เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ - ตอนที่ 492 งานเลี้ยงเริ่ม ฉินอวี่เสียสติ
“พ่อบ้านเฉิง นี่มัน…” หัวหน้าหน่วยไม่กี่คนเหล่านั้นมอง พ่อบ้านเฉิง เขาอึ้งอยู่นานกว่าจะได้สติ “นี่คือการแดเชิญที่ คุณหนูฉินให้นายท่าน?”
พ่อบ้านฉินหัวสมองโล่ง เขาพยักหน้าช้าๆ
นายท่านเฉิงถือการแดเชิญใบนี้ตลอดไม่ยอมวาง และ การแดเชิญนี้ก็คือการแดใบนั้นที่ฉินหร่านมอบให้นายท่านเฉิง
หลังจากนั้นไม่นานหัวหน้าหน่วยคนหนึ่งก็รู้สึกตัวก่อน ใครเพื่อน มองคนอื่นๆ และพูดไม่ออกอยู่พักหนึ่ง “อย่างนั้น งานคุณหนูฉินที่จะเชิญนายท่านไปวันที่ 1 มีนาก็…ก็คือของ ตระกูลสวี? เธอก็คือผู้สืบทอดคนนั้นที่นายท่านสวีรับมา?”
ไม่ใช่แค่เขา คนอื่นๆ ก็คิดถึงจุดนี้ด้วยเช่นกัน
เรื่องที่ตระกูลสวีประกาศตัวผู้สืบทอดก็ทําให้อํานาจ ชั้นสูงทั้งเมืองหลวงช็อกมากพออยู่แล้ว
ตอนนี้มีคนตามสืบผู้สืบทอดคนนั้นที่ท่านสวีพูดถึงไม่ น้อย
ส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่าท่านสวีจะยกสถาบันวิจัยให้คนนอกที่ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลสวีแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตามขณะนี้…
“เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”
ทุกคนต่างมองหน้ากัน
พ่อบ้านเฉิงรู้สึกตัวก็รีบปิดการแดเชิญ หันไปมองคนที่อยู่ ในห้องหนังสือด้วยแววตาเคร่งขรึม “หวังว่าหัวหน้าหน่วยทุก ท่านจะไม่แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปก่อนวันที่ 1 มีนา”
ฉินหร่านเป็นคนนอกตระกูล ไม่ว่าจะมีความสามารถ มากแค่ไหนก็ต้องถูกคนตระกูลสวีเขม่น
มิน่าล่ะนายท่านสวีถึงปิดปากเงียบไม่พูดถึงผู้สืบทอดคน นี้เลย
หากคนตระกูลสวีบางส่วนรู้เรื่องนี้ก่อน เกรงว่าฉินหร่าน จะตกอยู่ในอันตราย ไม่แน่ว่าท่านสวีก็ไม่สามารถปกปูองได้
โชคดีที่ฉินหร่านมีเฉิงเจวี้ยนและนายท่านเฉิงคอยหนุน หลัง
“คุณหนูฉินช่าง…” พ่อบ้านเฉิงส่ายหน้าพูดไม่ออก ทว่า หัวใจกลับเต้นเร็วมาก ส่งเสียงอยู่ข้างหูอย่างต่อเนื่อง
……
ทางด้านเรือนปีกของเฉิงเวินหรู
“พ่อว่าอะไรนะ?” เฉิงเวินหรูสํารวมกิริยาไม่อยู่ เธอลุก พรวดจากเก้าอี้ทันที ดวงตาสดใสที่เบิกกว้างมองนายท่านเฉิง
ตั้งแต่เธอกลับมาก็ยังไม่ได้ดูการแดใบนั้น จนกระทั่งเธอ กลับมาจากดูแลฉินหร่านเสร็จแล้วเจอนายท่านเฉิงนั่งอยู่ใน ห้อง เขาวางระเบิดเธอไปหนึ่งลูก
เธอจึงรีบหยิบการแดเชิญที่เธอวางไว้บนโต฿ะขึ้นมาเปิด อ่าน
ผลสรุปที่ได้รับเหมือนพ่อบ้านเฉิงไม่มีผิด
คราวนี้กลัวก็แต่ว่าเมืองหลวงคงได้ระเบิดกันจริงๆ
**
ในเวลาเดียวกัน
ตระกูลเสิ่น เมืองหลวง
ตระกูลที่เพิ่งปีนถึงชายขอบพีระมิดอย่างตระกูลเสิ่นยัง ไม่รู้ข่าวความปั่นปุวนบนยอดพีระมิดเลยด้วยซ้ํา
“ตระกูลฉิน” นายท่านเสิ่นยกแก้วและยิ้มให้นายท่าน หลิน “ยินดีต้อนรับสู่เมืองหลวง”
หากเป็นเมื่อก่อน แม้แต่หลินหว่านก็ยังทําตัวเย่อหยิ่งกับ คนตระกูลหลินได้เพราะตระกูลเสิ่นห่างชั้นตระกูลหลินอยู่ หลายขั้น ตระกูลเสิ่นไม่มีทางต้อนรับตระกูลหลินอย่างอบอุ่น เช่นนี้
ทว่าตอนนี้ หน้ามีฉินหร่าน หลังมีฉินอวี่ที่คุณชายสี่ ตระกูลฉินให้ความสนใจ
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหลินจิ่นเซวียนที่ตอนนี้ประสบ ความสําเร็จในด้านหน้าที่การงาน ตระกูลเสิ่นจึงให้ความ เคารพตระกูลหลินเป็นธรรมดา
พอพวกเขาดื่มเหล้ากันเสร็จ นายท่านเสิ่นก็มองมาทาง ฉินอวี่ “อีกสองวันคุณชายสี่จะพาเธอไปร่วมงานเลี้ยง?”
แม้ตระกูลฉินจะตกต่ํา แต่นั่นก็แค่เทียบกับสี่ตระกูลหลัก เท่านั้น ตระกูลเหล่านี้ยังคงอยู่จุดสูงสุดที่ตระกูลเสิ่นได้แต่ แหงนหน้ามอง
“งานเลี้ยงตระกูลสวีค่ะ” ช่วงเวลานี้ในที่สุดฉินอวี่ก็ เข้าใจสถานการณแในเมืองหลวงจากคุณชายสี่ตระกูลฉินแล้ว
เมื่อก่อนพวกไต้หรานมักจะพูดถึง “ตระกูลเหล่านั้น” ซึ่ง นั่นก็คือพวกตระกูลเฉิงและตระกูลสวีแห่งสี่ตระกูลหลัก
ตระกูลสวีเป็นอันดับสองในวงสังคมเมืองหลวง
เมื่อได้ยินที่ฉินอวี่พูด คนอื่นบนโต฿ะอาหารก็ส่งสายตา มองมาที่ฉินอวี่ด้วยความอิจฉา
ทว่าฉินอวี่ไม่ได้แสดงความยินดีผ่านทางสีหน้า เธอแค่ หลุบตาลง ถือตะเกียบนิ่ง กระชับปลายนิ้ว
เธอรู้อยู่แก่ใจว่าเมื่อก่อนสถานภาพเธอเล็กเกินไป บน โลกออนไลนแนับว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพียงได้กุมอํานาจไว้ ในมือ สิ่งนั้นถึงจะเป็นของตัวเอง
เหมือนตระกูลเฉิงและตระกูลสวีพวกนั้นที่เป็นตระกูล สันโดษที่ซ่อนอยู่ในหมู่ตระกูลผู้ดี
ในที่สุดเธอในตอนนี้ก็ได้สัมผัสชั้นน้ําที่ลึกกว่าเดิม
**
วันที่ 1 มีนาคม
ตระกูลสวี
งานเลี้ยงช่วงเช้าเวลา 09.58 น.
เวลาเก้าโมงที่หน้าประตูใหญ่ตระกูลสวีมีคนเข้ามาไม่ ขาดสาย
ออกมาเป็นรายๆ แต่ละคนล้วนประมาทไม่ได้
ท่านสวีเตรียมการอยู่หลังงาน ส่วนหน้าประตูใหญ่มีผู้นํา ประจําตระกูลคนต่อไปที่เป็นที่ยอมรับจากคนในตระกูลสวีทํา หน้าที่รับแขกอยู่ในห้องจัดเลี้ยงของตระกูลสวี
เขาก็เป็นเช่นเดียวกับเฉิงเจวี้ยนที่มีชื่อเสียงตั้งแต่อายุยัง น้อย ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาล้วนบริหารจัดการเรื่องสําคัญๆ ในตระกูลสวี ฝีมือไม่ด้อยไปกว่าท่านสวีเลย
ชายวัยกลางคนถือแก้วไวนแยืนอยู่ข้างเขา
หลังจากต้อนรับเสร็จไปหนึ่งคน ชายวัยกลางคนก็สบ โอกาสหาช่องว่างมองไปทางสวีเหยากวงด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“คุณชายเสี่ยวสวี คนนอกตระกูลที่ท่านสวีรับมาเป็นใครกัน แน่? เชื่อได้ไหม? ความสามารถเป็นยังไง?”
ท่านสวีปิดเรื่องเงียบจึงเป็นที่น่าสงสัย พวกเขาตระกูลสวี สืบข่าวผู้สืบทอดคนนี้แล้วแต่ก็สืบอะไรไม่ได้เลย
ถึงขนาดขอความช่วยเหลือจากตระกูลโอวหยาง
ถ้าไม่ใช่เพราะท่านสวีบอกว่าเชิญแขกคนสําคัญมาวันนี้ พวกเขาก็คงไม่เชื่อว่าท่านสวีจะหาผู้สืบทอดมาได้จริงๆ …
“อารอง” สวีเหยากวงนิ่งไป เขารู้อยู่แล้วว่าที่ปูุของเขา ไม่เคยพูดถึงฉินหร่านก็เพราะปกปูองฉินหร่าน “ไม่ต้องเป็น ห่วง ความสามารถของเธอ…ไม่มีทางทําให้คุณผิดหวัง”
นักศึกษาที่เพิ่งเข้ามหาวิทยาลัยได้ไม่นานสามารถเป็น รองนักวิจัยขั้นสองในเดือนมีนาคมของปีถัดไปได้
ไม่ต้องพูดถึงความสามารถด้านการบริหารจัดการ เธอมี ความรู้ด้านฟิสิกสแอย่างลึกซึ้งก็เพียงพอแล้ว
เมื่อเห็นสวีเหยากวงพูดด้วยความหนักแน่นแบบนี้ อา รองสวีก็ชะงักแล้วถอนหายใจ “เห็นๆ อยู่ว่านายเหมาะสม ที่สุด ไม่รู้ว่าท่านสวีกําลังคิดอะไรอยู่”
สวีเหยากวงลดสายตาลง พูดเสียงเข้ม “อย่าเอาแต่กังวล เรื่องนี้เลย มาคิดเกี่ยวกับแผนการเดินทางไปยังรัฐ M อีกสาม วันกันก่อนดีกว่า…บางทีคุณปูุอาจจะให้เธอตามไปด้วยก็ได้”
พอพูดถึงตรงนี้ สวีเหยากวงก็นิ่งเอง
มองจากระดับความสําคัญที่ปูุเขามีให้ฉินหร่าน การให้ เธอตามทีมเขาไปรัฐ M ด้วยก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
“ได้ยังไง?” อารองสวีพูด “ท่านสวีไม่เคยทําบัตรผ่าน เพิ่มมาก่อน อย่างน้อยก็ต้องครึ่งเดือน แค่สองวันจะทําเสร็จที่ ไหนกัน”
ไปถิ่นตระกูลมาสจําเป็นต้องมีบัตรผ่าน มิฉะนั้นจะไม่มี ทางออกจากลานจอดเครื่องบินได้
ขณะที่ทั้งสองกําลังพูดคุยกันอยู่
บริเวณหน้าประตูก็มีกลุ่มคนเดินเข้ามา
นั่นคือกลุ่มของคุณชายสี่ตระกูลฉิน
ฉินอวี่เดินอยู่ข้างหลังคุณชายสี่ตระกูลฉินไปสองก้าว เพิ่ง เดินเข้ามาได้ไม่นาน เธอก็เห็นใครหลายคนที่สามารถเห็นได้ ทางทีวี
ตระหนักได้ว่านี่คืองานเลี้ยงระดับสูงของเมืองหลวง
สถานที่ใหญ่โตโอ่อ่า แม้แต่งานเลี้ยงรับศิษยแของอาจารยแ เว่ยในตอนนั้นก็ยังเทียบไม่ได้
มีผู้คนมากมายในห้องจัดเลี้ยง
คุณชายสี่พาคนเข้าไปทักทายเจ้าภาพก่อนเป็นอันดับ แรก “ไปเถอะ ไปหาคุณชายเสี่ยวสวีก่อน”
ฉินอวี่มองไปตามทางที่คุณชายสี่ตระกูลฉินชี้ไป
วินาทีต่อมา
เท้าของเธอราวกับโดนตะปูตอกยึดกับพื้น เสียสติไปโดย สิ้นเชิง
นี่มัน…
สวี เหยา กวง ? ? !