เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ - ตอนที่ 461 ยังไม่ได้สูงถึงขั้นสมาพันธ์แฮกเกอร์
ที่ด้านบน ห้องของฉินหร่าน
เมื่อคืนเธอจัดการเรื่องของ ICNE ดูเหมือนว่าไม่ได้นอนทั้งคืน และไม่ได้พักผ่อนบนเครื่องบินด้วย
หลังจากมาถึงรัฐ M แล้วค่อยผ่อนคลายลง
เธอนอนหลับได้อย่างสบาย
เสียงเคาะประตูด้านนอกเบาๆ แต่เธอก็ได้ยิน จึงลุกขึ้นไปเปิดประตูห้อง
เฉิงเจวี้ยนยังคงเคาะประตูต่อ ยืนหันข้างพิงขอบประตู
“ทำไมคุณกลับมาตอนนี้ล่ะ” ฉินหร่านก้มหน้าดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ ตามที่เฉิงสุ่ยบอก เธอคิดว่าเขาน่าจะต้องใช้เวลานานกว่านี้
เฉิงเจวี้ยนเหลือบมองเธอ ไม่พูดจา เพียงลากมือดันเข้าไปด้านใน
ด้านบนไม่มีคน
เดาว่าเฉิงเวินหรูกับเฉิงสุ่ยและคนอื่นๆ จะไม่กล้าขึ้นมาในเวลานี้
**
ด้านล่าง
หัวหน้าตู้และคนอื่นๆ ยังใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว “คุณเฉิงสุ่ย นายท่านเขา…”
เฉิงสุ่ยเพียงเหลือบมองหัวหน้าหน่วยตู้ สายตาเต็มไปด้วยความนัย “พี่สะใภ้มาแล้ว”
หัวหน้าตู้ได้สติทันที ดวงตาเขาเป็นประกาย “คุณหนูฉินมาแล้วใช่ไหม”
เฉิงสุ่ยพยักหน้า
“ดีเลย” หัวหน้าตู้ตบโต๊ะ ในที่สุดสีหน้าก็มีความปีติขึ้นมามาก “คุณหนูฉินจะโน้มน้าวนายท่านได้รึเปล่า”
ได้ยินประโยคนี้ของหัวหน้าตู้ เฉิงสุ่ยนึกถึงท่าทีของฉินหร่านเมื่อตอนค่ำไม่กี่วันก่อน เขาลังเลไปพักหนึ่งแล้วจึงพูด “น่าจะ…ได้มั้ง”
เฉิงหั่วตรงไปตรงมา “พี่สะใภ้มาแล้วเหรอ ฉันไปหาเธอได้ไหม อยากถามเธอหน่อย…”
“ได้สิ” เฉิงสุ่ยประคองแก้วน้ำ มองเฉิงหั่วใบหน้าเรียบเฉย “ถ้าไม่กลัวตายก็ลองขึ้นไปดู”
เฉิงหั่ว “…”
เขาหันไปมองเฉิงสุ่ย ถามด้วยสายตา เฉิงมู่กลายเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร
เฉิงสุ่ยไม่ตอบ แค่พูดคุยกับหัวหน้าตู้ว่าวันนี้ออกไปตรวจสอบอะไรมาแล้วบ้าง
เฉิงเวินหรูไม่ได้พูดอะไร เพียงนั่งฟังอยู่ด้านข้าง
ไม่นาน มีเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านบน
มือทั้งสองข้างของเฉิงเจวี้ยนล้วงอยู่ในกระเป๋า เดินตามหลังฉินหร่านมาอย่างเกียจคร้าน
เขากวาดสายตามองโต๊ะประชุม น้ำเสียงไม่รีบร้อน “ใครพามา”
ที่ชั้นหนึ่งไม่มีใครกล้าพูดอะไร แม้แต่เฉิงเวินหรูก็หยิบแก้วน้ำแล้วก้มหน้าลง
เฉิงสุ่ยได้สติกลับมา
เฉิงเจวี้ยนถามว่าใครให้ฉินหร่านมา เขาก้มหน้า ยืนขึ้น “นายท่าน ฉันเอง”
เฉิงเจวี้ยนเหลือบมองเขาเล็กน้อย ดวงตาของเขามืดมนหนักแน่น มองท่าทีไม่ออก
“ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา ฉันมาเพราะมีธุระ” ฉินหร่านลากเก้าอี้ลงนั่ง พูดสบายๆ “ฉันอยากมาสถาบันวิจัยฟิสิกส์ของรัฐ M เฉิงสุ่ย คุณนั่งลงเถอะ”
เฉิงเจวี้ยนหยิบบุหรี่ออกมาจากกระเป๋า แล้วเล่นมันไปมา ยืนเงียบอยู่ที่เดิม
มีแค่เฉิงมู่ ที่ยังคงรินชาในอุณหภูมิพอดีให้ฉินหร่าน น้ำเสียงไม่ต่างไปจากก่อนหน้านี้ “คุณหนูฉิน น้ำชาครับ”
ในห้องโถง เฉิงเวินหรู เฉิงหั่วและหัวหน้าหน่วยตู้ต่างมองเฉิงมู่อย่างตกใจ
ฉินหร่านดื่มหนึ่งอึก จึงค่อยหันหน้ามองเฉิงเจวี้ยน
เฉิงเจวี้ยนโยนบุหรี่ทิ้งอย่างไม่รู้สึกรู้สาในทันที
เฉิงสุ่ยเห็นดังนั้น จึงรีบนั่งลง
บรรยากาศในห้องโถงผ่อนคลายลง
เฉิงมู่พบว่าเฉิงเวินหรูและคนอื่นๆ ต่างมองที่เขา เขาชะงัก “พวกคุณมองฉันผมมีอะไรรึเปล่า”
เฉิงเวินหรู หัวหน้าหน่วยตู้ เฉิงหั่ว “…”
โหดเหี้ยมยิ่งนัก
เฉิงเจวี้ยนคลำจมูก เขาเดินเข้ามา “คุณศึกษาอะไรอยู่ ต้องมาศึกษาที่รัฐ M เลยเหรอ”
เขาขมวดคิ้ว ครุ่นคิดเล็กน้อย ตอนอยู่เมืองหลวงแต่ละวันยังมีเวลานอนแค่สี่ชั่วโมง
“โปรเจกต์เพิ่มรุ่นพี่เยี่ยเข้ามา ช่วยธุระฉันไปครึ่งหนึ่ง” ฉินหร่านวางถ้วยชาลง
เฉิงเจวี้ยนจำได้ดี เขานึกถึงรุ่นพี่เยี่ยคนนั้น ธรรมดาทั่วไป ไม่ได้โดดเด่นอะไร เขาจึงวางมือที่โต๊ะ มองเฉิงสุ่ย “ข้าวเย็นเตรียมเสร็จรึยัง”
เฉิงสุ่ยได้สติกลับมา “ใกล้เตรียมเสร็จแล้ว”
เขายืนขึ้น ให้ห้องครัวจัดเตรียมเสร็จสรรพ
บรรยากาศผ่อนคลายลง พวกเฉิงหั่วจึงค่อยพูดประเด็นเมื่อกี้ต่อ “เรื่องของแมทธิวเป็นยังไงบ้าง ทีมย่อยของหัวหน้าผู้ดำเนินคดีถูกแมทธิวจับได้แล้ว ว่ากันว่า เบื้องหลังของเขามีแฮกเกอร์คนหนึ่ง ฉันไม่กล้าไปยุ่ง…”
เฉิงมู่นำชามและตะเกียบออกมาจากห้องครัว ได้ยินประโยคนี้ เขาเงยหน้ามองเฉิงหั่ว “คุณบอกว่าเขาเก่งกาจงั้นเหรอ ไม่กล้ายุ่งแบบนี้ ถ้างั้นต้องให้คุณหนูฉินช่วยแล้วสิ”
เฉิงหั่ว “…คุณจะไปเข้าใจอะไร คุณลองถามสมาพันธ์แฮกเกอร์ดู คนเบื้องหลังแมทธิวสามารถจับตัวคนได้หมด แม้แต่อาชญากรรมรายย่อยของสมาพันธ์แฮกเกอร์ ฉันยังไม่ได้อยู่สูงถึงขนาดระดับสมาพันธ์แฮกเกอร์แบบนั้น!”
**
ในขณะเดียวกัน
ในประเทศเพิ่งบ่ายโมง
สนามบินเมืองหลวง
คนสามคนลงจากเครื่องบิน ที่ลานจอดรถสนามบิน รถสีดำคันหนึ่งจอดลง
คุณนายลู่กับคุณลู่ยืนอยู่ข้างรถสีดำ มองคนที่กำลังมาอย่างเคารพ โค้งตัวเล็กน้อย “คุณอา”
คนชราร่างผอมพยักหน้าเล็กน้อย เขาถอดแว่นออกจากสันจมูก มองคุณนายลู่ ทักทายแล้วจึงถาม “คุณได้ติดต่อหลานของน้องสาวฉันไหม พวกเขาว่ายังไงบ้าง มาพบฉันได้ไหม”
ตอนที่เขาพูด น้ำเสียงประหม่าเล็กน้อย
“พวกเรากำลังติดต่อคุณฉินอยู่” คุณนายลู่นิ่งไป คนที่เธอพูดหมายถึงฉินฮั่นชิว “รายงานการประเมินออกมาแล้ว คุณฉินเป็นลูกแท้ๆ ของน้องสาวของคุณ”
“ฉันรู้อยู่แล้ว” คนชราร่างผอมพยักหน้า “ฉันเคยเห็นรูปที่คุณส่งมา ตาของเขากับตาของน้องสาวฉันเหมือนกันเลย”
“ฉันกำลังส่งคนไปติดต่อพวกเขา ยังไม่ตอบกลับมา” คุณนายลู่พาพวกเขาไปที่บ้านพัก
คนชราเพิ่งลงรถ แล้วรับโทรศัพท์
คนของเขาที่ส่งไปตรวจสอบครอบครัวของน้องสาว
“ท่านประธาน แปลกมาก…” เมื่อรับสาย เสียงลังเลของอีกฝ่ายดังขึ้น “คนที่คุณส่งมา ข้อมูลของคนหนึ่งในนั้นน่าแปลกมาก…”