลฉินกับฉินซิวเฉิน แต่ก็ต้องเก็บความคิดนี้ไว้
ไม่ว่าคุณชายสี่ตระกูลฉินและคนอื่นๆ จะพูดอะไร ฉินซิวเฉินกับพ่อบ้านฉินก็ยังนิ่ง
พ่อบ้านฉินรู้ว่าฉินหร่านวางแผนกลยุทธ์ไม่เป็น เขาลดเสียงพูดกับฉินซิวเฉิน “คุณชายหก คุณหนูเธอน่าจะแก้ซอฟต์แวร์ระบบเสร็จถึงเครื่องสาม…”
เหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมง แต่ฉินหร่านไม่ใช่เสี่ยวไป๋
สี่ปีก่อนสามารถเขียนโปรแกรมได้ด้วยตัวเอง พ่อบ้านฉินจึงคิดว่าเธอน่าจะแก้ไขช่องโหว่ได้สักสามเครื่อง
ส่วนปัญหาด้านจำนวนและประสิทธิภาพ..นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ภายในห้องประชุม คนส่วนใหญ่ต่างก็กำลังพูดคุยกันอยู่
การที่ผู้อำนวยการฉินออกจากห้องและการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่นในห้องวิศวกรรมก่อให้เกิดความเคลื่อนไหวไม่น้อย
แต่กลับไม่ได้ส่งผลกระทบต่อฉินหร่าน
ในที่สุดเธอก็วางแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจเสร็จแล้ว เธอคลิกส่งเสร็จก็ไปคอมพิวเตอร์เครื่องที่สองต่อ
หลังจากคลิกส่งแล้ว เนื้อหาในคอมพิวเตอร์ก็จะส่งต่อมาที่คอมพิวเตอร์ของเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนที่หนึ่งโดยตรง แต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงยังไม่ได้ดูตอนนี้ เพียงแค่ก้มมองโทรศัพท์และรออีกหนึ่งชั่วโมงถึงจะออกไป
ผู้ถือหุ้นที่อยู่ในห้องประชุมก็กำลังพูดคุยกันอยู่
คุณชายสี่ตระกูลฉินกำลังคุยกับเหล่าผู้ถือหุ้นเกี่ยวกับปัญหาการวิเคราะห์การดำเนินกิจการ
ห้านาทีต่อมา
ขณะที่ทุกคนกำลังคุยกันอยู่นั้น หนึ่งในผู้ถือหุ้นกลับดูกล้องวงจรปิดด้วยความงุนงง
“มีอะไร?” คุณชายสี่ตระกูลฉินพูดในขณะที่หันกลับไปดูกล้องวงจรปิด
ฉินหร่านลุกจากคอมพิวเตอร์เครื่องที่สองเดินไปถึงเครื่องที่สาม
คุณชายสี่ตระกูลฉินหัวเราะ “ดูเหมือนว่าหลานสาวจะทำเสร็จแล้ว…”
สิบนาทีต่อมา ฉินหร่านเดินมาที่คอมพิวเตอร์เครื่องที่สี่
คุณชายสี่ตระกูลฉินหุบยิ้ม
ยี่สิบนาทีต่อมา ฉินหร่านเดินมาที่คอมพิวเตอร์เครื่องที่ห้า
ห้องประชุมเงียบกริบ
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง ฉินหร่านก็เดินมาที่คอมพิวเตอร์เครื่องที่หก
สี่สิบนาทีต่อมา ฉินหร่านเดินมาที่คอมพิวเตอร์เครื่องที่เจ็ด
ห้าสิบนาทีต่อมา เธอเดินออกมาแล้ว
ผู้ถือหุ้นในห้องประชุมไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ