เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ - ตอนที่ 478 คุณชายเจวี้ยนเผยตัวตนลับ
ถังชิงพูดจบก็ปิดประตู
ด้านนอก คุณชายใหญ่ถังนิ่งไป แต่เขาก็ไม่ได้บังคับเธอ เขายืนคิดอยู่หน้าประตูก่อนจะลงไปข้างล่าง
เรื่องที่พ่อของเขาตามหาลูกหลานอาสาวเขากลับมานั้น เขาก็รู้ดี
แต่แค่ว่าคุณชายใหญ่ตระกูลถังไม่เคยพบอาสาวของเขามาก่อน จึงไม่มีความทรงจำกับอาสาวคนนี้ แม้จะรู้ว่าตามหาลูกหลานของอาสาวกลับมาได้แล้ว แต่เขาก็ไม่ได้ให้ความสนใจเท่าถังจวิน
เขาคิดไปตามอารมณ์แล้วส่งข้อความให้ถังจวิน
ทางด้านถังชิงไม่ได้มีความคิดนี้ ส่วนฉินหร่านก็ยิ่งไม่มี
ตอนแรกถังจวินคิดว่าเป็นเรื่องง่าย เขาหวังว่าคนหนุ่มสาวจะได้พูดคุยกันมากขึ้น จึงคิดจะใช้ถังชิงมารับมือฉินหร่าน
ถึงอย่างไรเสียฉินหร่านก็ไม่ใช่คนที่จะรับมือได้ง่ายๆ
อีกฝ่ายเย็นชาเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง…
ข้อมูลที่ได้รับออกจะแปลกไปหน่อย
ยิ่งรู้จักก็ยิ่งรู้สึกแปลกๆ
“จริงสิ ดูเหมือนว่าหร่านหร่านก็เขียนโปรแกรมเป็นนี่” ถังจวินยิ้มให้ฉินหร่าน “พอถึงเวลาก็คงคุยกันได้”
เมื่อได้ยินคำพูดถังจวิน ท่านหลี่ก็อดมองกระจกมองหลังไม่ได้
กระตุกมุมปาก
ให้สองคนนี้มาพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องคอมพิวเตอร์…คนหนึ่งเชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ อีกคนประสบความสำเร็จทางด้านฟิสิกส์ แล้วนี่จะคุยกันได้ยังไง?
ตอนนี้ถังชิงเป็นลูกหลานที่น่าจับตามองเป็นอันดับที่สองรองจากลู่จือสิง
มีพรสวรรค์โดดเด่นในหมู่คนวัยเดียวกัน มีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์อย่างลึกซึ้ง
ถังชิงคนนี้ยังมีความเย่อหยิ่งอยู่หน่อยๆ พอถึงตอนนั้นเกรงว่าจะสำแดงฝีมือตัวเองออกมา
ตอนนี้ฉินหร่านมีใจไปทางฟิสิกส์เท่านั้น เธอไม่สนทางฝั่งอวิ๋นกวงกรุ๊ปเลยด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น
เธอปฏิเสธถังจวินอย่างสุภาพ
ขณะที่ถังจวินยังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง โทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้น
ก้มหน้าดู——
เป็นข้อความจากคุณชายใหญ่ถังที่ถ่ายทอดความคิดถังชิงด้วยคำรื่นหู
ถังจวินกดหว่างคิ้วตัวเองและไม่ได้ตอบกลับไป
ระหว่างที่พวกเขาคุยกันก็มาถึงกองถ่ายภาพยนตร์ฉินซิวเฉินแล้ว พวกเขาหาห้องทานอาหารส่วนตัวกันได้แล้ว
**
ทางฝั่งเฉิงเจวี้ยน
เขากำลังอยู่ในห้องทำงานของแมทธิว
คราวนี้ทั้งสองสงบจิตสงบใจกันแล้ว หลังจากที่แมทธิวโกนหนวดก็ไม่ได้มีกลิ่นอายสังหารเหมือนแต่ก่อน เขารินกาแฟสองแก้วมาจากข้างนอก แก้วหนึ่งถือไว้ในมือ อีกแก้วส่งให้เฉิงเจวี้ยน
“ไม่คิดว่าคุณเฉิงจะยังเด็กขนาดนี้” แมทธิวนั่งตรงข้ามเฉิงเจวี้ยนพลางเลิกคิ้ว หลังจากจิบกาแฟไปหนึ่งคำก็วางแก้วลง “พวกคุณมีอะไรก็พูดมาตรงๆ ผมอยากรู้ว่าพวกคุณคิดจะทำอะไรกันแน่”
ครึ่งปีที่ผ่านมาเอาแต่คอยก่อเรื่องให้เขา ทว่าในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อกลับมอบกองกำลังสองกองนี้ให้เขาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย
เฉิงเจวี้ยนไม่ได้ตื่นตระหนกแต่อย่างใด เขายกหางคิ้ว “ก็ไม่มีอะไร”
แมทธิวหรี่ตามองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
เขาเคยได้ยินวิธีการของคนคนนี้มาแล้ว เดิมทีสองปีมานี้เขาก็จะถอนกำลังออกจากรัฐ M แล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าหนึ่งปีก่อนจะหวนกลับคืนสู่อำนาจกะทันหัน นอกจากนี้ยังเพิ่มกองกำลังในรัฐ M ไปไม่น้อย
แมทธิวมองหาเบาะแสเฉิงเจวี้ยนมาตลอด แต่น่าเสียดายที่อีกฝ่ายเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเกินไป ยากที่จะหาเบาะแสที่มีประโยชน์
“ถึงอย่างไรคุณก็คือคนที่Qให้ความช่วยเหลือ” เฉิงเจวี้ยนดื่มกาแฟ เขาเงยหน้ามองแมทธิวด้วยสีหน้าจริงจังเล็กน้อย “คราวที่แล้วคุณปล่อยเธอไป แน่นอนว่าผมก็จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้คุณอีก ผมดีกับคุณขนาดนี้ หวังว่าเรื่องนี้พวกเราจะมีความเห็นตรงกันได้”
พอพูดจบก็วางแก้วลง เขาลุกขึ้นพลางกล่าวลาอย่างสุภาพแล้วจากไป
ไม่มีศัตรูที่ถาวร มีแต่ผลประโยชน์ที่ยืนยง
กลุ่มของเฉิงเจวี้ยนไม่เคยร่วมมือกับใครมาก่อน
ตอนนี้เขากลับมาร่วมมือด้วย แมทธิวจึงสับสนไปชั่วขณะ
ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเฉิงเจวี้ยนเป็นแบบน้ำกับไฟ เว้นแต่อีกฝ่ายจะเต็มใจถอย ไม่เช่นนั้นพวกเขาก็จะอยู่ในสถานะที่เป็นศัตรูกัน
โดยพื้นฐานแล้วมันเป็นไปไม่ได้สำหรับเฉิงเจวี้ยนและแมทธิว
อย่างไรก็ตาม แมทธิวคิดไม่ถึงว่าเฉิงเจวี้ยนจะยอมหลีกทางให้…
หลังจากปล่อยฉินหร่านไปคราวที่แล้ว เขาจึงได้รับข้อมูลส่วนตัวของฉินหร่านกับเฉิงเวินหรู เขารู้ความสัมพันธ์ระหว่างฉินหร่านกับกลุ่มของเฉิงเจวี้ยน
เฉิงเจวี้ยนยอมหลีกทางให้เพราะเธอ?
“ลูกพี่” ขณะที่แมทธิวกำลังคิดอยู่ คนที่เอาเอกสารไปส่งให้ฉินหร่านก็กลับมาจากข้างนอก “ผมส่งเอกสารให้คุณหนูฉินท่านนั้นไปแล้วครับ”
แมทธิวพยักหน้า อ้าปากเหมือนอยากพูดอะไรบางอย่าง
จู่ๆ ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ ลุกพรวดจากเก้าอี้ทันที
กาแฟที่อยู่ข้างๆ มือสาดลงไปบนพื้น
ลูกน้องแมทธิวตกใจ “ลูกพี่ ไม่เป็นไรนะครับ?”
แมทธิวโบกมือ เขายืนอยู่ริมโต๊ะพลางนึกถึงคำพูดที่เฉิงเจวี้ยนเพิ่งพูดเมื่อสักครู่นี้
เริ่มแรกเฉิงเจวี้ยนไม่ได้พูดถึงฉินหร่าน ตั้งแต่ต้นจนจบเขาพูดถึงแต่ Q…
ที่เขาหมายถึงก็คือ…
แมทธิวเริ่มกลับมาในแนวทางที่ถูกต้องหลังจากคิดอ้อมๆ
เขาก้มหน้าเปิดโทรศัพท์ เปิดบัญชีเสมือนที่เขามักจะคุยกับ Q อยู่บ่อยๆ เขาอ่านอยู่นานก็รู้สึกเหลือเชื่อ เป็นเธอไปได้ยังไง?
**
พอเฉิงเจวี้ยนออกมาก็ส่งข้อความให้ฉินหร่าน ถามว่าเธออยู่ไหน
หลังจากฉินหร่านกับกลุ่มฉินซิวเฉินทานข้าวเสร็จ ฉินซิวเฉินก็เข้ากองถ่ายต่อ ตอนนี้ถังจวินได้ชวนพวกฉินฮั่นชิวไปบ้านตระกูลถัง
ฉินฮั่นชิวคิดเสมอว่าตัวเองเป็นเด็กกำพร้า เขาจึงไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับพ่อแม่หลงเหลือเลย
เมื่อได้ยินคำชวนจากถังจวิน เขาก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบตกลงไป
ขณะนี้เป็นเวลาสามทุ่มแล้ว ยังเหลือระยะทางอีกช่วงหนึ่งกว่าจะถึงบ้านตระกูลถัง
ฉินหร่านได้ยินฉินฮั่นชิวคุยกับถังจวินก็ก้มหน้าโดยไม่พูดอะไร และไม่ได้รบกวนถังจวินไปส่งเธอกลับอีกรอบ เธอแค่ส่งที่อยู่ละแวกบ้านตระกูลถังให้เฉิงเจวี้ยน
เวลาเกือบสี่ทุ่มก็เพิ่งมาถึงบ้านตระกูลถัง
หากบ้านตระกูลถังปราศจากถังจวินก็คงตกอยู่ในศูนย์กลางกองกำลังรัฐ M ซึ่งเป็นอำนาจในอาณาบริเวณของตระกูลมาส
บ้านตระกูลถังเป็นคฤหาสน์หลังเล็กที่หรูหรามากและพื้นที่ไม่ใหญ่ มองแวบเดียวก็สามารถเห็นรั้วรอบขอบชิดได้
เวลานี้ไฟในคฤหาสน์ยังคงสว่างไสว
รถจอดอยู่นอกคฤหาสน์
พวกเขาลงมาจากรถ
เมื่อเห็นคฤหาสน์หลังเล็กนี้ พ่อบ้านฉินก็มีความประหลาดใจพรั่งพรูออกมา สถานะถังจวินไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
คนที่มีคฤหาสน์อยู่ในรัฐ M ได้นั้นล้วนไม่ใช่บุคคลธรรมดาทั่วไป
เมื่อเขามองฉินฮั่นชิวและฉินหลิงก็เริ่มกังวลใจ ครั้งนี้เหมือนเขาจะประมาทไปหน่อย ไม่ควรปล่อยให้ฉินฮั่นชิวมาบ้านตระกูลถัง ฉินฮั่นชิวคงโดนคนอื่นดูถูกดูแคลนแน่ๆ …
ฉินหร่านลงรถตามหลังฉินฮั่นชิว
ท่านหลี่ยื่นกุญแจรถให้คนเฝ้าประตูเพื่อให้เขาเอารถไปจอด จากนั้นก็หันมามองกลุ่มของฉินฮั่นชิว
ฉินฮั่นชิวกับพ่อบ้านฉินไม่เคยเห็นคฤหาสน์สถาปัตยกรรมโบราณเหล่านี้มาก่อน แน่นอนว่าตอนนี้พวกเขากำลังตกตะลึงกับพื้นที่ที่ตระกูลถังครอบครอง
ท่านหลี่ไม่แปลกใจเลยสักนิด ขณะกำลังจะละสายตา เขาก็เห็นฉินหร่านที่ต่างจากคนอื่น