เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ - ตอนที่ 476 พบกัน
“มิน่าล่ะถึงไม่เคยได้ยินชื่อทีมนี้มาก่อน ที่แท้ก็เป็นเพราะจัดสมาชิกทีมไม่เข้าท่านี่เอง วันนี้มีเวลาแค่แปดชั่วโมง…” รอนเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า “เราไปดูทีมที่มีศักยภาพที่จะเข้ารอบสิบอันดับแรกกันก่อนดีกว่า”
การวิจัยทางฟิสิกส์มีความเข้มงวดมาก ทีมทั้งหนึ่งร้อยทีมต้องผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการและกลุ่มผู้ตัดสินทุกคน กระบวนการนี้จำเป็นต้องใช้เวลาหลายวัน วันนี้เป็นวันแรกที่มีการจัดนิทรรศการ สมาชิกทีมทั้งห้าคนล้วนอยู่ในสถานที่แข่งขัน คณะกรรมการส่วนใหญ่จะเลือกไปดูทีมที่สำคัญก่อน
ทีมที่คณะกรรมการจับตามองตั้งแต่แรกเริ่มเหล่านี้ก็คือทีมเมล็ดพันธุ์ชั้นดี
การแข่งขันฟิสิกส์ ICNE ในแต่ละครั้งมักจะมีทวยเทพในวงการมาร่วมงานไม่น้อย
นอกจากรอนกับมิโรแล้ว สถานที่แข่งขันยังมีคนอื่นๆ มาร่วมงานด้วย และนอกจากจะมาดูสัญชาติของผู้ที่ได้รับการคัดเลือกแล้ว พวกเขายังได้เจอกับทีมวัยรุ่นที่น่าทึ่งทีมนี้อีกด้วย
กลุ่มของฉินหร่านเป็นโควตาที่เพิ่มมาทีหลัง นอกจากฉินหร่าน คนอื่นอีกสี่คนก็ไม่ได้เป็นที่รู้จัก
แทบไม่มีคนสนใจ
หัวหน้าคณะสถาบันการศึกษาของแต่ละประเทศกำลังเยี่ยมชมแผงนิทรรศการอยู่ด้านนอก
คณบดีเจียงกับด็อกเตอร์โจวคร่าเวลาโดยการไปเยี่ยมชมทีมจากประเทศอื่นๆ
ป้ายข้างแผงนิทรรศการมีการแนะนำโดยละเอียดรวมไปถึงผลการตัดสินของสมาชิกทั้งห้าคน ทุกคนล้วนมีความสามารถยอดเยี่ยม
นิทรรศการสิ้นสุดในเวลาห้าโมงเย็น
คณบดีเจียงกับด็อกเตอร์โจวรออยู่ที่ประตูทางออก
เมื่อทุกคนแยกย้ายกันไปเกือบหมดแล้ว กลุ่มของฉินหร่านห้าคนก็ถึงจะออกมา
คณบดีเจียงยังไม่ทันได้ถามสถานการณ์
ก็มีเสียงเรียกเขาดังอยู่ไม่ไกลออกไป คณบดีเจียงหันไปดูก็พบว่าเป็นคณบดีเก๋อแห่งภาควิชาฟิสิกส์มหาวิทยาลัยAนั่นเอง
“มหาวิทยาลัยเมืองหลวงของพวกคุณไม่มีโควตาไม่ใช่เหรอ? ไม่คิดว่ายังจะให้นักศึกษาปีหนึ่งสี่คนมาร่วมการแข่งขันแบบนี้” คณบดีเก๋อเจอคณบดีเจียงระหว่างการประชุมเมื่อวานนี้แล้ว แต่เขาเพิ่งมาเห็นรายชื่อวันนี้ “การแข่งขันประเภทนี้ พวกคุณก็ยัง…” ผยองขน
ทั้งสองมหาวิทยาลัยต่อสู้กันทั้งแบบเปิดเผยและแบบลับๆ กันมาอย่างยาวนาน แต่พอมาถึงการแข่งขันระดับนานาชาติ พวกเขาก็ถือว่าลงเรือลำเดียวกัน
เมื่อคณบดีเก๋อเห็นกลุ่มฉินหร่านห้าคนก็คิดอยู่ครู่หนึ่งแต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ ได้แต่ยกมุมปาก “วันนี้คณะกรรมการได้มาดูโครงการของพวกเธอหรือยัง?”
ฉู่หังส่ายหน้า น้ำเสียงของเขาค่อนข้างให้ความเคารพแต่สีหน้ายังคงเย็นชาดังเดิม “ไม่ครับ”
“ฉันรู้อยู่หรอก” คณบดีเก๋อส่ายหน้า
คณะกรรมการเหล่านี้จะดูทีมสำคัญแค่บางทีม โดยหลักแล้วทีมนิทรรศการที่เยี่ยมชมในช่วงแรกๆ จะสามารถเข้ารอบยี่สิบอันดับแรกได้
เมื่อไม่กี่เดือนก่อนคณบดีเจียงคิดเอาไว้ว่าทีมฉินหร่านจะสามารถเข้ารอบสี่สิบอันดับแรกได้ ทว่าตอนที่ได้ยินประโยคนี้ในขณะนี้ ใจเขาก็รู้สึกผิดหวังอยู่หน่อยๆ แต่มันหายไปภายในวินาทีเดียวเท่านั้น เพราะถึงอย่างไรเสียก็มีฉินหร่านเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ด้วย นอกจากนี้อาจารย์ผู้ลึกลับของเธอท่านนั้นเป็นคนเตรียมการเอง มิฉะนั้นมหาวิทยาลัยเมืองหลวงก็คงไม่มีแม้แต่โอกาสเลยด้วยซ้ำ
ฉินหร่านเจอกลุ่มของฉินฮั่นชิวที่กำลังรอเธออยู่ไม่ไกลแล้ว เธอถือเสื้อคลุมและทักทายกลุ่มของคณบดีเจียงเสร็จก็เดินไป
ท่าทางเธอค่อนข้างสุขุม ไม่ได้มีความรู้สึกกดดันเท่าทีมอื่น
“นี่เธอจะไปไหนคนเดียวน่ะ?” คณบดีเก๋อเหลือบมองคณบดีเจียงพลางขมวดคิ้ว “คุณปล่อยให้เธอวิ่งเล่นในที่แบบนี้ด้วยเหรอ?”
คณบดีเจียงคิดอยู่พักหนึ่งก็พูดว่า “ดูเหมือนจะไปหาคุณอาของเธอ คุณอาของเธอถ่ายหนังในรัฐ M …”
คณบดีเก๋อ “…”
การแข่งขันยังไม่จบ คุณอย่าทำตัวผยองเกินไป!
**
ทางด้านนี้
ฉินหร่านเดินมาหาฉินฮั่นชิว พูดอย่างเนิบนาบ “พ่อ”
“เสี่ยวเฉิงล่ะ?” ฉินฮั่นชิวมองไปทางด้านหลังเธอก็ไม่พบเฉิงเจวี้ยน
ฉินหร่านหาวพลางพูดด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจ “วันนี้มีธุระนิดหน่อย”
“แบบนี้นี่เอง” ฉินฮั่นชิวพยักหน้า จากนั้นก็หันไปแนะนำถังจวินให้เธอรู้จัก “หร่านหร่าน นี่คือพี่ชายคุณย่า วันนี้คุณปู่ใหญ่มาดูลูกโดยเฉพาะเลยนะ”
ฉินหร่านละสายตามองมาทางถังจวิน เธอพยักหน้าให้เขาอย่างสุภาพและถือโอกาสทักทาย “สวัสดีค่ะ”
ส่วนคำว่าปู่ใหญ่ เธอไม่ได้เรียกออกมา
การแสดงออกของเธอค่อนข้างเย็นชา ฉินฮั่นชิวเคยเอ่ยให้ถังจวินฟังมาก่อนหน้านี้แล้ว
ถังจวินก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร เขาเพียงลอบมองฉินหร่านเท่านั้น การที่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันของสถาบันวิจัยทางฟิสิกส์ของรัฐ M ได้นั้น ย่อมเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์ในด้านฟิสิกส์เป็นพิเศษ
เขาเคยเห็นฉินหร่านในรายการทีวีมานานแล้ว ฉินหร่านตัวจริงดูเฉลียวฉลาดกว่าในทีวี ไม่เหมือนคนที่มาจากเมืองเล็กๆ
ความเป็นจริงเกินคาดกว่าที่ถังจวินคิดไว้
“เราไปหาคุณอาของลูกกันก่อนดีกว่า” ฉินฮั่นชิวไม่ได้ไปหาฉินซิวเฉินมาก่อน สองวันมานี้เขาเที่ยวเล่นในรัฐ M และซื้อของมาไม่น้อย รอฉินหร่านว่างก็ค่อยไปหาฉินซิวเฉินด้วยกัน
“ได้” ฉินหร่านสวมเสื้อคลุมเสร็จก็พูดเรียบๆ
พวกเขาเดินออกไปที่ลานจอดรถข้างนอก
เพิ่งเดินไปได้ไม่กี่ก้าว จู่ๆ กลุ่มคนที่อยู่ข้างในประตูใหญ่ก็ปรากฏตัว “นักศึกษาฉินหร่าน รอเดี๋ยว”
นั่นก็คือรอนกับมิโร
ฉินหร่านหยุดฝีเท้า เธอเดินถอยหลังไปสองก้าวแล้วหรี่ตามองทั้งสองคน
ฉินฮั่นชิวกับพวกถังจวินจอดรถห่างออกไปไม่ไกล
ทั้งสองคนนี้เป็นเทพระดับซุปเปอร์ในวงการฟิสิกส์ พวกเขามาถามฉินหร่านเกี่ยวกับอัตราการแปลงที่มากกว่า 50% ครั้งล่าสุด
อย่างไรก็ตามยังมีนักข่าวที่อยู่บริเวณโดยรอบกำลังรอรอนอยู่ พวกเขาสามคนจึงไม่ได้คุยอะไรกันมาก
ฉินหร่านดึงคอเสื้อแล้วเดินไปหาฉินฮั่นชิว
ฉินฮั่นชิวเหลือบไปเห็นพวกรอน แน่นอนว่าเขาจำได้ว่าหนึ่งในนั้นคือคนที่ถูกกลุ่มนักข่าวล้อมรอบตรงประตูทางเข้าสนามแข่งขัน “คนเมื่อกี้เป็นใคร?”
“ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยรัฐ M ” ฉินหร่านตอบอย่างแผ่วเบา
ฉินฮั่นชิวพยักหน้าส่งสัญญาณว่าเข้าใจแล้ว
ถังจวินกับท่านหลี่ที่อยู่ข้างๆ ค่อนข้างประหลาดใจ
กองกำลังต่างๆ ในรัฐ M นอกจากตระกูลมาสสามกองกำลังนั้นที่ยืนอยู่บนยอดพีระมิดแล้ว ลำดับรองลงมาก็เป็นสถาบันวิจัยและสมาคมประจำตระกูลที่กองกำลังไม่กี่กลุ่มครอบครองอยู่
คนตระกูลถังรู้เรื่องที่ถังจวินเป็นประธานสมาคมแฮกเกอร์เพียงน้อยนิด นอกจากข้อนี้ตระกูลถังก็เป็นแค่ตระกูลลำดับที่สองในรัฐ M เท่านั้น
ท่านหลี่มองฉินหร่าน สีหน้าเขาค่อยๆ เคร่งขรึม เก็บสายตาดูแคลนลูกหลานตระกูลฉินไว้
“ผู้อำนวยการสถาบันวิจัย?” พ่อบ้านฉินชะงัก “คุณหนูใหญ่ เขามาหาคุณทำไม?”
ฉินหร่านยืนอยู่ข้างรถ
เมื่อเธอที่กำลังบีบนิ้วได้ยินที่พ่อบ้านฉินถามก็หันหน้าไป “ถามเรื่องการทดลอง”
ไม่มีใครในที่นี้เข้าใจเรื่องการทดลองฟิสิกส์ พวกเขารอท่านหลี่ไปขับรถมาอยู่ริมถนน
วันนี้นักวิจัยชั้นนำในวงการฟิสิกส์มารวมตัวกันที่สถาบันวิจัย รอบๆ จึงโล่งตาไปหมด
ไม่ไกลออกไปก็มีรถตำรวจขับมาทางนี้
เมื่อถังจวินที่กำลังคุยกับฉินฮั่นชิวเห็นรถตำรวจก็ละสายตา พูดกับฉินฮั่นชิว “นั่นเป็นรถตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ อย่ามองไปทางนั้น รอพวกเขาไปก่อน”
พ่อบ้านฉินเคยได้ยินมานานแล้วว่าไม่ควรไปยุ่งกับกองกำลังในรัฐ M และยังได้ยินมาว่าคนของตระกูลเฉิงเพิ่งมาถึงรัฐ M ได้ไม่นานก็หายตัวไป เขาจึงรีบพาฉินหลิงเดินหลบเข้าไปข้างในไม่กี่ก้าว
ท่านหลี่ก็เห็นรถคันสีดำคันนั้นอย่างชัดเจน จึงขับรถไปจอดไปที่ริมสุดของถนน
เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องปกติในรัฐ M แมทธิวต่างจากคนอื่นตรงที่เขาไม่ก่อสงครามสุ่มสี่สุ่มห้า ท่านหลี่ทำตัวสงบเสงี่ยม เมื่อเห็นพ่อบ้านฉินพาฉินหลิงหลบไปข้างหลังก็อดไม่ได้ที่จะละสายตามองไปที่รถคันนั้นต่อ
คิดไม่ถึงว่า…ยิ่งใกล้เข้ามารถคันนั้นก็ยิ่งขับช้าลงเรื่อยๆ ท่านหลี่ลดกระจกลง เขาปรายตามองถังจวิน ขณะกำลังจะถามว่าพวกเขาตามหาคุณอยู่หรือเปล่า รถคันนั้นก็จอดอยู่ข้างๆ เขา