เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ - ตอนที่ 486 ผู้สืบทอด
เฉิงเจวี้ยนพูดจบก็หันไปด้านข้าง พูดจาคลุมเครือ
เล็กน้อย “น่าจะไม่ถือว่าเป็นงานฝากตัวเป็นศิษย์ น่าจะเป็น
พิธีรับตําแหน่งเสียมากกว่ามั้ง”
อาจารย์เว่ยตอนนั้นเป็นงานฝากตัวเป็นศิษย์ เป็นการ
ฝากตัวเรียนดนตรี แต่ที่แน่ๆ ทางด้านอาจารย์ใหญ่สวีไม่ถือ
ว่าเป็นงานฝากตัวเป็นศิษย์
“พิธีรับตําแหน่งอะไร?” นายท่านเฉิงขมวดคิ้วด้วยความ
ฉินหร่านยุ่งมาตลอดเกือบหกเดือน ดวงตาที่ดื้อรั้นแฝง
ไปด้วยเส้นเลือดฝอย
ดังนั้นประโยคแรกที่ฉันหร่านกลับมา เขาจึงถามว่าฉันห
ร่านจะได้พักผ่อนต่อหรือเปล่าเฉิงเงินหรูเงยหน้าขึ้น “ยุ่งมากเหรอ?”
หญิงแกร่ง แต่ก็ไม่เคย
เจอใครที่ดิ้นรนกว่าฉันหร่าน
เมื่อฉินหร่านที่เพิ่งถอดเสื้อโค้ตได้ยินเฉิงเงินหรูและนาย
ท่านเฉิงถาม เธอก็หลุบขนตาลง “เป็นพิธีรับตําแหน่งพิธีหนึ่ง น่ะค่ะ น่าจะโอเคมั้ง? คงไม่ยุ่งอะไรหรอกและน่าจะใช้เวลาไม่ นาน แต่ยังต้องยุ่งอยู่กับการติดตามผลการทดลอง เวลาคง เป็นประมาณวันที่ 1 หรือ 2 มีนาคม
กําหนดการที่แน่นอนขึ้นอยู่กับการเตรียมการของ
อาจารย์ใหญ่สวี ฉินหร่านไม่ค่อยยุ่งเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว และ
อาจารย์สวีก็คงไม่ให้เธอยุ่ง
หญิงแกร่ง แต่ก็ไม่เคย
เจอใครที่ดิ้นรนกว่าฉันหร่าน
เมื่อฉินหร่านที่เพิ่งถอดเสื้อโค้ตได้ยินเฉิงเงินหรูและนาย
ท่านเฉิงถาม เธอก็หลุบขนตาลง “เป็นพิธีรับตําแหน่งพิธีหนึ่ง น่ะค่ะ น่าจะโอเคมั้ง? คงไม่ยุ่งอะไรหรอกและน่าจะใช้เวลาไม่ นาน แต่ยังต้องยุ่งอยู่กับการติดตามผลการทดลอง เวลาคง เป็นประมาณวันที่ 1 หรือ 2 มีนาคม
กําหนดการที่แน่นอนขึ้นอยู่กับการเตรียมการของ
อาจารย์ใหญ่สวี ฉินหร่านไม่ค่อยยุ่งเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว และ
อาจารย์สวีก็คงไม่ให้เธอยุ่ง
“อย่าเหนื่อยเกินไปละ”
ฉินหร่านตอบ “อืม” เธอเหมือนยังอยากพูดอะไรต่อแต่ โทรศัพท์ในกระเป๋าดังขึ้น พอหยิบออกมาดูก็พบว่าเป็นสาย
จากทางห้องปฏิบัติการของมหาวิทยาลัยเมืองหลวง เธอรับ
ในขณะที่เดินขึ้นบันไดชั้นบน
คนที่โทร.มาคือรุ่นพี่เยี่ย เขาเพิ่งมาถึงห้องปฏิบัติการได้
ไม่นาน มหาวิทยาลัยเมืองหลวงก็ใกล้จะเปิดเทอมแล้ว
นอกจากนี้วงการฟิสิกส์ยังมีการเฉลิมฉลอง ห้องปฏิบัติการ ทางฟิสิกส์ชั้นใต้ดินชั้นที่สามจึงแออัดไปด้วยผู้คน
“รุ่นน้อง” รุ่นพี่เยี่ยเดินออกมาข้างนอกสองก้าว สองวัน มานี้ความตื่นเต้นในใจเริ่มฟื้นคืนมา “เธอมาที่นี่หน่อยสิ ทาง นี้มีอาจารย์และนักวิจัยเรียกหาเธอตั้งหลายคน”
ฉินหร่านกดหัวคิ้ว เธอเปิดประตูห้อง “ได้ ฉันจะรีบไป”
หลังจากวางสายเสร็จก็เปิดวีแชท เธอกดรูปโปรไฟล์
อาจารย์ใหญ่สวีพร้อมกับส่งไปหนึ่งประโยค
(พิธีการง่ายๆ ก็พอ ไม่ต้องยุ่งยากเกินไป)
ตอนที่ได้รับข้อความนี้จากฉินหร่าน อาจารย์ใหญ่สวี
กําลังอยู่ในห้องประชุมตระกูลสวี ช่วงเวลาใกล้ๆ ระหว่างรอ ฉินหร่านกลับประเทศ เขาได้เรียกผู้รับผิดชอบตระกูลสวี
ตั้งแต่ระดับบนลงล่างมาประชุม
“ที่เรียกทุกคนมาวันนี้ก็เพราะต้องการจะแจ้งเรื่องหนึ่ง ให้ทุกคนทราบ” อาจารย์ใหญ่สวีเห็นคําว่า “ง่ายๆ ” ที่ฉันห ร่านส่งมาก็ไม่ได้ตอบกลับไป เขาใช้มือค้ําโต๊ะและพูดเรียบๆ
“ผมได้เลือกผู้สืบทอดสถาบันวิจัยในประเทศมาเรียบร้อยแล้ว และพิธีสืบทอดตําแหน่งจะมีขึ้นในวันที่ 1 มีนาคม
ประโยคนี้เหมือนเป็นการวางระเบิดสําหรับตระกูลสวี
ระดับเดียวกัน
อาจารย์ใหญ่สวีเป็นเพียงคนเดียวที่ครอบครองทั้ง
ตระกูลสวีรวมไปถึงสถาบันวิจัย
อายุเขาก็มากแล้ว คนตระกูลสวีเริ่มคาดเดาเกี่ยวกับผู้สืบ
ทอดตําแหน่งต่อจากอาจารย์ใหญ่สวีมาตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว แต่ กลับไม่มีข่าวคราวใดๆ เลย แล้วทําไมถึงมาบอกว่าจะมีการ
พิจารณาผู้สืบทอดตําแหน่งล่ะ?
ต้องได้รับการลงคะแนนเสียงจากผู้รับผิดชอบตระกูลสวี
ก่อนไม่ใช่เหรอ?
เพราะถึงอย่างไรก็เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ส่วนใหญ่ ของตระกูลสวี จะตัดสินใจแบบรวบรัดได้อย่างไร?
เริ่มตัดสินใจเลือกผู้สืบทอดกันทั้งอย่างนี้เนี่ยนะ?
“ท่านสวี” ชายสูงวัยที่นั่งด้านซ้ายมือลุกขึ้นยืน มอง อาจารย์ใหญ่สวีและสอบถามด้วยความเคารพ “ผู้สืบทอด ตําแหน่งคือคุณชายเหยากวงใช่ไหมครับ?”
สามารถดํารงตําแหน่งผู้สืบทอดได้โดยตรงโดยที่ไม่ผ่านการ
ลงคะแนนเสียง
เมื่อได้ยินที่ชายสูงวัยกล่าว ผู้รับผิดชอบคนอื่นใน
ตระกูลสวีก็มีท่าทีผ่อนคลายลง
ถ้าเป็นสวีเหยากวงก็ไม่เลว
สวีเหยากวงเป็นคนที่โดดเด่นมากในหมู่คนวัยหนุ่มสาว
ของตระกูลสวี เขากําลังอยู่ในช่วงเรียนรู้การบริหารตระกูลสวี
และสิ่งที่สําคัญที่สุดคือเขาเป็นคนตระกูลสวี
“ไม่ใช่ และเธอก็ไม่ใช่คนตระกูลสวีด้วย” อาจารย์ใหญ่ส วีผละมือ เขายืนตัวตรงพลางมองไปยังทุกคนที่นั่งอยู่ “เรื่องนี้
ฉันจะให้พ่อบ้านเตรียมการให้พร้อม
เมื่อได้ยินอาจารย์ใหญ่สวีพูดประโยคนี้ ทุกคนต่างก็หน้า
ถอดสีกันใหญ่ “ท่านสวี!”
วันนี้อาจารย์ใหญ่สวีแค่มาแจ้งให้ทุกคนทราบ ไม่ได้มา ขอความคิดเห็นจากพวกเขา ด้วยตําแหน่งผู้นําตระกูลสวีและ ผู้บริหารระดับสูงของสถาบันวิจัย แน่นอนว่าในตระกูลสวีเขา พูดคําไหนคํานั้น ไม่มีใครมาสั่นคลอนได้
พ่อบ้านสวีเดินตามหลังอาจารย์ใหญ่สวี “ท่านสวี อย่าง นั้นผมจะเริ่มแจ้งให้ผู้นําตระกูลทุกท่านทราบนะครับ”
“อืม แจ้งออกไปในนามของฉัน” ท่านสวีผงกหัว
ทั้งสองนิ่ง แต่กลุ่มคนที่อยู่ข้างหลังกลับนิ่งกว่า
คนอื่นบนโต๊ะประชุมต่างมองหน้ากันด้วยความตกใจ “ไม่ใช่คนตระกูลสวี? ท่านสวีกําลังทําอะไรอยู่เนี่ย?”
ทุกคนในที่ประชุมล้วนไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจนี้ ชาย
วัยกลางคนคนหนึ่งตบโต๊ะ “ไม่ได้! จะมอบสถาบันวิจัยให้คน อื่นได้ยังไง? ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ แล้วต่อไปสถาบันวิจัยจะ ยังเป็นของพวกเราชาวตระกูลสวีได้อีกเหรอ?”
ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมาตระกูลสวีเป็นผู้ผูกขาด สถาบันวิจัย ซึ่งถือว่าเป็นการสร้างรากฐานให้ตระกูลสวีมั่นคง
ตั้งแต่สถาบันวิจัยได้ลิ้มรสความหอมหวาน พวกเขาจะทําใจ
ยกให้คนอื่นไปได้อย่างไร
แต่อย่างไรก็ตามเรื่องที่อาจารย์ใหญ่สวีตัดสินใจไปแล้ว
อย่างอื่นก็ยากที่จะเปลี่ยนแปลง
ไว้ในมือ
“คุณชายเดี่ยวสวียังทําได้ไม่ถึงเกณฑ์ที่เขาตั้งไว้เลยนี่นา?
เขายังเห็นใครเข้าตาได้อีก? และยังจะหาผู้สืบทอดแซ่อื่นด้วย เนี่ยนะ?” คนอื่นบนโต๊ะประชุมขมวดคิ้ว มีคนหยิบโทรศัพท์ ออกมา “คุณชายเดี่ยวสวีรู้เรื่องนี้ไหม? ฉันจะลองถามเขาดู”
เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาต่อสายหาสวีเหยากวง
คนอื่นพากันมองคนที่กําลังถือโทรศัพท์อย่างเงียบๆ
ท่าทางเคร่งเครียด
ผู้รับผิดชอบเล่าเรื่องให้ฟังหนึ่งรอบ “คุณชายเดี่ยวสวี ครับ คุณเกลี้ยกล่อมนายท่านหน่อยสิ เรื่องแบบนี้จะมาทํา เล่นๆ กันได้ยังไง? คุณเองก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับสถาบันวิจัย ช่วงนี้ก็เพิ่งถูกรัฐ M เสนอชื่อด้วย ผู้สืบทอดจะเลือกสุ่มสี่สุ่ม ห้าอย่างงั้นเหรอ?”
ไม่ต้องพูดถึงว่าคนนอกคนนั้นจะดูแลสถาบันวิจัยได้
หรือไม่ เพราะสิ่งสําคัญที่สุดคืออีกฝ่ายจะสามารถทุ่มเทใจ
ให้กับสถาบันวิจัยได้หรือเปล่า?
ทางด้านสวีเหยากวงเงียบไปสักพักก่อนจะพูดเรียบๆ ว่า
“รู้แล้วการตัดสินใจของคุณปู่ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงได้”
สุ่มสี่สุ่มห้า?
ท่านสวีทําสุ่มสี่สุ่มห้าอย่างงั้นเหรอ? สวีเหยากวงหรี่แวว
ตาสีจาง
เขาถึงขนาดรอนแรมไปไกลถึงอวิ๋นเฉิงก็เพื่อผู้สืบทอดคน
อยู่ที่นั่นถึงสามปีกว่าจะรอผู้สืบทอดเช่นนี้ จะเรียกว่า
เลือกสุ่มสี่สุ่มห้าได้อย่างไร
สวีเหยากวงมองออกไปข้างนอกด้วยแววตาล้ําลึก เขาไม่
พูดอย่างอื่นอีก แค่วางสายไป
พอฟังจบ คนในห้องประชุมตระกูลสวีก็มองหน้ากัน สี หน้าเหมือนกันโดยไม่ได้นัดหมาย
สองเรื่องนี้กําลังจะปะทุขึ้นในเมืองหลวง
ไม่ใช่เพียงเพราะตระกูลสวีจะรับผู้สืบทอดตําแหน่ง แต่ที่ ยิ่งไปกว่านั้นก็คือผู้สืบทอดไม่ใช่คนตระกูลสวี
สถานภาพในเมืองหลวงจะพังเพราะเหตุนี้หรือไม่?
ผู้สืบทอดที่ท่านสวีเลือกจะเหมาะกับตระกูลสวีหรือไม่?
ใช้ได้หรือไม่? สามารถจัดการบริหารสถาบันวิจัยและตระกูลส
วีได้หรือไม่? จะติดตามตระกูลสวีได้หรือไม่? สามารถเปิด ประตูสะดวกให้ตระกูลสวีเหมือนอย่างท่านสวีได้หรือไม่?
คือ…
นอกจากนี้ สิ่งที่คนระดับชั้นบริหารของตระกูลสวีสงสัยก็
ตกลงผู้สืบทอดที่ท่านสวีเลือกคนนั้นเป็นใครกันแน่?
**
ไม่เพียงแค่คนกลุ่มนี้ของตระกูลสวีที่สงสัยเท่านั้น แม้แต่
พวกเฉิงเฉินหรูก็สงสัยไปด้วย
เฉิงเจวี้ยนถือถ้วยชานั่งลงบนโซฟาด้วยท่าทางเอื่อยเฉื่อย
หลุบตาลงจิบชา
ฉินหร่านเดินลงมาชั้นล่างอย่างช้าๆ ในมือยังถือเอกสาร
ปีกใหญ่
เฉิงเจวี้ยนดื่มชาเสร็จก็เงยหน้าขึ้น ดวงตาตากระจ่างใส
“ไปมหาลัย?”
“อือ” ฉินหร่านตอบอย่างเกียจคร้าน เธอไม่อยากไปเลย สักนิด แต่มันดูไม่เหมาะจริงๆ ถ้าต้องส่งงานวิจัยชุดนี้ให้รุ่นพี่ เยีย “คงกลับมาตอนเย็น”
เฉิงเจวี้ยนพยักหน้า เขาลุกขึ้น เฉิงยื่นกุญแจรถที่พกติด
ตัวให้เฉิงเจวี้ยน
ทั้งสองทักทายนายท่านเฉิงกับเฉิงเงินหรูเสร็จก็ออกไป
จนกระทั่งร่างของสองคนนั้นหายลับไปจากหน้าประตู
เฉิงเงินหรูถึงมานั่งตรงข้ามนายท่านเฉิงและสอบถามเฉิงมู่ที่ กําลังจะไปย้ายกระถางดอกไม้ “เฉิง หยุดก่อน”
เฉิงหยุดอยู่ริมหน้าต่างทันที มองไปทางเฉิงเงินหรู
“คุณหนูใหญ่?”
เฉิงเงินหรูเหลือบมองเขาพลางเลิกคิ้ว “นายรู้ไหมว่าพิธี
รับตําแหน่งนั่นคืออะไร?”
“พิธีรับตําแหน่ง?” ก่อนหน้านี้ตอนที่เฉิงจอดรถไว้ ข้างล่าง เขาก็ไม่ได้ยินเฉิงเจวี้ยนกับฉินหร่านคุยกัน ตอนนี้จึง
งงเล็กน้อย
เฉิงเงินหรูค่อยๆ อธิบาย “หร่านหร่านบอกว่าค่อนข้าง
เรียบง่าย”
แม้ว่าถามอะไรจากเฉิงไม่ได้ แต่การแสดงออกของเขา ก็ไม่สามารถหลอกเฉิงเงินหรูได้
มักจะมองออกอยู่บ่อยครั้ง
แต่คราวนี้เฉิงเงินหรูก็ต้องผิดหวัง เพราะเฉิงก็ไม่รู้จริงๆ
ตรงกันข้ามกับนายท่านเฉิงที่กําลังใช้ความคิด….
คราวที่แล้วเฉิงเจวี้ยนเคยถามเขาว่าโรคหัวใจเขาดีหรือ
ยัง เขายังนึกว่าเป็นเรื่องที่ฉันหร่านได้คะแนนเต็มในการ
ทดสอบห้องปฏิบัติการ แต่ต่อมาก็พิสูจน์แล้วว่าไม่ใช่
แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมา เฉิงเงินหรูก็ต้องทําความ เข้าใจใหม่กับคําว่าเรียบง่ายของฉันหร่าน ซึ่งเธอมักจะรู้สึกว่า
มันไม่เรียบง่ายเลย
ดูเหมือนว่าตอนนี้….
จะเป็นเรื่องพิธีรับตําแหน่งของฉินหร่าน?
ขณะที่เขากําลังใช้ความคิด โทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้น
นายท่านเฉิงหยิบออกมารับสายโดยตรง “คนตระกูลสวี?
โทร.มาหาฉันเวลานี้ทําไม?”
เขาเลิกคิ้ว
และกดรับสาย
ทางด้านตระกูลสวีพูดแค่ไม่กี่ประโยค
ใช้เวลาเพียงหนึ่งนาทีในการสื่อสาร นายท่านเฉิงเหยียด
หลังตรงพร้อมกับหรี่ตาลง
เฉิงเงินหรูที่กําลังถือแก้วอยู่ด้านข้าง “มีอะไรคะ?”