เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ - ตอนที่ 496 ความหวังของตระกูล! เจ้หร่าน
สถาบันวิจัยมีความเกี่ยวข้องกับเมืองหลวงและตระกูลส
วีอย่างใกล้ชิด อาจารย์ใหญ่สวีจะมองหาผู้สืบทอดสุ่มสี่สุ่มห้า
ได้อย่างไร?
ตอนที่เขาตามพานหมิงเซวียนไปเจอหนิงไห่ก็จํา
ครอบครัวของฉินหร่านได้
เดิมทีเขาไม่ได้ตั้งใจจะให้พวกเขามีส่วนร่วมใน
สถาบันวิจัยอีกต่อไป แต่พรสวรรค์ฉินหร่านระหว่างนั้นทําให้
เขายากที่ทิ้งมันไปง่ายๆ เธอเป็นคนทําตามใจตัวเองจนเคย ชิน แต่ในด้านความมุ่งมั่นก็เทียบได้กับหนิงเอ๋อร์
เขาจึงถือโอกาสอยู่อวิ๋นเฉิงนานถึงสามปี
พอฟังจบ พ่อบ้านสวีก็เม้มปาก ยืนอยู่ข้างโต๊ะเป็น เวลานานกว่าจะมีการตอบสนอง เขาพยักหน้า “ที่แท้ก็เป็น
แบบนี้นี่เอง”
ผ่านไปครู่หนึ่ง พ่อบ้านสวีก็เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง “นักวิจัยหนึ่ง…คนสนิทเขาแต่ก่อนยังอยู่สถาบันวิจัยใช่ไหม
ครับ?”
ตอนแรกพ่อบ้านสวียังกังวลว่าฉันหร่านยังเด็กมาก ไม่มี
คุณสมบัติและประสบการณ์ไปควบคุมคนแก่หัวหงอกพวกนั้น
โดยเฉพาะผู้อํานวยการฟัง…
แต่ในเมื่อเธอเป็นหลานสาวของหนิงเอ๋อร์ นั่นก็ย่อม
ต่างกันออกไป เมื่อก่อนหนิงเอ๋อร์มีนักวิจัยที่เป็นลูกน้องอยู่ ไม่กี่คน อย่างเช่นนักวิจัยเดี่ยวที่กลายมาเป็นหนึ่งในห้า
นักวิจัยขั้นพิเศษ
ตอนนั้นคนที่ติดหนี้บุญคุณหนิงเอ๋อร์มีไม่น้อย เมื่อมีพวก เขาอยู่บวกกับความน่ายําเกรงของตระกูลสวีและตระกูลเฉิง เส้นทางฉินหร่านก็ไม่ยากเกินไปที่จะก้าวเดิน
“ไม่แน่ใจ แต่ว่า….” ตอนนั้นหนิงเอ๋อร์มีลูกน้องอยู่หลาย คน เวลาผ่านไปสี่สิบปี คนเหล่านั้นคงไม่ใช่คนธรรมดาอย่าง แน่นอน ประสบความสําเร็จไม่ต่างกับเคี่ยวเกา ง อาจารย์ ใหญ่สวีนิ่งเล็กน้อย “ศาสตราจารย์เฉินน่าจะทิ้งเบาะแสไว้ให้
เธอ…”
**
นอกบ้านตระกูลสวี เฉิงเจวี้ยนกับฉินหร่านเดินไปตาม ทางอย่างเอื่อยเฉื่อย
“คราวนี้คุณไปรัฐ M ทําไม?” ฉินหร่านหันมาเล็กน้อย
เฉิงเจวียนเกี่ยวปลายนิ้วที่ห้อยข้างลําตัวเธออย่างสบาย
อารมณ์พลางเหลือบมองเธอ “จัดการกับกลุ่มพันธมิตรใต้
ดิน”
“อ้อ” ฉินหร่านก้มหน้า
เงียบไม่พูดอะไรต่อ
เฉิงเจวี้ยนหันไปมองเธอ เดิมทียังคิดว่าเธอจะถามต่อ
แต่ใครจะรู้ว่าพอเขาพูดจบไปหนึ่งประโยค ฉินหร่านก็นิ่ง
หรี่ตาเดินไปอย่างเงียบๆ
เฉิงเจวียนเลิกคิ้ว “เจ๊หร่าน เธอนี่….”
ขณะที่เขาอ้าปากกําลังจะพูดว่าเธอกินปูนร้อนท้อง ก็
เห็นคนกลุ่มหนึ่งรออยู่ที่ลานจอดรถ
เท้า
เขาหยุดคําพูดไว้ที่ปาก เหลือบมองพวกเขาแล้วชะงัก
นั่นคือคนตระกูลเฉิง
นายท่านเฉิงกับเฉิงเงินหรูรู้เรื่องฉินหร่านเมื่อไม่กี่วันก่อน การแสดงออกของพวกเขาในงานเลี้ยงล้ําลึกจนคาดเดาไม่ได้
พวกหัวหน้าหน่วยตระกูลเฉิงที่มาร่วมงานต่างก็หยุดอยู่
กับที่เพื่อรอฉินหร่านกับเฉิงเจวี้ยน
ทันทีที่เฉิงเจวี้ยนปรากฏตัว เฉิงเงินหรูก็เดินเข้ามา “น้อง
สาม หร่านหร่าน”
“ทําไมพวกพี่ยังไม่ไป?” เฉิงเจวียนเงยหน้าขึ้น น้ําเสียง หงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด
เฉิงเป็นหรูไม่คิดจะสนใจเฉิงเจวียน สายตาเธอหยุดอยู่ที่
ฉินหร่านโดยไม่รู้จะพูดอะไร หลังจากที่รู้ว่าฉันหร่านเป็นผู้สืบ
ทอดคนนั้นของท่านสวี นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เฉิงเป็นหรูพูดเรื่องนี้
ต่อหน้าฉินหร่าน “หร่านหร่านเธอนี่จริงๆ เลยนะ…เมือง
หลวงไม่ได้คึกคักแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้ว พ่อฉันเกือบจะ
เรียกหมอประจําตระกูลแล้วเนี่ย”
แม้ว่านายท่านเฉิงจะไม่ได้เรียกหมอมาในคืนนั้น แต่ อาการป่วยของนายท่านเฉิงก็นิ่งมาครึ่งปีแล้ว ในช่วงไม่กี่วันที่
ผ่านมาเขาได้เพิ่มยาเม็ดทุกมื้ออาหารภายใต้คําแนะนําของ
ผู้เชี่ยวชาญ
นายท่านเฉิงแสร้งทําเป็นสงบนิ่งเอามือไพล่หลัง
เฉิงเจวี้ยนเงยหน้าขึ้น “กลับกันก่อนเถอะ”
นอกจากคนไม่กี่คนในตระกูลเฉิงที่รู้ว่าฉันหร่านคือผู้สืบ ทอดที่ท่านสวีมองหาก่อนหน้านี้ ตอนนี้คนอื่นๆ ก็ยังอยู่ใน อาการมึนงงกันอยู่ ตกใจอย่างยากที่จะเอ่ย
ไม่ไกลออกไป
เช่นเดียวเฉิงเหราฮั่นที่คุยกับโอวหยางเวยเสร็จแล้วกําลัง
มองมาทางนี้ เขาผงะไปทั้งตัว
“คุณชายใหญ่ พวกเราจะเข้าไปทักทายไหมครับ?” คน สนิทที่อยู่ข้างๆ กระซิบถาม
ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉินหร่านก็เป็นแค่นักศึกษาที่ผ่านการ
ทดสอบเข้าห้องปฏิบัติการทางฟิสิกส์เท่านั้น ถึงจะมีชื่อเสียง
บนอินเทอร์เน็ตอยู่บ้าง แต่สิ่งเหล่านี้ก็ไม่นับว่าเป็นอะไร
สําหรับเฉิงเหราฮั่น
ทว่าเวลานี้…
การเป็นผู้สืบทอดสถาบันวิจัยตระกูลสวีก็เพียงพอที่จะ
ดึงดูดความสนใจจากเขาแล้ว
โดยเฉพาะท่าทีของท่านสวีที่ให้ความสําคัญกับเธออย่าง
เห็นได้ชัด
สวีหยากวงผู้เย็นชาก็ดูเหมือนจะสนิทสนมกับเธอมาก เหมือนกัน อธิบายให้เธอฟังระหว่างยกเหล้าคารวะตลอดทั้ง
งาน
ตอนที่เพิ่งรู้จักฉินหร่าน เฉิงเทรา นคิดเสมอว่าเธอคือ จุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของเฉิงเจวียน แต่ใครจะรู้ว่าเฉิงเจวียนที่
ไม่มีใจทะเยอทะยานในเวลานี้กลับเพิ่มเบี้ยที่มองไม่เห็น
ให้กับเฉิงเงินหรูไปไม่น้อย
นับวันเสียงของเฉิงเงินหรูในตระกูลเฉิงก็ยิ่งมีน้ําหนักมาก
ขึ้นเรื่อยๆ
ภัยคุกคามของเฉิงเหราฮั่นได้กลายมาเป็นเธอแล้ว
เฉิงเงินหรูเองก็ไม่ได้ต่างจากอดีต ความแตกต่างเดียวก็ คือเธอสนิทชิดเชื้อกับฉินหร่านมากโดยเฉพาะภารกิจนั้นของ
จระเข้ยักษ์ เฉิงเหราฮั่นแอบสอบถามมาได้ว่ามีความ
เกี่ยวข้องกับฉินหร่าน…..
เฉิงเหราฮั่นไม่ได้พูดอะไร
ถ้าหากลูกน้องปล่อยเขาไปตีสนิทกับฉินหร่านตั้งแต่แรก เขาก็ไม่รังเกียจ แต่ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกเสียใจขึ้นมาแล้ว
ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าฉันหร่านจะเป็นแบบนี้ เขาจะดูถูกเธอ
ได้อย่างไร….
พอคิดถึงเรื่องเหล่านี้ เฉิงเหราฮั่นก็อดไม่ได้ที่จะหยิบ
โทรศัพท์ออกมาส่งข้อความหาโอวหยางเวยที่เพิ่งจากไป
(คุณได้ข่าวจระเข้ยักษ์ไหม?)
ชุมชนอวิ๋นจีน
พ่อบ้านฉันนั่งบนโซฟา เขาเพิ่งวางสายไปได้ไม่นาน
ใบหน้าแดงก่ําา ถือโทรศัพท์อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะสะบัดมือ
โทร.หาซุปตาร์ฉินที่อยู่ไกลถึงรัฐ M
คนที่รับสายไม่ใช่ซุปตาร์ฉินแต่เป็นผู้จัดการ
“พ่อบ้านฉิน ซุปตาร์ฉันกําลังถ่ายหนังอยู่ คุณมีอะไรหรือ เปล่า?” ผู้จัดการเดินมาอีกด้านหนึ่งพร้อมกับลดเสียงพูด
“ข่าวดีข่าวใหญ่! สวรรค์คุ้มครองตระกูลฉินเราแล้ว” พ่อบ้านฉินมุมปากสั่น ตอนนี้ในหัวเขาเบาโหวงไปหมด
ตระกูลฉินได้จางหายไปจากเมืองหลวงมานาน วันนี้ กลับมาปรากฏตัวในเมืองหลวงอีกครั้งเพราะฉันหร่าน
งานเลี้ยงเพิ่งเลิกราได้ไม่นาน ผู้อาวุโสจากตระกูลฉินต่าง
ก็พากันโทร.หาพ่อบ้านฉินกันหลายคน
เขาใช้เวลาในการเรียบเรียงคําพูดอยู่นาน พูดกับ
ผู้จัดการที่อยู่ปลายสาย “คุณหนูหร่านหร่านเธอคือผู้สืบทอด
สถาบันวิจัยที่ท่านสวีแต่งตั้ง”
คนที่รับสายไม่ใช่ซุปตาร์ฉินแต่เป็นผู้จัดการ
“พ่อบ้านฉิน ซุปตาร์ฉันกําลังถ่ายหนังอยู่ คุณมีอะไรหรือ เปล่า?” ผู้จัดการเดินมาอีกด้านหนึ่งพร้อมกับลดเสียงพูด
“ข่าวดีข่าวใหญ่! สวรรค์คุ้มครองตระกูลฉินเราแล้ว” พ่อบ้านฉินมุมปากสั่น ตอนนี้ในหัวเขาเบาโหวงไปหมด
ตระกูลฉินได้จางหายไปจากเมืองหลวงมานาน วันนี้ กลับมาปรากฏตัวในเมืองหลวงอีกครั้งเพราะฉันหร่าน
งานเลี้ยงเพิ่งเลิกราได้ไม่นาน ผู้อาวุโสจากตระกูลฉินต่าง
ก็พากันโทร.หาพ่อบ้านฉินกันหลายคน
เขาใช้เวลาในการเรียบเรียงคําพูดอยู่นาน พูดกับ
ผู้จัดการที่อยู่ปลายสาย “คุณหนูหร่านหร่านเธอคือผู้สืบทอด
สถาบันวิจัยที่ท่านสวีแต่งตั้ง”