เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ - ตอนที่ 470 บทสรุป เจตนาที่บุคคลสำคัญของสถาบันวิจัยรับศิษย์
โทรศัพท์ของฉินหร่านแนบอยู่ข้างหู เธอหาวอย่างเกียจคร้าน
สองวันนี้เร่งรีบและยุ่งไปกับโปรเจกต์
ฉินหร่านสติไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว ฟังฉินฮั่นชิวพูดจบ เธอนิ่งไปหลายวินาที ค่อยได้สติกลับมา ที่ฉินฮั่นชิวพูดคือคุณลุงคนนั้นที่หาเขาเจอ
“ไปไม่ได้” มืออีกข้างของฉินหร่านล้วงกระเป๋าเสื้อขนเป็ดตัวใหญ่ น้ำเสียงครุมเครือ “พวกคุณไปพบเถอะ”
เธอไม่ได้สนใจคุณลุงคนนั้น ตอนนี้เอาแต่คิดเรื่องโปรเจกต์วิจัยเท่านั้น
“อ่อ” ฉินฮั่นชิวที่อยู่โทรศัพท์อีกฝั่งไม่ได้ผิดหวังอะไร เขามองพ่อบ้านตระกูลฉินที่อยู่ด้านข้างสักพักอย่างบ่ายเบี่ยง จึงค่อยตัดใจ “หร่านหร่าน เธอกลับมาตอนปีใหม่ไหม ไม่แน่ว่าลุงของเธอเขาจะได้กลับมาตอนปีใหม่…”
“ปีใหม่เหรอ” ฉินหร่านเลิกคิ้ว “ฉันดูสถานการณ์ก่อน”
ทั้งสองคนวางสายโทรศัพท์
เฉิงเจวี้ยนมองเธอ เปลี่ยนข้างมือถือกระเป๋าเดินทาง เอื้อมมือโอบไหล่เธออย่างเกียจคร้าน ก้มหน้าถาม “ลุงงั้นเหรอ”
“อือ ให้ฉันไปที่นั่นตอนปีใหม่” ฉินหร่านตอบกลับประโยคหนึ่งอย่างไม่ใส่ใจ
ไม่ได้คิดถึงเรื่องปีใหม่เลย คิดเพียงแค่ตอนปีใหม่ข้อมูลการทดลองจะไปได้ถึงไหนเท่านั้น
“เธอไม่ค่อยได้ใช้เวลาช่วงปีใหม่กับคุณลุงใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นไปเถอะ” เฉิงเจวี้ยนยิ้ม พูดอย่างมีเหตุผลมาก “ฉันจะไปกับเธอ”
ได้ยินเช่นนี้ ฉินหร่านจึงเงยหน้ามองเฉิงเจวี้ยน “คุณไม่กลับไปเหรอ”
เธอพูดถึงตระกูลเฉิง
“เธออยากกลับไปเหรอ” เฉิงเจวี้ยนครุ่นคิดอย่างหนัก ขมวดคิ้ว “ถ้าอย่างนั้นฉันก็พาเธอกลับได้”
ฉินหร่านเหลือบมองเขาอย่างว่างเปล่าแล้วกำชับ “พี่ชาย นั่นบ้านของคุณนะ”
**
ฝั่งนี้ ฉินฮั่นชิวที่ได้รับคำตอบของฉินหร่านไม่ได้แปลกใจเลย
เขาถือโทรศัพท์ บอกเรื่องนี้กับถังจวินอย่างรวดเร็ว
เมื่อเปรียบกับฉินฮั่นชิวแล้ว ฝั่งถังจวินค่อนข้างผิดหวัง
“ไม่เป็นไร” ฉินฮั่นชิวมากด้วยประสบการณ์ เขาปลอบใจถังจวิน “คุณลุง เธอมาพบคุณได้เสมอ”
ฉินฮั่นชิวเข้าใจนิสัยของฉินหร่าน เธอดูค่อนข้างเย็นชา
เธอรับรู้เมื่อมีคนปรารถนาดีต่อเธออยู่เสมอ ถังจวินใส่ใจพวกเขามากน้อยเพียงใด ฉินฮั่นชิวเองก็รับรู้ได้ จึงมีโอกาสได้พบเจอ
ถังจวินพยักหน้า เขารู้ถึงกระบวนการเจริญเติบโตของฉินหร่านและฉินหลิงได้จากคำพูดของฉินฮั่นชิว จึงฮึดสู้ “ไม่เป็นไร ได้พบหลานชายตัวน้อยฉันก็พอใจแล้ว คุณว่า…ช่วงเวลาปีใหม่จะพาพวกหลานชายตัวน้อยมาเที่ยวที่บ้านคุณลุงได้ไหม”
ฉินฮั่นชิวครุ่นคิด ฉินหลิงฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
ถึงตอนที่ได้ออกโรงพยาบาลแล้วน่าจะไม่มีปัญหา
ฉินซิวเฉินไม่สามารถกลับบ้านในช่วงปีใหม่ได้ เดิมทีฉินหลิงอยากไปเยี่ยมชมงานของฉินซิวเฉิน
ถึงเวลานั้น มาเยี่ยมถังจวินสักหน่อยไม่น่ามีปัญหา
ปีใหม่ปีนี้มาถึงช้า วันที่ 10 กุมภาพันธ์ถึงจะเป็นเทศกาลตรุษจีน หลังจากวันปีใหม่แล้วไปเยี่ยมชมฉินซิวเฉินที่รัฐ M
ถือโอกาสไปเยี่ยมคุณลุงด้วย
“รับทราบ” ฉินฮั่นชิวพยักหน้า
หลังจากวางโทรศัพท์ ฉินฮั่นชิวจึงมองอาเหวินที่อยู่ด้านข้าง “คุณอย่าเพิ่งบอกน้องชายคนที่หกของฉัน ฉันกับเสี่ยวหลิงจะเซอร์ไพรส์เขาสักหน่อย”
“ตั๋วเครื่องบินช่วงปีใหม่หาซื้อยาก” อาเหวินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาลองหา จากนั้นจึงเงยหน้ามองฉินฮั่นชิวอย่างจริงจัง “นายน้อยสอง มีเรื่องหนึ่งที่ต้องบอกคุณ รัฐ M ไม่เหมือนที่เมืองหลวง วุ่นวายมาก ต้องบอกนายน้อยที่หกหลังจากที่คุณไป ให้เขาและทีมงานมารับคุณ…”
“จริงจังขนาดนี้เลย? งั้นฉันดูอีกทีแล้วกัน” ฉินฮั่นชิวค่อนข้างคล้อยตาม แล้วยังนึกเรื่องฉินหร่านได้ “หร่านหร่านบอกว่าเธออาจจะไม่กลับมาช่วงปีใหม่…”
อยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้ พวกอาเหวิน พ่อบ้านตระกูลฉินต่างแทบจะรู้จักนิสัยของฉินหร่าน
อาเหวินไม่รู้จะมองฉินฮั่นชิวอย่างไรดี ค่อนข้างพูดได้ยาก “นายน้อยสอง คุณก็ให้คุณชายน้อยไม่พูดเรื่องพี่สาวเขาไม่ได้เหรอ”
อาการบาดเจ็บของคุณชายน้อยเพิ่งดีขึ้น เวลานี้มางอนพี่สาว เหมาะสมงั้นเหรอ
คุณหนูใหญ่ปฏิเสธได้งั้นเหรอ
อันที่จริงพวกเขาต่างก็รู้ ฉินฮั่นชิวไม่จำเป็นต่อฉินหร่าน
“อา” ฉินฮั่นชิวได้สติกลับมา “ฉันลืมไป”
“ไปเถอะ” อาเหวินว่าตามตรง เขาก้มหน้ามองโทรศัพท์ที่ข้อมือ “ต้องประชุมแล้ว”
ฉินหร่านผ่านการคัดเลือกทายาทแล้ว ทำการโอนหุ้นให้ฉินซิวเฉินแล้ว ต่อมาฉินซิวเฉินจึงโอนทั้งหมดไปยังฉินหลิง เพื่อดูแลผู้ปกครองอย่างฉินฮั่นชิว
18% เป็นทุนรายใหญ่ เป็นผู้ถือหุ้นรายที่สองนอกจากนายท่านคนที่สี่ของตระกูลฉิน
โดยทั่วไปต้องเข้าร่วมการประชุมผู้ถือหุ้น ครึ่งเดือนมานี้ ฉินฮั่นชิวเกือบจะเข้าใจสำนักงานหลักของตระกูลฉินแล้ว นายท่านคนที่สี่ของตระกูลฉินอยากที่จะสร้างปัญหาให้เขาก็ทำไม่ได้
ฉินหร่านเป็นเพียงเจ้านาย นายท่านคนที่สี่ของตระกูลฉินเกือบจะเข้าใจแล้ว
ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยประมาณการเรื่องของฉินหร่าน ตอนนี้เข้าใจขึ้นมาแล้วบ้าง เขาจึงเริ่มหามาตรการรับมือ
18% สำหรับเขาไม่น้อยไปกว่าการเลาะเนื้อออกจากกระดูก
นายท่านคนที่สี่ของตระกูลฉินมองฉินฮั่นชิวด้วยสายตายากที่จะเข้าใจ หยิบโทรศัพท์ออกมา
**
เพราะความต่างเวลาของรัฐ M และเมืองหลวง ฉินหร่านและคนอื่นๆ กลับมาที่เมืองหลวงเพิ่งเป็นเวลาสิบโมงเช้า
ฉินหร่านไม่ได้กลับไปที่พัก รีบปรี่ตัวไปยังห้องปฏิบัติการมหาวิทยาลัยเมืองหลวง
สองวันนี้ฉินหร่านและรุ่นพี่เยี่ยต่างสื่อสารกันออนไลน์ ทั้งยังรวบรวมปัญหาไว้มากมาย
ที่ห้องปฏิบัติการ
รุ่นพี่เยี่ยอยู่ด้านในสุด ก้มหน้าตรวจสอบผลลัพธ์
จั่วชิวหรงยืนอยู่ข้างเขา
ในห้องปฏิบัติการมีบุคคลหลักของห้องวิจัยอยู่หลายคน ทั้งสองคนจึงไม่กล้าพูดเรื่อยเปื่อย
“ฉินหร่านที่ห้องปฏิบัติการของพวกคุณยังไม่มาเหรอ” นักวิชาการลู่ถามนักวิชาการเลี่ยว ผู้อำนวยการฟังยืนอยู่ข้างทั้งสองคน
นักวิชาการเลี่ยวมองโทรศัพท์ ขมวดคิ้วไม่ตอบอะไร เพียงมองรุ่นพี่เยี่ย
รุ่นพี่เยี่ยพูดขึ้นทันที “รุ่นน้องยังติดต่อปัญหางานทดลองกับฉันอยู่เสมอ”
ทำการวิจัย ต้องทนกับความน่าเบื่อหน่ายของกระบวนการได้ เหมือนคนอย่างนักวิชาการเลี่ยว ทั้งวันอยู่ที่ห้องปฏิบัติการแทบจะยี่สิบสี่ชั่วโมง
ดูเหมือนนักวิชาการลู่และคนอื่นๆ มีความตั้งใจที่จะรับศิษย์ ครั้งนี้ฉินหร่านพูดว่าจะไปเที่ยวเอง…
ไปเกือบหนึ่งสัปดาห์แน่ะ
คาดว่ามีคุณภาพต่ำมากในสายตาของพวกเขา รุ่นพี่เยี่ยจึงพยายามกอบกู้คืนมา
พวกนักวิชาการลู่พยักหน้าเล็กน้อย แล้วไม่ได้พูดอะไรต่ออีก
ทุกคนออกไปแล้ว นักวิชาการเลี่ยวออกไปส่งพวกเขามา
ผ่านไปไม่กี่นาที ฉินหร่านเปลี่ยนเสื้อกาวน์เข้ามา
เธอเดินมาด้านในสุดด้วยท่าทางค่อนข้างเย็นชา
“รุ่นน้อง เธอกลับมาแล้วเหรอ พวกผู้อำนวยการฟังเพิ่งออกไป!” รุ่นพี่เยี่ยรีบมองที่ทางเดินทันที มองไม่เห็นเงาของพวกเขาเสียแล้ว
“น่าเสียดายจริงๆ ที่เธอไปเที่ยวต่างประเทศ” จั่วชิวหรงเงยหน้า เธอมองฉินหร่าน เม้มปาก “ฉันคิดว่าผู้อำนวยการฟังตั้งใจจะให้เธอไปเป็นศิษย์ ไม่คิดว่าเธอจะไปต่างประเทศ น่าเสียดายจริงๆ”
รุ่นพี่เยี่ยเดินเข้ามา ในมือถืออุปกรณ์เหลือบมองเธอ “รุ่นน้องมีอาจารย์แล้ว”
จั่วชิวหรงยิ้มอย่างเป็นมิตร “รุ่นน้อง เธอมีอาจารย์แล้ว ใครเหรอ นักวิชาการเลี่ยวเหรอ?”