เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ - ตอนที่ 499 แชมป์มวยใต้ดิน
เฉิงเจวี้ยนเอนหลังพิงเก้าอี้ด้วยท่าทางเกียจคร้าน
เรื่องที่ฉินหร่านชอบจริงๆ มีน้อยมาก
เฉิงเจวี้ยนเป็นคนช่างสังเกต ไวโอลินก่อนหน้านี้ก็อย่าง หนึ่ง แต่ช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาดูเหมือนเธอจะไม่ค่อยชอบ ไวโอลินแล้ว สิ่งที่เธอสนใจจริงๆ เขาคิดไปคิดมาก็เหลือแค่ อย่างเดียว——
ทะเลาะวิวาท
เรื่องแบบนี้เขาไม่มีทางส่งเสริมอย่างแน่นอน
หากย้อนกลับไปอีกครั้งการแข่งขันของเหล่านักแฮก เกอรแระดับโลกเหล่านี้คงเป็นสิ่งแปลกใหม่ เธอจะต้องสนใจ แน่ๆ
ถือโอกาสพาเธอไปรู้จักกับประธานสมาคมแฮกเกอรแเสีย หน่อย
ทันทีที่เฉิงเจวี้ยนพูดถึงเรื่องนี้ ทางฝั่งฉินหร่านก็ตอบ กลับอย่างไว——
(ไม่สน)
โทรศัพทแทางด้านนี้ ฉินหร่านลงจากเครื่องบินเรียบร้อย แล้ว
รถของตระกูลมาสก็พร้อมแล้วเช่นกัน เป็นรถตู้สี่คัน
รถตู้ทั้งสี่คันมีธงรูปสามเหลี่ยมปักอยู่ทางฝั่งซ้ายมือ เธอ เหลือบมองส่งๆ แล้วละสายตา
ฉินหร่านเดินมาถึงรถคันสุดท้ายและนั่งแถวสุดท้ายริม หน้าต่าง
เปิดโทรศัพทแต่อ
เฉิงเจวี้ยน (?)
ดูเหมือนว่าเขาจะแปลกใจที่ญาณหยั่งรู้ของตัวเองมี ปัญหา
(แม้แต่เรื่องนี้ก็ไม่สน? เธอยังสนใจอะไรได้อีก?)
อากาศในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธแไม่หนาวเหมือน เมื่อก่อน ฉินหร่านยังคงสวมเสื้อแจ็คเก็ตสีดําและติดกระดุม หมวก
เธอก้มหน้ามองคําตอบเฉิงเจวี้ยน ตอบกลับไปคําเดียว อย่างส่งๆ จากนั้นก็หยิบหูฟังสีดําจากกระเปาสวมให้ตัวเอง
เฉิงมู่ถือกล่องตามหลังฉินหร่านขึ้นรถ รถคันนี้ไม่ได้เป็นที่ นั่งคู่แต่เป็นที่นั่งสี่เบาะ
เขากวาดตามองก็นั่งลงข้างๆ ฉินหร่าน
นอกรถ แครแโรลรับสายโทรศัพทแแล้วพูดอะไรบางอย่าง กับสวีเหยากวงและกลุ่มของอารองสวี
จากนั้นก็เตรียมออกเดินทาง
สวีเหยากวง อารองสวี แครแโรล และอีกไม่กี่คนก็นั่งรถตู้ คันสุดท้ายเช่นกัน
ข้างๆ แครแโรลมีที่นั่งว่างอีกหนึ่งที่
บนเครื่องบินเฉิงมู่ก็นั่งติดกับฉินหร่าน สวีเหยากวงหา โอกาสคุยกับฉินหร่านไม่ได้เลย ตอนนี้เธอยังนั่งแถวท้ายสุด ติดกับเฉิงมู่เหมือนเดิม
เดิมทีอารองสวียังคุยกับสวีเหยากวงอยู่ แต่พอเห็นสวีเห ยากวงนั่งข้างเฉิงมู่โดยแทบจะไม่ต้องคิด เขาก็หยุดที่ประโยค สุดท้ายแล้วไม่ได้พูดต่อ
บรรยากาศภายในรถค่อนข้างอึมครึม
“คุณชายเสี่ยวสวี ระยะทางไกลแค่ไหนครับ?” เฉิงมู่ ติดตามฉินหร่านอยู่ที่นี่มาครึ่งปีกว่า เขาจึงรู้จักเส้นทางเป็น ธรรมดา ดูแวบเดียวก็รู้แล้วว่าไม่ใช่ทางไปยังเขตแดนรัฐ M
สวีเหยากวงมองท้องฟูาด้านนอก “ต้องอ้อมทางภูเขาอีก ช่วงหนึ่ง ถึงที่หมายวันพรุ่งนี้ตอนรุ่งสาง”
“งั้นจะจอดพักกลางทางไหม?” เฉิงมู่พยักหน้า “จะได้ ก่อไฟย่างขนมปังด้วย”
เมื่อคนตระกูลสวีที่นั่งอยู่ในรถได้ยินที่เฉิงมู่พูดก็ขมวดคิ้ว โดยไม่รู้ตัว ดูไม่ออกหรือไงว่ามีเรื่องเร่งด่วน? ยังจะจอดย่าง ขนมปังอยู่อีก
แต่เนื่องจากเฉิงมู่เป็นคนตระกูลเฉิง
คนในรถตู้จึงไม่ได้พูดอะไร ได้แต่กลั้นอารมณแโทสะไว้ที่ อก
สวีเหยากวงส่ายหน้า นิ่งไปสักพักก่อนจะพูดว่า “จอด ไม่ได้”
“โอเคครับ” เฉิงมู่รู้สึกเสียดาย
**
สี่ชั่วโมงต่อมา รถจอดอยู่ที่สี่แยกตรงทางถนนคดเคี้ยว
หลังจากรอบนไหล่ทางประมาณสามนาที ขบวนรถสิบ กว่าคันก็ขับมา
ชายผมสีน้ําตาล รูปร่างกํายําเดินลงจากรถซีดานคัน สุดท้ายและเดินตรงมานั่งข้างแครแโรล
ขบวนรถทั้งสองฝุายไม่มีการพูดคุยกัน ทหารแยกย้ายกัน ไปสองทาง
รถแล่นต่อไป
สองชั่วโมงต่อมา รถก็มาจอดอยู่ที่ฐานที่มั่น
แครแโรลลงจากรถเป็นคนแรก เขาเปิดประตูรถให้ชายผม สีน้ําตาล
ท้องฟูาเริ่มสว่าง
ท่ามกลางแสงแดดยามเช้าจะเห็นได้ว่าชายผมสีน้ําตาล สวมเสื้อยืด แขนทั้งสองข้างเผยให้เห็นมัดกล้ามที่แข็งแรง สูง เกือบสองเมตร
“ท่านเบิรแต” แครแโรลพูดด้วยความเคารพอยู่ริมรถ
ชายผมสีน้ําตาลแค่พยักหน้าหน่อยๆ
แต่กลับไม่รู้ว่าทั้งหมดนี้ได้สร้างความแตกตื่นให้กับคน ตระกูลสวีที่ลงจากรถทีละคน
แม้ตระกูลสวีจะบุกเบิกเส้นทางเศรษฐกิจของตระกูลมาส แต่ยังห่างชั้นกับตระกูลมาสมาก
คนที่มีตําแหน่งสูงสุดที่เห็นในขณะนี้ก็เป็นแค่หัวหน้า สนามมวยเท่านั้น นั่นคือคุณแครแโรล
แต่กลับคิดไม่ถึงว่าแครแโรลจะให้ความเคารพชายผมสี น้ําตาลคนนั้นมาก?
เบิรแต?
นั่นเป็นใคร?
“คุณชายเสี่ยวสวี?” อารองสวีตกใจ เขามองสวีเหยากวง พร้อมกับสอบถาม
สวีเหยากวงเคยมารัฐ M กับท่านสวีครั้งหนึ่งแล้ว แต่คน ตระกูลสวีหลายคนเพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก
สวีเหยากวงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นัยนแตาที่เย็นชามาโดย ตลอดแฝงไปด้วยความจริงจัง เขาส่ายหน้า “ผมกับคุณปูุก็ไม่ เคยเจอเขามาก่อน”
ฉินหร่านยืนอยู่ข้างหลังทุกคน เธอลงรถอย่างเอื่อยเฉื่อย
ยื่นมือถอดหูฟังออก ดึงหมวกเสื้อแจ็คเก็ตบนหัวลง อากาศในเดือนกุมภาพันธแไม่หนาวเหมือนเดือนธันวาคม แต่ ฉินหร่านเป็นคนเตรียมพร้อมอยู่เสมอ แม้จะเป็นหน้าร้อนเธอ ก็ยังสวมเสื้อแขนยาว
เธอสอดมือเข้ากระเปากางเกง แววตาสุกใสมองไปทาง เบิรแตพลางเลิกคิ้ว
แครแโรลคุยกับเบิรแตเสร็จก็มองทางกลุ่มของสวีเหยากวง เอามือไพล่หลังเดินมาทางนี้สองก้าว
รัฐ M มีอํานาจล้นเหลือ เวลาคุยกับกลุ่มของสวีเหยากวง แครแโรลจึงไม่ได้มีท่าทีเคารพยําเกรงไปโดยธรรมชาติ พูด อย่างตรงไปตรงมา “ที่พักของพวกคุณคือโซนสาม อย่าลืมละ ว่าโซนหนึ่งเป็นสถานที่ฝึกซ้อมของท่านเบิรแต จะเข้าไปสุ่มสี่ สุ่มห้าไม่ได้ มิฉะนั้นก็จงรับผลที่ตามมา”
เฉิงมู่ลากกล่องโดยยืนอยู่ข้างๆ ฉินหร่าน
เมื่อมองเบิรแต เขาก็สัมผัสได้ถึงรังสีอันตรายบนตัวเบิรแต
“คุณหนูฉิน คุณรู้จักเบิรแตนั่นหรือเปล่า?” เฉิงมู่ สังเกตเห็นแววตาฉินหร่านจึงกระซิบถาม
อารองสวีปรายตามองเฉิงมู่แล้วยิ้ม
เฉิงมู่ไม่สน เขาถืออุปกรณแติดตั้งสภาพซอมซ่อของตัวเอง เดินไปที่โซนสาม
คนอื่นในตระกูลสวีก็ไม่คิดว่าฉินหร่านจะรู้จักท่านเบิรแ ตคนนั้นจริงๆ
ฉินหร่านละสายตา เธอก้มหน้าดึงหมวกแก฿ปขึ้นพร้อม กับพูดด้วยน้ําเสียงเรียบๆ “นั่นคือแชมป์มวยใต้ดินของ ตระกูลมาส ตระกูลมาสบริหารสนามมวยใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดใน โลก แชมป์มวยใต้ดินทุกคนล้วนมีความสามารถที่น่าสะพรึง ขอเพียงพวกเขาสามารถต่อยเวทีมวยเดนตายจนได้แชมป์มา ก็จะได้รับเกียรติยศภายในชั่วข้ามคืน”
เธอพูดด้วยน้ําเสียงเรียบๆ เสียงไม่ดังมาก ขอเพียงแค่ ได้รับการฝึกฝนก็จะได้ยินอย่างชัดเจน
แม้แครแโรลจะพูดภาษาจีนได้ไม่ค่อยดี แต่กลับฟังเข้าใจ
พอเขาได้ยินที่ฉินหร่านอธิบาย ก็มองฉินหร่านด้วยความ แปลกใจ “สาวน้อยความรู้เยอะจริงๆ ไม่คิดว่าจะรู้จักท่าน เบิรแตด้วย”
เขาก็แค่แปลกใจเพียงชั่วครู่ เบิรแตมีชื่อเสียงโด่งดังใน สนามมวยใต้ดิน มีคนรู้จักเยอะแยะมากมาย เขาเองก็ไม่ได้รู้ ลึกอะไร แต่เขาจดจําฉินหร่านไว้ในใจ
แชมป์มวยแต่ละคนล้วนมีชื่อเสียงโด่งดัง ไม่ต้องพูดถึง ตระกูลมาส กองกําลังอื่นๆ ต่างก็เสียเลือดเนื้อเพื่อแย่งชิงให้ ได้มันมา
สนามมวยดําเนินกิจการมานานหลายปี ทั่วทั้งโลกมี แชมป์มวยใต้ดินถึงสี่คนแล้ว